กุสโลบายในการเข้าถึงพระรัตนตรัย


[ 9 ก.ย. 2557 ] - [ 18278 ] LINE it!

กุสโลบายในการเข้าถึงพระรัตนตรัย

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมอรหัต ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากอาสวกิเลส กิจที่จะทำยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ในฐานะที่พวกเราเป็นสาวกของพระพุทธองค์ จะต้องดำเนินรอยตามพระองค์ ด้วยการใช้วันเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนี้ สร้างบารมีทำความดีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ให้เกิดขึ้น เพราะเรายังมีกิจที่จะต้องทำให้รู้แจ้งให้ได้ว่า เราเกิดมาจากไหน มาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต และจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร ดังนั้น เราจึงควรหมั่นฝึกฝนอบรมจิตใจของเราให้หยุดให้นิ่ง จนกระทั่งเข้าถึงผู้รู้แจ้งภายในคือพระธรรมกายให้ได้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน มหาปรินิพพานสูตร ว่า

     "ดูก่อนอานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ แห่งเหล่านี้ เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา คือ ๑.สถานที่พระตถาคตประสูติ ๒.สถานที่ตรัสรู้ของพระตถาคตเจ้า ๓.สถานที่ยังธรรมจักรอันยิ่งยวดให้เป็นไป และ ๔.สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูก่อนอานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง เหล่านั้นแล เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา"

     เป็นที่ทราบกันดีว่า ไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงมีพระชนม์ชีพอยู่หรือดับขันธปรินิพพานแล้วก็ตาม หากบุคคลมีจิตเลื่อมใสเสมอเหมือนกับที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ ผลนั้นไม่แตกต่างกัน เพราะพระพุทธเจ้าทรงมีอานุภาพอันไม่มีประมาณ ดังนั้น ก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธองค์จึงตรัสบอกถึงสถานที่ที่ควรเคารพบูชา และเป็นทางมาแห่งมหากุศล ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีปรากฏอยู่ที่ประเทศอินเดียและเนปาลเป็นต้น สาธุชนจากต่างประเทศทั่วโลก ผู้เลื่อมใสในพระพุทธองค์ ต่างก็เดินทางไปแสวงบุญกัน เพื่อสักการบูชาสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง บ้างก็ไปสวดมนต์นั่งสมาธิ บ้างก็ไปเดินเวียนประทักษิณ เพื่อระลึกนึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมศาสดา

     * ในสมัยพุทธกาล พระบรมศาสดาได้เสด็จไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อสงเคราะห์เหล่าเวไนยสัตว์ ชาวกรุงสาวัตถีต่างถือของหอมระเบียบดอกไม้ไปที่วัดพระเชตวัน เพื่อนอบน้อมพระพุทธองค์ แต่เมื่อไม่มีโอกาสได้กราบพระพุทธเจ้า ก็พากันนำเครื่องสักการะ ไปวางไว้ที่ประตูพระคันธกุฎี

     ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้นำเรื่องนั้นไปบอกท่านพระอานนท์ ให้ช่วยไปกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคไม่ได้ประทับอยู่ที่พระวิหาร สาธุชนจะบูชาพระองค์ได้อย่างไรบ้าง พระบรมศาสดาก็ทรงตรัสให้บูชาพระเจดีย์ซึ่งมี ๓ อย่าง คือ พระธาตุเจดีย์ ได้แก่ เจดีย์ที่ใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บริโภคเจดีย์ หมายถึง สิ่งของหรือสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงเคยใช้สอยหรือบริโภค เช่น บาตร จีวรและเครื่องอัฐบริขาร  และอุทเทสิกเจดีย์ หมายถึงเจดีย์ที่สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า เช่น พระพุทธรูป รวมถึงต้นพระศรีมหาโพธิ์ด้วย

     พระอานนท์ทูลถามว่า "เมื่อพระองค์ทรงเสด็จไปที่อื่น พุทธบริษัททั้ง ๔ จะสร้างเจดีย์ทั้ง ๓ นี้ เพื่อเป็นการเจริญพระพุทธคุณได้ไหม พระเจ้าข้า" พระบรมศาสดาทรงตอบว่า สำหรับธาตุเจดีย์ยังไม่อาจทำได้ในตอนนี้ เพราะธาตุเจดีย์จะมีได้ในกาลที่พระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานแล้ว ส่วนต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พระพุทธองค์อาศัยเป็นที่ตรัสรู้ นับเข้าเป็นอุทเทสิกเจดีย์ สาธุชนสามารถกราบไหว้ รำลึกถึงพระคุณและอานุภาพอันไม่มีประมาณของพระพุทธเจ้าได้

     เพราะฉะนั้น ในสมัยพุทธกาลพุทธศาสนิกชน ยังไม่ได้ทำการปั้นพระพุทธรูปหรือพุทธปฏิมากร เพราะทุกคนยังสามารถจดจำพระพักตร์อันผ่องใสหรือพระสุรเสียงอันไพเราะของพระองค์ในครั้งที่ทรงแสดงธรรมได้อยู่ ทั้งถ้อยคำ อากัปกิริยาที่พระองค์แสดงออกมานั้น ยังตราตรึงอยู่ในใจของพุทธบริษัททั้งหลาย จึงยังไม่คิดที่จะทำรูปเหมือนของพระองค์ขึ้นมา แต่หากไม่สามารถกราบพระพุทธเจ้าด้วยกายเนื้อ ก็จะนิยมบูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งเป็นโพธิสถานแห่งการตรัสรู้ธรรม ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของพระองค์

     เพราะฉะนั้น ท่านพระอานนท์จึงขออนุญาตนำต้นโพธิ์มาปลูกไว้ที่วัดพระเชตวัน เพื่อเป็นเครื่องรำลึกถึงพระพุทธเจ้า ครั้นได้รับพุทธานุญาตว่า “ดีแล้วอานนท์ เธอจงปลูกเถิด เมื่อเป็นเช่นนั้น ในวัดพระเชตวันจักเป็นดังพระตถาคตประทับอยู่เป็นนิตย์” ท่านไปขอร้องให้พระโมคคัลลานะเหาะไปนำเมล็ดโพธิ์จากโพธิสถานมาให้ เพื่อเอาไว้ปลูกถวายเป็นพุทธบูชา พระโมคคัลลานะเหาะไปยังโพธิสถาน เอาชายจีวรรับเอาผลที่สุกซึ่งหล่นลงจากขั้วแล้วนำมามอบให้ท่านพระอานนท์

     พระอานนท์เถระบอกพระเจ้าปเสนทิโกศลและเจ้าภาพผู้อุปถัมภ์ ให้มาช่วยกันประกอบพิธีปลูกต้นโพธิ์ที่ใกล้ประตูวัดพระเชตวัน ครั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลได้สดับข่าวการปลูกต้นโพธิ์ ก็เสด็จมาเป็นประธานในการปลูกต้นโพธิ์ พร้อมด้วยบริวาร ฝ่ายอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาอุบาสิกาวิสาขา และผู้มีศรัทธาอื่นๆ ได้เดินทางมาร่วมปลูกต้นโพธิ์กันอย่างคับคั่ง

     เมื่อถึงเวลาประกอบพิธี พระราชาทรงมอบหมายให้ท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นตัวแทนในการปลูก เศรษฐีได้รวบรวมเปือกตมที่มีกลิ่นหอม แล้วฝังเมล็ดโพธิ์ไว้ในเปือกตม พอเมล็ดโพธิ์พ้นมือมหาเศรษฐี เหตุอัศจรรย์ได้บังเกิดขึ้น คือสายตาทุกคู่ของมหาชน ได้เห็นลำต้นโพธิ์ประมาณเท่างอนไถ สูงห้าสิบศอก แตกกิ่งใหญ่ห้ากิ่ง ยื่นออกไปในทิศทั้งสี่และทิศเบื้องบน กิ่งละห้าสิบศอก และยังเป็นต้นไม้ที่ใหญ่กว่าต้นไม้ทุกชนิดที่มีในวัดพระเชตวัน

     พระราชารับสั่งให้เอาหม้อทองคำและหม้อเงิน ๘๐๐ หม้อใส่น้ำหอมจนเต็ม ประดับด้วยดอกบัวเขียว สูงขึ้นมาหนึ่งศอก ตั้งเป็นแถวล้อมรอบต้นมหาโพธิ์ แล้วรับสั่งให้ทำแท่นสำเร็จด้วยรัตนะเจ็ด โปรยปรายผสมทอง สร้างกำแพงล้อมรอบ ทำซุ้มประตูสำเร็จด้วยรัตนะ ๗ จากนั้นมหาชนได้ทยอยกันมาเพื่อสักการบูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์กันมากมาย เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว มหาชนนำเอาต้นโพธิ์ไปเพาะปลูกที่บ้านเกิดตัวเอง มีการสืบทอดความเลื่อมใสมาถึงยุคปัจจุบัน ที่มีการสักการะต้นโพธิพฤกษ์กันทั่วโลก ด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้าเพราะปรารภต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้นด้วยจิตที่เลื่อมใส เมื่อละโลกไปแล้ว ทำให้มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไปกันมากมาย

     หลังพุทธปรินิพพานได้ไม่นาน พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย นอกจากจะบูชาต้นโพธิ์แล้ว ก็ได้พร้อมใจกันจัดสร้างพระธาตุเจดีย์หรือพระสถูปเจดีย์ขึ้น เพื่อเป็นการสักการบูชาพระพุทธองค์ พระสถูปเจดีย์ที่สร้างในแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้น ล้วนเป็นไปเพื่อให้บุคคลผู้มีศรัทธาในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเคารพสักการะกราบไหว้บูชา จะได้เป็นทางมาแห่งมหากุศลอันยิ่งใหญ่ และถือว่าเป็นศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชนอีกด้วย บ้านเมืองไหนมีพระสถูปเจดีย์ประดิษฐานอยู่ ความสงบร่มเย็นจะบังเกิดขึ้น เพราะพระเจดีย์เป็นสิ่งที่จะคอยยกใจให้สูงขึ้นจากอาสวกิเลส เป็นสิ่งเตือนใจไม่ให้คิด พูด ทำ อกุศลทั้งหลาย

     ความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้านี้ นับเป็นสุดยอดของความเลื่อมใสทั้งมวล เพราะพระพุทธองค์มีอานุภาพไม่มีประมาณ เมื่อบุคคลเลื่อมใสในวัตถุที่ควรเลื่อมใส ผลนั้นจึงส่งให้ไปสู่สุคติภพ ในยุคปัจจุบัน นอกจากจะมีต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว เรายังมีพระธาตุเจดีย์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ตามพุทธสถานต่างๆ หลายแห่งทั่วโลก รวมถึงเจดีย์ในประเทศไทยของเราก็มีอยู่ทั่วไป เมื่อสาธุชนไปกราบไหว้ด้วยจิตที่เลื่อมใส จะได้อานิสงส์เหมือนกัน ดังพุทธพจน์ที่กล่าวว่า “ชนเหล่าใดเที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสในพระตถาคต  ครั้นทำกาละแล้ว ชนเหล่านั้นทั้งหมด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์” ดังนั้น ยามใดที่เราอยากกราบไหว้พระบรมศาสดา เราจะตรึกระลึกถึงพระในตัวหรือไปกราบนมัสการพระเจดีย์ก็ได้ พร้อมกับสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ และเจริญพุทธานุสติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ นี่ก็เป็นทางมาแห่งบุญใหญ่ของเราทุกคน

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี

นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๖๐ หน้า ๒๖๗




Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สรรเสริญพระรัตนตรัยปลอดภัยทุกชาติสรรเสริญพระรัตนตรัยปลอดภัยทุกชาติ

ถึงพระรัตนตรัยอยู่ไกลก็เหมือนใกล้ถึงพระรัตนตรัยอยู่ไกลก็เหมือนใกล้

พรรณนาพุทธคุณหนุนส่งถึงนิพพานพรรณนาพุทธคุณหนุนส่งถึงนิพพาน



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน