ปัพพตูปัตถรชาดก ชาดกว่าด้วยอภัยโทษ


[ 17 ก.ค. 2563 ] - [ 18279 ] LINE it!

ชาดก 500 ชาติ

ปัพพตูปัตถรชาดก-ชาดกว่าด้วยอภัยโทษ

พระเจ้าโกศลทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม

พระเจ้าโกศลทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม
  
        ครั้งเมื่อพระเจ้าโกศลขึ้นครองราชย์สมบัติ พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม บ้านเมืองเจริญสมบูรณ์ พสกนิกรล้วนอยู่กันอย่างมีความสุข ครั้งนั้นได้มีผู้กล่าวขาน
ถึงพระองค์มากมายรวมทั้งต่างชื่นชมและยกย่องบุคคลที่อยู่เคียงข้างพระองค์ด้วย นั่นคือ เทวีผู้งดงามและองครักษ์คู่ใจของพระองค์
 
พระเจ้าโกศลทรงมีผู้เป็นที่รักคือองครักษ์คู่ใจและพระเทวีที่แสนจะงดงาม
 
พระเจ้าโกศลทรงมีผู้เป็นที่รักคือองครักษ์คู่ใจและพระเทวีที่แสนจะงดงาม
 
        ที่มีฝีมือสู้รบเก่งกาจและสามารถช่วยพระองค์คิดอ่านปกครองบ้านเมืองได้อย่างสมบูรณ์ พระเทวีนั้นทรงทำให้จิตใจของพระเจ้าโกศลชุ่มชื่นมีความสุข ยามใดที่พระองค์ทรง
เหน็ดเหนื่อยหรือมีปัญหาทุกข์ใจ พระนางก็จะให้กำลังใจปรนนิบัติจนพระองค์ทรงลืมความเหน็ดเหนื่อยทุกข์ใจนั้น  “ วันนี้มีราชกิจมากไหมเพค่ะ พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยมา
หม่อมฉันนวดให้ดีไหมเพค่ะ ”
 
 
พระเทวีทรงอยู่เคียงข้างพระเจ้าโกศลคอยปรนนิบัติรับใช้ด้วยพระองค์เอง
 
พระเทวีทรงอยู่เคียงข้างพระเจ้าโกศลคอยปรนนิบัติรับใช้ด้วยพระองค์เอง
 
        ส่วนองครักษ์คู่ใจนั้นพระองค์ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน บุรุษผู้นี้คอยเป็นที่ปรึกษาช่วยหาทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต่าง ๆ ถึงตอนมีศึกสงครามก็สามารถออกรบแทนพระองค์
ได้อย่างกล้าหาญ พระองค์คงไม่สามารถปกครองบ้านเมืองให้ดีไม่เท่านี้เลย หากขาดราชองครักษ์ผู้นี้ไป “ ขอเวลาหม่อมฉันสัก 2-3 วันเถิดพระเจ้าค่ะ

องครักษ์คู่ใจเป็นที่รักและไว้วางใจคอยเป็นที่ปรึกษาและช่วยเหลือพระเจ้าโกศลในด้านกิจการบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี
 
องครักษ์คู่ใจเป็นที่รักและไว้วางใจคอยเป็นที่ปรึกษาและช่วยเหลือพระเจ้าโกศลในด้านกิจการบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี
 
        หม่อมฉันจะไปสืบราชการลับนี้ให้พระองค์เอง ” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระเจ้าโกศลทรงรักพระเทวีและโปรดปรานองครักษ์ผู้นี้มาก บ่อยครั้งที่เวลาพระองค์เสด็จไปที่ไหน
ก็จะมีทั้งสองคนนี้ข้างกายอยู่เสมอ แต่ก็เหมือนไฟที่อยู่ใกล้น้ำมันเมื่อองครักษ์หนุ่มรูปงามได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพระเทวี ทั้งสองก็แอบมีใจให้กัน
 
องครักษ์และพระเทวีของพระเจ้าโกศลแอบมีใจให้กันและมักจะแอบนัดพบกันเสมอ
 
องครักษ์และพระเทวีของพระเจ้าโกศลแอบมีใจให้กันและมักจะแอบนัดพบกันเสมอ
 
        ถึงแม้จะรู้สึกผิดต่อพระเจ้าโกศลแต่ทั้งสองก็มิอาจห้ามใจตัวเองได้ “ ขอพี่กอดน้องให้นานกว่านี้อีกนิดเถอะนะจ๊ะ หัวใจของพี่จะขาดรอน ๆ อยู่แล้ว เมื่อเห็นเจ้าเคียงคู่กับพระราชา ”
“ หัวใจของน้องก็เจ็บไม่น้อยไปกว่าพี่หรอกจ๊ะ แม้น้องจะอยู่ในอ้อมกอดของพระราชา แต่ใจของน้องกลับคิดถึงอกอันอบอุ่นของพี่เท่านั้น
 
องครักษ์และพระเทวีรู้สึกผิดต่อพระเจ้าโกศลทุกครั้งที่ตนทั้งสองแอบนัดพบกัน
 
องครักษ์และพระเทวีรู้สึกผิดต่อพระเจ้าโกศลทุกครั้งที่ตนทั้งสองแอบนัดพบกัน
 
        เราจะทำอย่างไรดีล่ะ ครั้นจะทรงให้ละทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไปด้วยกัน น้องก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ พระราชามีคุณต่อน้องมากนัก ” แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้น
เมื่อพระเจ้าโกศลเสด็จผ่าน ณ อุทยานและทรงเห็นพระเทวีและองครักษ์แอบพลอดรักกัน พระองค์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าคนทั้งสองจะทรยศต่อพระองค์ได้
 
พระเจ้าโกศลทรงเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นภาพพระเทวีและองครักษ์แอบมาพบกัน
 
พระเจ้าโกศลทรงเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นภาพพระเทวีและองครักษ์แอบมาพบกัน
 
        พระเจ้าโกศลทั้งเสียใจ ทั้งโกรธแค้นบุคคลทั้งสอง รับสั่งให้กักขังทั้งสองคนไว้ให้อยู่แต่ในที่พัก แต่พระองค์ก็ทรงทำได้แต่เพียงเท่านั้น ครั้นจะลงโทษให้ถึงเจ็บถึงตายพระองค์
ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากรักคนทั้งสองดั่งชีวิต ครั้นจะปล่อยไปก็ทรงทำไม่ได้ เพราะทั้งสองคนได้ทำให้พระองค์ทรงเจ็บแค้นพระหฤทัยมาก ราชองครักษ์เมื่อถูกพระเจ้าโกศล
จับได้ว่าคิดก่อการร้ายเป็นชู้กับพระเทวีก็รู้สึกผิดเมื่อเขาเห็นพระองค์ทรงโกรธแค้น 
 
พระเจ้าโกศลรับสั่งให้กักขังองครักษ์ให้อยู่แต่ในที่พักไม่ให้ได้พบเจอกับพระเทวีอีก
 
พระเจ้าโกศลรับสั่งให้กักขังองครักษ์ให้อยู่แต่ในที่พักไม่ให้ได้พบเจอกับพระเทวีอีก
     
        เขาก็รู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น แม้ความรักที่เขามีต่อพระเทวีมากมายเพียงใด แต่ความศรัทธาและความเคารพนับถือต่อพระเจ้าโกศลมีมากยิ่งกว่านั้นนัก “ หม่อมฉันไม่น่าปล่อยให้กิเลส
มาเกาะกุมจิตใจ คิดชั่วจนทำให้พระองค์ทรงเสียพระทัยเลย ความรักของหม่อมฉันมันมีค่าน้อยนิดนัก เมื่อเทียบกับบุญคุณที่พระองค์ทรงให้โอกาสและไว้วางใจหม่อมฉันทุกอย่าง ”
 
พระเทวีทรงเสียพระทัยกับการกระทำของตนตรอมใจจนระบมไปด้วยพิษไข้
 
พระเทวีทรงเสียพระทัยกับการกระทำของตนตรอมใจจนระบมไปด้วยพิษไข้
 
        ทางฝ่ายพระเทวีเองเมื่อทรงเกิดเรื่องกระทบใจ นอนซมตรอมใจจนเป็นพิษไข้ “ พระเทวีเพค่ะ ทรงเสวยอะไรบ้างเถิดเพค่ะ พระองค์ทรงเป็นอย่างนี้ก็มีแต่จะทรมานตัวเองนะเพค่ะ ”
“ เราไม่อยากทานอะไรทั้งนั้น เจ้าสั่งคนให้ยกออกไปเถอะ ความผิดของเราร้ายแรงนัก เกินกว่าที่จะทนอยู่ต่อไปได้ ” ด้านพระเจ้าโกศลเองเมื่อเกิดเรื่องก็เป็นทุกข์ ตัดสินใจอย่างใด
ไม่ได้จึงเสด็จไปยังพระเชตวัน กราบทูลขอคำปรึกษาจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
 
พระเจ้าโกศลเสด็จมากราบทูลขอคำปรึกษาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในความทุกข์ที่ตนประสบอยู่
 
พระเจ้าโกศลเสด็จมากราบทูลขอคำปรึกษาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในความทุกข์ที่ตนประสบอยู่
 
        “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อำมาตย์คนหนึ่งก่อการร้ายขึ้นภายในราชวังของข้าพระองค์ จะควรทำอย่างไรแก่อำมาตย์ผู้นั้นพระพุทธเจ้าค่ะ ” “ มหาบพิธก็อำมาตย์ผู้นั้นมีอุปการะ
ต่อพระองค์และหญิงนั้นเป็นที่รักของพระองค์ ” “ เป็นเช่นนั้นพระพุทธเจ้าค่ะ อำมาตย์ผู้นั้นมีอุปการะยิ่งนัก ช่วยเหลือราชตระกูลทุกอย่าง ทั้งหญิงนั้นก็เป็นที่รักของหม่อมฉัน ”
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงปกครองเมืองพาราณสีด้วยความผาสุข
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงปกครองเมืองพาราณสีด้วยความผาสุข
  
       “ มหาบพิธไม่ควรลงโทษในเศวตแก่ผู้มีอุปการะและในหญิงซึ่งเป็นที่รักของพระองค์ แม้แต่ก่อนพระราชาทั้งหลายทรงสดับถ้อยคำของเหล่าบัณฑิตก็ยังไม่ทรงวางพระทัยเป็นกลาง ”
เมื่อพระราชาทูลอาราธนา องค์ศาสดาจึงทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า กาลครั้งหนึ่งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงปกครองเมืองพาราณสี พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองอย่างเป็นธรรม
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงมีอำมาตย์บัณฑิตคู่ใจซึ่งทำหน้าที่สอนธรรมแก่พระองค์    

พระเจ้าพรหมทัตทรงมีอำมาตย์บัณฑิตคู่ใจซึ่งทำหน้าที่สอนธรรมแก่พระองค์
 
       ส่วนพระเทวีก็ให้การอุปการะช่วยเหลือ บ้านเมืองขณะนั้นอุดมสมบูรณ์ ไร้ศึกสงคราม ประชาชนอยู่กันอย่างมีความสุข ด้วยมีผู้ปกครองที่ห่วงใย ทั้งสองพระองค์จึงทรงเป็นที่รัก
ของพสกนิกรทั่วหน้า เบื้องหลังของการปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุขนั้น พระเจ้าพรหมทัตทรงมีอำมาตย์คู่ใจสองคนคอยช่วยเหลือธุระการงาน คนหนึ่งก็เป็นดั่งสมอง
อีกคนก็เป็นดั่งแขนขา อำมาตย์บัณฑิตผู้เป็นดั่งสมองของพระเจ้าพรหมทัตทำหน้าที่สอนธรรมแก่พระองค์ในการที่มีปัญหาบ้านเมือง

พระเจ้าพรหมทัตมีอำมาตย์คู่ใจผู้ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องคุ้มภัยให้พระองค์และบ้านเมือง
 
พระเจ้าพรหมทัตมีอำมาตย์คู่ใจผู้ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องคุ้มภัยให้พระองค์และบ้านเมือง
  
       อำมาตย์ผู้นี้ก็จะคอยคิดอ่านแก้ไขปัญหานั้น “ อืม ปัญหามันมาจากเหตุนี้นี่เอง หากเราแก้ปัญหาที่เหตุนี้ ก็จะแก้ไขได้ง่ายนัก ” ส่วนอำมาตย์อีกท่านหนึ่งมีหน้าที่คอยปกป้องคุมภัย
ให้กับพระราชา เมื่อยามใดที่มีศึกคับขัน อำมาตย์ผู้นี้ก็จะออกศึกแทนพระองค์อย่างกล้าหาญ และนำชัยมาให้ทุกครั้งไป “ เราจะต้องปกป้องประเทศนี้ เพื่อพระเจ้าพรหมทัตให้จงได้ ”
 
อำมาตย์คู่ใจทั้งสองคนของพระเจ้าพรหมทัตผู้ซึ่งเปรียบเสมือนสมองและแขนขาของพระองค์
 
อำมาตย์คู่ใจทั้งสองคนของพระเจ้าพรหมทัตผู้ซึ่งเปรียบเสมือนสมองและแขนขาของพระองค์
 
        ส่วนทางด้านพระเทวีเองเมื่อเห็นว่าอำมาตย์ทั้งสองคอยช่วยธุระการงานของพระเจ้าพรหมทัตอยู่เสมอ ก็มีใจอารีคอยสั่งนางกำนัลให้ดูแลอำมาตย์ทั้งสองเป็นอย่างดี “ ท่านอำมาตย์
ทั้งสองพระเทวีโปรดให้ดิฉัน นำขนมจากต่างเมืองมาให้ค่ะ ” ยามพระเจ้าพรหมทัตโปรดเสด็จไปชมอุทยานหรือชมเมืองทุกครั้ง ก็โปรดให้อำมาตย์ทั้งสองไปกับพระองค์และพระเทวีด้วย
“ อุทยานแห่งนี้ช่างสวยงามจริง ๆ น่าเสียดายที่เราเพิ่งจะเคยมา ไม่นึกเลยนะว่าเมืองของเราจะมีอุทยานที่สวยงามปานนี้ ”
 
พระเจ้าพรหมทัตและพระเทวีทรงเสด็จชมอุทยานพร้อมด้วยองครักษ์ทั้งสอง
 
พระเจ้าพรหมทัตและพระเทวีทรงเสด็จชมอุทยานพร้อมด้วยองครักษ์ทั้งสอง
 
        เมื่อใดที่อำมาตย์ทั้งสองมีโอกาสได้เสด็จหรือประทับอยู่กับพระเทวีและพระเจ้าพรหมทัต อำมาตย์บัณฑิตจะสังเกตเห็นความผิดปกติของพระเทวีและอำมาตย์ราชองครักษ์เสมอ
“ พระเทวีและองครักษ์คงมีใจให้กันแน่ สายตาของอำมาตย์องครักษ์ที่มองพระเทวีนั้น มันเป็นแววตาของชายที่มองหญิงคนรักมิใช่รึ? ” เป็นจริงดังคำที่อำมาตย์บัณฑิตได้สันนิษฐานไว้
 
อำมาตย์บัณฑิตได้สังเกตเห็นแววตาของพระเทวีและองครักษ์หนุ่มที่มองกันอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
 
อำมาตย์บัณฑิตได้สังเกตเห็นแววตาของพระเทวีและองครักษ์หนุ่มที่มองกันอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
 
       หลายครั้งที่เขาได้เห็นพระเทวีและองครักษ์แอบนัดพบกัน “ เฮ้อ ท่านองครักษ์เอ๋ย ท่านไม่น่าปล่อยให้กิเลสพาท่านประพฤติเลย ” ทางด้านของพระเทวีและอำมาตย์ราชองครักษ์
แม้ทั้งสองจะมีใจให้กัน แต่ทุกครั้งที่แอบนัดพบกันนั้น ก็รู้สึกผิดต่อพระเจ้าพรหมทัตไม่น้อย “ ความรักของเรา คงเป็นไปไม่ได้หรอกท่านองครักษ์ เราไม่สามารถทอดทิ้งองค์พระเจ้าอยู่หัวได้ ”

อำมาตย์บัณฑิตบังเอิญเห็นพระเทวีและองครักษ์หนุ่มแอบนัดเจอกัน
 
อำมาตย์บัณฑิตบังเอิญเห็นพระเทวีและองครักษ์หนุ่มแอบนัดเจอกัน
 
        “ พระเทวีรู้สึกอย่างไร หม่อมฉันเข้าใจดี แม้แต่หม่อมฉันเองก็ไม่อาจทรยศต่อพระเจ้าพรหมทัตได้ แต่อย่างน้อยให้หม่อมฉันได้พบกับพระนางบ้างในบางโอกาสจะได้ไหม ” “ เรารู้สึก
อบอุ่นที่สุดเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของท่าน แต่เราคงไม่สามารถให้ท่านทำเช่นนี้ได้เรื่อยไป ” “ ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันก็ขอซึมซับความสุขนี้ให้นานอีกหน่อยนะพระเจ้าค่ะ ” ในบางครั้งที่
พระเทวีโปรดเสด็จไปที่ต่าง ๆ หากพระเจ้าพรหมทัตไม่สามารถเสด็จไปพร้อมได้
 
องครักษ์หนุ่มและพระเทวีแอบนัดเจอกันบ่อยครั้งในพระราชอุทยาน
 
องครักษ์หนุ่มและพระเทวีแอบนัดเจอกันบ่อยครั้งในพระราชอุทยาน
 
       ก็จะส่งให้อำมาตย์องครักษ์คอยตามเสด็จไปกับพระเทวีเพื่อที่องครักษ์นี้จะได้คอยคุ้มกันภัยให้พระเทวีแทนพระองค์ได้ พระเจ้าพรหมทัตหารู้ไม่ว่าได้เปิดช่องโอกาสให้พระเทวี
และองครักษ์สานไมตรีกันมากขึ้น “ พระเทวีทอดพระเนตรด้านโน้นสิ ที่ภูเขาลูกนั้น ชาวบ้านลือกันว่ามีภูติอาศัยอยู่ด้วยนะ พระเจ้าค่ะ ” “ ท่านองครักษ์อย่ามาอำเราเล่นหน่อยเลย
เราไม่เห็นเคยได้ยินเค้าพูดอย่างที่ท่านว่าสักคน ”

พระเทวีเสด็จไปยังที่ต่าง ๆ ก็จะมีองครักษ์หนุ่มคอยติดตามปกป้องคุ้มภัยตามคำสั่งของพระเจ้าพรหมทัต
 
พระเทวีเสด็จไปยังที่ต่าง ๆ ก็จะมีองครักษ์หนุ่มคอยติดตามปกป้องคุ้มภัยตามคำสั่งของพระเจ้าพรหมทัต
 
        ฝ่ายอำมาตย์บัณฑิตเองแม้จะทราบเรื่องราวทั้งหมดแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ “ พระองค์ทรงให้ราชองครักษ์เสด็จพร้อมพระเทวีอย่างนั้นไม่เป็นไรหรือพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเกรงว่า
คนอื่นจะมองไม่เหมาะสม ” “ หึ หึ หึ ทำไม่ถึงไม่เหมาะสมละท่านอำมาตย์ ราชองครักษ์ฝีมือเก่งกาจ เหมาะแล้วที่จะคอยคุ้มกันพระเทวีให้กับเรา หากส่งท่านไปนะสิ ถึงจะไม่เหมาะสม
มีหวังพระเทวีได้ฟังท่านสอนธรรมไปตลอดทางเป็นแน่ ฮึ ฮึ ”
 
 
อำมาตย์บัณฑิตได้เตือนสติองครักษ์หนุ่มในเรื่องของพระเทวี
 
อำมาตย์บัณฑิตได้เตือนสติองครักษ์หนุ่มในเรื่องของพระเทวี
 
        อำมาตย์บัณฑิตคอยเตือนให้สติกับอำมาตย์องครักษ์เสมอ เพื่อไม่ให้เขาพลั้งทำผิดมากไปกว่าที่เป็นอยู่ “ ท่านราชองครักษ์สิ่งที่ท่านประพฤติอยู่ถือว่าควรแล้วหรือ ” “ เรารู้
ท่านบัณฑิตว่ามันไม่ควร ให้เวลาเราอีกสักพักเถิด ” จากคำเตือนของอำมาตย์บัณฑิตทำให้ราชองครักษ์ได้สติ วันนั้นเขาแอบนัดเจอกับพระเทวีที่อุทยานแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นการ
พบกันอย่างคนรักเป็นครั้งสุดท้าย
 
องครักษ์หนุ่มและพระเทวีได้นัดเจอกันเป็นครั้งสุดท้ายที่พระราชอุทยาน
 
องครักษ์หนุ่มและพระเทวีได้นัดเจอกันเป็นครั้งสุดท้ายที่พระราชอุทยาน
 
        “ ครั้งนี้เราจะขอกอดท่านเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้พระเทวีโปรดจำไว้เถิด แม้กระหม่อมจะไม่ได้อยู่เคียงข้างพระนางอย่างชายคนรัก แต่หม่อมฉันก็จะขอคุ้มกันภัยให้พระนาง
อย่างชายคนหนึ่งที่สามารถจะทำให้พระองค์ได้ ” “ เราขอบคุณท่านมากท่านราชองครักษ์ ” แต่แล้วเรื่องราวก็ไม่จบลงได้ง่ายๆ เมื่อพระเจ้าพรหมทัตได้เสด็จไปที่อุทยานนั้น
เช่นกัน และได้เห็นภาพหญิงสาวคนรักกอดแนบชิดกับราชองครักษ์คู่กาย พระองค์ทรงรู้สึกเสียพระทัยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทรงโกรธมากเท่านั้น
 
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงเสียพระทัยและโกรธพระเทวีกับองครักษ์ที่ตนไว้ใจยิ่งเมื่อได้มาเห็นภาพบาดใจที่อุทยาน
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงเสียพระทัยและโกรธพระเทวีกับองครักษ์ที่ตนไว้ใจยิ่งเมื่อได้มาเห็นภาพบาดใจที่อุทยาน
 
        “ เจ้าทั้งสองคนกล้าทำกับเราถึงเพียงนี้เลยหรือ ความไว้วางใจที่เรามีให้กับพวกเจ้า มันมีค่าเพียงแค่เศษดินเท่านั้นใช่ไหม ” พระเจ้าพรหมทัตสั่งทหารให้กักขังพระเทวี
กับราชองครักษ์ไว้ไม่ให้พบเจอใคร ไม่ให้ออกไปไหน “ นี่เราทำให้พระเจ้าพรหมทัตเสียพระทัยมากขนาดนั้นเชียวหรือ เราไม่อยากแม้แต่จะให้อภัยตัวเอง โทษที่เราทำไว้
มันผิดมหันต์นัก ” “ องค์เหนือหัวที่รักของหม่อมฉัน หม่อมฉันทำผิดต่อพระองค์นัก โทษใด ๆ ก็คงไม่สมกับความผิดครั้งนี้ ฮือ ๆ หม่อมฉันผิดไปแล้วจริง ๆ ”
 
 
องครักษ์หนุ่มถูกกักขังเพราะเหตุที่ตนและพระเทวีได้กระทำผิดต่อพระเจ้าพรหมทัต
 
องครักษ์หนุ่มถูกกักขังเพราะเหตุที่ตนและพระเทวีได้กระทำผิดต่อพระเจ้าพรหมทัต
 
        พระเจ้าพรหมทัตทรงโทมนัสยิ่งนัก แม้จะโกรธเพียงใดแต่ก็ไม่อาจตัดสินพระทัยที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้เพราะอำมาตย์เป็นผู้มีอุปการคุณมากและหญิงนั้นก็เป็น
ที่รักยิ่งของพระองค์ ครั้งนั้นจึงเรียกอำมาตย์บัณฑิตมาเข้าเฝ้าแล้วตรัสถามปัญหา “ สระโบกขรณีมีน้ำเย็นใสสะอาดรสอร่อย เกิดอยู่ที่เชิงเขาหิมพานต์น่ารื่นรมย์
สุนัขจิ้งจอกรู้อยู่ว่าสระแห่งนั้นราชสีห์รักษาอยู่ก็ยังลงไปดื่มกิน ”
 
อำมาตย์บัณฑิตได้แนะนำให้พระเจ้าพรหมทัตทรงให้อภัยโทษพระเทวีและองครักษ์หนุ่มผู้ซึ่งเป็นที่รักของพระองค์ทั้งสองคน
 
อำมาตย์บัณฑิตได้แนะนำให้พระเจ้าพรหมทัตทรงให้อภัยโทษพระเทวีและองครักษ์หนุ่มผู้ซึ่งเป็นที่รักของพระองค์ทั้งสองคน
 
        “ ข้าแต่มหาราช ถ้าสัตว์มีเท้าทั้งหลายพากันดื่มน้ำในมหานที แม่น้ำจะไม่ชื่อว่าเป็นแม่น้ำเพราะเหตุนั้นก็หาไม่ หากว่าคนสองคนนั้นเป็นที่รักของพระองค์ พระองค์ก็ทรง
อภัยโทษเสียเถิด ” พระราชาทรงคลายความโทมนัสลงไปได้บ้าง จึงเรียกบุคคลทั้งสองเข้าเฝ้าและยกโทษให้แก่คนทั้งสอง และตรัสให้เลิกทำกรรมชั่วนั้น คนทั้งสองรับคำและก็เป็น
คนดีมีศีลธรรมมาตั้งแต่บัดนั้นตราบเท่าชีวิต
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงให้อภัยพระเทวีและองครักษ์หลังจากที่ได้ฟังธรรมและคลายความโกรธลงได้
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงให้อภัยพระเทวีและองครักษ์หลังจากที่ได้ฟังธรรมและคลายความโกรธลงได้
 
        พระเจ้าโกศลเมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้าก็คลายความโกรธเกลียดได้สติ พระองค์จึงทรงให้อภัยกับพระเทวีและราชองครักษ์ และดำรงตนในทศพิธราชธรรม
ปกครองบ้านเมืองสืบไป ส่วนพระเทวีและราชองครักษ์ก็เลิกทำกรรมชั่วนั้น ประพฤติตนให้อยู่ในศีลธรรมจวบจนชั่วชีวิต
 
   
พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็น พระอานนท์ในครั้งนี้
ส่วนอำมาตย์บัณฑิต เสวยพระชาติเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ขุรปุตตชาดก ชาดกว่าด้วยการทำตนให้ไร้ประโยชน์ขุรปุตตชาดก ชาดกว่าด้วยการทำตนให้ไร้ประโยชน์

กัจจานิโคตตชาดก ชาดกว่าด้วยในการไหน ๆ ธรรมย่อมไม่ตายกัจจานิโคตตชาดก ชาดกว่าด้วยในการไหน ๆ ธรรมย่อมไม่ตาย

การันทิยชาดก ชาดกว่าด้วยการทำที่เหลือวิสัยการันทิยชาดก ชาดกว่าด้วยการทำที่เหลือวิสัย



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

นิทานชาดก 500 ชาติ