เพชฌฆาตฟันคอ


[ 14 ธ.ค. 2550 ] - [ 18273 ] LINE it!

CASE STUDY
เพชฌฆาตฟันคอ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
ออกอากาศครั้งแรก วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2549
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ
 
    ลูก เป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา พันธุ์หัวใจไม่เกี่ยง ที่ไม่เคยปฏิเสธเรื่องบุญเลยค่ะ ลูกติดตาม DMC ทุกวัน ชอบฟัง Case Study มากค่ะ เพราะยิ่งฟัง ก็ยิ่งอยากทำแต่บุญอย่างเดียว ความชั่วแม้เพียงเล็กน้อยไม่อยากจะทำเลยค่ะ ลูกอยากให้ทุกคนรักบุญกลัวบาป จึงได้ส่ง Case Study มาขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ได้ฝันในฝัน เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักเรียนอนุบาลทั่วโลก ดังนี้ค่ะ
 
    ท่านพ่อของลูก สืบเชื้อสายมาจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอนุชาร่วมพระชนก-ชนนีกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นพระมหาอุปราช ที่มีพระเกียรติยศเทียบเท่าพระเจ้าแผ่นดิน บ้างก็เรียกว่า “พระเจ้าประเทศสยามองค์ที่2” แต่คนทั่วไปมักเรียกว่า “วังหน้า”
 
    ท่านพ่อมีศักดิ์เป็นเหลนของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และใช้คำนำหน้าชื่อว่า หม่อมเจ้า มาตั้งแต่เกิด แม้ท่านพ่อจะมีชีวิตที่สุขสบายในรั้วในวัง แต่เพราะท่านเป็นคนตรง ซื่อสัตย์ ไม่คดโกง หรือเห็นแก่อามิสใดๆ ท่านพ่อจึงเป็นหม่อมเจ้าที่จนที่สุดในบรรดาราชนิกุลวังหน้า ไม่ต่างอะไรกับคนจนแสนจนในหมู่คนรวย
 
    ท่านพ่อรับราชการอยู่ในกรมราชทัณฑ์ กระทรวงนครบาล มีตำแหน่งเทียบเท่าผู้บัญชาการเรือนจำในปัจจุบัน ทำหน้าที่ควบคุมและบริหารงานเรือนจำ จองจำและลงโทษผู้กระทำผิด ตลอดจนดูแลการประหารชีวิตนักโทษ ซึ่งสมัยนั้น ยังคงใช้วิธี กุดหัว คือ ใช้ดาบตัดคอ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นการประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า
 
    ในปี พ.ศ.2477 เมื่อได้รับคำสั่งให้ประหารชีวิตนักโทษ เป็นหน้าที่ของท่านพ่อที่จะต้องดูแลการประหารให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย เริ่มตั้งแต่สั่งให้จัดอาหารคาวหวานให้นักโทษได้กินเป็นมื้อสุดท้าย แล้วนิมนต์พระมาเทศน์ให้ฟัง จากนั้นนักโทษซึ่งถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนอย่างแน่นหนา ก็จะถูกนำเข้าสู่หลักประหาร โดยมัดไว้แบบกาจับหลัก คือให้นั่งเหยียดขาราบบนใบตองสามยอด เอาด้ายดิบมัดแขน ด้านหลังผูกติดเข้ากับหลักไม้กางแขนที่ได้ปักไว้บนหลุมดิน ข้อมือทั้งสองก็จะถูกมัดเข้ากับหลักประหาร ในลักษณะประนมมือกำดอกไม้ธูปเทียนไว้หว่างอก และมีผ้าปิดตารัดไว้รอบศีรษะ
 
    จากนั้นเพชฌฆาต ในชุดเสื้อแขนสั้น กางเกงขายาวสีแดงปักลวดลายลงยันต์คาถาอาคม สวมมงคลเหนือศีรษะเหมือนนักมวย โดยเชื่อว่า จะช่วยคุ้มครองป้องกันภัยจากวิญญาณที่อาฆาตแค้น สำหรับเพชฌฆาตนั้น จะมีด้วยกัน 3คน คือ ดาบหนึ่ง และเพชฌฆาตสำรองอีกสองคน เรียกว่า ดาบสอง และดาบสาม
 
    ก่อนที่จะหยิบดาบขึ้นมา เพชฌฆาตจะทำการขอขมาต่อนักโทษเสียก่อน จากนั้นก็เอาปูนแดงทาคาดรอบต้นคอนักโทษ เพื่อกำหนดแนวที่จะลงดาบ ใช้ดินเหนียวเสกคาถา อุดหู อุดปาก จากนั้นเพชฌฆาตดาบสองและสาม ก็จะรำดาบไปรอบๆตามจังหวะปี่กลอง จนกระทั่งจิตของนักโทษสงบลง พอเห็นว่าได้จังหวะ เพชฌฆาตดาบหนึ่งก็จะลงดาบฟันคอทันทีโดยมิให้ทันรู้ตัว
 
    โดยมีกฎเกณฑ์ว่า จะต้องฟันให้ขาดในดาบแรก เพื่อมิให้นักโทษต้องเจ็บปวดทรมาน แต่ถ้าดาบหนึ่งฟันแล้ว คอยังไม่ขาด ดาบสองก็จะต้องฟันซ้ำ ถ้าซ้ำแล้วก็ยังไม่ขาดอีก ดาบสามก็ต้องเชือดให้คอขาดจนได้ จากนั้นจึงใช้มีดสับส้นเท้า เพื่อถอดตรวนข้อเท้าออก ก็เป็นอันเสร็จพิธี
 
    ครั้งหนึ่ง มีนักโทษถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยคดีฆ่าลูกของตนเอง ปรากฏว่าก่อนประหาร เพชฌฆาตดาบหนึ่งดื่มเหล้าย้อมใจหนักมาก ขณะที่เงื้อดาบเตรียมจะฟัน เรี่ยวแรงจึงแผ่วลงไปมาก จนไม่อาจจะบั่นคอนักโทษให้ขาดไปได้ในทันที...
 
    เพชฌฆาตดาบหนึ่งเกิดเสียหลัก เพราะฟันผิดจังหวะ จึงเข้าไปขวางทางที่เพชฌฆาตดาบสองกำลังเงื้อดาบจะฟันซ้ำอีกครั้ง ท่านพ่อซึ่งยืนคุมการประหารอยู่อย่างใกล้ชิด รีบถลันเข้าไปช่วยทันที ใช้ความไวของปลายเท้า ถีบเพชฌฆาตดาบหนึ่งให้พ้นออกไปจากวงดาบได้ทัน เพชฌฆาตดาบสองจึงฟันซ้ำได้สำเร็จ แต่ปรากฏว่าเลือดจากคอของนักโทษพุ่งใส่ท่านพ่อ จนเปรอะเปื้อนไปทั้งเนื้อทั้งตัว แต่ถือว่าโชคยังช่วย เพราะมิฉะนั้นผู้ที่ถูกฟันคอ ก็คงเป็นเพชฌฆาตดาบหนึ่ง แทนที่จะเป็นนักโทษค่ะ
 
    บั้นปลายชีวิต ท่านพ่อมีความสุขตามอัตภาพ พออายุได้ 59ปี ท่านก็เสียชีวิตลงอย่างสงบ คือนอนหลับไปเสียเฉยๆ โดยที่ไม่ได้ป่วยมาก่อนเลย และยังไม่ทันจะได้สั่งลาอะไรเลยค่ะ
 
    คุณแม่ของลูก เกิดที่จังหวัดชัยภูมิ พออายุได้ 9ขวบ ก็พลิกผันชีวิตจากสามัญชนธรรมดามาเป็นหญิงชาววัง เพราะอาศัยที่พี่ชายของคุณแม่รู้จักกับเจ้านายผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นถึงหม่อมเจ้าอยู่ที่ท่าช้างวังหน้า จึงพาคุณแม่ไปฝากฝังไว้ ท่านก็เมตตารับเลี้ยงไว้ในวังหน้า และส่งเสริมให้เรียนจนจบประถมหก
 
    พอโตเป็นสาวรุ่น คุณแม่เป็นคนผิวพรรณดี เป็นที่ต้องตาต้องใจของหนุ่มๆ แม้แต่หม่อมเจ้าท่านนั้น ก็เอ็นดูคุณแม่มากเป็นพิเศษ ในที่สุดจึงตบแต่งให้เป็นภรรยาคนที่3 ของท่าน แม้จะมีอายุห่างกันถึง 2รอบ แต่กระนั้น ก็ยังมีลูกด้วยกันถึง 4คน เป็นชาย3 หญิง1 ซึ่งลูกสาวคนเล็กก็คือตัวลูกเองค่ะ ดูเหมือนวันที่ท่านพ่อจากไป ตัวลูกเพิ่งจะอายุได้เพียงขวบครึ่งเท่านั้นค่ะ คุณแม่มักจะสอนลูกทุกคนเสมอว่า “อย่าถือตัวว่าเป็นหม่อมราชวงศ์ แล้วจะวางตัวสูงส่ง ตรงข้ามให้ฝึกเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน และทำตัวติดดินเสียบ้าง”
 
    หลังจากสิ้นบุญท่านพ่อแล้ว หม่อมยาย (ภรรยาใหญ่ของท่านพ่อ) ก็ยื่นข้อเสนอให้เลือกว่า “จะอยู่ที่นี่ต่อไป หรือว่าจะรับมรดกแล้วย้ายออกไปจากวัง” ด้วยความจงรักภักดีต่อท่านพ่อ คุณแม่จึงตัดสินใจอยู่ในวังต่อไป แต่ชีวิตก็ไม่สู้สุขสบายเหมือนแต่ก่อน เพราะหม่อมยายอุปถัมภ์แต่เฉพาะเรื่องกินอยู่เท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็เป็นภาระของคุณแม่เอง
 
    ด้วยความที่คุณแม่ มีฝีมือในการทำอาหารไทย เป็นแม่ศรีเรือนในวังมานานตั้งแต่เด็ก ท่านจึงตัดสินใจ ไปทำงานเป็นหัวหน้าแม่ครัวของร้านอาหารไทยสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นงานที่ท่านถนัดมาก คุณแม่ได้มีโอกาสจัดสำรับคาวหวานไปถวายสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อน ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดราชบพิตรอยู่หลายต่อหลายครั้ง
 
    กระทั่งอายุได้ 60ปีเศษ คุณแม่ก็เริ่มป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่า คงเป็นเพราะคุณแม่เคยสูบบุหรี่มวนมาหลายสิบปี แต่ไม่น่าเชื่อคะ เพราะต่อมาหมอกลับตรวจพบว่า สาเหตุแท้จริงกลับเป็นเพราะ ไอระเหยของน้ำมันที่คุณแม่ใช้ทอดหมี่กรอบทุกๆวัน วันละมากๆ เข้าไปสะสมจนจับไปทั่วปอด ทำให้หายใจไม่สะดวก ต่อมาอาการก็หนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็เสียชีวิตลงเมื่ออายุ 70ปี โดยมีลูกคอยเตือนให้นึกถึงบุญอยู่ตลอดเวลาค่ะ
 
    เมื่อครั้งที่คุณแม่ยังป่วยอยู่ ครั้งแรกที่คุณแม่เข้ารับการเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลภูมิพล ก็มีเรื่องแปลกค่ะ คือ ปกติท่านก็ไม่ได้ถอดสร้อยสแตนเลส ซึ่งแขวนพระเครื่องออกเลย  เมื่อหมอเอาฟิล์มมาดู ปรากฏว่า ในจำนวนพระเครื่องสามองค์ มีองค์หนึ่งปรากฏเป็นภาพพระธรรมกาย นั่งขัดสมาธินูนเด่นชัดเจน เป็นที่น่าอัศจรรย์ ในขณะที่สององค์ที่เหลือกลับดำสนิทจนมองไม่เห็นว่าเป็นอะไร เห็นเพียงแต่รูปทรงของพระเครื่องเท่านั้น
 
คุณหมอถามลูกว่า “พระนี้เป็นพระอะไร”
ลูกตอบทันทีว่า “เฉพาะองค์ที่เห็นเป็นภาพชัดเจนนี้ เป็นพระของขวัญที่ได้มาจากวัดพระธรรมกาย นอกนั้นก็ได้มาจากวัดอื่น”
หมอทำหน้างงด้วยความแปลกใจ และพูดขึ้นว่า “แปลกดีนะ”
 
    ลูกเองยิ่งอัศจรรย์ใจมากค่ะว่า เพราะเหตุใด พระผงของขวัญรุ่นแรก ซึ่งด้านหนึ่งเป็นภาพพระธรรมกาย อีกด้านเป็นภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ พอผ่านเครื่องเอกซเรย์ ก็ไม่น่าจะเห็นเป็นภาพได้เลย หรือถ้าเห็นก็ควรจะเป็นภาพซ้อนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นเฉพาะภาพพระธรรมกายเพียงด้านเดียวเท่านั้น
 
    พี่ชายของลูก เคยได้รับทุนรัฐบาลไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น พอเรียนจบ ก็กลับมาทำงานเป็นพนักงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ต่อมาก็มีปัญหาเรื่องความประพฤติเนื่องจากติดสุราและผู้หญิง จึงต้องออกจากงาน แล้วเปลี่ยนมาทำงานเชียร์แขกในสถานอาบอบนวด ทำอยู่นานหลายปีจนแก่ตัว
 
    ภายหลังจึงเปลี่ยนอาชีพ มาเป็นพนักงานบริษัทฯแอร์ ปกติพี่ชายเป็นคนว่าง่าย อ่อนโยน แต่เพราะเป็นคนเจ้าชู้ จึงเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ต่อมาพี่ชายเองกลับเป็นฝ่ายถูกภรรยาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี กลายเป็นพ่อหม้ายที่ต้องเลี้ยงลูกถึง 3คนตามลำพัง ระยะหลังพี่ชายเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ ลูกเองก็ได้ให้ความช่วยเหลือไปตามสมควร นอกจากนี้ลูกยังได้เจียดปัจจัยส่วนตัวไปทำบุญให้ และบอกให้พี่ชายได้อนุโมทนา พี่ชายก็ยกมือท่วมหัวว่า “สาธุ” แต่ลูกก็ไม่ค่อยเห็นพี่ชายขวนขวายทำบุญด้วยตัวเองเลยค่ะ
 
    พอปลายปี พ.ศ.2548 พี่ชายก็ล้มป่วยลงอย่างหนัก ด้วยโรคปอดและอีกสารพัดโรค ในช่วงพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ลูกพยายามกระซิบข้างหูให้พี่ชายนึกถึงบุญที่เคยบวชมาหนึ่งพรรษา เป็นหลัก และบุญอื่นๆที่ลูกทำให้ เช่น บุญบูชาข้าวพระ ถวายภัตตาหาร ปล่อยปลา ฯลฯ ลูกไม่ลืมที่จะกำชับพี่ชายให้ทำตามหลักวิชชา ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยสอน แต่ก็ไม่มั่นใจนักว่า เขาจะทำตามได้หรือไม่ เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง ชีพจรของพี่ชายก็แผ่วลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็จากไปอย่างสงบ ขณะอายุได้ 62ปี
 
    ต่อมาไม่นาน ลูกก็ฝันเห็นพี่ชายสวมเสื้อสีขาวสว่างตา ใส่กางเกงสีน้ำเงิน ในฝันลูกดุเขาไปว่า “เอ้า...ก็บอกให้ไปเวียนประทักษิณที่วัดพระธรรมกาย แล้วทำไมถึงไม่ไป” แต่เขาก็เงียบไม่ได้ตอบอะไร พอตื่นจากความฝัน ลูกกับสามีก็เลยสันนิษฐานวิทยาเป็นการใหญ่เลยค่ะ
 
คำถาม
 
1.เหตุใด ท่านพ่อจึงต้องมามีอาชีพผู้บัญชาการเรือนจำ จะทำให้มีวิบากกรรมอย่างไรคะ การกระทำตามหน้าที่เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง จะเป็นบุญบ้างหรือไม่คะ หรือพอจะชดเชยวิบากกรรมได้มากน้อยเพียงใดคะ
 
2.ในแง่กฎแห่งกรรม การตัดสินประหารชีวิตนั้น ถือว่าถูกต้องเหมาะสมเพียงใด การประหารนักโทษไปคนหนึ่ง ใครบ้างที่มีส่วนในบาปนี้คะ และใครจะบาปมากที่สุดคะ
 
3.กรณีที่นักโทษได้กินอาหารจนอิ่ม ได้ฟังเทศน์ และเพชฌฆาตได้ขอขมาก่อนประหาร ส่วนนักโทษก็อโหสิกรรมให้ด้วย กรณีเช่นนี้ เพชฌฆาตจะมีวิบากกรรมหรือไม่ ส่วนนักโทษจะมีโอกาสไปสู่สุคติภูมิหรือไม่คะ
 
4.วิธีประหารชีวิตโดยใช้ดาบตัดคอ และการฉีดยาให้ตายอย่างในปัจจุบัน สองอย่างนี้ จะมีผลต่อผู้ฆ่า และผู้ถูกฆ่า เหมือนหรือต่างกันอย่างไรคะ
 
5.วิธีลงทัณฑ์ด้วยอุปกรณ์พิเศษ เช่น
 
(1) จับนักโทษยัดใส่ตะกร้อหวาย แล้วให้ช้างเตะให้กลิ้งไปกับพื้น ให้เหล็กแหลมทิ่มแทงร่างกาย
(2) ใช้เบ็ดเหล็กเกี่ยวใต้คางทะลุถึงใต้ลิ้น แล้วชักรอกดึงรั้งคางจนปลายเท้าลอยพ้นจากพื้นดิน
(3) ให้นอนในหีบที่ปิดฝา แล้ววางยืนไว้กลางแดด
 
    นักโทษที่ต้องถูกลงทัณฑ์ด้วยวิธีการดังที่กล่าวมานี้ เป็นเพราะเคยทำวิบากกรรมใดมาคะ
 
6.ท่านพ่อละโลกแบบหลับไปเฉยๆ ขณะนั้นใจใสหรือหมองคะ ท่านตายแล้วไปไหน ได้รับบุญทุกๆบุญที่ลูกอุทิศไปให้หรือไม่ มีอะไรจะฝากบอกหรือไม่คะ
 
7.เหตุใดท่านพ่อจึงเกิดในตระกูลสูง แต่เป็นหม่อมเจ้าที่จนที่สุด ส่วนคุณแม่เข้ามาอยู่ในวังตอนเด็ก มีชีวิตสุขสบายมาตลอด แต่ภายหลังก็ต้องลำบาก ท่านทั้งสองเคยสร้างบุญร่วมกันมาหรือไม่ และสร้างบุญแตกต่างกันอย่างไรคะ
 
8.คุณแม่ป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองนั้น เป็นเพราะเคยสูบบุหรี่ หรือเป็นเพราะเหตุในปัจจุบันที่ทอดหมี่กรอบทุกวันคะ คุณแม่ตายแล้วไปไหน บุญถวายภัตตาหารอันประณีตแด่สมเด็จพระสังฆราช จะส่งผลต่อท่านอย่างไรคะ
 
9.ภาพพระที่ปรากฏในฟิล์มเอกซเรย์ เกิดขึ้นเพราะอานุภาพของพระของขวัญใช่หรือไม่ แต่เหตุใดจึงไม่เห็นเป็นภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯด้วยคะ และเมื่อเอกซเรย์ในครั้งหลังๆ กลับไม่ปรากฏภาพพระธรรมกายเหมือนเดิมค่ะ
 
10.ลูกเจียดเงินส่วนตัว มอบให้เป็นส่วนของพี่ชาย แล้วนำไปทำบุญให้ แล้วให้พี่ชายอนุโมทนา พี่ชายจะได้รับบุญหรือไม่คะ บุญเหล่านี้จะช่วยตัดรอนวิบากกรรมเจ้าชู้ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และเล่นการพนันของพี่ชายได้หรือไม่คะ
 
11.ขณะละโลก พี่ชายมีคตินิมิตเป็นอย่างไร นึกถึงบุญที่เคยบวชพระหนึ่งพรรษาได้หรือไม่ พี่ชายตายแล้วไปไหนคะ
 
12.ที่ลูกฝันเห็นพี่ชายนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่คะ ถ้าจริง...พี่ชายได้ทำตามหลักวิชชาที่ลูกพยายามแนะนำหรือไม่คะ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.ท่านพ่อ ต้องมามีอาชีพผู้บัญชาการเรือนจำ เพราะในอดีต ท่านเคยเป็นกุมภัณฑ์ เป็นเจ้าหน้าที่ลงโทษสัตว์นรกในยมโลกมาก่อน
 
 
  • ท่านก็จะต้องไปอยู่ในวงจรของการลงทัณฑ์สัตว์นรกในยมโลก หรือไม่ก็ต้องไปเป็นผู้พิพากษาในยมโลก หรือเจ้าหน้าที่คุมโซนลงทัณฑ์ในยมโลก
  • นอกจากท่านทำบุญพิเศษตอนท่านมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือเราต้องทำบุญพิเศษอุทิศให้ท่าน จึงจะไปตัดวงจรนี้ได้

  • การกระทำตามหน้าที่ เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองนั้น ก็จะเป็นบุญปนบาป ซึ่งก็จะต้องไปอยู่ในวงจรดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

2.ในแง่กฎแห่งกรรม การตัดสินประหารชีวิตนั้น ก็ยังถือว่า ผิดศีลข้อที่1 อยู่ดี เพราะมีเจตนาสั่งฆ่า แม้ว่าผู้ถูกฆ่าจะทำผิดกฎหมายก็ตาม แต่ก็ผิดกฎแห่งกรรม
  • ผู้ที่ติดสินให้ประหารชีวิตนักโทษ จะมีส่วนบาปมากที่สุด รองลงมาก็ผู้ประหารชีวิต ถัดมาก็เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
 
  • จะทำให้อายุขัยสั้น เพราะกรรมปาณาติบาต และหากดื่มสุราย้อมใจไม่ว่า คนใดคนหนึ่ง ก็จะมีกรรมสุราตามไปด้วย คือ จะเป็นใบ้ บ้า ปัญญาอ่อน เป็นต้น อีกด้วย
 
3.กรณีที่นักโทษได้กินอาหารจนอิ่ม ได้ฟังเทศน์ และเพชฌฆาตได้ขอขมาก่อนประหารชีวิต และนักโทษก็ให้อโหสิกรรมด้วย อย่างนี้เพชฌฆาตก็จะมีวิบากกรรมเบาบางลงไป คือ จะไม่มีกรรมส่วนอาฆาต ที่จะเกิดการจองเวรกันต่อไป แต่ก็ยังมีวิบากกรรมที่ทำให้อายุสั้น
 
 
  • ส่วนนักโทษนั้นอาจจะมีสิทธิ์ไม่ไปอบาย เพราะว่าจิตก่อนตายมีสภาพที่ดีขึ้น แต่ไม่อาจไปสูงได้ อย่างมากก็เป็นภุมมเทวา เนื่องจากมีกรรมชั่วหยาบเยอะ จึงต้องมาถูกตัดสินประหารชีวิต
  • แต่ถ้าหากจิตยังหมองอยู่ ก็ไปทุคติได้
 
4.วิธีประหารชีวิตโดยใช้ดาบตัดคอ และการฉีดยาให้ตายอย่างในปัจจุบัน สองอย่างนี้จะมีผลต่อผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่าต่างกัน เพราะใช้ความพยายามในการฆ่าไม่เท่ากัน
  
  • เช่น การประหารชีวิตโดยใช้ดาบตัดคอ เป็นการใช้ความพยายามมากกว่าการฉีดยา ก็ย่อมมีวิบากกรรมมากกว่า คือ เมื่อวิบากกรรมมาส่งผล เพชฌฆาตก็จะตายด้วยวิธีการที่ร้ายแรงกว่า และอายุสั้นมากชาติกว่ากัน
 
 
5.วิธีลงทัณฑ์ด้วยอุปกรณ์พิเศษ เช่น
 
1.จับนักโทษยัดใส่ตะกร้อหวาย แล้วให้ช้างเตะให้กลิ้งไปกับพื้น เพื่อให้เหล็กแหลมทิ่มแทงร่างกายจนตาย
 
 
  • นักโทษนั้น ก็เคยมีวิบากกรรมหลากหลาย เช่น เคยทรมานคนด้วยวิธีการคล้ายๆ หรือใกล้เคียงอย่างนี้ บางพวกเกิดจากกรรมปาณาติบาต เช่น ฆ่าสัตว์ทำอาหาร หรือวจีกรรม คือ พูดจาทิ่มแทงเขา และชักชวนคนให้มาช่วยรุมด่าทุกทาง มาส่งผล รวมกับกรรมที่ได้กระทำในปัจจุบัน เช่น ฆ่าคนด้วยอาการทารุณ เป็นต้น มารวมส่งผล
 

2.ใช้เบ็ดเหล็กเกี่ยวใต้คางทะลุถึงใต้ลิ้น แล้วชักรอกดึงรั้งคางจนปลายเท้าลอยพ้นจากพื้น

 
  • นักโทษนั้น ก็เคยมีวิบากกรรมที่เคยทรมานคนหรือสัตว์ด้วยอาการคล้ายๆดังนี้ กับมีวจีกรรมอีกแบบ คือ พูดประจานให้เขาเจ็บใจ ซึ่งต่างจากวจีกรรมของช้างเตะตะกร้อ
 
 
3.ให้นอนในหีบแล้วปิดฝา แล้ววางยืนไว้กลางแดด
  • นักโทษนั้น ก็เคยมีวิบากกรรมที่เคยทรมานคนหรือสัตว์ด้วยอาการคล้ายๆแบบนี้ มาส่งผล
 
6.ท่านพ่อละโลกแบบหลับไปเฉยๆ ขณะนั้นใจของท่านก็ไม่ใสไม่หมอง
  • ตายแล้ว ก็ถูกเจ้าหน้าที่เชิญตัวไปยมโลก โดยไปเป็นหัวหน้าโซน ที่คุมเจ้าหน้าที่ลงทัณฑ์สัตว์นรกในยมโลกอีก
 
  • ได้รับบุญที่ลูกอุทิศไปให้ท่านแล้ว ก็ทำให้อายุที่ท่านจะอยู่ในยมโลกลดลง
  • มีข้อความฝากขอบคุณลูก ที่ทำบุญอุทิศไปให้ท่าน และท่านได้รับบุญนั้นแล้ว
 
7.ท่านพ่อเกิดในตระกูลสูง แต่เป็นหม่อมเจ้าที่จนที่สุด เพราะในอดีต ท่านมีบุญอ่อนน้อมถ่อมตน จึงได้เกิดในตระกูลสูง
  • แต่ว่าท่านทำทานมาไม่มาก จึงทำให้แม้เกิดในตระกูลสูง ก็ยากจน

  • ส่วนคุณแม่ได้เข้ามาอยู่ในวังตั้งแต่ยังเด็ก มีชีวิตสะดวกสบายตลอด แต่ภายหลังลำบาก เพราะคุณแม่ทำทานในอดีตมาไม่สม่ำเสมอ ในช่วงที่บุญส่งผลก็มีชีวิตสะดวกสบาย ในช่วงที่ไม่ได้ทำบุญ ก็ทำให้ชีวิตตกระกำลำบาก

  • ท่านทั้งสองก็เคยร่วมสร้างบุญกันมาในระยะช่วงสั้นๆ จึงทำให้อยู่ร่วมกันสั้นๆ สร้างบุญแตกต่างกัน คือ คุณพ่อจะเป็นผู้นำและคุณแม่เป็นผู้ตาม

8.คุณแม่ป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง เพราะกรรมปาณาติบาตฆ่าสัตว์ทำอาหาร ทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมกับกรรมที่เคยรมควันสัตว์ เช่น รมควันตีผึ้ง มารวมส่งผลให้ต้องมาอยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่ทำให้ต้องเจ็บป่วยเป็นโรคนี้
 

  • ตายแล้ว ก็ได้ไปเป็นเทพธิดาสุดสวย มีวิมานทองของชั้นดาวดึงส์ เฟส3 แต่วิมานทองไม่ใหญ่นัก ด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนา
  • บุญที่ทำอาหารอันประณีตถวายสมเด็จพระสังฆราช ก็ส่งผลให้ท่านมีทิพยสมบัติที่ประณีตดังกล่าวด้วย
 
9.ภาพพระที่ปรากฏในฟิล์มเอกซเรย์เกิดขึ้น เพราะเป็นอานุภาพของพระของขวัญ และก็จะแสดงอานุภาพในตอนที่เหมาะสม คือ จิตของเราเป็นกลางๆ ส่วนจะเห็นเป็นภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯหรือพระธรรมกายอีกหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ท่าน และจิตของเราต้องเป็นกลางๆดังกล่าว
 
 
10.ลูกเจียดเงินของลูกมอบให้พี่ชาย แล้วลูกเอาไปทำบุญให้ แล้วให้พี่ชายอนุโมทนาบุญ พี่ชายก็ได้บุญในส่วนอนุโมทนา
  • บุญเหล่านี้ก็จะไปช่วยตัดรอนวิบากกรรมของพี่ชายได้บ้าง

11.ขณะละโลกพี่ชายมีคตินิมิตใสบ้าง พอปิดอบาย เพราะทำตามคำแนะนำของลูกได้บ้าง เนื่องจากพี่ชายไม่ค่อยคุ้นเคยเกี่ยวกับการนึกถึงเรื่องบุญ
 
 
  • ตายแล้ว ก็ไปเป็นภุมมเทวา ระดับทั่วไป ในหมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่ง
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ก็ทำให้มีสภาพที่ดีขึ้น แต่ก็จะต้องอุทิศไปให้อีกบ่อยๆ
 
12.ที่ลูกฝันเห็นพี่ชายนั้น ก็เป็นเรื่องจริง ที่พี่ชายมาลาก่อนที่จะจากไป
  • พี่ชายก็ทำตามคำแนะนำของลูกได้บ้าง

  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย


  


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม