ความสำเร็จถอดแบบได้


[ 9 มี.ค. 2562 ] - [ 18263 ] LINE it!

ความสำเร็จถอดแบบได้
เราสามารถนำความสำเร็จของคนอื่นมาถอดแบบให้กลายเป็นความสำเร็จของตัวเราได้ 
 
เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN
 
 

ทำไมบางคนรู้สึกว่าการประสบความสำเร็จยากเหลือเกิน?
 
          การประสบความสำเร็จฟังดูเหมือนจะยาก แต่ก็มีไม่กี่คนในโลกที่เราชี้ตัวได้ว่า คนนี้ประสบความสำเร็จ แต่ความจริงแล้วความสำเร็จไม่ได้ยากเลย เพียงแต่ความยากคืออุปสรรคใหญ่ที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งที่ขัดขวางทำให้ไม่สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ คือ “ตัวเรา”นั่นเอง เพราะความจริงแล้วมนุษย์มีศักยภาพ ในยีนของมนุษย์ ได้บอกไว้ชัดเจนว่า มีศักยภาพที่จะพัฒนาได้ ปรับเปลี่ยนได้แม้กระทั่งในสมอง ยังมีการค้นพบว่า สามารถเปลี่ยนวงจรได้สามารถตัดและเพิ่มบางอย่างได้แต่สิ่งที่ไปขวางอยู่คือตัวเราเองที่คิดว่าทำไม่ได้ ยังไม่เก่ง ยังไม่ประสบความสำเร็จคนอื่นนั้นเก่งกว่า คนอื่นมีความสามารถมากกว่า หรือคนอื่นทุ่มเทเราก็รู้สึกว่าทุ่มเทไปแล้วยังสำเร็จเนื่องจาก
             1.ไม่ได้ทุ่มเทมากจนเพียงพอ 
             2.ยังมีทัศนคติด้านลบอยู่ 
             3.กลัวความล้มเหลว ไม่กล้าที่จะก้าวออกมาจากคอมฟอร์ทโซน(ความสะดวกสบายของเรา)กลายเป็นคนที่มีเงื่อนไข ที่สร้างให้เกิดช่องว่างไม่สามารถจะใช้ศักยภาพตนเองได้อย่างเต็มที่
 
ถ้าจะถอดแบบความสำเร็จจากใครสักคนเราต้องทำอย่างไรบ้าง?
 

          1.การมองเห็นภาพที่ชัดเจน ภาพสุดท้ายจะต้องชัด คือการตั้งเป้าหมายนั่นเอง จะได้มีเส้นทางการเดินทางแต่ถ้าเราไม่กำหนดก็เหมือนกับวิ่งไปตามกระแสน้ำไม่ถึงเป้าหมายเพราะมันไม่ได้ตั้งเป้า เพราะฉะนั้นต้องมีภาพสุดท้ายว่าต้องการเห็นตัวเราแบบไหน อนาคตที่ชัดเจนของตัวเราคืออะไร เราอยากจะทำอะไรเราอยากจะไปถึงอะไร เพราะฉะนั้นเมื่อมีเป้าหมายชัดเจนเท่านั้นถึงจะมีเส้นทาง แล้วต้องตอกย้ำเป้าหมายตนเอง การตอกย้ำทำให้เพ่งความสนใจไปที่เป้าหมาย จะทำให้มีแรงกระตุ้นเตือนในใจที่จะทำให้สำเร็จ 

 
          2. ต้องหาบุคคลต้นแบบที่เราเรียกว่า ไอดอล แต่ปัจจุบันนี้ไอดอลมาใช้ในวงการบันเทิงเป็นส่วนใหญ่เพราะฉะนั้นจึงใช้คำว่า “มาสเตอร์” จะต้องหามาสเตอร์ให้เจอเหมือนอยากจะเป็นเชฟต้องไปดูรายการมาสเตอร์เชฟ ต้องหามาสเตอร์ให้เจอ เนื่องจากว่าถ้าเราทำเองจะมีความยากที่จะต้องผ่าขั้นตอนของการล้มเหลวของการทดลองผิดถูกต่างๆแต่ถ้าไปเจอมาสเตอร์บางทีเขาถอดประสบการณ์ 50 ปีของเขาออกมาเหลือ 10 นาที แล้วเราตามได้เลย เพราะฉะนั้นการหามาสเตอร์หรือต้นแบบ อย่าไปหาที่ยากเกินไปจนไม่สามารถที่จะเลียนแบบได้
 

          3.ศึกษาประวัติชีวิต วิธีการทำงาน วิธีคิด มุมมองต่อโลกของมาสเตอร์ว่าเป็นอย่างไร เจอปัญหาแก้อย่างไร เจอเหตุการณ์แบบนี้มีเทคนิคอะไร มีกลยุทธ์แตกต่างจากคนอื่นอย่างไร และแบบไหนที่ทำแล้วล้มเหลว แบบไหนที่ทำแล้วสำเร็จ เราก็เลือกเอา ส่วนที่ทำแล้วล้มเหลว ก็ไม่ต้องไปเลือกจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลา คนที่ประสบความสำเร็จเป็นมาสเตอร์ได้ ไม่ใช่อยู่ๆ เขาจะประสบความสำเร็จ อาจล้มเหลวเป็น 100 ครั้ง เช่น Mark Elliot Zuckerberg เคยพูดว่า Facebook ไม่ใช่เรื่องที่เขาออกแบบเรื่องเดียว แต่ทำไปไม่รู้กี่โปรแกรมไม่เวิร์คเลย แต่อยู่มาวันหนึ่ง Facebook เกิด เวิร์คขึ้นมาก็เท่านั้นเอง ดังนั้นจึงต้องเข้าไปศึกษาและดูเทคนิคดูกลยุทธ์ต่างๆ ต้องศึกษาวิธีคิดว่าทำไมเขาถึงคิดแบบนั้นทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ไม่ใช่แค่ก๊อปปี้วิธีการและมี Mindset (วิธีในการคิดและตัดสินใจเมื่อเจอเหตุการณ์ต่างๆเมื่อเกิดเรื่องราวใดๆ) แบบเขา
 

          4.ใช้บุคคลต้นแบบหรือมาสเตอร์มาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเดิมของเราที่ไม่ประสบความสำเร็จ อาจมีหลายมาสเตอร์ เช่นด้านการใช้ชีวิต ด้านธรรมะ ด้านประสบการณ์ทางจิตขั้นสูง ด้านการทำงาน เป็นต้น แต่จะต้องฝึกและแก้ไขตัวเอง อะไรที่ทำแล้วไม่เวิร์ค แปลว่าเราต้องทิ้งไปแล้วไปดูสิ่งที่มาสเตอร์ทำแล้วเวิร์คเราก็ทำตาม ทำตามแล้วตอกย้ำและก็ทำตามแล้วก็ตอกย้ำเมื่อไหร่ที่เปลี่ยนพฤติกรรมเราได้ จะมีความสามารถและมีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จขั้นสูงได้เราจะเป็นเศรษฐีพันล้าน ร้อยล้าน หมื่นล้านเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่เราจะตั้ง
 
          5.ลงมือทำเมื่อเรามีแนวคิดมีหลักการเรามีบุคคลต้นแบบเรามีมาสเตอร์ ที่เขามีวิธีการอย่างดีแล้วนะครับเราก็ต้องลงมือทำตามซ้ำไปเรื่อยๆจนกว่าประสบความสำเร็จเพราะว่าการถอดแบบเน้นที่ผลจากการลงมือทำนั่นเอง
 

          การสังเกตเป็นเรื่องที่สำคัญมาก บางครั้งมาสเตอร์ไม่ได้บอกทั้งหมดแต่เราต้องทำหน้าที่สังเกตและพยายามเข้าไปให้ถึงศิลปะในเรื่องนั้น หัวใจหลักการแก่นของเรื่องนั้นๆ เช่นหากอยากเป็นเชฟที่ดีอาจไปดูมาสเตอร์เชฟเราก็จะเห็นวิธีการปรุงอาหารของแต่ละคน แต่ความจริงแล้วสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในคือการปรุงอาหารไม่ใช่แค่รสชาติอย่างเดียว แต่มีเรื่องกลิ่นด้วย เป็นเรื่องการลงตัวของกลิ่นเคมีที่เป็นเรื่องอะโรม่าเคมีที่มาจากส่วนประกอบส่งกลิ่นขึ้นมา ต่อมาก็เป็นเรื่องรสชาติ และสุดท้ายป็นเรื่องหน้าตาของอาหาร แค่เรื่องอาหารสามารถแตกความคิดเป็นแบบนี้ ถ้าเราเอาความคิดรวบยอดนี้ไปใช้ในวิชาอื่น จะเหมือนกันและจะไม่ผิดพลาด เรียกว่าตามมาสเตอร์ไปแบบมีความคิด แล้วในที่สุดตัวเราจะเป็นมาสเตอร์
 
ทันธรรม...โดยพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ
 

          มีภาษิตจีนที่กล่าวว่า ใต้ร่มขุนพลเข้มแข็งไม่มีทหารอ่อนแอ เนื่องจากแม่ทัพที่เก่งจะสร้างทั้งกำลังขวัญกำลังใจรวมทั้งแรงบันดาลใจที่เรียกว่า inspiration ให้กับทหารทั้งกองทัพ พลิกจากทหารที่ดูเยาะๆแหยะๆ กลายเป็นทหารกล้าทหารหาญขึ้นมา แล้วสามารถรบชนะข้าศึกได้ เช่น อเล็กซานเดอร์มหาราช นำทัพกรีกเพียงแค่ 30,000 กว่าคน ผจญกับทัพของเปอร์เชีย 600,000 กว่าคน ด้วยความห้าวหารเด็ดเดี่ยวของอเล็กซานเดอร์มหาราช ทำให้ทหารทั้งกองทัพผนึกกำลังเป็นปึกแผ่นไม่มีความคิดถอยเลย สุดท้ายตีทัพเปอร์เชีย 600,000 คน แตกจับตัวกษัตริย์เปอร์เซียได้ นี้คือความสำคัญของแม่ทัพของผู้นำ ความสำคัญของต้นแบบบุคคลต้นแบบ ทางโลกเป็นอย่างนี้ ไม่เฉพาะในสงคราม แม้แต่ในวงการธุรกิจต่างๆก็ตาม คนที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีบุคคลที่เดี๋ยวนี้เขาใช้คำว่าไอดอลอยู่ในใจทำให้เกิดแรงบันดาลใจ อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง อยากประสบความสำเร็จอย่างนั้นบ้าง 
 

          ทางพระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน พบว่าพระอสีติมหาสาวกมีทั้งหมด 80 พระองค์ ที่เป็นพระ แต่ละองค์จะเป็นเลิศในด้านต่างๆ เช่น พระอานนท์เป็นเลิศทางด้านความจำดี พระพุทธเจ้าเทศน์รอบเดียว พระอานนท์จำได้หมดเลย เป็นต้น หรือพระอนุรุทธะ พระเป็นเลิศทางด้านตาทิพย์ อาจจะเรียกว่าเป็นพระอรหันต์เกียรตินิยมก็ว่าได้ เลิศในด้านต่างๆ โดยประวัติทั้ง 80 พระองค์ มีจุดเริ่มต้นของความสำเร็จเกิดจากภพในอดีตภพหนึ่งประมาณ 100,000 กัปป์ที่แล้ว มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาตรัสรู้ธรรมแล้วได้ไปทำบุญ ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงยกย่องพระสาวกในครั้งนั้นซึ่งแต่รูปเป็นอสีติมหาสาวก คือเป็นเอตทัคคะในด้านใดด้านหนึ่ง พอเห็นแล้วเปลื้ม ชอบ อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง จึงอธิษฐานว่า ด้วยบุญนี้ขอให้ข้าพเจ้าได้สำเร็จเป็นดังเช่นพระอสีติมหาสาวกนี้ด้วยเถิด แล้วก็ตั้งใจสร้างบุญข้ามพบข้ามชาติ เพราะมันไม่ได้ประสบความสำเร็จง่ายๆ อย่างที่เป้าทางโลกในชาตินี้ ต้องอาศัยเวลาสั่งสมบารมีถึง 100,000 มหากัปป์ เมื่อภาพไอดอลชัดอยู่ในใจ สุดท้ายสำเร็จ โดยทั้ง 80 พระองค์มีจุดเริ่มต้นเหมือนกันหมดคือเกิดจากการได้เห็น พระอสีติมหาสาวก ที่เป็นเอตทัคคะในด้านนั้นๆ ในอดีตทั้งสิ้น นี้คือความสำคัญของบุคคลต้นแบบ 


 
          หากอยากประสบความสำเร็จ ให้ชีวิตมีความสุข ต้องหาไอดอลในใจของเรา หาไอดอลให้ดี ถ้าหาไม่ดีจะพลาด เช่น บางคนไปหาไอดอลจะขอเป็นโจรที่ปล้นเก่งที่สุด ย่ำแย่เพราะไปได้ต้นแบบไอดอลที่ไม่ดี หรือบางคนก็ได้ไอดอลเป็นนักร้อง วันดีคืนดี นักร้องที่เป็นไอดอล ฆ่าตัวตาย ไอดอลยังเอาตัวไม่รอด เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ปลอดภัยก็หาไอดอลที่หมดกิเลสแล้ว อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่หากรู้สึกไกลตัวไม่เห็นพระองค์ท่าน เพราะท่านปรินิพพานไปแล้วอยากจะได้ไอดอลที่ใกล้ตัว ก็สามารถดูได้แต่ต้องถือว่าเป็นไอดอลเฉพาะด้าน เช่น อยากร้องเพลงเก่งเหมือนนักร้องคนนั้น อยากจะเขียนหนังสือเก่งเหมือนนักประพันธ์คนนี้ อยากจะพูดเก่งเหมือนคนโน้น เป็นต้น ถ้าไอดอลต้นแบบทั้งชีวิต ควรจะมองดูต้นแบบจากบุคคลที่หมดกิเลสแล้วดีที่สุด หากรู้จักเลือกต้นแบบมาสร้างแรงบันดาลใจ จะในภาวะไหนก็ตามจะย่ำแย่แค่ไหนก็จะนึกถึงบุคคลต้นแบบ เราจะมีกำลังใจฟันฝ่าอุปสรรคจนประสบความสำเร็จในที่สุด พระอรหันต์อสีติมหาสาวกแต่ละพระองค์ไม่ใช่สร้างบารมีง่ายๆ มีพลาดทำผิดตกนรกแต่ขุมไม่ลึก แต่ภาพของไอดอลก็ยังอยู่ในใจ ยังมีแรงฮึดจนกระทั่งสุดท้ายพ้นจากนรกมาทำความดีใหม่ จนประสบความสำเร็จในที่สุด
 
          โบราณถึงกล่าวคำว่า "สิทธิ์มีครู" คำนี้ขลัง เพราะลูกศิษย์ที่มีครูอยู่ในหัวใจถึงคราวเจอภาวะคับขันมีอันตรายมาถึง นึกถึงครู จะมีแรงฮึดขึ้นมา ว่าเราก็ศิษย์มีครู ยังมีกำลังใจจนสุดท้ายสามารถคลี่คลายอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงได้ ซึ่งครูในที่นี้ก็คือไอดอลในใจของลูกศิษย์นั้นเอง เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งหลายขอให้แสวงหาบุคคลต้นแบบในชีวิตให้เจอเธอ และชีวิตเราเองจะก้าวย่างไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ



รับชมคลิปวิดีโอความสำเร็จถอดแบบได้ : ทันโลกทันธรรม
ชมวิดีโอความสำเร็จถอดแบบได้ : ทันโลกทันธรรม   Download ธรรมะความสำเร็จถอดแบบได้ : ทันโลกทันธรรม



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
แกร่งอย่างหญิงแกร่งอย่างหญิง

ความมั่นใจสร้างได้ความมั่นใจสร้างได้

กินให้เป็นยากินให้เป็นยา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทันโลกทันธรรม