โลกนี้ต้องมีกัลยาณมิตร


[ 28 ก.ค. 2551 ] - [ 18266 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร ชี ดวง (ประเทศออสเตรเลีย)
 
 
    ดิฉันชื่อ ชี ดวง อายุ 30ปี เป็นชาวเวียดนาม แต่อาศัยอยู่ที่ออสเตรเลียค่ะ ดิฉันมีอาชีพเป็น IT Consultant (ที่ปรึกษาด้านข้อมูลสารสนเทศ) ของบริษัทฯที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากบริษัทฯแห่งนี้มีสาขาอยู่ทั่วโลก จึงทำให้ดิฉันได้พบกับเพื่อนรักที่ชื่อ มีมี่ ค่ะ ดิฉันทำงานอยู่ที่สาขาซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ส่วนมีมี่นั้นอยู่สาขากรุงเทพฯ เราสองคนเจอกันครั้งแรกที่สาขาอินเดียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ.2546 เพื่อทำ Project หนึ่งด้วยกัน เราใช้เวลาทำร่วมกันปีกว่าจึงจะเสร็จ ทำให้เราทั้งสองสนิทสนมและรู้จักกันมากขึ้นค่ะ
 
    จากนั้น ดิฉันก็มาลุยงานของตัวเองต่อ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดิฉันต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ต่ำกว่า 12ชั่วโมงต่อวัน บาง Project ก็ต้องทำงานในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำให้เครียดมาก แต่ด้วยนิสัยส่วนตัว เมื่อถึงเวลาพัก หากงานไม่เสร็จก็จะไม่เลิกรา จึงทำให้ดิฉันได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็น Project Manager ภายใน 4ปี และดิฉันก็ภาคภูมิใจในความสำเร็จตรงนี้มาก แต่ในที่สุด ผลจากการทำงานหนัก ก็ทำให้ดิฉันมีปัญหาสุขภาพตามมา คือ ปวดไหล่และบ่า ต้องไปรับการรักษาที่คลินิกและหายเป็นช่วงๆเท่านั้น
 
    จนกระทั่ง เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจาก Project งานเสร็จลง ดิฉันอยากพักผ่อนจึงคิดถึงเพื่อนรัก มีมี่ และติดต่อเธอผ่านทาง MSN มีมี่ชวนดิฉันให้มาเมืองไทยและบอกว่า “ลองมาปฏิบัติธรรมกันมั้ย” ดิฉันก็ไม่ปฏิเสธ เธอจึงได้แนะนำให้ลองคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ www.meditationthai.org ของโครงการ The Middle Way เมื่อดิฉันลองคลิกเข้าไปดูในโปรแกรมการปฏิบัติธรรม ดิฉันก็ชอบมากค่ะ รีบจองตั๋วเครื่องบินมาเมืองไทยในวันนั้นเลย
 
    จากนั้น ดิฉันก็บอกกับมาร์ค (คู่หมั้น) ว่า “จะมาฝึกสมาธิที่เมืองไทยนะ” แล้วก็พูดขำๆไปว่า “ถ้านั่งแล้วชอบมาก ก็อาจอยู่เมืองไทยไปอีกนาน หรืออาจบวชชีที่นั่นเลย” มาร์คก็ตอบว่า “ยินดีด้วย” แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ดิฉันว่าเขาคงจะเสียใจมากแน่ๆค่ะ
 
 
    ดิฉันและมีมี่ได้มาเข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรม The Middle Way รุ่นที่19 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-29 มิถุนายน พ.ศ.2551 ณ สวนป่าหิมวันต์ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ดิฉันประทับใจตั้งแต่ขึ้นรถบัสมาแล้วล่ะค่ะ เพราะเจอหน้าพี่เลี้ยงที่ส่งยิ้มให้ ก็สัมผัสได้ว่า มา Trip ครั้งนี้ จะไม่ผิดหวัง รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
 
    ในช่วงสามวันแรก ดิฉันรู้สึกว่า มันยากมากที่จะทำให้ตัวเองไม่คิดอะไร เพราะงานที่ดิฉันทำ หล่อหลอมให้คิดอยู่ตลอดเวลา แม้จะพยายามนึกนิมิตเป็นดวงแก้วไว้ที่ท้องก็ยังนึกไม่ออก แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันชอบมาก คือ การสวดมนต์ และคิดว่า เสียงสวดมนต์เป็นเสียงที่ไพเราะ ช่วยให้ผ่อนคลายและจิตใจสงบลงได้ ในช่วงนอกรอบ ดิฉันก็พยายามหาอารมณ์สบาย โดยการเดินรอบๆสวนป่าหิมวันต์ และถ้าความคิดเข้ามาก็พยายามให้มันผ่านไปค่ะ และแล้วในวันที่สี่ พอดิฉันนั่งสมาธิด้วยใจที่สงบมากขึ้น ก็ได้เห็นองค์พระ ลอยปรากฏขึ้นตรงหน้า ดิฉันรู้สึกประหลาดใจค่ะ เพราะองค์พระนั้นสวยงามมาก และมีแสงสีทองอยู่รอบๆท่านด้วย
 
    พอถึงวันที่ห้าของการปฏิบัติธรรม ดิฉันนั่งปิดตาทำสมาธิโดยพยายามไม่ลุ้นและคาดหวังอะไร ทำใจสบายๆ นึกถึงศูนย์กลางกายไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง ตุ้บๆๆ แต่ไม่รู้สึกกลัวนะคะ เพราะพระอาจารย์สอนไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น ไม่ต้องกลัว ให้ปล่อยใจไปเรื่อยๆ ดิฉันนั่งต่อไปเรื่อยๆ ผ่านไปไม่นาน ก็เหมือนมีแสงจากภายในท้องพุ่งขึ้นมาที่ใบหน้า แล้วร่างกายก็เหมือนกำลังโยกหน้าโยกหลัง ซึ่งมันน่าอัศจรรย์มาก เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก หนึ่งชั่วโมงเหมือนสิบนาที
 
    ทุกครั้งๆที่นั่งสมาธิ ดิฉันจะนั่งตัวตรงเสมอ ถ้านั่งหลังงอเมื่อไหร่ ดิฉันจะไม่สามารถหาศูนย์กลางกายได้ ดังนั้น ร่างกายของดิฉันก็จะปรับให้นั่งหลังตรงด้วยตัวเองทันที ตอนนี้ดิฉันมีความสุขสงบและเบิกบานใจมาก จนยิ้มได้ทั้งวัน และอยากอวยพรให้ทุกคนบนโลกใบนี้มีความสุขตามไปด้วย
 
    ส่วน “มีมี่” เพื่อนของดิฉัน เธอได้เล่าผลการปฏิบัติธรรมให้ฟังว่า เธอนั่งสมาธิโดยหลับตาเบาๆ วางใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดแบบสบายๆ เหมือนใกล้จะหลับหรือกำลังจะพักแล้ว แล้วเธอจะรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในภวังค์อีกมิติหนึ่ง ที่ไม่มีกำแพง ไม่รับรู้เรื่องภายนอก ตัดขาดจากคนอื่นทั้งหมด เธอจึงนั่งได้นิ่ง ข้างในก็สว่างขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ
 
    ดิฉันรู้สึกว่า ตัวเองช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ที่มีเพื่อนอย่างมีมี่ และอยากขอบคุณมีมี่ ที่พาดิฉันมาพบกับความสุขอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน มีมี่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีสำหรับดิฉัน ที่ดิฉันจะลืมเธอไม่ได้เลย ดิฉันจึงเข้าใจคำว่า โลกนี้ต้องมีกัลยาณมิตร ดิฉันคิดว่า สมาธิจะช่วยให้โลกพบสันติสุขได้ เพราะการนั่งสมาธินั้นทำให้ทุกคนมี Positive-Thinking (มองโลกในแง่ดี) และมีความสุข
 
    ดิฉันและมีมี่ขอกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างสูง ที่ได้จัดโครงการดีๆ The Middle Way เราทั้งสองคนจะไม่ลืมช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเลย และจะขอตั้งใจทำการบ้านทั้ง 10ข้อของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแนะนำโครงการ The Middle Way ให้เพื่อนๆ และผู้ที่อยู่รอบข้างทุกคน เราอยากให้ทุกคนได้พบความสุข และความสงบจากภายในตัวเอง เหมือนอย่างที่เราสองคนได้พบค่ะ สันติสุขของโลกจะได้เกิดขึ้นในเร็ววัน
 
    ท้ายสุดนี้ ก็ขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อมีสุขภาพแข็งแรง เป็นต้นบุญต้นแบบให้กับลูกๆและชาวโลกทุกคนตลอดไปนะคะ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
จุดเริ่มต้นของความสุขที่แท้จริงของมนุษย์จุดเริ่มต้นของความสุขที่แท้จริงของมนุษย์

ชีวิตเปลี่ยนไป เมื่อได้ดู DMCชีวิตเปลี่ยนไป เมื่อได้ดู DMC

ผมจะเดินตามทางที่ผมได้เลือกผมจะเดินตามทางที่ผมได้เลือก



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