แกะรอยคำทำนายของ ฮัมโบ ลามะ ผู้หยั่งรู้อนาคต


[ 12 ธ.ค. 2550 ] - [ 18271 ] LINE it!

เปิดบันทึกการเดินทางของเจ้าหญิงมองโกล
ตอน แกะรอยคำทำนายของ ฮัมโบ ลามะ ผู้หยั่งรู้อนาคต
 
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
 
    ลูกชื่อ แพทย์หญิง วราธิป โอทกานนท์ (หมอติ๊บ) ขอนำเสนอบันทึกการเดินทางในรัสเซียตอนที่2 ชื่อตอน “แกะรอยคำทำนายของฮัมโบ ลามะ ผู้หยั่งรู้อนาคต” ค่ะ
 
    จากความเดิมตอนที่แล้ว หมู่คณะของเราได้เดินทางไปยัง วัดอีฟวอลกินสกี้ ซึ่งในอดีตเคยเป็นวัดที่ยิ่งใหญ่ และเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาในรัสเซีย ต่อมาเหล่าพระภิกษุได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง เป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาล่มสลาย  วัดกลายเป็นวัดร้าง พร้อมกับเกิดโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร ติดตามได้ในบันทึกการเดินทางฉบับนี้...
 
 
    ในปี พ.ศ. 2469 ท่าน อิติเกลอฟ ฮัมโบ ลามะ ประมุขสงฆ์องค์ที่12 แห่งรัสเซีย รับสั่งให้พระภิกษุในพระพุทธศาสนา เดินทางออกไปจากรัสเซีย โดยให้เหตุผลว่า “สิ่งที่น่ากลัวสีแดงกำลังจะมา” ทั้งๆที่ตัวท่านเอง ไม่ได้เดินทางออกจากรัสเซียเลย หลายคนต่างสงสัยว่า “สิ่งที่น่ากลัวสีแดง” คือ อะไร แต่ด้วยความเคารพในตัวท่าน จึงมีพระภิกษุบางส่วน ย้ายออกนอกพื้นที่ ไปอินเดียบ้าง มองโกเลียบ้าง ทิเบตบ้าง แต่บางส่วนก็ยืนหยัดรักษาพื้นที่ของตนเอง
 
    จากนั้น หนึ่งปีต่อมา คือ ปี พ.ศ.2470 ขณะที่ท่าน อิติเกลอฟ ฮัมโบ ลามะ อายุได้ 75ปี ก็ได้เรียกลูกศิษย์เข้าพบ และบอกล่วงหน้าว่า ท่านเตรียมจะมรณภาพ แล้วสั่งให้ฝังศพของท่านในท่านั่งสมาธิ บรรจุใส่โลงศพไว้ในสุสาน โดยให้ขุดศพของท่านขึ้นมาในอีก 30ปีข้างหน้า แล้วท่านก็สวดมนต์ ทำสมาธิ และได้มรณภาพในท่าขัดสมาธินั่นเอง
 
    ต่อมาไม่นาน “สิ่งที่น่ากลัวสีแดง” ก็บุกสู่แผ่นดินรัสเซียจริงๆ นั่นคือ คอมมิวนิสต์ ได้เข้ายึดและปกครองประเทศรัสเซีย เราได้ยินคำบอกเล่าจากชาวบูเรียตว่า สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง เขาไม่สนับสนุนการนับถือศาสนา จึงมีการกดดันพระให้ออกนอกพื้นที่ วัดวาอารามต่างๆ ต้องปิดไปกว่า 20แห่ง รวมทั้งฆ่าพระภิกษุด้วยการเผากว่า 1,000รูป บนภูเขาแห่งหนึ่ง และสถานที่แห่งนี้ชาวบ้านได้สร้างกองหินและปักเสาตกแต่งด้วยผ้าสีต่างๆไว้
 
    กล่าวกันว่า เหตุการณ์เผาพระครั้งนั้น ทำให้สัตว์ประจำภูเขาในความเชื่อของชาวบูเรียต โกรธมาก ที่มีการทำบาปมากถึงเพียงนี้ จึงต้องทำอนุสาวรีย์เอาไว้ เมื่อใครผ่านไปมาจะต้องโยนเศษเหรียญลงในสถานที่แห่งนั้น และเวียนประทักษิณรอบกองหินนี้ด้วย  เพื่อให้สัตว์ประจำภูเขาลดความโกรธลง
 
 
    หลังจากนั้น หมู่คณะของเราก็ไปยังโบสถ์ของวัดอีฟวอลกินสกี้ โบสถ์แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานร่างของ ท่าน อิติเกลอฟ ฮัมโบ ลามะ ซึ่งร่างของท่านลามะนั้นเคยมีการขุดศพท่านขึ้นมาแล้ว 2ครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2498 และ ปี พ.ศ.2516 โดยพระในพระพุทธศาสนา แต่ก็ต้องนำกลับไปฝังเหมือนเดิม แต่ย้ายสถานที่เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากยังมีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์อยู่
 
ต่อมาในปี พ.ศ.2545 ก็ได้ขุดศพท่านขึ้นมาอีกครั้ง ในครั้งนี้สามารถนำร่างของท่านมายังวัดอีฟวอลกินสกี้ได้ ร่างของท่านได้รับความสนใจและตรวจอย่างละเอียด จากนักวิทยาศาสตร์และพยาธิแพทย์ (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ชิ้นเนื้อ และอวัยวะของมนุษย์) โดยมีเอกสารเป็นทางการว่า ร่างของท่านได้รับการเก็บรักษาสภาพอย่างดี โดยไม่มีการย่อยสลาย  ทั้งกล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน ข้อต่อและผิวหนัง แต่สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ร่างของท่านไม่เคยผ่านกระบวนการดองศพ หรือทำให้เป็นมัมมี่เลย เมื่อตรวจเส้นผม ผิวหนังและเล็บแล้ว สรุปว่า ร่างของท่านเหมือนคนที่เพิ่งเสียชีวิตมา 36ชั่วโมง เท่านั้น
 
ในเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ตามปกติ ร่างกายมนุษย์หลังจากเสียชีวิตไปแล้ว 2สัปดาห์ ก็ไม่สามารถอยู่ในท่านั่งสมาธิได้แล้ว แต่ท่านกลับดูสงบนิ่งสง่างามในท่านั่งสมาธิ ราวกับตอกย้ำให้ผู้คนประจักษ์ว่า “สมาธิเป็นสิ่งที่เปี่ยมด้วยพลานุภาพ ไม่มีใครสามารถทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของสมาธิได้” และยืนยันว่า ในอดีต ดินแดนแห่งนี้เคยรุ่งเรืองด้วยการทำสมาธิ
 
ฉะนั้น เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตของท่านฮัมโบ ลามะ ได้เป็นสิ่งเหลือเชื่อสำหรับผู้คนในยุคนี้ ได้เพิ่มศรัทธาให้กับผู้ที่มีความเลื่อมใสอยู่แล้ว ขจัดความสงสัยสำหรับผู้ที่ยังลังเลอยู่ และทำให้ผู้ที่ไม่มีความศรัทธากลับมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
 
    หลังจากที่เรา ได้สักการะร่างขององค์ฮัมโบ ลามะ ผู้ทรงญาณและสังขารไม่เน่าเปื่อยแล้ว ทำให้เราซาบซึ้งในอานุภาพแห่งพลังสมาธิ  และบริเวณหน้าวัด เราก็ได้นำป้ายสัญลักษณ์ของมหาธรรมกายเจดีย์ กว้างกว่า 2เมตร มากางถ่ายภาพเป็นที่ระลึก พร้อมตั้งเจตนารมณ์ในใจว่า “อีกไม่นาน เราจะทำให้สมาธิ เจริญรุ่งเรืองที่ผืนแผ่นดินนี้อีกครั้งให้ได้”
 
    สำหรับภารกิจตามรอยพระพุทธศาสนาในดินแดนรัสเซีย ก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว แต่พวกลูกๆ ยังมีงานที่จะต้องสานต่ออีกมาก ในการขยายวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก และรวมพุทธบุตรให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งระหว่างทางอันยาวไกล ในการเดินทางกลับมองโกเลีย ลูกๆยังได้พบเรื่องสนุกตื่นเต้น และเหตุการณ์อัศจรรย์เกินคาดหมาย เรื่องจะเป็นอย่างไร ติดตามตอนต่อไป กับบันทึกภารกิจในมองโกเลียค่ะ



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
องค์กรยุวพุทธสงฆ์โลกองค์กรยุวพุทธสงฆ์โลก

จดหมายจาก เลขาธิการ WBSYจดหมายจาก เลขาธิการ WBSY

“อีกไม่นาน เดี๋ยวเขาจะมา”“อีกไม่นาน เดี๋ยวเขาจะมา”



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน