ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 30


[ 16 พ.ย. 2550 ] - [ 18263 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 30


        จากตอนที่แล้ว  พระเจ้าวิเทหราชครั้นทอดพระเนตรเห็นพวกกะเทย จึงตรัสถามด้วยน้ำเสียงปนพระสรวลว่า   พวกเจ้ามาทำไมกันหรือ  ครั้นทรงทราบว่าพวกนางนำข้าวเปรี้ยวมาถวาย พร้อมทั้งได้สดับวิธีในการหุงข้าวอันประกอบด้วยองค์แปดของมโหสถบัณฑิต ก็ทรงพอพระทัย

ต่อมาไม่นาน เหล่าราชบุรุษก็มาสู่ปาจีนยวมัชฌคามอีกพร้อมกับพระราชโองการว่า พระราชาเคยมีชิงช้าพรวนทรายอยู่อันหนึ่ง แต่บัดนี้เชือกทรายเส้นเก่าเปื่อยขาด ใช้การไม่ได้ จึงขอให้ชาวปาจีนยวมัชฌคามฟั่นเชือกทรายเส้นใหม่มาถวาย หากฟั่นมาถวายไม่ได้ ก็จักปรับพันกหาปณะ

        ปัญหาของพระราชาในครั้งนี้ ได้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับชาวปาจีนยวมัชฌคามยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา  ท่านผู้เฒ่าถึงกับอุทานขึ้นว่า “ตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้แล้ว ข้าก็เพิ่งจะเคยได้ยินนี่เเหละว่า เขาเอาทรายมาฟั่นเป็นเชือกได้”

ในที่ประชุม ทุกคนต่างก็บ่นพึมพำว่าจะทำได้อย่างไร ไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยิน ว่าเคยมีเชือกทรายเกิดขึ้นในโลกนี้ ในที่สุดก็ตกลงกันว่า ปัญหายากอย่างนี้คงต้องถึงมโหสถอีกเช่นเคย แล้วก็พากันนำปัญหานั้นมาขอความช่วยเหลือจากมโหสถ
 
        มโหสถครั้นได้รับฟังปัญหานั้นแล้วก็บอกว่าไม่ยากอะไร ว่าแล้วก็เรียกบุรุษผู้เป็นตัวแทนของชาวบ้านมา แล้วแนะวิธีย้อนปัญหาให้  พร้อมกำชับว่า “หากว่าพระราชาตรัสถามสิ่งใด จงอย่าได้แสดงอาการพรั่นพรึง ขอเพียงแต่กราบบังคมทูลพระองค์ไปตามนี้ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย”

        วันรุ่งขึ้นบุรุษนั้นจึงได้ออกเดินทางไปเข้าเฝ้าพระราชา หลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานให้เข้าเฝ้าพระราชาได้ บุรุษผู้เป็นตัวแทนของชาวปาจีนยวมัชฌคามก็เข้าสู่ท้องพระโรงด้วยความองอาจสง่าผ่าเผย เข้าไปคุกเข่า อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ กราบถวายบังคมพระราชา   ยังไม่ทันจะเงยหน้าขึ้น พระเจ้าวิเทหราชก็รีบตรัสถามว่า “เจ้ามาจากบ้านปาจีนวยมัชคามหรือ”
 
    “พระเจ้าค่ะ ข้าพระบาทมาจากหมู่บ้านปาจีนยวมัชคาม”

    ท้าวเธอทรงแปลกพระทัยไม่น้อย ด้วยทรงดำริว่า “เมื่อวานเราเพิ่งจะสั่งให้ทำเชือกพรวนทรายไป นี่แค่เพียงชั่วข้ามคืน ก็มีข่าวมาถึงเราแล้วหรือ”
ครั้นดำริเช่นนี้แล้ว ก็มีรับสั่งถามว่า
 
        “ก็เชือกทรายที่เราสั่งให้พวกท่านฟั่นมานั้น สำเร็จแล้วรึ?”
 
        “หามิได้พระเจ้าค่ะ”

        “แล้วบัดนี้ มีอะไรคืบหน้าบ้างล่ะ”   
 
        “ขอเดชะ พระองค์ผู้สมมติเทพ ตามที่พระองค์ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พวกข้าพระบาทช่วยกันฟั่นเชือกทรายนั้น บัดนี้พวกข้าพระบาทกำลังเร่งทำตามพระราชประสงค์อย่างสุดกำลังความสามารถ พระเจ้าค่ะ”

        “ก็ดี แล้วเจ้ามาเข้าเฝ้าเราด้วยกิจอันใดหรือ” พระราชาตรัสถามด้วยพระสุรเสียงกึกก้องน่าเกรงขาม จนชายผู้นั้นเริ่มใจไม่ดี  แต่ครั้นนึกถึงคำที่มโหสถเตือนไม่ให้แสดงอาการประหวั่นพรั่นพรึงต่อหน้าพระราชา เขาก็รวบรวมความกล้า แล้วกราบทูลแด่พระราชาว่า
 
        “ข้าพระบาทมาในที่นี่ ด้วยมีเหตุขัดข้องอยู่บางประการ พระพุทธเจ้าข้า”

        “เหตุขัดข้องอะไรกัน”  พระราชาทรงซัก 
 
        “ข้าพระบาทกำลังจะกราบทูลพระองค์ในบัดนี้ พระเจ้าข้า” 
 
        “เจ้ามีอะไรก็ว่ามา” พระองค์รับสั่งถามด้วยทรงแปลกพระทัย

        “คืออย่างนี้พระเจ้าค่ะ...วานนี้พระองค์เพียงแต่รับสั่งให้ฟั่นเชือกทรายมาถวายเส้นหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ทรงกำหนดขนาดให้แน่ชัด ว่าจะให้ฟั่นกี่เกลียว และฟั่นในลักษณะใด พวกข้าพระบาทต่างก็ไม่แน่ใจ จึงกลับมาทูลถามขนาดและรูปแบบให้แน่ชัด เพื่อจะได้ทำมาถวายให้ถูกต้องตามพระประสงค์ ดังนั้น ขอพระองค์ทรงโปรดพระราชทานเชือกทรายเส้นเก่าให้พวกข้าพระพุทธเจ้านำไปดูเป็นตัวอย่างสักคืบหนึ่งก็เพียงพอแล้ว พระเจ้าข้า” 

        พระราชาได้ทรงสดับดังนั้น ก็ทรงเปล่งพระอุทานขึ้นว่า “เจ้าพูดอะไรกัน! ในพระราชวังของเรายังไม่เคยมีเชือกทรายแม้แต่คืบเดียว เราจะหาเชือกทรายมาให้เจ้าดูเป็นตัวอย่างได้อย่างไรกัน”

        ชายผู้นั้นกราบทูลด้วยน้ำเสียงชวนให้สงสารว่า “ขอพระองค์ทรงโปรดฯชาวปาจีนยวมัชฌคามด้วยเถิด พระเจ้าข้า เพราะหากว่าไม่มีตัวอย่างแล้วไซร้ พวกข้าพระบาทก็คงไม่อาจฟั่นเชือกทรายได้แน่ พระพุทธเจ้าค่ะ”

        พระองค์ได้ฟังดังนั้น แทนที่จะสงสาร พระองค์กลับทรงขุ่นเคืองไม่น้อย ตรัสด้วยพระสุรเสียง ดังกึกก้องเพราะเหตุที่ทรงรำคาญ “เจ้านี่พิลึกคน ก็เราบอกแล้วอย่างไรล่ะ ว่าไม่มี ไม่มี และก็ยังไม่เคยมีมาก่อนด้วย แล้วเจ้าจะให้เอามาแต่ที่ไหน”

        ครั้นท้าวเธอทรงตรัสเช่นนั้น ชายผู้นั้นก็ดีใจว่า “เหตุการณ์ทุกอย่างช่างเป็นไปตามแผนที่มโหสถคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด”

จึงทูลถามพระราชาไปตามอุบายของมโหสถว่า “เมื่อในวังของพระองค์เอง ก็ยังไม่เคยมีเชือกทรายมาก่อน นั่นแสดงว่ายังไม่มีใครได้เคยเล่นชิงช้าพรวนทราย  หากว่าเป็นเช่นนั้น ข้าพระบาทในนามชาวปาจีนยวมัชฌคาม ใคร่จะทูลถามพระองค์ว่า ที่พระองค์รับสั่งให้ฟั่นเชือกพรวนทรายมาถวายนั้น พระองค์มั่นใจหรือว่าพวกข้าพระบาทจะสามารถนำมาถวายได้จริงๆ พระพุทธเจ้าข้า”

ท้าวเธอทรงอึกอัก ประทับนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะรับสั่งถามว่า “เจ้าช่างย้อนปัญหาได้คมคายนัก ก็ใครเป็นคนส่งพวกเจ้ามาหรือ”

        “ขอเดชะ พระบารมีปกเกล้าฯ”  เขากราบทูลอย่างองอาจ 
 
        “มโหสถบัณฑิต บุตรชายของท่านสิริวัฒกะ เป็นคนส่งข้าพระบาทมากราบบังคมทูลอย่างนี้ พระเจ้าข้า”

ท้าวเธอทรงสดับแล้ว พระหฤทัยก็เต็มตื้นไปด้วยพระปีติโสมนัส ถึงกับตรัสชื่นชมมโหสถสั้นๆ ผ่านชายผู้เป็นตัวแทนว่า “อ่อ..มโหสถบัณฑิตเองรึนี่ ดีล่ะ เจ้าจงกลับไปบอกมโหสถเถอะว่า เราพอใจในการย้อนปัญหาของเจ้ามาก”
ตรัสดังนี้แล้ว ก็ให้ส่งชายผู้นั้นกลับไปโดยได้พระราชทานรางวัลให้เขาตามสมควร 
       
        จากนั้นจึงได้เรียกตัวท่านอาจารย์เสนกะมาหารือ เรื่องที่พระองค์ทรงตัดสินพระทัยที่จะรับมโหสถเข้ามาสู่ราชสำนัก แต่แล้วก็ถูกท่านเสนกะขอร้องให้ทรงยับยั้งเรื่องนั้นไว้ก่อนอีกเช่นเคย เมื่อขัดไม่ได้จึงต้องทรงยอมไปตามนั้น ส่วนว่าพระองค์จะทรงมีปัญหาอะไรมาทดสอบปัญญามโหสถอีกนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
 
 
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 31ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 31

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 32ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 32

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 33ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 33



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก