สาธุศีลชาดก ชาดกว่าด้วยตำราเลือกลูกเขย


[ 5 พ.ย. 2559 ] - [ 18278 ] LINE it!

ชาดก 500 ชาติ

สาธุศีลชาดก-ชาดกว่าด้วยตำราเลือกลูกเขย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสวยพระชาติเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสวยพระชาติเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์
  
     เมื่อครั้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ในเมืองตักศิลา ได้มีพราหมณ์เฒ่าผู้หนึ่ง มีลูกสาวที่งามพร้อม
ทั้งกาย วาจาและใจจนเป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่สี่คนด้วยกัน “เฮ้อ กลุ้มใจจริงเว้ย ดันมีลูกสาวสวยทีเดียวตั้งสี่คน ดูสิ หัวกะไดบ้าน
ยังไม่แห้งเลยนี่ การจะให้ขึ้นมานั่งบนบ้านก็คงจะไม่ไหว เดี๋ยวชานบ้านก็พังกันพอดี เฮ้อ วันๆ มีไม่ต่ำกว่าสิบคนอย่างนี้ทำอะไรไม่ถูกเลย”
 
พราหมณ์เฒ่าผู้มีลูกสาวสวยแห่งเมืองตักศิลา
 
พราหมณ์เฒ่าผู้มีลูกสาวสวยแห่งเมืองตักศิลา
 
     ข่าวความงามของลูกสาวพราหมณ์แพร่กระจายไปทั่วเมืองตักศิลา เป็นเหตุให้บ้านพราหมณ์แทบไม่ว่างเว้นจากหนุ่มน้อยใหญ่ที่คอยหาเรื่องผ่านมา
เมียงมองสาวเจ้า พวกขี้อายก็ได้แต่หมายปองอยู่ห่างๆ ส่วนพวกที่มีภูมิดีและมีความกล้าพอ ก็เร่เข้าไปขายขนมจีบให้สาวๆ ในเขตบ้านกันอย่าง
ซึ่งๆ หน้า “น้องสาวจ๋า เทใจเจ้าให้พี่เถอะนะคนดี หล่อล้ำอย่างพี่คนนี้ รักจริงหวังแต่งนะจ๊ะ”
 
ลูกสาวทั้งสี่ของพราหมณ์แห่งเมืองตักศิลา
 
ลูกสาวทั้งสี่ของพราหมณ์แห่งเมืองตักศิลา
 
     “เชอะ ความหล่อล้ำอย่างเดียวมันไม่ช่วยทำให้ท้องอิ่มขึ้นมาได้หรอกน่า รู้ไว้ด้วย ชิ ต่อให้หล่อตัวพ่อ ชั้นก็ไม่สน” “แล้วน้องหน้ามลคนนี้ละจ๊ะ จะสน
คนที่จนความหล่ออย่างพี่ แต่มีเงินทองให้น้องใช้จ่ายไปตลอดชาติบ้างไหมเอ่ย” “เออ ไม่ทราบว่าเงินทองของพี่ชาย จะช่วยทำให้น้องสบายไปจนถึง
ชาติหน้าด้วยหรือปล่าวจ๊ะ” ในบรรดาหนุ่มน้อยใหญ่ที่แวะเวียนมาอยู่บ่อยๆ ต่างก็มุ่งมั่นที่จะคว้านางในดวงใจหมายปองมาครอบครองไว้แนบกายให้จงได้
 
บรรดาหนุ่มหล่อแห่งเมืองตักศิลาต่างก็แวะเวียนมายังบ้านของพราหมณ์เฒ่า
 
บรรดาหนุ่มหล่อแห่งเมืองตักศิลาต่างก็แวะเวียนมายังบ้านของพราหมณ์เฒ่า
 
     วันแล้ววันเล่า พวกเค้าจึงเพียรมาขายขนมจีบหน้าต่างๆ ให้พวกนางอย่างไม่ย่อท้อ “ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มมา พี่ก็ทำมาหากินเพียงอย่างเดียว ไม่เคยเปิดโอกาส
ให้ใครมานั่งในใจพี่เลย เห็นจะมีก็แต่เจ้าที่เข้ามาทำให้ใจพี่ไหวหวั่น จนพี่นี่สุดจะห้ามใจเลยล่ะ หากไม่ได้เจ้ามาร่วมเรียงเคียงหมอน แต่ก็ไม่อาจสั่งใจเจ้าให้รัก
พี่ได้ ได้แต่หวังว่าเจ้าจะมีใจให้พี่บ้างก็เท่านั้น” “แหม พี่ชายนี่ ช่างปากหวานจริงแท้ ข้าเดาว่าท่านคงจะไม่เดือดร้อนเป็นแน่ หากว่าน้ำตาลมาขาดตลาดเอาตอนนี้” 
 
บรรดาหนุ่มขี้อายทั้งหลายก็ฝ้าแต่แอบมองลูกสาวพราหมณ์เฒ่าแต่ไม่กล้าเข้าไปที่บ้าน
 
บรรดาหนุ่มขี้อายทั้งหลายก็ฝ้าแต่แอบมองลูกสาวพราหมณ์เฒ่าแต่ไม่กล้าเข้าไปที่บ้าน
 
     “ปากพี่นี้ที่ว่าหวาน ก็ยังไม่อาจสู้ใบหน้าหวานๆ ของน้องได้หรอกจ้า” “พี่ก็” ความกลัดกลุ้มกัดกินใจพราหมณ์เฒ่าเป็นยิ่งนัก ด้วยอยากเห็นลูกสาวได้คู่ครองที่ดี
ครองรักครองเรือนกันอย่างมีความสุข แต่ไม่รู้จะใช้หลักเกณฑ์ใดในการเลือกคู่ให้ลูกให้ลูกสาวทั้งสี่ เนื่องจากหนุ่มๆ ที่แวะเวียนมาเกาะแกะลูกสาวตน ต่างก็มีแต่
กับไปคนละแบบ “โอ้ย กลุ้มใจจริงโว้ย อยู่มาจนแก่ปูนนี้ ไม่เคยใช้สมองคิดอะไรที่มันหนักหนาเท่าครั้งนี้เลย เอาไงดีละนี่ ดูตำราลักษณะมหาบุรุษมากว่าสิบเล่ม
แล้วนะนี่ ยังไม่รู้เลยว่าจะเลือกคู่แบบไหนให้ลูกสาวดี ขืนปล่อยไว้นานอาจจะเกิดเรื่องไม่งามขึ้นก็เป็นได้
 
บรรดาหนุ่มๆ ได้แวะเวียนมายังบ้านของพราหมณ์เฒ่าไม่เคยว่างเว้น
 
บรรดาหนุ่มๆ ได้แวะเวียนมายังบ้านของพราหมณ์เฒ่าไม่เคยว่างเว้น
 
     ดูแต่ละคนสิ ชั้นเชิงเพียบ คำพูดคำจาก็หวานเลี่ยน ปนคลื่นไส้ เฮ้อ เซ็งจิตคิดไม่ตก ไม่ได้การล่ะ งานนี้ต้องไปปรึกษาอาจารย์ทิศาปาโมกข์ซะหน่อยแล้ว”
หลังตัดสินใจว่า จะไปพึ่งญาณหยั่งรู้ของอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พราหมณ์เฒ่าก็ตะโกนเรียกลูกสาวทั้งสี่ให้ขึ้นมาบนเรือน เพื่อสั่งสอนและกำชับเหล่านางให้อยู่
ในกรอบอันดีงามระหว่างการเดินทางไปหาอาจารย์ทิศาปาโมกข์ “เฮ้อ ไอ้ที่เค้าว่ากันว่า มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน มันเข้าเค้าเข้าตำราที่เขาว่าไว้จริงๆ
เฮ้อ” “นี่ๆๆ พวกเจ้าหน่ะ งานการไม่มีทำกันแล้วรึไง ถึงได้มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อกันแบบนี้ เมื่อไหร่จะขึ้นเรือนกันซะที”
 
พราหมณ์เฒ่ามีความกลัดกลุ้มใจเป็นอันมากในการที่จะเลือกคู่ครองให้กับลูกสาวของตน
 
พราหมณ์เฒ่ามีความกลัดกลุ้มใจเป็นอันมากในการที่จะเลือกคู่ครองให้กับลูกสาวของตน
 
     “จ๊ะพ่อ พวกเรากำลังจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้แล้ว” “พ่อ มีอะไรให้พวกหนูรับใช้ละจ๊ะ ถึงเรียกพวกหนูขึ้นมาบนเรือนในเวลานี้” “ใช่ พ่อมีเรื่องด่วนอะไรรึปล่าวจ๊ะ
ถึงได้มาขัดจังหวะการเลือกซื้อขนมจีบของพวกหนู หนูว่าพวกหนูก็ทำงานเสร็จกันหมดแล้วนะ” “แหม เจ้านี่มันน่านัก รู้มั๊ยถ้าแม่ของพวกเจ้าอยู่ จะช่วย
สั่งสอนแล้วก็อบรมพวกเจ้าเป็นกุลสตรีได้มากกว่านี้เป็นแน่” เมื่อเอ่ยถึงเมียรัก พราหมณ์ก็นึกถึงวันที่นางพร่ำสั่งเสียให้ดูแลลูกให้ดีก่อนตายจากกันไป
“พี่จ๋า น้องคงไม่มีหวัง ได้อยู่ดูลูกของเราเติบใหญ่ คงต้องเหนื่อยพี่เลี้ยงดูลูกไปคนเดียวแล้วละจ๊ะ”
 
พราหมณ์เฒ่าคิดถึงคำสั่งเสียของเมียรักที่มอบหน้าที่ให้ตนเป็นคนอบรมเลี้ยงดูลูก
 
พราหมณ์เฒ่าคิดถึงคำสั่งเสียของเมียรักที่มอบหน้าที่ให้ตนเป็นคนอบรมเลี้ยงดูลูก
  
     “ฮือๆ น้องอย่าได้ห่วงอะไรต่อไปอีกเลย พี่สัญญาว่า พี่จะเลี้ยงดูลูกของเราเป็นอย่างดี น้องจงได้ปล่อยวางเสียเถิดนะ ฮือๆ ไปดีเถิดนะ น้องพี่ ฮือๆๆ ”
ขณะที่พราหมณ์ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปถึงวันที่เมียรักตายจาก พลันก็ต้องสะดุ้งตื่นจากภวังค์ กลับมาสู่ปัจจุปันขณะ “พ่อๆ จ๊ะ พ่อเป็นอะไรไป ทำไม
ไม่พูดต่อให้จบละจ๊ะ ตกลงพ่อเรียกพวกเรามาทำไมเนี่ย พ่อมีธุระด่วนอะไรกันแน่ ” “ใช่ๆๆ” “อ๋อ ที่ข้าเรียกพวกเจ้าขึ้นมา ก็เพื่อจะกำชับให้อยู่กับเหย้า
เฝ้ากับเรือนกันให้ดีๆ ล่ะ ประเดี๋ยวเย็นนี้ พ่อจะออกไปพบท่านอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ที่ป่าชานเมืองซะหน่อย กว่าจะกลับก็คงค่ำ หรือย่ำเช้านั่นแหละ
 
พราหมณ์เฒ่าเรียกลูกสาวทั้งสีคนมาอบรมสั่งเสียก่อนที่ตนจากออกจากบ้าน
 
พราหมณ์เฒ่าเรียกลูกสาวทั้งสีคนมาอบรมสั่งเสียก่อนที่ตนจากออกจากบ้าน
 
     อยู่บ้านกันให้ดีล่ะ ออ แล้วถ้ามีไอ้หนุ่มหน้าไหนมาขายขนมจีบพวกเจ้าอีกละก็ ก็อย่าไปให้ท่ามันมากนักล่ะ ประเดี๋ยวจะไม่งาม เรียกค่าสินสอดไม่ได้มากกันพอดี”
“โอ๊ะโอ๋ เป็นพ่อลูกกันมาก็หลายปี เพิ่งรู้ก็วันนี้แหละว่าที่พ่อเฝ้าประคบประงมพวกเรามาอย่างดีนี่ มีแผน อิโธ่ วัยรุ่นเซ็ง” “ประเดี๋ยวเถอะ ลูกคนนี้ ไป จะไปทำอะไรที่ไหน
ก็ไปไป ข้าหมดธุระกับพวกเจ้าแล้ว” ครั้นพราหมณ์เฒ่าสั่งเสียลูกสาวทั้งสี่เป็นที่เรียบร้อย ก็เก็บข้าวของเท่าที่จำเป็นติดตัวออกจากบ้าน เดินทางมุ่งหน้าสู่อาศรม
อาจารย์ทิศาปาโมกข์ที่ตั้งอยู่ในป่าท้ายหมู่บ้าน
 
 พราหมณ์เฒ่าออกเดินทางเพื่อไปหาอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ณ ป่าท้ายหมู่บ้าน
 
พราหมณ์เฒ่าออกเดินทางเพื่อไปหาอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ณ ป่าท้ายหมู่บ้าน
 
     ไม่รั้งรอให้ความกลัดกลุ้มกัดกินใจตัวเองไปมากกว่านี้ ด้วยความร้อนรนใจจึงทำให้พราหมณ์เฒ่าเดินทางไปถึงอาจารย์ทิศาปาโมกข์ภายในเวลาไม่นาน
เมื่อไปถึงก็เข้าเฝ้ากราบกรานถวายเรื่องราวที่ตนเองกลัดกลุ้มใจในทันที “ข้าแต่อาจารย์ผู้ทรงญาณอันแกร่งกล้าและก็บรรลุถึงศีลธรรมอันประเสริฐ กระผม
มีเรื่องกลัดกลุ้มใจยิ่งนัก ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ยังปลงไม่ตกสักที ว่าจะมาเรียนขอคำปรึกษาท่านอาจารย์สักหน่อยขอรับ” “ขอจงว่าธุระของท่านมาเถอะ
พราหมณ์” “ก็มีว่า ลูกสาวของกระผมทั้งสี่คนนั้นนะขอรับ บัดนี้ได้เติบใหญ่เป็นสาวสวยสะพรั่ง
 
พราหมณ์เฒ่าได้เล่าเรื่องปัญหาหนักใจของตนให้กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ได้รับฟัง
 
พราหมณ์เฒ่าได้เล่าเรื่องปัญหาหนักใจของตนให้กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ได้รับฟัง
  
     ความงามของพวกนางทำให้มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มารุมจีบกันมากหน้าหลายตา แรกเริ่มกระผมก็ว่าจะให้พวกนางเลือกคู่ด้วยตัวเอง แต่ใจก็อดเป็นห่วง
และก็กังวลเสียมิได้ขอรับ กลัวว่าพวกนางจะเลือกคนผิดคนไม่ดี และก็อาจจะส่งผลให้ขาดความสุขในการครองคู่ได้ขอรับ” “แล้วพราหมณ์จะจัดการกับ
ความกลัดกลุ้มที่สุมอยู่ในใจต่อไปอย่างไรละ” “กระผมก็เฝ้าสังเกตหนุ่มๆ หน้าซ้ำเดิมที่เทียวมาจีบลูกสาวของกระผมอยู่นานขอรับ จนจับสังเกตได้ว่า
ในบรรดาหนุ่มพวกนั้น ล้วนมีข้อดีข้อเด่นแตกต่างกันไปขอรับ” “ไหนพราหมณ์ลองสรุปข้อดีของพวกเขาให้ฟังหน่อยสิ” 
 
พราหมณ์เฒ่าได้อธิบายถึงบุคลิกลักษณะของชายหนุ่มที่มาจีบลูกสาวของตนต่ออาจารย์ทิศาปาโมกข์    

พราหมณ์เฒ่าได้อธิบายถึงบุคลิกลักษณะของชายหนุ่มที่มาจีบลูกสาวของตนต่ออาจารย์ทิศาปาโมกข์
 
     พราหมณ์ผู้มีลูกสาวสวยทั้งสี่คนครุ่นคิดถึงบรรดาหนุ่มๆ ที่มารุมจีบลูกสาวของตน “ข้อดีเด่นที่กระผมเห็นได้อย่างชัดเจน ในตัวหนุ่มๆ ที่มารุมลูกสาวทั้งสี่
ก็เห็นจะเป็นความหล่อล้ำและก็ดูดีทุกท่วงท่าขอรับ ความหล่อของพวกเขาเหล่านั้น ทำให้กระผมอดหวั่นใจซะไม่ได้ หรือท่านอาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไร
หากกระผมจะเลือกคนหล่อๆ มาเป็นลูกเขยนะขอรับ” “อันรูปลักษณ์ภายนอกนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญอยู่ การมีรูปลักษณ์ที่ดีกว่าย่อมได้เปรียบหลายประการ
แต่รูปลักษณ์ดีก็ไม่อาจบอกได้ว่า ข้างในจิตใจนั้นจะสวยงามตามไปด้วย เรายังไม่เห็นควรว่า แค่รูปลักษณ์ดีจะทำให้ลูกสาวท่านมีความสุขได้ตลอด”
 
พราหมณ์เฒ่านึกถึงอดีตของตนสมัยที่มีความรักครั้งแรก
 
พราหมณ์เฒ่านึกถึงอดีตของตนสมัยที่มีความรักครั้งแรก
  
     ปริศนาธรรมในคำกล่าวของอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ไม่ทำให้พราหมณ์เฒ่ากระจ่างในหนทาง ดังนั้นพราหมณ์เฒ่าจึงตั้งหน้าตั้งตาคิดถึงแต่ท่าทีของชายหนุ่ม
ที่ตัวเองเห็นดีและพึงใจในประการถัดไป “งั้นก็น่าเป็นเรื่องนี้แน่ๆ ทีจะทำให้ลูกสาวของกระผมมีความสุขได้ ในบรรดาหนุ่มๆ ที่มารุมจีบพวกนาง ก็เห็นจะเป็น
ลูกผู้ดีมีอันจะกินนี้แหละขอรับ ที่น่าจะพอให้พวกนางมีกินมีใช้อย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต รึท่านอาจารย์เห็นอย่างไรบ้างขอรับ” “ว่าด้วยเรื่องของปากท้อง
คนเราย่อมยกให้เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของชีวิต การมีความเป็นอยู่ที่ดี ย่อมไม่ทำตนให้ใครเดือดร้อน ทั้งยังจะเป็นที่พึ่งพาของผู้ยากไร้ได้อีก เรื่องนี้เราเอง
ก็เห็นด้วยว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ แต่จะยังประโยชน์อะไรเล่าหากสินทรัพย์ที่มีอยู่นั้นจะใช้ได้แต่เพียงชาติภพนี้ และมิอาจก้าวผ่านไปสู่ภพภูมิอื่นได้”
 
พราหมณ์หนุ่มได้คบหากับลูกสาวเศรษฐีอย่างลับๆ
 
พราหมณ์หนุ่มได้คบหากับลูกสาวเศรษฐีอย่างลับๆ
 
     ครั้นได้ฟังอาจารย์ทิศาปาโมกข์ให้ความเห็นที่แฝงไว้ด้วยปริศนาธรรมอันน่าคิดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งดูว่าจะไม่เห็นดีด้วยกับความหล่อ พราหมณ์เฒ่าก็มุ่งจิตคิดถึง
สิ่งที่ตนพึงใจในตัวชายหนุ่มอีกครั้ง ยังไม่กระจ่างชัดในหนทางแก้ “เอ้ ความหล่อก็ไม่ยั่งยืน ความรวยก็ตามติดชีวิตเราไปไม่ได้ งั้นก็น่าจะเป็นความรู้ของผู้คง
แก่เรียน ที่มีท่าทีว่าเป็นผู้ใหญ่อบอุ่น และก็มีเหตุผลนี่ละมั้ง ที่น่าจะทำให้ลูกสาวของเรามีความสุขตลอดไป  ท่านอาจารย์จะมีความคิดเห็นเป็นเช่นไรบ้างขอรับ
หากกระผมจะเลือกคนลักษณะเช่นนี้มาเป็นคู่ครองลูกสาวกระผม” “พราหมณ์ อันความรู้และความเจริญวัย ก็ถือเป็นสมบัติติดกายอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้คนเรา
รู้จักคิด รู้จักพิจารณาถึงเหตุและผล และยังจะเป็นเครื่องชี้นำใจ ให้ทำตามเหตุและผลที่เป็นอยู่
 
เศรษฐีได้บอกให้พราหมณ์หนุ่มเลิกคบหากับลูกสาวของตน
 
เศรษฐีได้บอกให้พราหมณ์หนุ่มเลิกคบหากับลูกสาวของตน
 
     แต่ก็นั้นแหละนะพราหมณ์ แค่ความรู้อย่างเดียวไม่อาจทำให้จิตใจสูงขึ้นหรือหลุดพ้นจากสิ่งที่เรารู้และไม่รู้ไปได้หรอก” พราหมณ์เฒ่าเริ่มจนใจกับสิ่ง
ที่คิดว่าเป็นข้อดีของหนุ่มๆ ที่ตนค้นพบในบรรดาหนุ่มทั้งหมดที่มารุมจีบลูกสาวตน จึงอ้ำอึ้ง พยายามคิดหาข้อดีลำดับถัดไปในตัวชายหนุ่มที่เขาสังเกต
อยู่นาน จนมาจบอยู่ที่คนมีศีล “อ้อ ท่านอาจารย์ขอรับ กระผมคิดว่า หากคนหล่อคนรวย และก็คนที่มีความรู้ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นอะไรที่ไม่อาจสร้าง
ความสุขให้ลูกสาวของกระผมได้ อย่างจีรังยั่งยืนแล้วละก็ เห็นจะเหลือแต่หนุ่มๆ ที่มีศีลนี่แหละขอรับ ที่น่าจะให้ความสุขแก่ลูกสาวของกระผมได้

พราหมณ์หนุ่มเสียใจมากที่ลูกสาวเศรษฐีหักอกตนในภายหลัง
 
พราหมณ์หนุ่มเสียใจมากที่ลูกสาวเศรษฐีหักอกตนในภายหลัง
 
     ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์จะมีความคิดเห็นเป็นเช่นไรบ้างขอรับ” “ดูก่อนพราหมณ์ ชายหนุ่มที่พราหมณ์เล่าให้เราฟังนี้ เห็นจะมีดีกันคนละแบบนะ แต่เราอยาก
ให้พราหมณ์ไตร่ตรองดูให้ถี่ถ้วนด้วยตนเองก่อน ว่าถ้าเป็นพราหมณ์ ที่ต้องตัดสินใจเลือกคู่ให้ตนเอง พราหมณ์จะเลือกคบคนแบบไหน จากคนสี่ประเภท”
พราหมณ์ได้สตินึกย้อนไปถึงรักครั้งแรก เมื่อครั้งวัยแรกรุ่นของตน “เมื่อครั้งที่กระผมเป็นวัยรุ่น กระผมก็เคยหลงใหลได้ปลื้มสาวงามนางหนึ่ง จนไม่เป็นกิน
อันนอนเลยขอรับ เฝ้าแต่คอยรอเวลาว่าจะได้พบนาง ส่วนนางเองก็มีใจให้กระผมอยู่มิใช่น้อย แต่ที่ไหนได้ ผมมารู้เอาทีหลังว่า ขณะที่นางรับรักกระผม
 
ญาติผู้พี่ผู้น้องได้มาเยี่ยมแม่และพราหมณ์หนุ่มที่บ้าน
 
ญาติผู้พี่ผู้น้องได้มาเยี่ยมแม่และพราหมณ์หนุ่มที่บ้าน
 
     นางกลับตกลงปลงใจหนีไปอยู่กับเพื่อนกระผมที่หล่อกว่า โดยไม่ใส่ใจต่อคำสัญญาที่ให้กันไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ ขอรับ” “นั่นก็เพราะนางไม่มีความหนักแน่น
ในจิตใจใช่ไหมละพราหมณ์” “ขอรับ ท่านอาจารย์” ดูเหมือนว่าคนทั้งสี่ประเภทที่มาชอบลูกสาวพราหมณ์ ล้วนแล้วแต่พราหมณ์เคยเจอมาในอดีตแล้วทั้งสิ้น
เมื่อพราหมณ์จบการหวนนึกถึงอดีตรักร้าวสมัยวัยรุ่นกับสาวสวยที่ทิ้งกันไปอย่างไม่ใยดี พราหมณ์ก็นึกย้อนวันเวลากลับไปเมื่อสมัยเมื่อครั้งแตกเนื้อหนุ่ม
อีกครั้ง “สวัสดีจ๊ะ พ่อพราหมณ์ วันนี้มาจ่ายตลาดคนเดียวเหรอจ๊ะ”
 
 
พราหมณ์หนุ่มอกหักอีกครั้งเมื่อญาติผู้พี่นำคู่หมั้นมาแนะนำให้รู้จัก
 
พราหมณ์หนุ่มอกหักอีกครั้งเมื่อญาติผู้พี่นำคู่หมั้นมาแนะนำให้รู้จัก
 
     “เออๆ ครับ ว่าแต่แม่หญิงรู้จักกระผมด้วยหรือนี่” “แหม พี่พราหมณ์ก็ จำน้องไม่ได้เหรอจ๊ะ น้องวาสินีไง บ้านอยู่เยื้องบ้านพราหมณ์ไปหน่อยไง” “อ๋อครับ
ลูกสาวเศรษฐีใหญ่ประจำหมู่บ้านนั่นเอง” ความสัมพันธ์ระหว่างพราหมณ์วัยยี่สิบปีกับลูกสาวเศรษฐีที่แก่กว่าสองปีงอกงามขึ้นอย่างช้าๆ และเป็นไปอย่างลับๆ
ห่างไกลจากหูตาผู้เป็นพ่อฝ่ายสาว จนกระทั่งวันหนึ่งเศรษฐีนัดพราหมณ์ไปบ้านของตน โดยอ้างว่าจะแนะนำให้รู้จักกับญาติผู้ใหญ่ เพื่อให้ความสัมพันธ์ของ
ทั้งคู่อยู่ในสายตา และห่างไกลจากข้อครหานินทาจากชาวบ้าน
 
พราหมณ์หนุ่มเข้าวัดปฏิบัติธรรมโดยมีญาติผู้น้องเป็นกัลยาณมิตร
 
พราหมณ์หนุ่มเข้าวัดปฏิบัติธรรมโดยมีญาติผู้น้องเป็นกัลยาณมิตร
 
     “ไปๆๆ ไปให้พ้นเลยนะ เจ้าพราหมณ์กระจอก หนอย บังอาจมากที่มาจีบลูกสาวข้า ชังไม่เจียมกะลาหัวเอาซะเลยพวกเจ้า” “เดี๋ยว ได้โปรดฟังข้าก่อนท่านเศรษฐี
คือเราสองคนรักกันจริงๆ นะ” “ไม่จริง ท่านพ่ออย่าไปเชื่อมันนะค่ะ เจ้านี่ มันเห็นว่าลูกมีพ่อรวย เลยคิดจะยกตนให้สบายตามไปด้วย เชอะ ใครจะไปสนคนอย่างนี้”
พราหมณ์ในวัยนั้น เดินคอตกน้ำตาซึมกลับมาบ้าน อกหักจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่พักใหญ่ แต่ยังไม่ทันที่แผลใจจะหายดี สวรรค์ก็ส่งสาวคนใหม่เข้ามาในชีวิต
พราหมณ์อีกครั้ง “สวัสดีจ๊ะ มีใครอยู่บ้างมั๊ยจ๊ะ ” “เอ๊ะ ใครนะ มาส่งเสียงอยู่หน้าบ้าน พวกเจ้ามาหาใครกันรึ” “พวกชั้นก็มาหาท่านนั้นแหละจ้า”
 
พราหมณ์เฒ่าได้ข้อสรุปในการเลือกคู่ครองให้กับลูกสาวของตนจากอาจารย์ทิศาปาโมกข์
 
พราหมณ์เฒ่าได้ข้อสรุปในการเลือกคู่ครองให้กับลูกสาวของตนจากอาจารย์ทิศาปาโมกข์
 
     “อ้าวๆ งั้นก็เข้ามาก่อนสิ” ด้วยท่าทีอันอ่อนระโหยและดูน่าสมเพศของพราหมณ์หนุ่มที่นั่งหน้าเศร้าเป็นหมาเหงาอยู่หน้าบ้าน ทำให้แขกผู้มาเยือนอดไม่ได้
ที่จะหยุดทวงถาม “สวัสดีจ๊ะ นี่เธอเป็นอะไรมากไหม ถึงได้มานั่งหมดอาลัยตากอยากอยู่อย่างนี้ หากมีอะไรให้เราช่วยแบ่งเบาก็บอกกันได้นะจ๊ะ” “ใช่จ๊ะพี่ชาย
ยังไงซะ เราก็ญาติๆ กันอยู่แล้วนี่นา” “ขอบใจในความหวังดีของพวกเจ้านะ แต่เรากำลังอกหักหน่ะ และไม่กล้ารบกวนญาติแปลกหน้าอย่างพวกเจ้าหรอก”
“แหมพี่พราหมณ์ พูดจาห่างเหินกันจังนะ สงสัยจะจำพวกเราไม่ได้จริงๆ เนอะพี่เนอะ” “เขาจะจำเราไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนี่นา แค่เราจำเขาได้ก็พอแล้วละ”
 
พราหมณ์เฒ่าเฝ้าดูพฤติกรรมของบรรดาหนุ่มๆ ที่มาจีบลูกสาวของตน
 
พราหมณ์เฒ่าเฝ้าดูพฤติกรรมของบรรดาหนุ่มๆ ที่มาจีบลูกสาวของตน
 
     “พี่สาวเราก็คิดดีอยู่แล้วแหละ ยังไงก็ยินดีที่ได้กลับมาพบกันอีกนะพี่พราหมณ์ พวกชั้นเคยอยู่บ้านหลังติดกับพี่นี่แหละ แต่ก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียนานแล้ว นี่ก็เพิ่ง
ย้ายกลับมาได้มานานเลยแวะมาเยี่ยมนะจ๊ะ” นับจากวันที่พราหมณ์ได้รู้จักญาติผู้พี่ผู้น้องที่น่ารักทั้งคู่ อาการเจ็บป่วยทางใจของเค้าก็ดีวันดีคืน เพราะได้ญาติผู้พี่
สาวสวยต่างวัยเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้คลายเศร้าจนความรักก่อเกิดขึ้นมาภายในใจเขาอย่างเงียบๆ ขณะที่ความรักบังเกิดขึ้นในใจอันแสนเปราะบาง
ของชายหนุ่มเพียงช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไปไม่กี่เดือน ความเป็นจริงที่พราหมณ์ไม่อยากเจอก็หวนกลับมาสร้างความเจ็บปวดในใจเขาอีกครั้งหนึ่ง
“อ้าว พ่อพราหมณ์ นั่งอยู่นี่พอดีเลย นี่คือคู่หมั้นเรานะ เราพามาแนะนำให้ท่านและแม่ท่านรู้จัก รู้จักกันไว้สิ เรากำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้แหละจ๊ะ”
 
พราหมณ์เฒ่าได้เลือกผู้ที่มีศีลเป็นคู่ครองให้กับลูกสาวทั้งสี่ของตน
 
พราหมณ์เฒ่าได้เลือกผู้ที่มีศีลเป็นคู่ครองให้กับลูกสาวทั้งสี่ของตน
 
 
     เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พราหมณ์เข็ดหลาบกับความรัก เพราะเจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่คิดจะมองหาสาวใดอีก มุ่งมั่นตั้งจิตบำเพ็ญเพียร เข้าวัดถือศีล ฟังธรรม
โดยมีหญิงสาวน่ารักญาติผู้น้องเป็นกัลยาณมิตรที่ดีเรื่อยมา ด้วยดวงใจใฝ่ธรรมะและประพฤติชอบด้วยศีลสัตย์เป็นเหตุให้ทั้งคู่ชิดใกล้กันในงานบุญบ่อยครั้ง ได้ไปวัด
ฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมด้วยกันบ่อยหน จนเกิดเป็นเข้าใจกันเกินกว่าคำว่ากัลยาณมิตร ความมั่นคงในศีลของคนทั้งคู่ ช่วยดลให้เกิดความรักขึ้นมาอย่างช้าๆ งอกเงยขึ้นมา
อย่างสวยงาม จนถึงขั้นตกลงปลงใจแต่งงานครองรักครองเรือนกันอย่างมีความสุข โดยไม่มีเหตุให้ขุ่นข้องหมองใจ และอยู่กันด้วยความรักความเข้าใจเรื่อยมา
เมื่อพราหมณ์เฒ่าหวนทบทวนถึงอดีตรักของตน มาจนถึงความรักครั้งสุดท้ายกับภรรยาอันเป็นที่รักมารดาของลูกทั้งสี่ เขาก็ตระหนักได้ทันที่ถึงสิ่งที่อาจารย์ทิศาปาโมกข์
กำลังเตือนสติเขาอยู่ ทั้งๆ ที่เขาน่าจะรู้ก่อนหน้านี้ แต่เป็นเพราะความกลัดกลุ้มในตัวบรรดาชายหนุ่มที่เขาแบกไว้นั่นเอง ที่ทำให้เขาคิดไม่ตกเสียตั้งแต่ในครั้งแรก

     “ข้าแต่อาจารย์กระผมคิดว่า กระผมได้คำตอบที่ท่านอาจารย์พยายามชี้ให้กระผมแล้ว ขอรับ” “ว่าอย่างไรละพราหมณ์” “กระผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะยกลูกสาวทั้งสี่
ของกระผมให้ออกเรือนไปกับคนที่มีศีล ขอรับ” “พราหมณ์ร่างกายคนเรานั้นมีประโยชน์ ชาติสูงก็มีประโยชน์ ส่วนคนที่เจริญวัย เราขอนอบน้อมไว้ แต่เราชอบใจในศีล
คนไม่ศีล ถึงมีรูปสมบัติก็น่าตำหนิ ดังนั้นรูปสมบัติใดๆ จึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ หากเราเป็นพราหมณ์ เราจะเลือกคนที่มีศีลนั้นแหละเป็นลูกเขย” พราหมณ์เฒ่าได้ฟังอาจารย์
ทิศาปาโมกข์ พิจารณาเลือกลูกเขยออกมาดังนั้น ก็ดีใจรีบก้มลงกราบกราน แล้วเร่งรุดกลับไปจัดการเลือกคู่ครองให้ลูกสาวทั้งสีอย่างไม่รอช้า เมื่อพราหมณ์กลับมา
ถึงบ้านก็เฝ้าสังเกตดูหนุ่มๆ เป็นประจำที่มาชอบลูกสาวตัวเองอย่างถี่ถ้วนทุกวี่วัน ไม่ว่างเว้น เพื่อดูอากัปกิริยาของผู้ประพฤติชอบด้วยศีล ตามตำราเลือกลูกเขย
ที่อาจารย์ทิศาปาโมกข์ให้มาจนเกิดความแน่ใจในความประพฤติชอบด้วยศีลของหนุ่มๆ หน้าตาดีสี่คน จึงตัดสินใจยกลูกสาวผู้เป็นที่รักทั้งสี่ของตนให้ออกเรือน
ไปกับผู้มีศีลไปอย่างมีความสุขสืบไป
 
 
 
 

รับชมคลิปวิดีโอสาธุศีลชาดก
ชมวิดีโอสาธุศีลชาดก   Download ธรรมะสาธุศีลชาดก
 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
โรมชาดก ชาดกว่าด้วยว่าด้วยอาชีวกเจ้าเล่ห์โรมชาดก ชาดกว่าด้วยว่าด้วยอาชีวกเจ้าเล่ห์

สาเกตชาดก ชาดกว่าด้วยวางใจคนที่ชอบใจสาเกตชาดก ชาดกว่าด้วยวางใจคนที่ชอบใจ

มสกชาดก ชาดกว่าด้วยมีศัตรูผู้มีปัญญาดีกว่ามีมิตรโง่มสกชาดก ชาดกว่าด้วยมีศัตรูผู้มีปัญญาดีกว่ามีมิตรโง่



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

นิทานชาดก 500 ชาติ