ฟลุ๊กหรืออานุภาพบุญ


[ 3 เม.ย. 2549 ] - [ 18280 ] LINE it!
View this page in: English

CASE   STUDY
ฟลุ๊กหรืออานุภาพบุญ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพ

    ลูกเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันมาเมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 โดยการแนะนำจากเพื่อนกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง  เมื่อได้ไปปฏิบัติธรรมและได้มาวัดพระธรรมกาย ลูกรู้สึกศรัทธามาก และตั้งแต่นั้นมาก็ตั้งใจสร้างบุญทุก ๆบุญที่คุณครูไม่ใหญ่ชวน     

ในช่วงระหว่างที่ลูกเข้าวัดนี้ ลูกได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับกัลยาณมิตรท่านอื่นๆ และได้ฟังเรื่องราวที่น่าทึ่งเกี่ยวกับอานุภาพของบุญและหลวงปู่วัดปากน้ำ จนคิดว่าน่าจะนำมากราบเรียนถามคุณครูไม่ใหญ่ ประกอบกับเคสที่ลูกส่งมานี้ค่ะ ลูกขอนำเรื่องราวที่ลูกได้คุยกับน้องผู้ชายคนหนึ่ง มาถ่ายทอด เป็นคำพูดของเขาดังนี้ค่ะ

    ผมเข้าวัดเมื่อต้นปี 2541 โดยกัลยาณมิตรที่เป็นเพื่อนกับน้าของผม  เป็นผู้ชักชวนแกมบังคับให้มา ตอนนั้นผมตกงาน อยู่บ้านเฉยๆ เมื่อมาถึงวัดก็ตะลึงกับบรรยากาศที่สงบและสะอาด แต่ตอนนั้นผมคิดได้เพียงว่า วัดนี้ก็มีดีแค่คนเยอะและสะอาดเท่านั้นเองแหละ  และผมก็ไม่คิดอยากจะมาอีก  แต่อาทิตย์ต่อมาผมก็ถูกลากมาวัดอีก โดยครั้งนี้น้าได้พาผมเข้าไปกราบหลวงปู่ที่ห้องปัญญา น้าบอกว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ผมนึกอยากลองดีเลยนั่งลงตรงหน้ารูปหลวงปู่ และหลับตาอธิษฐานในใจว่า

      "การมาในครั้งนี้ ผมไม่มีความศรัทธาเลยแม้แต่นิดเดียว ผมมาเพราะถูกบังคับให้มา ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หลวงปู่เป็นใคร ได้ยินแต่ชื่อผ่านๆ และผมก็ไม่เชื่อเรื่องปาฏิหารย์อะไรทั้งสิ้น ถ้าหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์จริง กลับไปขอให้ผมถูกหวย ผมจะซื้อแค่ 10 บาทเท่านั้นไม่ซื้อมากกว่านี้"
 
    เมื่อกลับมาถึงบ้าน  ผมจึงฝากป้าข้างบ้านซื้อหวย 10 บาท นึกไม่ออกเลยว่าจะซื้อเลขอะไรดี ก็เลยบอกไปมั่วๆ ว่า 55 ตกเย็นเขาเอาเงินมาให้เพราะผมถูกหวย ผมเริ่มงงนิดหน่อย และเริ่มเอะใจเล็กน้อย จนผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆว่าฮ่าๆๆๆๆเพราะหวยออกห้าห้า พอวันอาทิตย์ต่อมาผมก็ได้มาวัดกับน้าอีก จึงไปกราบหลวงปู่อีกครั้ง และผมบอกท่านในใจว่า แม้จะถูกหวยไปแล้ว ผมก็ยังไม่ศรัทธาอยู่ดี... เพราะผมคิดว่ามันเป็นเรื่องฟลุ๊คมากกว่า ถ้าหลวงปู่อยากให้ผมเชื่ออีกครั้ง ก็ขอให้ผมได้งานทำภายใน 7 วันนี้  ถ้าไม่ได้งานภายในเจ็ดวันนี้   ผมจะไม่มาเหยียบที่วัดนี้อีกเลย"

    ตลอดระยะเวลาภายใน 6 วันต่อจากนั้น ผมก็ได้แต่คิดในใจว่า
จะครบกำหนดแล้วนะครับหลวงปู่ ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่ในใจก็มีอีกความคิดหนึ่งว่าผมไม่เคยออกไปหางานที่ไหนเลย  จะได้งานได้ยังไง ...ถ้าไปสมัครแล้ว สัมภาษณ์แล้ว หลวงปู่ยังพอช่วยได้
แต่นี่คงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ก็เลยคิดอีกว่าคราวนี้ผมคงไม่ได้ไปวัดอีกแน่ๆ (แล้วผมก็แอบดีใจนิดหน่อย)

    แต่พอวันที่ 7 นับจากที่ได้กราบหลวงปู่นั้นเอง ผมตื่นนอนตอนเที่ยง ไม่มีอะไรทำจึงรู้สึกเบื่อ และความเบื่อก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนไม่รู้จะทำอะไร จึงเดินเข้าไปในห้องนอนของน้า เห็นพระมหาสิริราชธาตุ จึงนึกถึงเรื่องที่อธิษฐานไว้กับหลวงปู่ขึ้นมา เวลาในขณะนั้นประมาณบ่ายโมง ผมก็เลยนำพระมหาสิริฯ มากำไว้ในมือแล้วก็นั่งหลับตาอธิษฐานว่า
 
      “หลวงปู่ครับ..นี่วันที่ 7 แล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย สงสัยปาฏิหารย์คงไม่มีและคงจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนที่ใครๆเขาพูดกัน”

    ผมเริ่มหมดหวังและตั้งใจจะไม่ไปที่วัดอีก......เย็นวันนั้นเอง มีเพื่อนหญิงของผมคนหนึ่งมาหาที่บ้าน และก็ต่อว่าผมว่า
 
    "ทำไมวันนี้ถึงรีบวางสายไปเสียก่อนล่ะ ยังตกลงเรื่องงานกันไม่ได้เลย แล้วก็ไม่ยอมโทรกลับไปอีกแน่ะ นี่ดีนะ..ผู้จัดการเขาใจดี ให้เรามาบอกเธอ และให้ตามเธอไปทำงานได้เลย วันพรุ่งนี้"

      ผมเริ่มสับสน และงงมากๆ จึงถามกลับไปว่า เกิดอะไรขึ้น เพื่อนเล่าว่า ผมโทรไปหานายเขา ซึ่งผมก็ไม่คุ้นเคยกับนายเขาเลย เคยเจอกันบ้างนิดหน่อย นายเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟังว่า ผมโทรไปคุยกับเขาเรื่องโน้นเรื่องนี้ จนถึงเรื่องงานซึ่งกำลังจะตกลงให้ผมไปเริ่มงานพรุ่งนี้เลย แต่ผมดันกลับวางสายไปเสียก่อน      ฟังเพื่อนเล่าอย่างนี้ผมก็ยิ่งงง จึงถามย้ำไปว่า นายของเพื่อนคุยกับผมเหรอ  ถามอยู่หลายรอบจนเพื่อนรำคาญ จึงตอบกลับด้วยเสียงหนักแน่นปนรำคาญว่า... “เออ...เธอนั่นแหละ..ฉันยังนั่งฟังอยู่ด้วยเลย”    เพื่อความแน่ใจ  ผมจึงถามไปอีกว่า  “ฉันโทรไปตอนไหน เวลาเท่าไหร่”  เพื่อนบอกว่า เวลาประมาณบ่ายโมงเศษๆ    ผมกลับมาคิดทบทวนแล้วถึงกับอึ้งกิมกี่..เพราะเวลาบ่ายโมง คือเวลาที่ผมกำพระมหาสิริราชธาตุอยู่ในมือ และส่งใจไปถึงหลวงปู่อยู่นั่นเอง
 
    แม้จะยังงงๆ แต่ผมก็ยังมีสติที่จะบอกเพื่อนไปว่า ผมไม่ได้โทรไปหานายเพื่อนจริงๆ ไม่รู้จักเบอร์ที่ทำงานเขาด้วยซ้ำ และที่สำคัญผมไม่ได้สนิทสนมกับเจ้านายของเพื่อนมากพอที่จะโทรคุยกันได้

     เพื่อนได้ยินดังนั้นก็ชักมีน้ำโห เพราะคงจะนึกว่าผมกวนประสาท จึงรีบตัดบทว่า      “ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร...ไม่รู้ละ..พรุ่งนี้เจอกันที่ทำงาน”  ว่าแล้วก็เดินจากไปโดยไม่ยอมร่ำลา

    นี่แหละครับ เรื่องราวมหัศจรรย์ที่เปลี่ยนชีวิตผม จากคนที่ไม่เคยศรัทธา ให้มาศรัทธาแบบหมดใจ ทุกวันนี้ผมมาวัดทุกวันอาทิตย์ และเป็นอาสาสมัครช่วยงานพระศาสนาอยู่กองรักษาบรรยากาศครับ

    ลูกฟังเรื่องราวอันเหลือเชื่อแต่ก็เป็นความจริงนี้ด้วยความทึ่งสุดๆ จนตั้งใจไว้ว่าถ้ามีโอกาสจะต้องเรียนถามคุณครูไม่ใหญ่ให้ได้ และวันนั้นก็มาถึงเร็วเกินคาด เพราะมีเหตุที่ทำให้ลูกต้องส่งเคส เนื่องจากเตี่ยของลูกได้เสียชีวิตค่ะ

    เตี่ยของลูก เป็นคนจีน เดินทางมาเมืองไทยเมื่อประมาณปี พ.ศ.2489 โดยเป็นลูกจ้างแถวสำเพ็ง ต่อมาได้ออกไปตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แต่งงานกับคุณแม่ และเริ่มทำการค้าขายเอง เมื่อเตี่ยมีลูกกับแม่ได้ 2 คน  เตี่ยก็แอบไปมีภรรยาอีก 1 คน  คือพี่สาวของแม่เอง  ตอนนั้นคุณแม่ก็ทุกข์ใจมาก  แต่เห็นแก่ลูกๆจึงต้องยอมเตี่ย   ต่อมาเตี่ยได้ขยายกิจการโดยรับซื้อขายพืชไร่ และเปิดโรงงานมันเส้น ฐานะครอบครัวดีขึ้น และในที่สุดเตี่ยก็แอบไปมีภรรยาใหม่ซึ่งเป็นคนงานอีก 1 คน โดยหวังเอาไว้ช่วยงานที่โรงงานมัน
เตี่ยมีลูกกับคุณแม่ 6 คน และมีลูกกับภรรยาคนที่ 2 อีก 3 คน ส่วนภรรยาคนที่ 3 ไม่มีลูกด้วยกัน พวกเราทั้งหมดอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน  

เตี่ยเป็นคนที่ไม่ค่อยศรัทธาในพุทธศาสนา    ช่วงที่ลูกเข้าวัดพระธรรมกายช่วงแรกๆ เตี่ยก็ยังไม่เข้าใจ  ต่อมาลูกได้ติดจานดาวธรรมให้เตี่ยดู    เวลาลูกขับรถไปรับเตี่ย   ลูกก็จะเปิดเทปธรรมมะบ้าง เปิด Case study บ้าง  ทำให้เตี่ยได้ฟังไปโดยปริยาย เมื่อดูว่าเตี่ยพอเปิดใจเรื่องพุทธศาสนาได้บ้างแล้ว ลูกจึงตัดสินใจบอกเตี่ยเรื่องการสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวให้เตี่ย เตี่ยก็บอกว่าดีแล้วๆ หลังจากนั้น ลูกจึงถือโอกาสชวนเตี่ยทำบุญ 238 วัด  และบุญอื่นๆ  ซึ่งเตี่ยก็ร่วมอนุโมทนาด้วย

เตี่ยเริ่มป่วยด้วยโรคมะเร็งที่ปอดตั้งแต่ปี 2544 และได้เข้ารับการรักษาเรื่อยมา   ช่วงที่เตี่ยป่วยมีน้องคนหนึ่งซึ่งเป็นกัลยาณมิตรให้กับลูก  เขาคอยวิ่งรถเข้าออกระหว่างโรงพยาบาลกับวัดพระธรรมกายเพื่อให้เตี่ยได้มีโอกาสสร้างบุญ โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยทั้งๆที่งานประจำของเขาก็หนักมากแล้ว

ก่อนเตี่ยเสียชีวิต 2 คืน  เตี่ยถามว่ามีงานอะไรกันเห็นพระเป็นพันๆ องค์สีทอง  อีกวันหนึ่งเตี่ยบอกว่า  ฝันว่าจะจุดธูป 3 ดอกไหว้พระ พอดีตื่นขึ้นมาก่อน แล้วเตี่ยก็คว้าหาธูปไม่เจอ  ลูกบอกว่าเห็นพระก็ดีแล้วให้เตี่ยสบายใจ  จะได้หายเร็ว ๆ

คืนก่อนวันเสียชีวิต น้องคนที่เป็นกัลยาณมิตรให้ลูกได้เป็นธุระช่วยประสานงานนิมนต์พระมาที่โรงพยาบาล เพื่อให้เตี่ยได้มีที่พึ่งในช่วงสุดท้ายของชีวิต  เมื่อพระมาถึงเป็นช่วงที่เตี่ยทุรนทุรายมาก ลูกน้ำตาแทบร่วงแต่ก็พยามกล้ำกลืนน้ำตาไว้ เพราะนึกถึงที่คุณครูไม่ใหญ่เคยสอนไว้ในโรงเรียนอนุบาลฯว่า อย่าร้องไห้ จากนั้นก็ชวนพี่ๆน้องๆพูดแต่เรื่องบุญที่เตี่ยได้เคยสั่งสมมา นำผ้าไตรให้เตี่ยอธิษฐานและถวายปัจจัยที่ลูกๆ หลานๆ รวมกันทำบุญ 238 วัด  กับของเตี่ยที่ตั้งใจไว้แต่ยังไม่ได้ส่งไปที่วัด , ปัจจัยซื้อที่ดินสร้างลานจอดรถ , ปัจจัยบูชาธรรมพระอาจารย์ และปัจจัยอุทิศต่อชีวิตให้กับเตี่ย    ให้เตี่ยได้ถวายกับพระก่อนที่จะเสียชีวิต หลังจากนั้นลูกก็เรียกหมู่ญาติในครอบครัวทั้งหมดมารวมกัน ให้พระอาจารย์นำนั่งสมาธิ หลังจากนั่งกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พยาบาลจากห้อง ICU ก็โทรมาเรียกให้ญาติไปดูใจเตี่ยเป็นครั้งสุดท้าย  แล้วเตี่ยก็สิ้นชีวิตลง ด้วยวัย 80 ปี

    ตัวลูกเอง แม้ว่าจะเข้าวัดแค่ 1 ปี แต่ก็ทุ่มเท สร้างบุญอย่างเต็มที่  ได้ทำบุญสร้างเสาแก้วพันปี 1 S     บุญสร้างเสาแก้ว 300 ต้น ต้นละ 100 บาท     บุญสร้างองค์พระทั้งทำเองและชวนหมู่ญาติ ได้ 12 องค์ค่ะ และทุก ๆ บุญที่คุณครูไม่ใหญ่ชวน

ปัจจุบันลูกอายุ 44 ปี  แต่งงานแล้ว มีบุตรชาย 1 คน  แต่ลูกมีปัญหาในการประคับประคองชีวิตคู่   เพราะสามีดื่มเหล้า  เที่ยวกลางคืน   และไม่ชอบวัด    อีกทั้งเมื่อไม่นานนี้ ลูกไปตรวจสุขภาพ  ก็เพิ่งพบปัญหาตับเสื่อม ทั้งๆที่ เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ ของหมักดองก็ไม่ค่อยรับประทาน โดยคุณหมอก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมตับจึงเสื่อม

ลูกจึงมีข้อสงสัยกราบเรียนถามคุณครูไม่ใหญ่ดังนี้ค่ะ

1.    ที่เตี่ยเห็นพระนับพันองค์  และฝันว่าจะจุดธูป 3 ดอกไหว้พระและตื่นขึ้นมาหาธูปไม่เจอนั้นเกิดจากอะไร  หมายความว่าอย่างไร   เป็นคตินิมิตของเตี่ยหรือไม่คะ

2.    ก่อนเตี่ยสิ้นชีวิต  เตี่ยรับรู้เรื่องบุญได้หรือไม่ ใจหมองหรือใจใสคะ , เตี่ยตายแล้วไปไหน ฝากบอกอะไรมาหรือไม่ ,  ลูก ๆ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ เตี่ยได้รับหรือเปล่า , บุญใดที่เตี่ยต้องการมากที่สุดในตอนนี้คะ , ลูกจะสามารถติดต่อกับเตี่ยได้อย่างไร

3.    วิบากกรรมใดที่ทำให้ภรรยาของเตี่ยทั้ง 3 คน และลูกทุกคนของเตี่ย ต้องมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน , ทำไมภรรยาคนที่สองและสามไม่ค่อยลงรอยกัน และภรรยาคนที่สามไม่เป็นที่รักและไม่ได้รับการยกย่องเท่ากับคนอื่น

4.    เรื่องราวของน้องคนที่พบเหตุมหัศจรรย์เกี่ยวกับ ความศักดิ์สิทธ์ของหลวงปู่วัดปากน้ำ แท้จริงเป็นอย่างไรคะ , ทำไมเขาจึงถูกหวยได้ ,  ความคิดที่จะซื้อเลข 55 นั้นมาจากไหน  เพราะบุญเก่าส่งผล   หรือหลวงปู่ดลบันดาลคะ

5.    เสียงโทรศัพท์นั้นเป็นเสียงใคร  เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งๆที่เขาไม่ได้โทรไป

6.    การท้าทายกับอานุภาพของหลวงปู่เช่นนี้แม้จะทำให้เกิดศรัทธา   แต่จะเป็นการหลบหลู่ท่าน  จนทำให้เกิดบาปหรือไม่    ถ้าเป็นบาปจะแก้ไขได้อย่างไร   และน้องเค้าเคยร่วมสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไรคะ

7.    ลูกมีวิบากกรรมอันใด จึงเป็นโรคตับเสื่อม และลูกจะมีชีวิตยืนยาวเพียงพอที่จะสร้างบุญกุศล ถือศีล และเจริญภาวนา   ติดตามหมู่คณะไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมหรือไม่คะ

8.    ตัวลูก - สามีและบุตรชาย เคยร่วมสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร ครอบครัวของลูกมีโอกาสเป็นครอบครัวธรรมกายหรือไม่   บุตรชายของลูกเคยมีบุญบวชกับหมู่คณะมาหรือไม่ และชาตินี้เค้าจะมีโอกาสได้บวชอุทิศชีวิตให้กับพระพุทธศาสนาหรือไม่คะ  

9.    น้องที่เป็นกัลยาณมิตรชักชวนให้ลูกมาสร้างบารมี เขามีความเกี่ยวข้องกับลูกในอดีตมาอย่างไร และเคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไรคะ ทำไมเขาจึงรักการทำหน้าที่ และจะได้อานิสงส์จากการทำหน้าที่อย่างไรคะ

10.    วิบากกรรมใด ทำให้น้องกัลยาณมิตร ต้องเกิดอยู่ในครอบครัวที่มีความเห็นขัดแย้งกันอย่างมากทั้งในเรื่องการเมืองและศาสนา   โดยเฉพาะเรื่องการเมือง ทางบ้านเขาเข้าใจว่าการติดตามเรื่องการเมืองเป็นการช่วยชาติ   น้องเค้าจะต้องทำหน้าที่อย่างไร  จึงสามารถเป็นกัลยาณมิตรให้กับตนเองและหมู่ญาติได้ดีคะ

กราบขอบพระคุณค่ะ
          
 
ฝันในฝัน

หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที 
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.    ที่เตี่ยเห็นพระนับพันองค์   และฝันว่าจะจุดธูป  3  ดอกไหว้พระ   และตื่นขึ้นมาหาธูปไม่เจอนั้น   เกิดจากจิตเป็นกุศล    เป็นกรรมนิมิตที่เป็นกุศล   ที่จะทำให้เตี่ยไปที่สว่างจ่ะ !

 
2.    เตี่ยตายแล้วด้วยใจที่ผ่องใส   ไปแบบหลับแล้วตื่นขึ้นที่กลางวิมานทองของชั้น “ดาวดึงส์” เฟส  3    ด้วยบุญที่ลูกให้ทำในช่วงสุดท้ายทุกอย่าง   และแนะนำให้ทำตามหลักวิชชา     แม้ร่างกายจะทุกข์ทรมานด้วยโรคภัยไข้เจ็บ   แต่ก็ทำจิตให้ผ่องใส   แม้ว่าชีวิตที่ผ่านมาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องบุญ   และไม่ได้สั่งสมบุญมา  , แต่บุญที่ทำช่วงท้ายก็ส่งผลให้ไปสุคติดังกล่าวจ่ะ !    
 
 
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว   ท่านต้องการทุกบุญแหละจ่ะ !    
  • ลูกจะติดต่อกับท่านได้ก็ต้องเข้าถึงธรรมกายจ่ะ !
 
3.    ภรรยาของเตี่ย  3  คน  และลูกทุกคน   ต้องมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน   เพราะ.....ในอดีตได้เกิดในสังคมที่มีความเชื่อเรื่องการมีภรรยาหลายคนได้พร้อมกันในบ้านเดียวกัน     กับทุกคนก็มีกรรมที่เคยเป็นภรรยาที่มีสามีคนเดียวกัน   หรือเคยเป็นสามีที่มีภรรยาหลายคนในบ้านเดียวกัน   เป็นผังติดตัวมา
 

  • ภรรยาคนที่สองและสามของเตี่ยไม่ลงรอยกัน   เพราะ.....ปัจจุบันมีอัธยาศัยไม่ตรงกันและไม่ค่อยยอมกัน     แต่ไม่ได้มีวิบากกรรมในอดีตร่วมกันจ่ะ !

  • ภรรยาคนที่สามไม่เป็นที่รัก   และไม่ได้รับการยกย่องเท่ากับคนอื่น   เพราะ.....ในอดีตไม่ถวายทานด้วยความเคารพ  ,  เวลาทำทานก็ทำด้วยของที่ไม่ประณีต  ,  และขาดมุทิตาจิตเมื่อคนทำความดี  ,   จึงทำให้มาเกิดเป็นภรรยาคนที่สามที่ไม่มีใครยกย่องจ่ะ !
 
4.    เรื่องราวของน้องที่พบเหตุมหัศจรรย์    เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่วัดปากน้ำนั้น    เพราะเคยมีสายบุญเก่าในอดีตที่เคยทำกับพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำไว้  ,  อีกทั้งเคยทำบุญเรื่อง “สลากภัตร”  แล้วก็เคยอธิษฐานขอให้ได้ลาภลอย   เป็นต้นจ่ะ!มาส่งผล

 
5.    เสียงโทรศัพท์นั้น   ก็เป็นทั้งบุญเก่าที่เคยทำมากับสายบุญของพระเดชพระคุณหลวงปู่   และอานุภาพแห่งบารมีธรรมของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำด้วยจ่ะ !
 
 
6.    การท้าทายเกี่ยวกับอานุภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ   แม้จะทำให้เกิดศรัทธา   แต่จะเป็นการลบหลู่ท่านนั้น   ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ   เพราะทำด้วยจิตที่ลบหลู่   ก็จะมีส่วนที่จะทำให้เกิดบาปที่จะทำให้เกิดอุปสรรคในการมาสร้างบารมีกับหลวงปู่ เช่น  จะมีผู้ไม่มีศรัทธาคอยห้ามปรามขัดขวางไม่ให้มาสร้างบารมีกับท่านจ่ะ !
 

  • จะแก้ไข   ก็อย่าทำอย่างนั้นอีก     และให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ     แล้วอธิษฐานจิตให้พ้นจากวิบากกรรมนี้จ่ะ !
 
7.    ลูกเป็นโรค “ตับเสื่อม”   เพราะ.....กรรมในอดีตที่ลูกต้มฆ่าสัตว์ทำกับแกล้มสุราเป็นประจำ     ตามคำสั่งของเจ้านายเศรษฐี ที่เลี้ยงแขกเหรื่อที่บ้านจ่ะ !    
 
 
  • ให้ลูกทำบุญทุกบุญทั้งทาน , ศีล , ภาวนา , ปล่อยสัตว์ ปล่อยปลา     แล้วอุทิศบุญกุศลนี้ไปให้ยังสัตว์ที่ลูกเคยไปเบียดเบียนเขาเอาไว้  ,  หนักก็จะเป็นเบา  ,  เบาก็จะหายและอายุไม่สั้นจ่ะ !
 
8.    ตัวลูก , สามีและบุตรชาย   เคยร่วมสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง”  และมีโอกาสที่จะเป็นครอบครัวธรรมกายได้, แม้ตอนนี้ยังชักชวนสามีเข้าวัดไม่ได้  ,  ก็ให้อธิษฐานจิตทุกครั้งที่ทำบุญว่า   ขอให้บุญนี้บันดาลให้เป็นครอบครัวธรรมกายบ่อย ๆ   จ่ะ !
 

  • บุตรชายของลูก   ก็เคยบวช “ช่วงสั้น” มากับหมู่คณะจ่ะ !
 
9.    น้องที่เป็นกัลยาณมิตรชักชวนให้ลูกมาสร้างบารมี   มีความเกี่ยวข้องกับลูกมา   โดยเป็นเพื่อนกัลยาณมิตรกัน   ได้ชวนกันมาสร้างบารมีกับหมู่คณะ
 

  • น้องคนนี้ก็เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา    โดยพุทธันดรที่ผ่านมา   โดยเป็น “กุลบุตร”     ตอนแรกมีความคิดว่าจะบวช     แต่เผลอไปมีครอบครัวเสียก่อน  ,  อีกทั้งมีกรรมเจ้าชู้ในอดีตมาส่งผลด้วย จึงทำให้มาเป็นผู้หญิง  ,  ที่รักในหน้าที่นี้ก็เพราะ   เมื่อไม่ได้บวชดังที่ตั้งใจ   ก็เลยมาเป็น “กองเสบียง” สนับสนุน  ,  แต่ก็ได้บวช ช่วงสั้นในภายหลัง

  • การทำหน้าที่นี้   ก็จะทำให้ภพชาติต่อไปก็จะได้อยู่ในหมู่กัลยาณมิตร   มีพรรคพวกเพื่อนพ้องบริวารที่ดีมากมาย     แล้วก็จะได้สมบัติทั้ง  3  คือ  รูปสมบัติ , ทรัพย์สมบัติ  , คุณสมบัติ   และบรรลุธรรม   เป็นต้นจ่ะ !
 
10.    น้องกัลยาณมิตร   ต้องเกิดในครอบครัวที่มีความเห็นขัดแย้งกันมาก   ทั้งเรื่องการเมืองและศาสนา  ,  โดยเฉพาะการเมือง เพราะ.....ในอดีตก่อนพุทธันดรที่ผ่านมา  ได้เกิดเป็นผู้ชาย     และก่อนมาเจอหมู่คณะก็เคยไม่เข้าใจ  ,  ได้ห้ามปรามผู้ที่จะมาศึกษาธรรมกับหมู่คณะ  ,  กับการเถียงกับผู้ที่มีความเห็นไม่ตรงกับตัวเองอย่างรุนแรง     กับชาติหลัง ๆ ก็ไม่ได้อธิษฐานว่า   ขอให้ได้เกิดในครอบครัวธรรมกาย  ,  ที่เป็นสัมมาทิฐิ   ก็เลยพลัดไปเกิดในครอบครัวดังกล่าวจ่ะ !    
 
 
 
  • จะทำหน้าที่นี้ในตอนนี้   ก็ทำได้แค่ทำบุญทุกบุญ     แล้วอธิษฐานจิต   ให้เป็นครอบครัวธรรมกาย  ,  ดังนี้ให้บ่อย ๆ     เมื่อบุญส่งผลก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น   แล้วจึงค่อยทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้จ่ะ !

  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว     ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต     ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ !

 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม