คนสองบุคลิก


[ 28 ส.ค. 2561 ] - [ 18269 ] LINE it!

คนสองบุคลิก
เคยสังเกตตัวเองไหมบางทีอารมณ์ดี บางทีอารมณ์ร้าย เป็นบ่อยบ่อยเสี่ยงต่อโรคไบโพล่าร์หรือไม่?

เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC

โรคไบโพล่าร์คืออะไร และมีลักษณะอย่างไร?
 


          โรคไบโพล่าร์คือ โรคอารมณ์สองขั้ว คือมีสองอารมณ์ในคนเดียวกัน ได้แก่ แมนเนีย คืออารมณ์คึก เหมือนมีพลังมากกว่าคนธรรมดาหลายเท่าตัว เห็นอะไรก็อยากซื้อ เจอใครก็ใจดี แจกของให้ อารมณ์ร่าเริงเบิกบานผิดปกติ คึกคักผิดปกติ แต่พออีกสักระยะอาจจะ 1-2 เดือน จะเข้าสู่ภาวะอีกขั้วหนึ่ง คือขั้วซึมเศร้า เริ่มหงอยเหงาหดหู่ ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไร ซึ่งมีทั้งคนที่เป็นหนัก และเป็นน้อย โรคไบโพล่าร์มีมานานแล้ว แต่คนยังไม่ค่อยรู้จัก เพราะคนป่วยเป็นโรคนี้ยังทำงานได้ คนทั่วไปถ้าไม่ได้สนใจจะรู้สึกว่าไม่เป็นอะไร ในบ้านก็รู้สึกว่าอารมณ์เปลี่ยนเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกมาก จะรู้สึกเยอะในกรณีคนที่เป็นหนักไปเลย 
 
โรคไบโพล่าร์ส่งผลต่ออากัปกริยาที่ไม่สามารถควบคุมได้ สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากสภาวะทางจิตใจ หรือสารสื่อประสาทในสมอง?


 
          ทางการแพทย์ปัจจุบันมองว่าการหลั่งสารในสมองมีความผิดปกติ และพบว่าเป็นอาการทางกรรมพันธุ์ ซึ่งรักษาโดยการทานยา โรคนี้มีผลทางด้านจิตใจด้วย แต่ทางการแพทย์ยังเข้าไปไม่ถึงเรื่องจิตใจ เช่น ซิกมันฟอยล์ รู้แค่อาการแสดงออกของจิตบางอย่างเท่านั้น แต่ดวงจิตเขายังไม่เห็น เลยมองไม่ออก แต่ความจริงเป็นผลจากปฏิกิริยาทางจิตที่แปรปรวน จึงส่งผลบังคับต่อสมองทำให้มีการหลั่งสารต่างๆ ที่ผิดปกติไปด้วย ดังนั้นคนที่มีการฝึกจิต เช่น ฝึกสติสวดมนต์ อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้โรคนี้เบาบางลง อาการจะดีขึ้น เพราะภาวะใจที่นิ่ง แม้สมองจะหลั่งสารผิดปกติ มีผลกระทบต่อใจน้อย ดังนั้นการแก้ด้วยการฝึกจิตมีส่วนช่วยได้มาก หลักการง่ายๆ คือ การสวดมนต์ หรือ สัมมาอะระหังไปเรื่อยๆ ใจจะเป็นสมาธิเกาะอยู่กับคำภาวนานี้ หรือจะสวดให้ยาวขึ้นก็สวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ใจจะเกาะเกี่ยวอยู่กับบทสวดมนต์ ไม่ฟุ้งซ่านเรื่องอื่น อาการไบโพล่าร์ที่เกิดขึ้นก็จะเข้าสู่ภาวะสมดุลขึ้น
 
 ผู้หญิงที่มักจะมีอารมณ์แปรปรวนถือว่าเป็นไบโพล่าร์หรือไม่?


         
          ฝ่ายหญิงจะมีลักษณะพิเศษต่างจากฝ่ายชายอีก คือจะมีช่วงเวลาที่รอบเดือนมา ตอนนั้นร่างกายจะมีการปรับตัว เพื่อให้พร้อมต่อภาวะเจริญพันธุ์ เพราะฉะนั้นฮอร์โมนก็จะหลั่งออกมา ทำให้ร่างกายไม่เหมือนเดิม อาจจะรู้สึกตึงเนื้อตึงตัวขึ้นมาบ้าง บางคนรู้สึกอึดอัดรำคาญ ช่วงนั้นอารมณ์จึงแปรปรวนง่าย เพราะเป็นผลจากฮอร์โมน แต่ละคนแตกต่างกัน ขึ้นอยู่วิบากกรรมในอดีต เมื่อรู้หลักอย่างนี้แล้ว ยิ่งต้องฝึกจิตให้มากขึ้น ตั้งใจสวดมนต์และทำสมาธิให้มากขึ้น โรคนี้จะคลี่คลายลง และจะคลี่คลายได้หลายโรคอย่างไม่น่าเชื่อ การเอาจิตเอาใจมาอยู่กับเนื้อกับตัวมีสติรู้ตัวให้คุณประโยชน์มากมายหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ จนการแพทย์ปัจจุบันยอมรับเป็นศาสตร์ในการรักษาโรคด้วยการฝึกจิต ดังนั้นอาการที่เกิดขึ้นจะอารมณ์แปรปรวนซึ่งเป็นเรื่องของจิตโดยตรง ยิ่งมีประโยชน์มาก มีประโยชน์ทุกเรื่องไม่เฉพาะแก้โรคแม้แต่การทำงาน แม้แต่การครองชีวิตในบ้าน ถ้าบ้านไหนมีการฝึกจิตให้มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว บ้านนั้นจะเย็น ฝึกลูกให้ฝึกสติ สวดมนต์ ทำสมาธิสม่ำเสมอลูกจะเป็นเด็กว่าง่าย เรียนเก่งเรียนดี  เป็นประโยชน์ทั้งวัยเด็กทั้งวัยทำงานทั้งวัยสูงอายุทั้งหญิงทั้งชายทั้งคนปกติทั้งคนป่วย การงานก็ดีคุณภาพชีวิตก็ดี สุขภาพก็ดี ดีทุกด้าน 
 
สำหรับคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ร้องไห้ฟูมฟายเสียใจ หรือเรื่องที่ดีใจ ก็ดีใจจนเป็นลม สำหรับคนประเภทนี้ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไบโพล่าร์หรือไม่?

          มีความเสี่ยงจะเป็นไบโพล่าร์มากขึ้น วิธีการที่ป้องกันคือ ให้ห่างจากแอลกอฮอล์ อย่าไปดื่มเหล้าเพราะดื่มเหล้า เป็นการทำลายสติ เรามีความเสี่ยงอยู่แล้ว สติค่อยรั้งเอาไว้ ถ้าเราไปดื่มเหล้า ทำให้สติอ่อนกำลัง แล้วพอเป็นโรคแล้วมันแก้มันยากกว่าที่ยังไม่เป็น หรือคนที่เป็นแล้ว จะรักษาควรเลิกเหล้าบุหรี่ และยาเสพติดทั้งหลาย พราะเป็นเครื่องทำลายสติ ขณะเดียวกัน หมั่นดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี การออกกำลังกาย เพราะร่างกายจิตใจเกี่ยวเนื่องกัน พอร่างกายแข็งแรงจิตใจก็สบาย ร่างกายดูแลให้แข็งแรง ทานอาหารให้ถูกต้อง ถูกสุขลักษณะแล้วพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอน บางคนลุยงานหนัก นอนวันละ2-3 ชั่วโมง ติดต่อกัน 7 วัน เป็นโรคจิตเลย เพราะมีเค้าจะเป็นอยู่แล้ว แต่พอโหมงานหนัก เหมือนฟิวส์ขาด พอเป็นแล้วรักษายาก ดีที่สุดคือ พักผ่อนให้พอแล้วก็สวดมนต์ทำสมาธิสม่ำเสมอ อย่างนี้เราจะมีสุขภาพใจที่แข็งแรง ไม่หลุดไปเป็นไบโพล่าร์ ส่วนผู้หญิงที่มีอาการแปรปรวนในช่วงรอบเดือน ก็จะดีขึ้น 

ในทางพระพุทธศาสนา สำหรับโรคไบโพล่าร์ หรือโรคจิตเภทชนิดอื่นๆ เกิดจากการทำวิบากกรรมอะไรมา แล้วจะสามารถแก้ไขวิบากกรรมนี้ ให้เบาบางได้หรือไม่?


          วิบากกรรมที่พบมากของคนป่วยเป็นโรคทางจิตคือ ดื่มสุรา คนที่ปกติพอเมาเหล้าแล้ว ก็จะทำอะไรที่ปกติไม่กล้าทำ เช่น ลงไปคลานที่พื้น ร้องรำทำเพลง เพราะสติในการควบคุมเสียไปแล้ว ซ้อมเสียสติอยู่แล้ว พอเกิดภพชาติต่อไปวิบากกรรมนั้นตามมา เลยกลายเป็นคนที่จิตใจแปรปรวน กลายเป็นโรคจิต ได้ยินเสียงหลอน ภาพหลอน เพราะสภาพใจเสีย ส่วนอีกวิบากกรรมคือ หลอกลวงคนอื่นให้เข้าใจผิดในเรื่องต่างๆ ยิ่งหากให้เข้าใจผิดในเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาหรือผู้ที่มีคุณธรรมสูง วิบากกรรมนั้นตามมา จะทำให้เห็นอะไรผิดๆไปหมด ภาพที่เห็นก็เป็นภาพหลอน เสียงที่ได้ยินก็เป็นเสียงหลอน เสียงที่ไม่มีจริง เพราะวิบากกรรมที่ทำในสิ่งที่ไม่มีจริง ดังนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว บาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อยอย่าไปทำ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง บาปส่งผลเมื่อใด คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น” ให้ทำแต่บุญแต่กุศลแล้วตั้งใจสวดมนต์ทำภาวนา บุญกุศลจะหล่อเลี้ยงใจ เราจะไม่เป็นโรคไบโพล่าร์หรือโรคจิตทั้งหลาย 

          สิ่งสำคัญคือกาย เราจะต้องดูแลกายของเราให้ดี โดยเฉพาะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสุรา ยาเสพติด และของมึนเมาทุกชนิด เพราะการที่ยุ่งกับสิ่งเหล่านี้ จะทำให้สติสัมปชัญญะ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพื่อไม่ให้เกิดภาวะจิตเภทอื่นๆก็คือต้องหมั่นฝึกสติ ฝึกสมาธิให้เป็นนิสัยเอาใจจรดไว้ศูนย์กลางกาย  จิตใจก็จะเข้มแข็งและ มีภูมิต้านทานภายในตัว

 

รับชมคลิปวิดีโอคนสองบุคลิก : ข้อคิดรอบตัว
ชมวิดีโอคนสองบุคลิก : ข้อคิดรอบตัว   Download ธรรมะคนสองบุคลิก : ข้อคิดรอบตัว  



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
คิดให้เยอะก่อนคิดขายบริการคิดให้เยอะก่อนคิดขายบริการ

เวลาพักของใจเวลาพักของใจ

 เงินเลี้ยงหัวใจ เงินเลี้ยงหัวใจ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ข้อคิดรอบตัว