รักเธออย่างแรง


[ 5 ก.ย. 2549 ] - [ 18272 ] LINE it!

CASE STUDY
  รักเธออย่างแรง  
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

    ลูก มาวัดพระธรรมกายครั้งแรกปี พ.ศ.2527 โดยการชักนำของลูกชาย แต่ต่อมาลูกชายได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ลูกจึงห่างวัดพระธรรมกายไปปฏิบัติธรรมสายอื่น จนกระทั่งได้กลับมาปฏิบัติธรรมที่วัดพระธรรมกายอีกครั้งเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2548
 
    ลูกมีผลการปฏิบัติธรรม ที่พบกับความประหลาดใจหลายอย่าง จนกำลังมาถึงหนทาง 2แพร่ง ว่าจะเอาอย่างไรดีค่ะ ลูกจึงขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ ฝันในฝันให้ลูกซึ่งได้บรรจงร้อยเรียงเรื่องราวมาด้วย นะเจ้าคะ

    คุณตาของลูก มีท่านอาเป็นถึงเจ้าจอมมารดา ในรัชกาลที่5 คุณตารับราชการเป็นปลัดซ้าย เป็นที่เกรงใจของทุกคน มีฐานะดีมาก มีทาสไว้ใช้งาน มีที่สวนมากมาย ในอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น คุณตาก็ยกที่ข้างสวนและท้ายสวน ให้ทำเป็นถนนให้ชาวบ้านสัญจรได้ คุณตาชอบให้หลานๆ อ่านทศชาติชาดกให้ฟัง แล้วคุณตาคุณยายก็จะนอนเอามือก่ายหน้าผาก ฟังหลานอ่านอย่างมีความสุข   
 
    ช่วงที่คุณตาป่วยหนักใกล้เสียชีวิต จะเรียกหาตัวลูก ตัวลูกก็เดินทางไปจนใกล้จะถึงบ้านคุณตา ลูกตาลก็หล่นลงมา และได้ยินแว่วมาคล้ายพระสวดมนต์เหมือนกับเป็นลาง พอขึ้นบันไดไป คุณตาก็บอกให้ตัวลูกพาหลานเล็กๆ ออกไปไกลๆก่อน ท่านว่า "อย่าให้เด็กๆมาเสียงดังตรงนี้ เดี๋ยววิญญาณตาจะไปแขวนตามต้นไม้"
 
    เมื่อเด็กๆไปแล้ว คุณตาก็บอกว่า “ตาจะตายขึ้น” คือ ขาจะเย็นเฉียบก่อนแล้วก็แข็ง เหมือนขาตายก่อนแล้วไล่ขึ้นมาถึงตัว จะรู้สึกเหมือนถูกความตายกัดกินทีละน้อย สักพักท่านก็บอกลูกทุกคนว่า “เดี๋ยวจะไปแล้วนะ” เพื่อนของคุณตาที่อยู่ด้วยก็เตือนให้พุทโธไว้ คุณตาพยักหน้า แล้วก็พูดว่า “จะถึงหัวใจแล้วนะ ขอน้ำกินหน่อย” ส่วนที่เหลือของชีวิตคงอยู่น้อยลงเรื่อยๆ พอผ่านเฮือกแรกก็ขอน้ำกินอีกแล้วก็เฮือกอีกถึง 2ครั้ง ครบสามเฮือกก็สิ้นใจ คนแก่บอกว่าไฟธาตุแตกแล้ว คุณตาเสียชีวิตอายุเกือบ 90ปี

    คุณยายของลูก เคยเล่าว่า ขณะที่ตอนนั้นอายุประมาณ 40กว่าปี คุณยายกำลังป่วยหนักมีคนร่างโต 3คน มากระชากลากตัวท่านออกจากร่าง ถูลู่ถูกังผ่านป่ารกหนามตำเต็มตัว ท่านขอร้องว่า “พ่อคุณ อย่าเอาฉันไปเลย” พวกนั้นก็ไม่ฟัง ยังคงลากคุณยายมาถึงที่แห่งหนึ่ง เอาคุณยายไปรายงานตัวที่โต๊ะ โต๊ะนั้นก็บอก ไม่ใช่ ไปโต๊ะนี้ โต๊ะนี้ก็บอกไม่ใช่ สักพักหัวหน้าพวกเขาก็บอกว่า ไม่ใช่คนนี้ให้เอาไปคืน คล้ายๆ กับว่าเอามาผิดตัว ตอนนั้นคุณยายเห็นพรรคพวกที่ตายแล้วในนั้นหลายคน ท่านก็สงสัยว่าพรรคพวกไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร
 
    จากนั้น พวกเขาก็ดึงคุณยายกลับ ดึงให้วิ่งจนท่านวิ่งแทบไม่ไหว เมื่อมาถึงร่างท่าน เขาก็สั่งให้เข้าร่าง คุณยายก็พูดว่า “จะเข้าได้อย่างไร ร่างเหมือนท่อนไม้แข็งทื่ออย่างนี้” เขาจึงช่วยโดยการถีบคุณยายเข้าร่างไป...คุณยายตายอยู่ 3วัน จึงฟื้น
 
    ความตายทำให้ซึ้งถึงการมีชีวิตอยู่ คุณยายจึงทำบุญทำทาน ตักบาตรทุกเช้า ถวายข้าวพระหน้าหิ้งพระทุกวัน ไปวัดเป็นประจำ เวลาลูกตามท่านไปวัด ลูกจะเห็นผู้เฒ่าที่ไปวัดทุกคน ทำสมาธิโดยการนั่งพับเพียบก้มตัวลงกับหมอนไม้กลมๆ ที่พันผ้าไว้ พนมมือคล้ายหมอบกราบ แล้วก็ก้มหน้าสวดบริกรรมไป ซึ่งไม่เหมือนกับการนั่งสมาธิในสมัยนี้เลย คุณยายเสียชีวิตเมื่ออายุ 80ปี

    คุณป้าของลูก เหมือนบุคคลพิกลคนพิการ ตอนเด็ก คุณป้าเป็นโรคชักมาตลอด พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง หาข้าวกินเองไม่ได้ ถ้ากินเองก็หก เหมือนคนปัญญาอ่อน ทั้งๆที่ใบหน้าเหมือนคนปกติ เวลากลางคืนจะไม่นอน ได้แต่มองไปบนฟ้า แล้วพูดว่า “ลงมา...ฮู...สวยจัง มาแล้วหรือลูก” แต่เดี๋ยวก็ด่า เดี๋ยวก็ไล่ เดี๋ยวก็โอ๋
 
    แม้เป็นอย่างนี้ คุณป้ากลับอดทนต่อความเจ็บปวดได้ดีมาก  ท่านเคยถูกงวงเหล็กตะขอ ฝังเข้าไปในเท้าทั้งอัน คุณตาจึงเอามีดลนไฟ แล้วกรีดเท้าคุณป้าสดๆ เอาตะขอออกมา คุณป้าจะกัดฟัน กำมือแน่นโดยไม่ร้องเลย แล้วคุณตายังเอาเกลือยัดเข้าไปในแผลไม่ให้เน่า คุณป้าก็กระโดดเหยง แต่ไม่ร้องไห้เลย คุณป้าเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 72ปี

    ตัวลูกเอง ในวัยเด็กอายุประมาณ 2ขวบ ลูกมีอาการท้องอืด ท้องป่องจนหายใจไม่ออก มีอาการหนัก ตาเหลือก หมอคนหนึ่งบอกว่าเด็กจะไปแล้ว แต่ก็รักษาด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยเอาสบู่มาเหลาแล้วสวนทวาร ลูกก็ถ่ายออกมา อาการตาเหลือกใกล้ตายจึงหาย
 
    เมื่อโตขึ้นลูก ก็ได้ร่ำเรียนจนสอบบรรจุครูได้ ตอนไปรายงานตัว ได้พบชายคนหนึ่ง เขาชอบลูกมาก เขาบอกว่า เขาแอบรักลูกอย่างแรงรู้ตัวไหม แต่ลูกไม่รักเขาเลย เพราะมีคู่รักอยู่แล้ว  เขาจึงเข้าทางคุณยายเอาอกเอาใจจนคุณยายรักเขามาก ท่านบอกว่า ถ้าลูกไม่แต่งกับคนนี้ จะไม่ยกที่สวนและสมบัติใดๆให้คุณแม่ของลูก ตอนนั้นลูกเครียดถึงขนาดกินยาแก้เครียดเกินขนาดจนเกือบตาย ต้องไปให้หมอล้างท้อง แต่ด้วยความกตัญญูลูกจึงยอมแต่งงานกับเขา

