กุมภชาดก ชาดกว่าด้วยโทษของสุรา


[ 17 มี.ค. 2563 ] - [ 18276 ] LINE it!

ชาดก 500 ชาติ

อุทัญจนีชาดก-ชาดกว่าด้วยหญิงโจร

สหายของนางวิสาขา 500 นาง ต่างพากันเที่ยวงานมหรสพสุรา

สหายของนางวิสาขา ๕๐๐ นาง ต่างพากันเที่ยวงานมหรสพสุรา
  
        ในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภหญิงนักดื่มสุรา ๕๐๐ คน ผู้เป็นสหายของนางวิสาขามหาอุบาสิกา
แล้วจึงตรัสพระธรรมเทศนา นครสาวัตถีมีการจัดมหรสพสุรา หญิง ๕๐๐ คนนั้น ได้จัดเตรียมสุราไว้ให้สามีที่ไปเล่นมหรสพ
 
นางวิสาขาเดินทางไปถวายทานต่อองค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
นางวิสาขาเดินทางไปถวายทานต่อองค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
        จากนั้นจึงพากันไปชักชวนนางวิสาขาให้ไปเล่นมหรสพด้วยกัน “ พวกเรามาชวนเจ้าไปงานมหรสพสุรา ไปด้วยกันนะ ” “ ไม่ละ ข้าไม่ดื่มสุรา พวกเจ้าไปกันเถอะ ” “ ตามใจ
เจ้าไปถวายทานพระพุทธองค์เถิด ส่วนพวกเราจะไปเล่นมหรสพ ” นางวิสาขาส่งคนไปทูลเชิญพระบรมศาสดาถวายมหาทานแล้ว
 
สหายของนางวิสาขาได้ร้องรำทำเพลงเหตุเพราะเมาสุรา
 
สหายของนางวิสาขาได้ร้องรำทำเพลงเหตุเพราะเมาสุรา
 
        จึงนำสิ่งของที่เตรียมไว้ไปยังพระเชตวันมหาวิหาร โดยมีหญิงเหล่านั้นติดตามไปด้วย ขณะที่นางวิสาขาเข้าเฝ้าพระศาสดาอยู่นั้น บรรดาหญิงเหล่านั้น บางคนก็ฟ้อนรำ
บางคนก็คะนองมือคะนองเท้าจนทะเลาะวิวาทกัน “ ชะเอิงเอย ข้าฟ้อนรำสวยรึเปล่า ”

สหายของนางวิสาขาก่อเหตุทะเลาะวิวาทแย่งสุรากันดื่ม
 
สหายของนางวิสาขาก่อเหตุทะเลาะวิวาทแย่งสุรากันดื่ม
 
        “ เอ่อ นั้นขวดสุราของข้า เอาคืนมา ไม่งั้นแก่เจอดีแน่ ๆ ” “ ของข้าต่างหาก หาว่าข้าขโมยเหรอต้องเจอดีแน่ ๆ นี่แน่ะ นี่แน่ะ ” พระศาสดาเห็นดังนั้นจึงทรงแสดง
อิทธิปาฏิหาริย์ประทับทรงยืนอยู่ ณ ยอดสิเนรุบรรพต เปล่งพระรัศมีออกจากพระอุนาโลมเหมือนมีพระจันทร์และพระอาทิตย์ขึ้นถึง ๑,๐๐๐ ดวง
 
พระศาสดาทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์และแสดงพระคาถาแก่บรรดาเหล่าสหายของนางวิสาขา
 
พระศาสดาทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์และแสดงพระคาถาแก่บรรดาเหล่าสหายของนางวิสาขา
 
       พร้อมกับแสดงพระคาถา “ ท่านทั้งหลายจะมัวร่าเริงบันเทิงกันอยู่ทำไม ในเมื่อโลกกำลังลุกเป็นไฟอยู่เนืองนิจ ท่านทั้งหลายอันความมืดมิดหุ้มห่อแล้ว ยังไม่พากัน
แสวงหาประทีป คือ ที่พึ่งอีกหรือ ” เมื่อจบพระคาถาหญิงทั้ง ๕๐๐ เหล่านั้นก็บรรลุโสดาปัตติผล
 
สหายของนางวิสาขา ๕๐๐ นาง ต่างบรรลุโสดาปัตติผลหลังจากฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเองค์
 
สหายของนางวิสาขา ๕๐๐ นาง ต่างบรรลุโสดาปัตติผลหลังจากฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเองค์
 
        เมื่อพระศาสดาเสด็จลงมายังที่ประทับแล้ว นางวิสาขาจึงทูลถามถึงที่มาของสุรา อันเป็นเครื่องทำลายหิริโอตัปปะนี้ พระศาสดาจึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาทก
อดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี มีนายพรานผู้หนึ่งชื่อว่า สุระ เป็นชาวแคว้นกาสี ออกหาของป่าในป่าหิมพานต์
 
นางวิสาขาได้ทูลถามถึงที่มาของสุราจากพระพุทธองค์
 
นางวิสาขาได้ทูลถามถึงที่มาของสุราจากพระพุทธองค์
 
       ในป่าหิมพานต์นั้นมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งสูงเท่าคนยืน แตกเป็นสามคาคบ มีโพรงใหญ่ขนาดเท่าตุ่มเมื่อฝนตกก็เต็มไปด้วยน้ำ รวมทั้งผลสมอ มะขามป้อมและเถาพริกไทย
ที่สุกร่วงจากต้นที่ขึ้นโดยรอบ ใกล้ ๆ ต้นไม้นั้นมีทุ่งข้าวสาลีเกิดขึ้นเอง นกแขกเต้าคาบเอารวงข้าวสาลีจากที่นั้น
 
นายพรานสุระชาวแคว้นกาสีออกหาของป่าในป่าหิมพานต์
 
นายพรานสุระชาวแคว้นกาสีออกหาของป่าในป่าหิมพานต์
     
       แล้วบินไปจับกินอยู่บนต้นไม้นั่น เมล็ดข้าวเปลือกและเมล็ดข้าวสารก็หล่นลงไปในโพรงนั้น “ อือ ข้าวสาลีมากมายขนาดนี้ กินอิ่มไปถึงปีหน้าเลยนะเนี่ย ” “ นั้นสิคาบมาสะเยอะเลย
อุ๊ย! นั่นร่วงไปแล้วหลายเม็ดเชียว ” เมื่อเข้าฤดูร้อน ฝูงนกกระหายน้ำ บินมากินน้ำที่ต้นไม้นั้น
 
โพรงไม้ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยน้ำฝน ผลสมอ มะขามป้อม และเถาพริกไทยที่สุกแล้วร่วงหล่นลงมา
 
โพรงไม้ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยน้ำฝน ผลสมอ มะขามป้อม และเถาพริกไทยที่สุกแล้วร่วงหล่นลงมา
 
        ก็มึนเมาพลัดตกลงไปที่โคนต้นไม้นั้น ม่อยหลับไปสักครู่หนึ่งก็ตื่น แล้วก็บินจากไป รวมถึงฝูงลิงก็เช่นกัน “ เอ้ นี่มันน้ำอะไรกันนี่ ยิ่งดื่มมันก็ยิ่งมึน ” “โอ้ย ไม่ไหว ๆ
หัวหมุนติ้ว ๆ เลย ” “ เจี๊ยก ๆ ยิ่งดื่มยิ่งมึน แต่ก็อยากดื่มอีก ” “ อ้าวหลับไปสะแล้ว ” “ ข้าก็ชักไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ” 
 
บรรดาสัตว์น้อยใหญ่พากันมากินน้ำในโพรงไม้แล้วก็พากันหลับไป
 
บรรดาสัตว์น้อยใหญ่พากันมากินน้ำในโพรงไม้แล้วก็พากันหลับไป
 
        วันหนึ่งนายพรานสุระผ่านมาพบเห็นสิ่งแปลกประหลาดนั้นเข้า ก็เกิดความสงสัยว่า ทำไมหากน้ำนั่นมีพิษ แล้วสัตว์เหล่านั้นจึงฟื้นขึ้นมาได้ จึงลองตักน้ำนั้นมาดื่มเอง
“ แปลกจริง ๆ นี่มันน้ำอะไรกัน แบบนี้ต้องลองดื่มดูสะหน่อยแล้ว อืม รสชาติแปลกดี ดื่มแล้วก็ชักอยากจะกินเนื้อแล้วสิ เอานกพวกนี้มาย่างกินดีกว่า ”

นายพรานสุระได้เฝ้ามองบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ที่กินน้ำแล้วก็พากันหลับร่วงลงจากต้นไม้
 
นายพรานสุระได้เฝ้ามองบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ที่กินน้ำแล้วก็พากันหลับร่วงลงจากต้นไม้
  
        เมื่อนายพรานสุระลองดื่มน้ำนั้นแล้ว ก็เกิดอาการมึนเมาอยากจะกินเนื้อสัตว์ จึงก่อไฟย่างนกที่ร่วงลงมาพื้นดินนั้นกิน มือหนึ่งฟ้อนรำ มือหนึ่งก็ถือนกย่างกัดกินเป็นอยู่อย่างนี้
ถึง ๒ วัน จึงออกเดินหาของป่าโดยไม่ลืมตักน้ำใส่กระบอกไม้ไผ่นำไปดื่มด้วย
 
นายพรานสุระได้ลองดื่มน้ำจากโพรงไม้ใหญ่    

นายพรานสุระได้ลองดื่มน้ำจากโพรงไม้ใหญ่
 
        ณ ที่ใกล้ ๆ กันนั้น มีดาบสชื่อวรุณบำเพ็ญพรตอยู่ นายพรานสุระพบเห็นดาบส จึงชวนให้มาดื่มน้ำกับกินเนื้อย่างด้วยกัน เพราะเหตุนี้จึงเรียกน้ำนั้นว่า สุราบ้าง วรุณีบ้าง
ตามชื่อของพรานและดาบสนั้นเอง “ ท่านดาบสลองดื่มน้ำนี่ดูเถิด ” “ น้ำนี่ ยิ่งดื่มยิ่งเพลิน ข้าว่านะ เรานำน้ำนี่ไปขายคงได้เงินมากมายเชียวล่ะ ”
 
นายพรานสุระมึนเมาจากการดื่มน้ำและได้ร้องรำทำเพลงอยู่เป็นเวลา ๒ วัน
 
นายพรานสุระมึนเมาจากการดื่มน้ำและได้ร้องรำทำเพลงอยู่เป็นเวลา ๒ วัน
  
       เมื่อดื่มน้ำนั้นด้วยกัน คนทั้งสองจึงเกิดความคิดในประกอบอาชีพได้อย่างหนึ่ง จึงพากันตักน้ำใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วหาบเข้าเมืองไปถวายพระราชา พระราชาเสวยแล้ว
เกิดติดใจในรสชาติ จึงรับสั่งให้คนทั้งสองนำมาถวายอีก พร้อมกับประทานรางวัลให้
 
นายพรานสุระได้มาเจอดาบสวรุณีเลยชวนกันดื่มน้ำจากโพรงไม้นั้น
 
นายพรานสุระได้มาเจอดาบสวรุณีเลยชวนกันดื่มน้ำจากโพรงไม้นั้น
 
        “ น้ำนี่ช่างรสชาติดีจริง ๆ เอ้า นี่เป็นรางวัลของพวกท่าน ท่านจงไปเอาน้ำนี้มาให้เราอีก ” “ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ” นายพรานสุระและดาบสวรุณนำน้ำนั้นมาถวายพระราชาอีก
เมื่อหมดก็รับสั่งให้นำมาถวายอีก คนทั้งสองจึงปรึกษากันว่า ปรุงน้ำนั้นเสียเอง แล้วจดจำส่วนประกอบของน้ำนั้น เพื่อนำมาปรุงถวายพระราชา
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้นำน้ำจากโพรงไม้มาถวายพระราชา
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้นำน้ำจากโพรงไม้มาถวายพระราชา
 
       “ โอ้ยเหนื่อย เดินไปกลับแบบนี้มาไหวแน่ ” “ นั่นสิ ข้าว่าเราจำส่วนผสมแล้วมาปรุงเองดีกว่า ” คนทั้งสองจดจำส่วนประกอบแล้วนำมาปรุงในเมือง ถวายพระราชา
และให้แก่ประชาชนทั่วไป ชาวเมืองพากันดื่มสุราจนมัวเมา ไม่สนใจประกอบอาชีพ จึงมีฐานะยากจนเข็ญใจไปตาม ๆ กัน
 
พระราชาทรงประทานรางวัลให้แก่ดาบสวรุณีและนายพรานสุระ
 
พระราชาทรงประทานรางวัลให้แก่ดาบสวรุณีและนายพรานสุระ
 
       ไม่นานเมืองนั้นก็เป็นเหมือนเมืองร้าง มีแต่นักเลงสุรา ไม่มีคนทำมาหากินอะไร คนทั้งสองเห็นว่าชาวเมืองไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะซื้อสุราของตน จึงหลบหนีออกจากเมืองนั้น
ไปยังนครพาราณสี “ คนเมืองนี้ยากจน ไม่มีเงินจะซื้อสุราจากเราแล้ว ” “ นั่นสิ ข้าว่าเราไปปรุงสุราขายที่เมืองพาราณสีดีกว่า ” 
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้เข้าป่าและนำน้ำที่โพรงไม้มาถวายพระราชาอีกตามรับสั่ง
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้เข้าป่าและนำน้ำที่โพรงไม้มาถวายพระราชาอีกตามรับสั่ง
 
       เจ้าเมืองพาราณสีให้การต้อนรับผู้ปรุงสุราทั้งสองเป็นอย่างดี และได้พระราชทานเสบียงแก่คนทั้งสอง ช่วยกันจัดการปรุงสุราขึ้น “ เราได้ให้ทหารเตรียมของสำหรับปรุงสุรา
ให้แล้ว พวกท่านจงปรุงสุรามาให้เราเถิด ” “ ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ” นายพรานสุระและดาบสวรุณปรุงสุราขายให้ชาวเมืองเช่นเคย
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้ปรุงสุราถวายพระราชาและจำหน่ายให้ประชาชนในแคว้นกาสี
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้ปรุงสุราถวายพระราชาและจำหน่ายให้ประชาชนในแคว้นกาสี
 
       ไม่นานเมืองพาราณสีก็พินาศด้วยสุรากลายเป็นเมืองร้างไปอีก คนทั้งสองจึงหนีออกเมืองพาราณสีไปยังเมืองสาเกต ซึ่งก็เกิดเหตุไม่ต่างไปจากเมืองพาราณสี สุดท้าย
คนทั้งสองก็หนีออกไปจากเมืองสาเกตเพื่อไปยังเมืองสาวัตถี “ ชาวเมืองพวกนี้ ไม่มีเงินจะซื้อสุราของเราแล้ว ”

ผู้คนพากันเมาสุราไม่ทำมาหากินและยากจนลงเรื่อยๆ
 
ผู้คนพากันเมาสุราไม่ทำมาหากินและยากจนลงเรื่อยๆ
 
       “ นั่นสิ เหม็นสาบคนจนจริง ๆ เราไปขายสุรากันที่เมืองสาวัตถีดีกว่า ” พระเจ้าสรรพมิตรผู้ปกครองเมืองสาวัตถี ได้ให้การต้อนรับคนทั้งสองเป็นอย่างดี และให้ทำการ
ปรุงสุรามาถวายเช่นเดียวกับเจ้าเมืองอื่น ๆ ขณะเดียวกันก็ส่งทหารสอดแนมให้ไปสังเกตดูพฤติกรรมของคนทั้งสองด้วย
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้ย้ายมาปรุงสุราถวายพระราชาที่เมืองพาราณสี
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้ย้ายมาปรุงสุราถวายพระราชาที่เมืองพาราณสี
 
       “ ทหารพวกเจ้าจงไปเฝ้าสังเกตดู อย่าให้คลาดสายตาเชียวนะ ” “ พระเจ้าค่ะ ” พรานสุระและวรุณดาบสปรุงสุราใส่ตุ่ม ๕๐๐ ใบ แล้วผูกแมวไว้ข้างตุ่มใบละตัวเพื่อป้องกัน
ไม่ให้หนูมารบกวน แมวเหล่านั้นเมื่อหิวน้ำจึงดื่มน้ำในตุ่ม จนมึนเมาหลับไป พวกหนูมาแทะหู จมูก หนวกและหาง แมวก็ไม่ตื่น
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้ย้ายไปปรุงสุราที่เมืองสาเกต
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีได้ย้ายไปปรุงสุราที่เมืองสาเกต
 
      “ น้ำอะไรกันนี่ ยิ่งดื่มยิ่งแซ่บ ” “ เหมี้ยว ม่ายไหวแล้วยิ่งดื่มยิ่งมึน หลับดีกว่า ” “ เฮ้ พวกเราเจ้าแมวมันหลับไปแล้ว ” “ ดีล่ะ พวกเราแทะหู แทะหางของมัน ให้แหว่งไปเลย
ฮะ ฮ่า ฮ่า ” คนสอดแนมคิดว่าแมวดื่มสุราแล้วพากันตายหมด จึงรีบกลับไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ

ดาบสวรุณีและนายพรานสุระย้ายจากเมืองสาเกตมาปรุงสุรายังเมืองสาวัตถี
 
ดาบสวรุณีและนายพรานสุระย้ายจากเมืองสาเกตมาปรุงสุรายังเมืองสาวัตถี
 
        พระเจ้าสรรพมิตรทรงคิดว่าคนปรุงสุราทั้งสองปรุงทำยาพิษเพื่อปลงพระชนม์ จึงรับสั่งให้ทหารจับคนทั้งสองมาประหาร แม้คนทั้งสองจะพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่เป็นผล
“ พวกเจ้าคิดจะวางยาข้า โทษคือตายสถานเดียว ” “ พวกเราไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอกพระเจ้าค่ะ ” “ พวก..พวกเรา ปรุงสุราตามรับสั่งจริง ๆ ”
 
พระเจ้าสรรพมิตรส่งทหารให้ไปสอดแนมดูพฤติกรรมของนายพรานสุระและดาบสวรุณี
 
พระเจ้าสรรพมิตรส่งทหารให้ไปสอดแนมดูพฤติกรรมของนายพรานสุระและดาบสวรุณี
 
       “ ทหารเอามันไปตัดหัว ” ครั้นพระราชาสั่งให้ประหารชีวิตคนทั้งสองแล้ว ก็สั่งให้ทำลายตุ่มเสีย ฝ่ายแมวทั้งหลายเมื่อสิ้นฤทธิ์สุราก็ตื่นลุกขึ้นวิ่งเล่นได้ พวกราชบุรุษ
เห็นดังนั้นจึงกราบทูลให้ทรงทราบ พระราชาจึงมีรับสั่งให้นำมาถวาย “ แมวพวกนั้นไม่ตาย แสดงว่าไม่ใช่ยาพิษสินะ
 
แมวที่ถูกผูกไว้ข้างตุ่มพากันดื่มน้ำสุราเพราะความหิวกระหายน้ำ
 
แมวที่ถูกผูกไว้ข้างตุ่มพากันดื่มน้ำสุราเพราะความหิวกระหายน้ำ
 
        ถ้าเช่นนั้นข้าจะลองดื่มดู ” ในขณะนั้นท้าวสักกเทวราชทรงตรวจดูสัตว์โลก ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้าสรรพมิตรกำลังประทับนั่งเพื่อจะดื่มสุรา ทรงรู้ว่าหากพระราชา
ทรงดื่มน้ำสุรานี้ จะทำให้บ้านเมืองฉิบหาย จึงจำแลงกายเป็นพราหมณ์ถือหม้อที่เต็มไปด้วยสุราไว้ที่พระหัตข้างหนึ่ง ยืนอยู่ในอากาศที่หน้าพระพักตร์
 
บรรดาหนูต่างพากันมาแทะหู แทะหางแมวที่หลับไปเพราะฤทธิ์ของสุรา
 
บรรดาหนูต่างพากันมาแทะหู แทะหางแมวที่หลับไปเพราะฤทธิ์ของสุรา
 
          “ พวกท่านทั้งหลายจงซื้อหม้อใบนี้เถิด ”  “ ท่านเป็นใครมาร้องขายหม้ออยู่กลางอากาศเช่นนี้ ” “ หม้อใบนี้เป็นหม้อที่มีโทษมาก ผู้ใดดื่มน้ำในหม้อนี้จะเสียผู้เสียคน
ควบคุมสติไม่ได้ ทั้งแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม บ้างก็เหมือนคนบ้า บ้างก็ด่าทอทะเลาะวิวาท
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีถูกลงโทษประหารชีวิตเหตุเพราะพระเจ้าสรรพมิตรได้เกิดความเข้าใจผิด
 
นายพรานสุระและดาบสวรุณีถูกลงโทษประหารชีวิตเหตุเพราะพระเจ้าสรรพมิตรได้เกิดความเข้าใจผิด
 
       ด่าบิดามารดา ฆ่าสมณะชีพราหมณ์ได้ น้ำในหม้อใบนี้เป็นน้ำสุรา หากประสงค์จะเห็นความพินาศของตนและบ้านเมือง ก็จงซื้อไปดื่มเถิด ” เมื่อได้ฟังท้าวสักกะเทวราช
กล่าวถึงโทษของการดื่มสุราแล้ว พระเจ้าสรรพมิตรจึงทรงงดดื่มสุรา ยกย่องพราหมณ์นั้นเป็นอาจารย์และมอบรางวัลให้
 
บรรดาแมวต่างพากันตื่นมาวิ่งเล่นหลังจากที่หายมึนเมาจากฤทธิ์สุรา
 
บรรดาแมวต่างพากันตื่นมาวิ่งเล่นหลังจากที่หายมึนเมาจากฤทธิ์สุรา
 
       “ ท่านช่างมีน้ำใจกับเรา เราขอมอบเงินส่วย ๕ ตำบล ภาษี ๕๐๐ คน วัว ๗๐๐ ตัว รถม้าอาชาไนยอีก ๑๐ คันแก่ท่าน ขอท่านจงเป็นอาจารย์เราเถิด ” ท้าวสักกะเทวราช
ทรงสดับเช่นนั้น มิทรงกลับร่างเดิมประทับยืนบนอากาศ ปฏิเสธรางวัล แล้วทรงประทานโอวาทแก่พระเจ้าสรรพมิตร
 
ท้าวสักกะเทวราชจำแลงกายเป็นพราหมณ์มาเตือนสติพระเจ้าสรรพมิตร
 
ท้าวสักกะเทวราชจำแลงกายเป็นพราหมณ์มาเตือนสติพระเจ้าสรรพมิตร
 
       แล้วจึงเสด็จกลับไปยังสถานวิมานของพระองค์ทันที “ สิ่งที่ท่านจะมอบให้เรานั้นทรงเก็บไว้เถอะ เราขอเพียงให้พระองค์ทรงตั้งอยู่ในธรรมอย่าประมาทเถิด ” ฝ่ายพระเจ้าสรรพมิตร
เมื่อไม่ทรงดื่มสุรา ก็ตรัสสั่งให้ทำลายภาชนะสุราสิ้นแล้วทรงสมาทานศีล บริจาคทานได้เป็นผู้มีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า
 
ท้าวสักกะคืนกลับร่างเดิมแล้วทรงประทานโอวาทแก่พระเจ้าสรรพมิตร
 
ท้าวสักกะคืนกลับร่างเดิมแล้วทรงประทานโอวาทแก่พระเจ้าสรรพมิตร
 
       นับจากนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุปันการดื่มสุราเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางแม้ในชมพูทวีป พระบรมศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้วทรงประชุมชาดกว่า
 

พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์
ส่วนท้าวสักกเทวราช ได้มาเป็น เราฉะนี้แล
 

รับชมคลิปวิดีโอกุมภชาดก ชาดกว่าด้วย โทษของสุรา
ชมวิดีโอกุมภชาดก ชาดกว่าด้วย โทษของสุรา   Download ธรรมะกุมภชาดก ชาดกว่าด้วย โทษของสุรา
 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สุชาตกุมารชาดก ชาดกว่าด้วยการพรากจากสิ่งที่เป็นทุกข์สุชาตกุมารชาดก ชาดกว่าด้วยการพรากจากสิ่งที่เป็นทุกข์

โรหนมิคชาดก ชาดกว่าด้วยความรักในสายเลือดโรหนมิคชาดก ชาดกว่าด้วยความรักในสายเลือด

คังเคยชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ชอบโอ้อวดคังเคยชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ชอบโอ้อวด



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

นิทานชาดก 500 ชาติ