รองรับพระธรรม น้อมนำถวาย


[ 4 มี.ค. 2559 ] - [ 18267 ] LINE it!

รองรับพระธรรม น้อมนำถวาย
 
เรื่อง : Tipitaka (DTP)
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนกุมภาพันธ์  พ.ศ. ๒๕๕๙
 

     พระไตรปิฎกบาลีหรือพระบาลีเป็นคัมภีร์พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทที่บันทึกคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในยุคแรกคำสอนของพระองค์เรียกโดยรวมว่าพระธรรมวินัย ต่อมาในภายหลังจึงแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๓ หมวด คือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก พุทธศาสนิกชนถือว่าพระไตรปิฎกที่บรรจุคำสอน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นี้เปรียบเสมือนตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดั่งพุทธพจน์ที่พระองค์ตรัสกับพระอานนท์ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า พระธรรมวินัยจะเป็นศาสดาแทนพระองค์ภายหลังที่พระองค์ทรงล่วงลับไปแล้ว
 

     นับแต่โบราณกาล พระธรรมคำสอนของพระบรมครูได้รับการจารจารึกเป็นอักขระลงบนแผ่นใบลาน เก็บรวมเข้าผูกด้วยสายสนองมีไม้ประกับประกบหน้าหลังไม่ให้แตกมัด และรักษาไว้อย่างดีในห่อผ้า พร้อมป้ายฉลากเขียนรายละเอียดของเรื่องที่จารนั้นเสียบบอกไว้หน้าคัมภีร์ ทุกองค์ประกอบสะท้อนให้เห็นความตั้งใจที่จะน้อมถวายคัมภีร์ไว้เพื่อเป็นพุทธบูชา คัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานจึงถือเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าพุทธศาสนิกชนให้ความเคารพบูชา ทั้งยังสรรค์สร้างศาสนสถานและศาสนวัตถุที่คู่ควรเพื่อรองรับมัดคัมภีร์ใบลาน อาทิเช่น หีบพระธรรมและตู้พระไตรปฎิก ด้วยเชื่อมั่นว่าธรรมทานและวัตถุทานอันเลิศที่ได้น้อมถวายไว้ดีแล้วในบวรพระพุทธศาสนานี้ จะเป็นพลวปัจจัยส่งผลดลบันดาลให้ทายกทายิกาผู้มีส่วนในการสร้างได้ผลานิสงส์มหาศาล ดั่งปรากฏในคัมภีร์สังคีติยวงศ์ วรรณกรรมพระพุทธศาสนา ที่รจนาโดยสมเด็จพระวันรัตวัดพระเชตุพนฯ ในรัชกาลที่ ๑ กล่าวถึงอานิสงส์ของการถวายตู้บรรจุพระธรรมไว้
 
 

     สรุปความได้โดยสังเขป คือ หากผู้ถวายตู้บรรจุพระธรรมได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ด้วยกุศลผลบุญแห่งการถวายจะทำให้เป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่จะได้ในสิ่งที่ปรารถนา มั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติและบริวาร มีผิวพรรณงดงาม มีกลิ่นกายหอมฟุ้งมีสติปัญญาหลักแหลม

    หากเกิดเป็นกษัตริย์จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิครองทวีปทั้ง ๔ มีแก้ว ๗ ประการเกิดมาเป็นของคู่บุญ เมื่อเสด็จไปทางใดก็จะมีเหล่าเสนามาตย์พร้อมทั้งขบวนรถ ขบวนช้างขบวนม้า และขบวนทหารราบ แวดล้อมติดตามเป็นขบวนใหญ่ถึง ๗ โยชน์ หากไปบังเกิดเป็นเทวดา กุศลผลบุญจะดลบันดาลให้ได้เป็นพระอินทร์ ครองสวรรค์ช้นั ดาวดึงส์ถึง ๗ ครั้งครั้นกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เมื่อได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจะออกบวชและได้บรรลุธรรม และในที่สุดหากผู้ถวายตั้งจิตปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคต ผลบุญจากการถวายตู้พระธรรมนี้ จะเป็นพลวปัจจัยเกื้อหนุนให้เข้าถึงพุทธภูมิในภายภาคหน้า
 

    อานิสงส์ที่กล่าวไว้ในวรรณกรรมยุคปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ดังกล่าว ทำให้สันนิษฐานได้ว่า ชาวสยามน่าจะรู้จักการสร้างและตกแต่งหีบหรือตู้พระธรรมเพื่อถวายเป็นศาสนสมบัติมาก่อนหน้านั้นแล้ว แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนแต่ก็สามารถศึกษาประวัติที่มาได้จากหลักฐานข้างเคียงตัวอย่างเช่น ข้อความที่ปรากฏในหนังสือสารานุกรมไทยฉบับเยาวชน ซึ่งกล่าวไว้ว่า ในจารึกปราสาทพระขรรค์ ที่จารึกภาษาสันสกฤตด้วยอักษรขอม พ.ศ. ๑๗๓๔ พบที่เมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา ปรากฏคำว่า “หีบจีน ๕๒๐ ใบ” และปรากฏชื่อเมืองของอาณาจักรโบราณ ซึ่งนักโบราณคดีเชื่อว่าอยู่ในเขตสยามประเทศ นี้เป็นหนึ่งในหลักฐานที่คาดคะเนได้ว่าหมู่ชนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รู้จักใช้หีบมาตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ซึ่งตรงกับสมัยสุโขทัย
 

    หีบในช่วงแรกที่ได้รับอิทธิพลจากจีนใช้บรรจุเสื้อผ้าหรือสิ่งของเครื่องใช้ เมื่อนิยมใช้สืบทอดเรื่อยมา จึงเริ่มมีการดัดแปลงออกแบบให้เหมาะกับประโยชน์การใช้สอยในวิถีชีวิตของคนไทย หากเป็นหีบหรือตู้ของชนชั้นสามัญทั่วไป วัสดุและการตกแต่งอาจไม่วิจิตรหรูหรานัก แต่หากเป็นของชนชั้นสูงย่อมใช้วัสดุคุณภาพดีและตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง โดยเฉพาะหากหีบและตู้นั้นสร้างขึ้นเพื่อรองรับพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวัสดุและการตกแต่งย่อมละเอียดประณีตยิ่งๆขึ้นไป เกิดการผสมผสานเป็นผลงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ เก็บไว้ในหอไตรตามอารามต่างๆ จากหีบทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ที่ได้รับอิทธิพลจากจีน ก็ปรับเป็นหีบพระธรรมทรงสี่เหลี่ยม ด้านล่างทำฐานสอบเข้า ส่วนปากหีบเผยออก มีฝาครอบปิดด้านบน มีหูทำด้วยโลหะด้านข้างทั้ง ๒ ด้าน หรือพัฒนาจากหีบกลายเป็นตู้ด้วยการต่อขาลงมา ๔ มุม ตู้ด้านบนสอบเข้า ด้านหน้าด้านหลังกว้างกว่าด้านข้างมีประตูเปิดปิด ๒ บาน ภายในมีชั้นไม้สำหรับวางห่อคัมภีร์ใบลาน ๓-๔ ชั้น ขนาดของตู้แตกต่างกันไป จำแนกตามลักษณะของ “ขา” หรือ “ฐาน” ได้ ๔ แบบ
 

    ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี อธิบายลักษณะของตู้พระธรรมไว้ในหนังสือ “ตู้ลายรดน้ำ” ว่า “ตู้พระธรรมที่แท้จริงนั้น มีทรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ส่วนบนสอบ มีขาตั้งตรงมุม ๔ ขายาวจากมุมของตู้ลงไปประมาณ ๑๕ หรือ ๒๐ นิ้ว โดยทั่วไปขาของตู้พระธรรมนั้น ส่วนมากตกแต่งเป็นลายรดน้ำ หรือทำเป็นลายจำหลักไม้บ้างแต่เป็นส่วนน้อย แม้ว่าตู้พระธรรมจะมีขนาดแตกต่างกันอยู่มากก็ตาม ขนาดเฉลี่ยโดยทั่วไปพอกำหนดได้ดังนี้ คือ สูง ๕๐ นิ้ว กว้าง ๔๐ นิ้วและลึก ๓๐ นิ้ว ขาตู้ยาว ๑๕ หรือ ๒๐ นิ้ว” (ตู้ลายรดน้ำ, ๒๕๐๓ : ๑๒)
 

     ตู้พระธรรมที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ สมัย คือ สมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ แม้ตู้พระธรรมจะแตกต่างกันด้วยยุคสมัยและรูปแบบการตกแต่งทางศิลปะ แต่สิ่งที่แน่วแน่ตรงกันคือ ความตั้งใจของทายกทายิกาที่ถวายตู้พระธรรมไว้ในบวรพระพุทธศาสนา เพื่อรองรับคำ สอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมคำ อธิษฐานให้ผลบุญดังกล่าวส่งผลให้ตนประสบความสำ เร็จและบรรลุในสิ่งที่ปรารถนาไว้ดีแล้ว อันมีที่สุด คือ มรรค ผล นิพพานดังคำ จารึกที่ปรากฏที่ตู้ขาหมูมีลิ้นชัก ซึ่งเก็บรักษาไว้ ณ หอสมุดแห่งชาติ มีคำ จารึกที่ขอบล่าง ด้านหน้าว่า “ตู้ใบนิ นายแกน แมหนับแมทองยูสร้าง เมื่อพระพุทธะสาศะนาล่วงแล้ว ๒๔๐๘ พระวะษา ปีฉะลูสัพตศก เป็นเงินตราขอให้เป็นปัจจัยแก่พระนิพพานเถิด”

บุญเตือน ศรีวรพจน์. รามเกียรติ์จากตู้ลายรดน้ำ. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๕๕.
ศิลป์ พีระศรี. เรื่องตู้ลายรดน้ำ. พระนคร : กรมศิลปากร, ๒๕๐๓.
อภิวันทน์ อดุลยพิเชฏฐ์. ลายรดน้ำ. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๕๕.


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
รางวัลสุนทรภู่กวีอาเซียน 2556รางวัลสุนทรภู่กวีอาเซียน 2556

หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๐)หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ (ตอนที่ ๑๐)

นางสงกรานต์ 2559นางสงกรานต์ 2559



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ความรู้รอบตัว