    สามีของลูก รับราชการเป็นปลัดอาวุโส (เทียบเท่าซี7) แม้มีลูกกับเขาแต่ก็ยังไม่มีความรู้สึกรักเขาเลย ไม่รักไม่ห่วงแต่กลับหึงหวง เพราะเขาเจ้าชู้มาก ลูกเจ็บปวดเพราะเขาแต่ก็จำทน เขาติดผู้หญิงจนบางทีลืมบ้านลืมเมีย เขาพาผู้หญิงอื่นออกหน้าออกตา จนชาวบ้านคิดว่าตัวลูกเป็นเมียน้อย แต่สามีก็ยังมีความดีอยู่ตรงที่ ได้เงินเดือนมาเท่าไหร่ก็ยกให้ลูกใช้จนหมด วันหนึ่ง อยู่ดีๆ เขาก็ล้มหงายหลัง เลือดคั่งในสมอง ต้องผ่าหัว เจาะคอ นอนป่วยอยู่ 1ปี 4เดือน แล้วก็เสียชีวิต

    ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2527 ที่อยู่กับสามีนี้เอง ลูกเริ่มสมาทานศีล อยู่กินอย่างประหยัด เข้าวัดฟังพระธรรม บำเพ็ญกรรมฐาน กับพระอาจารย์ในสายยุบหนอพองหนอ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในขณะทำสมาธิ ลูกมีคุณภาพจิตที่สามารถนิ่งอย่างเอกอุ
 
    จนเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2548 ลูกไปปฏิบัติธรรม 3วัน 3คืน โดยไม่นอน ไม่ได้เอาอกเอาใจสังขาร ใช้มันอย่างเต็มที่เพื่อทำความเพียร ประพฤติปฏิบัติเข้าสู่กรอบของชีวิต ที่พระท่านกำหนดกรอบเอาไว้โดยไม่ออกจากห้อง ไม่อาบน้ำ เพราะเป็นขั้นสังขารุเปกขาญาณ ส่วนอาหารมีแม่ชีมาส่งให้ ลูกปฏิบัติได้โดยไม่อ่อนเพลีย
 
    ในขณะปฏิบัติธรรม ลูกมักจะเห็นนิมิตเรื่องจริงผ่านใจ ที่ตอกตรึงสายตาเมื่อพบเห็น เช่น เห็นความงามเรืองรองของพระอาราม ภายในโบสถ์เหลืองทองอร่ามถูกตกแต่งอย่างหรูหราและมีรสนิยม ในแต่ละส่วนถูกออกแบบอย่างวิจิตรบรรจง และแว่วยินเสียงสวดมนต์ตลอด เห็นม้าสูงสีน้ำตาลงามสง่าน่าเกรงขาม ผมด้านหน้าขอดเป็นก้นหอยมายืนตรงหน้า
 
    อีกวัน ก็เห็นเป็นผู้หญิงนางหนึ่ง นุ่งถุงสำเร็จยาวถึงเท้า เสื้อแขนกระบอก คอกลม สีเหลืองอมทอง อมเขียว ส่งแสงประกายวูบวาบระยิบระยับ บางทีเห็นกองดินสีลูกรัง พอกองดินเลื่อนมาใกล้ กลายเป็นถนนตัดกลาง สองข้างทางเป็นต้นไม้ยืนต้นเรียงรายเป็นแถว สวยสุดบรรยายต้องตราตรึงไว้ในความทรงจำอีกวาระหนึ่ง

    มีอยู่ปีหนึ่ง ลูกไปปฏิบัติธรรมที่วัดรำเปิงตโปธาราม ขณะที่ลูกกำลังจุดธูปเทียนก้มกราบพระธาตุเจดีย์ ทันใดนั้นก็มีตะขาบตัวโตตัวหนึ่ง วิ่งมาตรงมือลูกที่กำลังกราบ ลูกตกใจกลัว พูดขึ้นว่า “ทางใครทางมันหนอ” ตะขาบตัวนั้นก็หายเข้าไปในฐานพระธาตุ
 
    อีกครั้ง ลูกไปนั่งสมาธิบริเวณลานพิกุล ขณะลูกทำสมาธิ เด็กสาวคนหนึ่งก็ร้องเรียกตัวลูกว่า “คุณแม่ๆ งูค่ะ” ลูกลืมตาขึ้น สะดุ้งตกใจ เพราะมีงูเขียวเลี้ยวมาเกือบถึงตัว ลูกก็พูดว่า "ไปหนอ...ไปหนอ" งูก็กลับหัวเลี้ยวไปทางอื่น ปัจจุบันลูกมาทำสมาธิแบบวัดพระธรรมกาย ทำให้เวลาฝึกสมาธิจะกลับไปกำหนดวิธีเดิม ลูกกำลังพะวงว่า เราเคยใช้หลักโน้นแล้วเปลี่ยนมาใช้หลักนี้ จะได้หรือ เหมือนตอนนี้การปฏิบัติของลูกกำลังมาถึงทาง 2แพร่งไม่รู้จะไปแพร่งไหนดี

ลูกยังมีเรื่องที่พาฉงนสงสัยแตกตื่นจินตนาการไปต่างๆนานา อีกสองเรื่อง
 
    เรื่องแรกนั้น ลูกเคยต้องไปสอนเด็กเล็กที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ห้องเรียนซึ่งมีมุมเก็บของเล่น เครื่องนอน หมอน ผ้าห่มของเด็ก เย็นวันศุกร์ ผู้ปกครองเด็กต้องมาถอดปลอกหมอนไปซัก ลูกก็จะไม่เก็บเครื่องนอน เอาผึ่งไว้ ให้เพื่อนครูคนหนึ่งช่วยปิดหน้าต่าง ลูกปิดห้องเรียน ล็อคและถือกุญแจไว้เอง พอวันจันทร์ลูกมาสาย ไม่มีเวลาเก็บห้องเรียนเอง จึงใช้เด็ก ป.6 ไปช่วยเก็บ แต่พอเปิดประตูก็ตะลึง เพราะทุกอย่างถูกเก็บเรียบร้อย ถามใครก็ไม่มีใครเก็บ ลูกจึงสงสัยมากว่ามีใครมาช่วยเก็บของให้

     อีกครั้งหนึ่ง ที่บ้านพักราชการของสามี มีเสียงประตูถูกงัด เข้าใจว่าขโมยขึ้นบ้าน สามีจึงยิงปืนทะลุประตูไป พอเปิดประตูก็ไม่เจอ ปรากฏว่าครัวหลังบ้านมีกระสอบถ่านร่วงมาหนึ่งกระสอบ มีของล้มกระจัดกระจาย ประตูหลังเปิดทิ้งไว้ จึงเข้าใจว่าขโมยหนีไปแล้ว ตอนเช้าลูกเข้าห้องน้ำหลังบ้านก็เห็นว่าของที่ล้มไว้ถูกเก็บเรียบร้อย ถามใครก็ไม่มีใครไปเก็บ จึงกลายเป็นเรื่องคาใจลูกมาจนทุกวันนี้

คำถาม

1.คุณตาของลูกที่ตายแบบ “ตายขึ้น” นั้น เป็นการตายอย่างถูกหลักวิชชาหรือไม่ ทำไมท่านถึงรู้ตัวว่าจะตาย และทำไมรู้ด้วยว่าความตายขึ้นมาถึงจุดนั้นจุดนี้แล้ว นอกจากการตายขึ้นแล้ว ยังมีการตายอย่างอื่น เช่น ตายลง หรือไม่อย่างไรคะ เหตุใดท่านต้องขอน้ำกินก่อนตาย ท่านตายแล้วไปไหนคะ

2.ความเชื่อที่ว่า ถ้าก่อนตายมีเสียงรบกวน วิญญาณจะถูกแขวนตามต้นไม้เป็นจริงหรือไม่ เหตุใดจึงเชื่อกันเช่นนั้นคะ แล้วถ้าเป็นความจริง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นคะ

3.เหตุการณ์ที่คุณยายตายแล้วฟื้นเป็นจริงหรือไม่คะ ถ้าจริงสถานที่นั้นคือที่ไหน เหตุใดจึงมีการผิดพลาดพาไปผิดตัว เหตุใดคุณยายจึงถูกถีบแล้วเข้าร่างได้คะ เหตุใดคุณยายนิ่งไป 3วัน 3คืนแล้ว ตัวยังอุ่นๆอยู่ และเมื่อต้องตายจริงในครั้งที่สอง ท่านตายแล้วไปไหนคะ

4.การนั่งสมาธิของคนสมัยก่อน ทำไมต้องนั่งคุดคู้ก้มหน้าอย่างที่ได้เล่ามาคะ นั่งแบบนั้นแล้วจะได้ผลหรือไม่คะ

5.กรรมใด คุณป้าจึงมีหน้าตาสวย แต่กลับมีอาการคล้ายปัญญาอ่อนและกรรมใดต้องโดนงวงเหล็กตะขอทิ่มเท้า ให้ทรมานอย่างนั้น แต่ทำไมคุณป้าจึงอดทนต่อความเจ็บปวดได้อย่างมากคะ เมื่อคุณป้ามองไปบนท้องฟ้า ท่านเห็นอะไรหรือไม่ หรือเพ้อไปเองคะ คุณป้าละโลกแล้วไปไหนคะ

6.ทำไมตอนเด็ก ลูกจึงป่วยหนักปางตาย ท้องป่องจนหายใจไม่ออก แต่ก็มาหายได้ด้วยแค่การสวนทวาร ตามวิธีการรักษาของหมอพื้นบ้านคะ

7.ทำไมลูก ได้แต่งงานกับคนไม่รัก ทั้งเขายังเป็นคนเจ้าชู้ ทำให้ลูกไม่ได้รับความสุข ความอบอุ่น แม้ไม่รักเขา แต่ก็หวง พอเขาจากไป ก็วังเวง สามีของลูกตายแล้ว ไปอยู่ภพภูมิไหน บุญที่ลูกชายอุทิศไปให้ เขาได้รับหรือไม่ มีสภาพดีขึ้นหรือไม่อย่างไรคะ

8.การปฏิบัติธรรมของลูกแบบยุบหนอพองหนอ ทำไมลูกเห็นนิมิตต่างๆ และนิมิตเหล่านั้นคืออะไรคะ และทำไมเมื่อตะขาบ และงูเขียวตรงรี่มาหา พอลูกพูดว่า "ทางใครทางมันหนอ, ไปหนอ" ทำไมมันจึงไป ตอนนี้การปฏิบัติธรรมของลูกกำลังมาถึงทาง 2แพร่ง ลูกควรจะดำเนินต่อไปในแพร่งไหนดีคะ

9.เรื่องแปลกเรื่องที่หนึ่ง ที่ห้องเรียนถูกเก็บเรียบร้อย ความจริงคืออะไร ใช่เทวดามาช่วยจริงหรือไม่คะ และถ้ามาช่วยจริง เทวดาจะทำงานหยาบของมนุษย์ได้อย่างไรคะ เรื่องแปลกเรื่องที่สองของลูกนั้น ความจริงเป็นอย่างไร โจรขึ้นบ้านหรือไม่ และใครคือผู้ลึกลับที่มาเก็บของคะ

กราบนมัสการด้วยความเคารพยิ่ง

 ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที 
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.การตายของคุณตาแบบ “ตายขึ้น” ตามที่คุณตาว่านั้น ก็เป็นการตายของสังขาร ที่ค่อยๆตายจากข้างล่างขึ้นมาด้านบนแบบทั่วๆไป เพียงแต่ว่าคุณตาท่านมีสติ เพราะฝึกสมาธิมาพอสมควร จึงรับรู้อาการเหล่านั้นได้ชัดเจนในทุกขั้นตอน  
  • การ “ตายลง” ก็มี คือ อาการตายธรรมดาของสังขาร ที่เริ่มจากข้างบนลงล่าง หรือบางที่ตายจากซีกขวามาซ้าย, ซีกซ้ายมาขวา หรือเริ่มตายบางส่วนก็มี, ตายทันทีทุกส่วนก็มี
  • ขอน้ำกินก่อนตาย เพราะกระหายน้ำธรรมดา, บางคนก็เป็น, บางคนก็ไม่เป็น  
 
  • ท่านตายแล้ว ก็ไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อมีวิมานทองของชั้นดาวดึงส์เฟส2 ด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนา
 
2.ความเชื่อที่ว่า ก่อนตายถ้ามีเสียงรบกวน วิญญาณจะถูกแขวนตามต้นไม้นั้น เป็นเรื่องไม่จริง แค่เป็นเรื่องเล่าเป็นตุเป็นตะ ต่อๆกันมา
  • เหตุที่เชื่อกันดังนั้นก็แค่เป็น “คำขู่” เตือนหมู่ญาติที่อยู่แวดล้อมคนใกล้จะตาย เพื่อให้โอกาสคนที่จะตายตายอย่างสงบ จิตจะได้ไม่ผูกพันห่วงใยในสมบัติพัสถานเรือกสวนไร่นา จะได้มีเวลาทำใจให้ระลึกนึกถึงบุญและพระรัตนตรัยได้ ตายแล้วก็จะได้ไปดี
 
3.เหตุการณ์ที่คุณยายตายแล้วฟื้นนั้น ก็เป็นเรื่องที่ท่านได้ถูกเจ้าหน้าที่เขตภุมมเทวา ได้พาเอากายละเอียดไปหาหัวหน้าเขต เพื่อจะตรวจดูว่ามีรายชื่ออยู่ในบัญชีนั้นหรือไม่ แต่ยังไม่ได้ไปถึงยมโลก และปรากฏว่าไม่ใช่ จึงได้นำตัวมาส่งคืน
 

  • เหตุที่พาตัวเอาไปผิดพลาด เพราะกรรมฆ่าสัตว์ทำอาหารทั้งอดีตและปัจจุบัน รวมกับมีอยู่ชาติหนึ่งที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่เขตภุมมเทวา ก็เคยเอาตัวคนที่จะตาย ผิดพลาด เพราะความสะเพร่าที่ดูรายชื่อในบัญชีไม่รอบคอบ เพราะชื่อซ้ำกัน มาส่งผล  
 
  • ที่ถูกถีบแล้วเข้าร่างได้ก็เป็นวิธีการของเขา รวมกับยังมีบุญอยู่ และยังไม่หมดอายุขัยจริงๆ   
  • ที่ตายไปหลายวันแล้วตัวยังอุ่นอยู่ เพราะยังไม่ตายจริง เนื่องจากมีสายบุญเชื่อมอยู่   
  • ตายแล้ว ก็ไปเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เฟส2 วิมานติดกับคุณตา ด้วยบุญที่ทำร่วมกัน
 
4.การนั่งสมาธิแบบคนโบราณ ที่นั่งคุดคู้ก้มหน้านั้น เพราะท่านเหล่านั้น ก้มตัวสวดมนต์ก่อนนั่งสมาธิ ส่วนจะได้เข้าถึงสมาธิหรือไม่ ก็แล้วแต่ใจของใครหยุดนิ่ง

 
5.คุณป้าหน้าตาสวยแต่ดูเหมือนคนปัญญาอ่อน เพราะเคยบริจาคพวกเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ถวายดอกไม้บูชาพระ จึงทำให้หน้าตาสวย แต่มีกรรมดื่มสุราเมาแล้วชอบทุบตีทั้งคนและสัตว์ จึงทำให้ดูเหมือนปัญญาอ่อนและเป็นโรคลมชักด้วย
 

  • โดน “งวงเหล็กตะขอ” ทิ่มเท้าให้ทรมานอย่างนั้น เพราะกรรมในอดีต ได้เคยใช้ตะขอเหล็กดักแกล้งคน เพื่อให้เขามาเหยียบด้วยความระนอง มาส่งผล
  • คุณป้า...เท้าของท่านก็เจ็บปวด แต่ท่านมีอาการทางประสาท จึงดูเหมือนว่าท่านอดทนได้ เนื่องจากสติไม่ค่อยสมบูรณ์ จึงทำให้ความใส่ใจที่เท้าน้อย  
  • ท่านมองไปบนท้องฟ้าก็เป็นอาการทางประสาท เพ้อไปเรื่อยเปื่อย

  • ตายแล้ว ไปเกิดเป็นมนุษย์ผู้หญิง โตแล้ว แต่ไม่ได้เป็นปัญญาอ่อน เป็นแค่ไม่ฉลาดเท่านั้น เพราะกรรมเบาบางลงแล้ว

6.ตอนเด็ก ตัวลูกป่วยหนักปางตาย ท้องป่องจนหายใจไม่ออก แต่มาหายได้ด้วยการสวนทวาร ตามวิธีการรักษาของหมอพื้นบ้าน เพราะกรรมเหนียวหนี้ เช่น ชอบไปขอยืมของเขาแล้วไม่ยอมคืนเมื่อเจ้าของมาทวง จึงทำให้เจ้าของอึดอัดใจ ลำบาก มาส่งผล
  • แต่ภายหลังได้คืนเงิน คืนของแก่เขา จนหมด วิบากกรรมนี้ก็หมดไป ทำให้หมอสวนทวารด้วยวิธีชาวบ้าน ทำให้อาหารเก่าออกหายอึดอัด แล้วอาหารใหม่ก็สามารถเข้าไปแทนที่ได้

7.ลูกต้องแต่งงานกับคนที่ลูกไม่รัก เป็นคนเจ้าชู้ จนทำให้ตัวลูกไม่ได้รับความสุขและความอบอุ่น เพราะกรรมที่เคยเป็นผู้ชาย ก็เป็นคนเจ้าชู้และชอบบังคับลูกหลานคลุมถุงชน แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มารวมส่งผล
 

  • แม้ไม่รักเขา แต่ก็หวง เมื่อเขาจากไปก็วังเวง เพราะมีความยึดมั่นถือมั่นว่า สามีเป็นของเรา จึงทำให้เกิดอาการหวงแม้ ไม่รักเขา ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน
  • เมื่อจากไปก็เหงาวังเวง...เคยอยู่ด้วยกันแล้วก็มาพลัดพรากจากกัน แม้ไม่รักกัน แต่ก็ผูกพันลึกๆในใจ เพราะก็มีลูกด้วยกัน

  • สามีตายแล้ว ก็ไปอยู่ ยมโลกของมหานรกขุม3 ด้วยกรรมกาเมฯเจ้าชู้ กำลังปีนต้นงิ้วอยู่ ทุกข์ทรมานมาก
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ก็ได้รับลดหย่อนผ่อนโทษลงมา แต่ยังไม่หมดกรรม
 
8.การปฏิบัติธรรมของลูกแบบยุบหนอพองหนอ ทำให้เห็นนิมิตต่างๆ นิมิตเหล่านั้น คือ สภาพที่ใจเริ่มเป็นสมาธิระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สมบูรณ์ จึงทำให้เกิดนิมิตเลื่อนลอยภายนอกตัว ที่เกิดจากการฝังใจจากอดีตชาติบ้าง ปัจจุบันชาติบ้าง มาฉายให้เห็น 
  • เมื่อทำใจเฉยๆ ไม่ให้ความสำคัญกับภาพนั้นมากนัก ไม่ช้าก็จะหายไปเอง แล้วใจก็จะหยุดนิ่งอยู่ภายใน เห็นดวงธรรมหรือองค์พระใสๆได้

  • เมื่อตะขาบ และงูเขียว ตรงรี่มาหา เมื่อลูกพูดว่า "ทางใครทางมันหนอ, ไปหนอ" แล้วมันก็ไป เพราะลูกไม่ได้มีเวรหรืออาฆาตต่อสัตว์เหล่านั้น มันก็เลยไปจากตัวเรา

  • การปฏิบัติธรรมของตัวลูกมาถึงทาง 2แพร่ง ดังที่ลูกรู้สึก ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร แค่ลูกทำใจเฉยๆ ให้หยุดนิ่งอยู่ภายใน เดี๋ยวก็จะเห็นดวงธรรมและองค์พระใสๆได้

9.เรื่องแปลก เรื่องที่หนึ่ง ที่ห้องเรียนถูกเก็บเรียบร้อย ทั้งๆที่ลูกปิดห้องล็อคกุญแจ, ถือกุญแจเอง แต่ของทุกอย่างถูกเก็บเรียบร้อยนั้น ก็เป็นเรื่องของคนที่เขาเก็บให้ เพื่อให้ลูกแปลกใจเล่นเท่านั้น
  •  เรื่องแปลก เรื่องที่สอง ที่ของล้มแล้วถูกเก็บไว้เรียบร้อยนั้น ก็มีคนช่วยเก็บเช่นเดียวกัน เพื่อให้ตัวลูกแปลกใจเล่น
  • ทั้งสองเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเทวดาเลย ให้ลืมไปเสียเถิด แล้วหันมาปฏิบัติธรรมะให้มากๆ เพราะอายุมาแล้ว

  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม