ไม่เอาน่า...อย่าคิด


[ 21 ธ.ค. 2550 ] - [ 18277 ] LINE it!

CASE STUDY
ไม่เอาน่า...อย่าคิดมาก
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
ออกอากาศครั้งแรก วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2549
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

    ลูก เข้าวัดในปี พ.ศ.2518 ขณะนั้นเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี2 ตอนนั้นได้เข้าร่วมกิจกรรมชมรมขับร้องประสานเสียง (RU_คอรัส) วันหนึ่ง ลูกได้พบป้ายเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรมชมรมพุทธฯ ซึ่งมีห้องอยู่ติดกับชมรมประสานเสียงนั่นเอง แรกๆเมื่อมาร่วมกิจกรรมชมรมขับร้องประสานเสียง ลูกจะแวะเข้าชมรมพุทธศาสตร์ด้วย จนในที่สุดก็เข้ามาอยู่ชมรมพุทธฯ
 
    โดยทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่เหรัญญิกของชมรม ซึ่งกิจกรรมสำคัญในช่วงนั้นก็คือ สวดมนต์ทำวัตรเช้า-ทำวัตรเย็น ทุกวัน ชวนนักศึกษามาศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม (วัดพระธรรมกายในปัจจุบัน) ในวันอาทิตย์ทุกๆสัปดาห์ โดยขอรถของมหาวิทยาลัย ซึ่งบางอาทิตย์ก็ขอได้ บางอาทิตย์ก็ขอไม่ได้ หากอาทิตย์ไหนขอไม่ได้ พวกเราก็จะเช่ารถสองแถวมาวัดกันด้วยความสนุกสนาน
 
    ในช่วงเวลานั้น ถนนยังเป็นถนนลูกรัง มีต้นไม้ต้นเล็กๆอยู่นิดหน่อย ทุกอย่างยังคงเป็นธรรมชาติของท้องทุ่งนา การมาวัดในยุคนั้น ต้องห่อข้าวมากินเอง จนต่อมาคุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านสร้างโรงทาน พวกเราจึงเลิกห่อข้าวมาวัดอีก
 
    ช่วงปิดเทอม ตัวลูกและเพื่อนอีกสองคนได้มาวัดช่วยงานต่างๆ เช่น ผูกเหล็ก เทปูนถนน พวกเราปีนขึ้นไปผูกเหล็กที่หลังคาโบสถ์ เทปูนโบสถ์ คัดหิน พวกเรารับบุญกันอย่างสนุกสนาน ปีติในบุญที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ มอบให้พวกเราได้ทำอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศที่อบอุ่นของความเป็นพี่น้อง เป็นแรงบันดาลใจให้ลูกคิดว่า สักวันจะได้มาอยู่มาช่วยงานวัด อย่างอย่างพี่ๆบ้าง
 
    หลังจากสำเร็จการศึกษา ลูกได้ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ลูกยังมาวัดเป็นประจำและได้ช่วยงานทางวัดไม่ขาด ไม่ว่าจะเป็นประธานกฐิน ผ้าป่า ทำหน้าที่กัลยาณมิตร และยังเป็นอาสาสมัครช่วยงาน แม้กระนั้นลูกก็ยังได้พบคนที่ถูกใจจนได้ เพราะเขาเป็นคนเอาใจเก่ง เราจะไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันทุกวัน จนวันหนึ่งเขาได้พูดถึงเรื่องการแต่งงาน
 
    ขณะนั้น ลูกก็สองจิตสองใจว่า จะทำอย่างไรดี จะแต่งงานก็เกรงว่า จะอยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะเขาเป็นลูกชายคนโตในครอบครัวคนจีน หากแต่งงานแล้ว กลัวไม่ได้มาวัด หรือว่าแม้หากได้มาวัด แต่ก็กลัวว่า ตัวเองจะไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย เพราะเคยได้ฟังคุณยายอาจารย์ ท่านสอนว่า “ถ้าใครแต่งงานแล้ว อยากเกิดเป็นผู้ชาย ก็ต้องดูแลปรนนิบัติสามีประดุจว่าสามีเป็นเทวดาซึ่งก็รู้ตัวดีว่า ลูกต้องทำไม่ได้อย่างแน่นอน สรุปได้ว่า ลูกคิดเรื่องเดียว แต่คิดวนไปวนมา จนนอนไม่หลับหลายต่อหลายคืนว่า “จะแต่งงานดีไหม”
 
    แต่เหมือนบุญบันดาล ลูกได้มีโอกาสพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็เมตตาทักลูกว่า...
 
“ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ลูกได้ตอบพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า “เจอเหยี่ยวเจ้าค่ะ”
ช่วงสุดท้าย พระเดชพระคุณหลวงพ่อถามลูกว่า “ตัดได้หรือยัง”
ด้วยเลือดของนักสู้ ลูกก็ตอบว่า “ได้เจ้าค่ะ”
พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ว่า “ชิตังเม”
 
    เมื่อคิดว่า ต้องทำให้ได้ก็คิดต่อว่า จะทำอย่างไรดี คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจว่า ต้องถือศีลแปด เพราะศีลแปดนั้น ต้องรับประทานอาหารกลางวันก่อนเวลาเที่ยง ที่เคยไปด้วยกันกับคนรักก็จะไม่ต้องไปด้วยกัน เมื่อคิดได้ก็เริ่มถือศีลแปดทันที หักดิบเลิกติดต่อ เลิกไปทานอาหารกลางวันด้วยกันอีก กระนั้นลูกก็ยังคิดถึงเขาอยู่
 
    แต่เป็นบุญอัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะโดยปกติ เวลาเราคิดถึงใคร เราจะต้องเห็นหน้าคนคนนั้น แต่ลูกเมื่อคิดถึงเขา กลับเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ อยู่กลางท้องอย่างชัดใส เป็นสี่สี มีมิติครบถ้วนทีเดียว ด้วยเหตุนี้ ลูกยิ่งมีกำลังใจยิ่งขึ้นว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นขวัญเป็นกำลังใจ และคุมบุญ คุมผังแห่งความสำเร็จ ให้กับลูกอยู่ตลอดเวลา
 
    เมื่อมาถึงเวลานี้ ทำให้ลูกได้ข้อคิดว่า หากเรารับปากครูบาอาจารย์กระทำสิ่งใดแล้ว และตั้งใจหาวิธีการลงมือทำ ก็จะต้องสำเร็จเป็นแน่นอน และในหัวใจของลูกในตอนนั้นมีแต่ครูไม่ใหญ่คนเดียว หลังจากนั้นปี พ.ศ.2534 ลูกก็ได้เข้ามาเป็นอุบาสิกา งานที่ลูกทำ มักต้องทำหน้าที่บุกเบิกงานใหม่ หรือต้องมาทำงานที่ต้องแก้ไข ในสิ่งที่ผู้อื่นทำค้างไว้ให้เข้าที่เข้าทางอยู่เสมอ ซึ่งลูกก็สงสัยว่า “เป็นบุญอะไรของเรา จึงมักจะได้งานลักษณะอย่างนี้อยู่เสมอ”
 
    ต่อมาปี พ.ศ.2543 ลูกป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่สอง ตรวจพบโดยหมอแผนปัจจุบัน แต่ลูกเลือกรักษาโดยแผนโบราณ หมอแผนโบราณท่านนี้ รักษาด้วยการนวดและใช้ยาหลายอย่าง ทั้งยาทา ยาต้มและยาผง ระหว่างการรักษาก็ไม่มีอาการกำเริบขึ้นมาอีก
 
    จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2548 โรคของลูกก็กำเริบขึ้นมา โดยหน้าอกข้างขวาโตบวม แข็งดำ ได้กินยาของหมอ จนหน้าอกยุบลงไป แต่มันทำให้แขนของลูกตึงมากจนไม่สามารถขยับแขนได้ มีอาการบวม แข็ง และปวด ความเจ็บปวดนั้นมันแทรกเข้าไปในทุกอณูเนื้อของเรา เหมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับตัวเราจนแยกไม่ออก ไม่มีหยุดพัก มีแต่ความปวดน้อยกับปวดมาก เป็นความทรมาน จวบจนถึงปัจจุบันนี้
 
    คุณพ่อของลูก เป็นชาวจันทบุรี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เป็นคนขยันมาก จนได้รางวัลจากกระทรวงมหาดไทย ด้านความขยัน สร้างตนเองเป็นหลักเป็นฐาน แต่ท่านเป็นคนเจ้าชู้ เมื่อคุณพ่อมาอยู่กินกับ คุณแม่ของลูก ซึ่งเป็นภรรยาคนที่สอง พอคุณแม่มีลูกคนที่สอง คุณพ่อก็กลับไปหาภรรยาคนแรก และพอภรรยาคนแรกตั้งท้อง คุณพ่อก็กลับมาหาคุณแม่ของลูก พอคุณแม่ของลูกตั้งท้อง คุณพ่อก็กลับไปหาภรรยาคนแรก กลับไปกลับมาอย่างนี้ตลอด
 
    เวลากลับมาหาคุณแม่ คุณพ่อก็จะบอกคุณแม่ว่า “ไม่เอาน่า...อย่าคิดมาก” จนกระทั่งถึงตัวลูกซึ่งเป็นลูกคนที่สี่ ด้วยความที่คุณพ่ออยากได้ลูกชาย เมื่อคุณแม่คลอดตัวลูกมา คุณพ่อก็รีบตื่นลงมาดู พอเห็นว่าเป็นผู้หญิง ท่านก็กลับขึ้นไปนอนโดยไม่สนใจอีก จากนั้นคุณพ่อก็ไปมีภรรยาใหม่คนที่สาม คุณแม่จึงตัดสินใจเลิกกับคุณพ่อ ขณะที่ตัวลูกมีอายุได้เพียง 8เดือน และเลี้ยงดูลูกๆเองโดยลำพัง
 
    แต่ด้วยความที่คุณแม่ของลูก เป็นคนใจบุญ เข้าวัดปฏิบัติธรรมตั้งแต่ยังสาว ท่านจึงใช้หลักธรรมในการเลี้ยงดูลูกๆของท่าน ด้วยความรักโดยลำพัง และไม่เคยพูดหรือทำสิ่งใดให้พวกเรารู้สึกโกรธ และเกลียดชังคุณพ่อเลย ส่วนคุณพ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่อีกเรื่อยๆ รวมว่าคุณพ่อมีลูกทั้งหมด 17คน จากภรรยา 4คน คุณพ่อตายเมื่ออายุ 75ปี ด้วยโรคหัวใจโต
 
    ส่วนคุณแม่ เมื่อมีอายุมากขึ้น ก็ได้รับการผ่าตัดใหญ่ 2-3ครั้ง ครั้งแรกเมื่ออายุ 73ปี ป่วยเป็นโรคกระดูกสันหลังเสื่อม ก่อนที่จะผ่าตัดคุณแม่ได้ไปปฏิบัติธรรมที่ดอยสุเทพ-ปุย หนึ่งอาทิตย์ หลังจากนั้นได้ผ่าตัดกระดูกสันหลังออก 3ข้อ แล้วเปลี่ยนไปใส่เหล็กแทน ในช่วงที่ยาสลบออกฤทธิ์ก่อนผ่าตัด คุณแม่ก็รู้สึกเคลิ้มๆ ได้เห็นพระธรรมกายสีทอง 3องค์ ลอยมาอยู่ตรงหน้าก่อนที่จะสลบไป หลังผ่าตัดแล้วอาการก็ฟื้นตัวเร็วมาก ครั้งที่2 ก็ผ่าตัดต้อหนึ่งครั้ง ครั้งที่3 ผ่าตัดเข่าเสื่อมหนึ่งครั้ง ปัจจุบันอายุ 85ปี
 
    คุณยายของลูก เป็นหญิงชราร่างเล็กๆ ผอมบาง ชอบกินหมาก คุณยายมีลูกคนเดียว คือ คุณแม่ของลูก ลูกจำได้ว่า คุณยายเป็นคนขยัน กิจวัตรที่ท่านทำสม่ำเสมอ คือ ให้ลูกคอยดูต้นทางว่า พระบิณฑบาตมาใกล้ถึงบ้านหรือยัง หากลูกเห็นพระเดินมา ก็จะส่งเสียงเรียกท่านว่า “พระมาแล้ว” คุณยายก็จะตักข้าวร้อนๆและกับข้าวใส่สำรับ มาใส่บาตรพระ โดยไม่ยอมตักข้าวตักกับ ไว้คอยนานๆเลย เพราะท่านรู้ว่า พระคือเนื้อนาบุญ
 
    ในวันพระ คุณยายก็จะไปถืออุโบสถศีลที่วัดเป็นประจำ ลูกก็จะตามท่านไปบ้างเช่นกัน จนกระทั่งท่านอายุมากจนเดินไม่ไหว จึงหยุดไปถืออุโบสถที่วัดอีก คุณยายเสียชีวิตเมื่ออายุ 83ปี ด้วยโรคชรา
 
    ลูกมี น้องที่สร้างบารมีด้วยกัน อยู่คนหนึ่ง รู้จักกันตอนที่อยู่ธุดงค์ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่สภาหลังคาจาก ตอนนั้น น้องทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวของกรมชลประทาน มีที่พักไม่สะดวก จึงชวนไปพักที่บ้านของลูก และน้องก็มาเป็นอาสาสมัครช่วยงานที่โรงครัว ต่อมาน้องก็เข้ามาอบรมธรรมทายาทหญิง และได้เข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่วัด สำนักโภชนาการ ทำอาหารถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และคุณยายอาจารย์อยู่หลายปี ปัจจุบันรับบุญอยู่ที่ สำนักบริการกลาง เธอเป็นน้องที่ลูกได้เกื้อกูลมาตลอดทั้งเรื่องการเรียนและเรื่องอื่นๆ
 
    คุณพ่อของน้อง เป็นครูสอนหนังสือ ต่อมาเปลี่ยนอาชีพเป็นช่างไม้ของกรมชลประทาน ท่านสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าและเล่นการพนัน คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องไม่ค่อยได้อยู่ร่วมกัน เพราะคุณพ่อของน้องต้องปฏิบัติหน้าที่ในต่างจังหวัด จนทำให้ต่อมา คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องก็แยกทางกัน โดยคุณแม่ของน้องเป็นคนรับเลี้ยงลูกทั้งหมด คุณพ่อของน้อง เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งและเบาหวาน เมื่ออายุได้ 73ปี
 
    คุณแม่ของน้อง สูบบุหรี่ ดื่มเหล้าและเล่นการพนัน แต่ภายหลังเลิกดื่มเหล้าและเลิกเล่นการพนัน แต่ไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ ท่านเสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดฝอยในสมองแตกเฉียบพลัน เมื่ออายุได้ 70ปี
 
สำหรับคำถามมีดังนี้ค่ะ
 
1.ด้วยบุญใด ทำให้ลูกได้มีโอกาสสร้างโบสถ์_สร้างวัดในช่วงแรกๆ จนกระทั่งถึงช่วง 2,000ไร่คะ
 
2.บุญใด ทำให้ลูกสามารถรอดพ้นจากการมีชีวิตครอบครัว และหากพระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่ช่วยไว้ ชีวิตของลูกจะเป็นเช่นไรคะ
 
3.กรรมใด ลูกมักต้องทำหน้าที่บุกเบิกงานใหม่ หรือต้องมาทำงานที่ต้องแก้ไขในสิ่งที่ผู้อื่นทำค้างไว้ให้เข้าที่เข้าทางอยู่เสมอ และลูกจะได้อานิสงส์อย่างไรบ้างคะ
 
4.ลูกมีวิบากกรรมอะไร จึงป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม กรรมใดทำให้ลูกตัดสินใจเลือกรักษาด้วยวิธีการแบบโบราณ และวิธีการรักษาเช่นนี้ จะทำให้ลูกหายขาดจากโรคที่ทรมานนี้หรือไม่คะ หากลูกเลือกรักษาแบบแผนปัจจุบัน ลูกจะทุกข์ทรมานจากโรคเช่นเดียวกันกับปัจจุบันหรือไม่คะ และเป็นชาติสุดท้ายหรือไม่ ที่กรรมนี้จะส่งผล ลูกจะแก้ไขอย่างไรคะ
 
5.คุณพ่อของลูกตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศให้หรือไม่คะ
 
6.คุณแม่ของลูก ทำกรรมใดมาจึงต้องผ่าตัดหลายครั้งหลายหนเมื่อมีอายุมาก เช่น ผ่าตัดกระดูกสันหลังออก 3ข้อ ผ่าตัดต้อหนึ่งครั้ง และผ่าตัดเข่าเสื่อมหนึ่งครั้ง คุณแม่เคยสร้างบุญมากับลูกและหมู่คณะอย่างไรคะ
 
7.กรรมใด ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องแยกทางกัน เพราะคุณพ่อมีภรรยาพร้อมกันหลายคน และลูกมีวิบากกรรมร่วมด้วยหรือไม่คะ
 
8.คุณยายตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศให้หรือไม่คะ
 
9.คุณพ่อ-คุณแม่ของน้อง ตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่ มีข้อความใดฝากมาบ้างหรือไม่คะ
 
10.ลูกและน้องมีความสัมพันธ์ในอดีตกันอย่างไร จึงได้มาเกื้อกูลกันในชาตินี้ เพราะวิบากกรรมใด น้องจึงมีนิสัยช่างคิด คิดแบบเล็กๆน้อยๆ กระจุ๋มกระจิ๋มไปเรื่อย จนบางครั้งก็ทำให้ตัวเองลำบาก จะแก้ไขได้อย่างไร น้องเคยร่วมสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร ทำหน้าที่ใดในกองทัพธรรม มีผลการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไรคะ
 
11.ตัวลูก พี่สาวคนโต และพี่สาวคนที่สอง ร่วมบุญกับหมู่คณะมาอย่างไร เคยทำหน้าที่ใดในกองทัพธรรม ได้ลงมารอบสองหรือไม่ ชาติก่อนผลการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไรคะ ชาติต่อไปลูกอยากเกิดมาสร้างบารมีในรอบที่สอง ต้องทำอย่างไรคะ
 
         กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
    
 ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.ลูกได้มีโอกาส สร้างโบสถ์ สร้างวัด ในช่วงแรก จนถึงช่วง 2,000ไร่ เพราะลูกเคยอธิษฐานจิตมา เมื่อพุทธันดรที่ผ่านมาว่า "ขอให้ได้มีส่วนในการร่วมสร้างศาสนสถาน เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย ไปทั่วโลก" จึงทำให้ได้โอกาสนี้

 
2.ลูกรอดพ้นจากการมีชีวิตครองเรือน เพราะบุญในอดีต เมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา ภายหลังจากการทำบุญมักจะอธิษฐานจิตว่า “ขอให้อย่าได้ครองเรือน และให้ได้ประพฤติพรหมจรรย์” เนื่องจากเบื่อหน่ายชีวิตในการครองเรือน ในชาตินั้น
 

  • หากลูกไปครองเรือนตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้าวัดนั้น ลูกก็จะมีชีวิตที่มีความทุกข์จากการครองเรือน เหมือนพุทธันดรที่ผ่านมา นอกเหนือจากการมีทุกข์เพราะสุขภาพ
 
3.ลูกมักต้องมาทำงานบุกเบิก หรือต้องมาทำงานแก้ไขที่คนอื่นทำคั่งค้างเอาไว้ เสมอนั้น
  • ก็เป็นเรื่องปกติของการทำงานทั่วไป รวมทั้งมักจะอธิษฐานมาว่า “งานใดที่ใครทำไม่สำเร็จ ก็ขอให้เราทำได้สำเร็จ” อีกทั้ง “ขอให้ได้ทำงานบุกเบิก” ด้วย
  • ลูกก็จะได้วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อีกทั้งไปอยู่ที่ใดก็จะสามารถประสบความสำเร็จในงานที่ยากและท้าทาย และเมื่อถึงเวลาก็จะได้ของที่คนอื่นได้มายาก แต่ตัวลูกก็จะได้มาง่าย เป็นต้น
 
4.ลูกเป็นมะเร็งเต้านม เพราะกรรมกาเมฯเจ้าชู้ ในหลายๆชาติ มารวมกันส่งผล
  • ลูกตัดสินใจเลือกรักษาด้วยวิธีแผนโบราณหรือแผนใดก็ตาม ถ้าวิบากกรรมยังมีอยู่ก็คงหายขาดยาก
  • ถ้าชาตินี้ประพฤติพรหมจรรย์ได้ตลอดชาติ ชาตินี้ก็จะเป็นชาติสุดท้าย ชาติต่อไปก็จะได้เป็นผู้ชาย และไม่ต้องมาเป็นดังนี้แล้ว

  • จะแก้ไข ให้สั่งสมบุญทุกบุญทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ให้มากๆ แล้วอธิษฐานจิตให้บุญนี้ไปตัดรอนวิบากกรรมดังกล่าว

5.คุณพ่อของลูกตายแล้วก็ได้ดำดิ่งไปสู่มหานรกขุม3 ด้วยวิบากกรรมกาเมฯเจ้าชู้ กำลังโดนมิสนิรยบาล เชือด ชำแหละ สับฟันอวัยวะ ตายเกิดๆ นับครั้งไม่ถ้วน มีความทุกข์ทรมานมาก ไม่อาจรับบุญได้ แต่ให้ทำบุญอุทิศไปให้บ่อยๆ บุญนี้ก็จะได้ไปคอยอยู่ที่ยมโลก

6.คุณแม่ของลูก ต้องผ่าตัดหลายครั้ง เช่น ผ่าตัดกระดูกสันหลังออก 3ข้อ ผ่าตัดต้อหนึ่งครั้ง ผ่าตัดเข่าเสื่อมหนึ่งครั้ง
  • เพราะกรรมในอดีต ที่เคยเกิดในสังคมเกษตรกรรม ได้เคยใช้สัตว์ เช่น ลา แบกของหนักเกินไป จึงทำให้ต้องผ่าตัดกระดูกสันหลัง และผ่าตัดเข่า
  • กับกรรมขังสัตว์ไว้ในที่มืด เช่น ปลา ขังไว้ในตุ่ม ในไห แล้วปิดฝา มาส่งผลให้ต้องผ่าตัดดวงตา และขาดบุญประทีปโคมไฟ

  • คุณแม่เคยสร้างบุญกับหมู่คณะมาแบบกองเสบียง บางชาติ ประเภทไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้บางชาติก็เจอกัน บางชาติก็ไม่เจอกัน
  • ส่วนตัวลูกก็มีกรรมกาเมฯคล้ายคุณแม่ จึงต้องมาเกิดกับแม่ที่มีกรรมกาเมฯเจ้าชู้เหมือนกัน
 
7.คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน เนื่องจากคุณพ่อมีภรรยาพร้อมกันหลายคน เพราะเป็นภาพในอดีตของคุณแม่เป็นกรรมหลัก ในสมัยที่คุณแม่เป็นผู้ชายเจ้าชู้ ก็ทำแบบคุณพ่อดังนี้
  • ส่วนตัวลูกแค่เป็นเศษกรรมกาเมฯเจ้าชู้ ในสมัยที่เกิดเป็นผู้ชาย จึงต้องมาเกิดในครอบครัวที่มีพ่อเจ้าชู้ และพ่อกับแม่แยกทางกัน
 
8.คุณยายตายแล้วก็ไปเกิดเป็นเทพธิดาสุดสวย มีวิมานทองของชั้นดาวดึงส์เฟส3 ด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นประจำ เช่น ตักบาตรตอนเช้า เป็นต้น
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้วก็ทำให้ท่านมีทิพยสมบัติเพิ่มขึ้น
 
9.คุณพ่อของน้องตายแล้วไปอยู่มหานรกขุม5 ด้วยกรรมดื่มสุรา กำลังถูกกรอกน้ำกรดสีดำร้อนแรงทุกข์ทรมานมาก ไม่อาจรับบุญได้ และจะต้องไปอีกหลายขุม เพราะผิดศีลหลายข้อ
  • ส่วนคุณแม่ของน้องตายแล้ว ไปอยู่ยมโลกของมหานรกขุม5 ด้วยกรรมดื่มสุรา ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ก็ได้รับลดหย่อนผ่อนโทษลงมา
 
10.ลูกและน้องมาเกื้อกูลกันในปัจจุบัน เพราะในอดีต ได้เป็นพี่น้องกัน ได้เคยเกื้อกูลกัน ชาตินี้มาเจอกันก็ได้มาเกื้อกูลกันอีก
  • น้องมีนิสัยชอบคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆ กระจุ๋มกระจิ๋มไปเรื่อย จนบางครั้งทำให้ตนเองลำบาก เพราะเป็นอุปนิสัยดังนี้ ข้ามชาติมาหลายชาติแล้ว

  • จะแก้ไข ต้องเป็นคนไม่ดื้อ ว่านอนสอนง่าย ต้องอดทนอย่าไปกระทบกระทั่งกับใคร ให้มีความเคารพอ่อนน้อม อย่าเป็นคนมักโกรธ เพราะจะทำให้ไม่สบายใจ และได้ชื่อว่า ทำร้ายตนเอง และให้ตั้งใจสร้างบารมีอย่างเดียว อีกทั้งต้องนั่งสมาธิให้มากๆ โดยต้องบริหารเวลาของชีวิตให้เป็น ดังนี้ เป็นต้น

  • น้องเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา โดยเมื่อพุทธันดรที่ผ่านมาได้เป็นกุลธิดา มีอุปนิสัยดังกล่าว เช่น ดื้อ ว่ายาก ถือตัว มักโกรธ คิดเล็กคิดน้อย จนทำให้มีความลำบากในการครองเรือน สามีจึงทิ้ง ตัวเองจึงทุกข์ ได้เข้ามาสร้างบารมีกับหมู่คณะตอนอายุมากแล้ว อธิษฐานจิต ขอให้ได้ประพฤติพรหมจรรย์อยู่กับหมู่คณะ ชาตินี้จึงได้เข้ามาอยู่ในหมู่คณะ แต่ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม พุทธันดรที่ผ่านมาก็เป็นกองเสบียง ดังนั้น ชาตินี้ให้รีบแก้ไขตัวเอง

11.พี่สาวคนโต พี่สาวคนที่สอง เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบกองเสบียง โดยบางครั้งก็เต็มที่ บางครั้งก็ตามอารมณ์
  • ตัวลูก เมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา ได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช ออกรบฆ่าข้าศึกมามาก ต่อมาภายหลังได้ออกบวชตาม เมื่อบวชแล้วได้ทำหน้าที่เผยแผ่จนหมดอายุขัย มีผลการปฏิบัติธรรมได้ดวงใสๆ พอเอาตัวรอดกลับดุสิตบุรี วงบุญพิเศษได้

  • ได้ลงมาสร้างบารมี 2รอบ ชาตินี้กรรมกาเมฯเจ้าชู้ในอดีต หลายๆชาติ มาส่งผลให้เป็นผู้หญิง
  • ชาตินี้ต้องปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงองค์พระภายใน แล้วรักษาให้มั่นคง และอธิษฐานจิตดังที่ลูกปรารถนา ก็จะสมหวัง

  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม