คิดถึง ก็มาถึง เลยได้เข้าถึง


[ 4 พ.ย. 2551 ] - [ 18264 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตรณัฐพัชร์ - กัลยาณมิตรอภิมน ไชยกฤตยานนท์
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูง
 
    คิดถึง ก็มาถึง เลยได้เข้าถึง สิ่งดีๆที่เกิดกับผมในตอนนี้ เกิดจากคำๆเดียวแท้ๆ คือ คำว่า คิดถึง ผม...กัลยาณมิตรณัฐพัชร์ ไชยกฤตยานนท์ อายุ 51ปี และภรรยาคู่สร้างบารมี กัลยาณมิตรอภิมน ไชยกฤตยานนท์ เราทั้งคู่เป็นคนกรุงเทพฯ เปิดร้านขายยาแผนปัจจุบันเป็นอาชีพ มีพยานรักเป็นเทพบุตรสุดหล่อทั้งหมด 3คนครับ
 
    เทพบุตรสุดหล่อทั้งสาม ปัจจุบันนี้ได้มาเป็นพระลูกชายของคุณครูไม่ใหญ่ผู้หล่อกว่า ไปเรียบร้อยแล้วครับ โดยลูกชายคนโตได้มาบวชที่วัดในรุ่น 63ปีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ จบโครงการก็ไม่ลาสิกขา ท่านเป็นผู้เริ่มจุดต่างผู้สร้างจุดเปลี่ยนแห่งชีวิต ที่ทำให้น้องชายทั้งสอง รวมทั้งพ่อแม่ คือ ผมกับภรรยา ได้มาสัมผัสความสุขจากการปฏิบัติธรรมครับ
 
    เดิมทีตอนที่ท่านมาขอบวช ผมไม่เห็นด้วยเลย แต่ก็ไม่กล้าขัด ขอสารภาพตามตรงว่า กลัวบาปครับ ครั้นพอพระลูกชายบวชแล้ว ด้วยแรงรักแรงคิดถึงลูก ทำให้ผมกับภรรยามาวัดบ่อยขึ้นในทุกๆวันอาทิตย์ ทุกงานบุญใหญ่ และได้ถือศีลแปดทุกวันพระด้วยครับ ผมขอถือโอกาสนี้ถวายพระลูกชายแด่คุณครูไม่ใหญ่เลยครับ
 
 
    เมื่อคิดถึง(ลูก) ก็มาถึง(วัด) เลยได้เข้าถึง(ธรรม) เพราะเมื่อผมมาวัดบ่อยขึ้น ฟังธรรมะที่ลุ่มลึกขึ้น เห็นตัวอย่างของคุณครูไม่ใหญ่ และพระลูกชาย สมณะผู้ทิ้งชีวิตหรูหราแต่วุ่นวาย มาสู่ชีวิตที่เรียบง่ายแต่สงบใจจากการได้ปฏิบัติธรรม ผมก็อยากสัมผัสความสงบสุขภายในเช่นนั้นบ้าง จึงตัดสินใจให้เวลากับตัวเองเต็มที่ ด้วยการไปปฏิบัติธรรมครั้งแรกที่สวนป่าหิมวันต์ รุ่นที่333 ระหว่างวันที่ 15 ถึง 21 มิถุนายน พ.ศ.2551
 
    วันแรกที่มาถึงเวลาประมาณ 3ทุ่ม อากาศเย็นสบาย หนาวนิดๆ น่าจะปฏิบัติธรรมได้ดี แต่ก็มีอุปสรรคจนได้ เพราะพอรุ่งเช้าผมมีไข้หวัด เจ็บคอมาก คิดว่าคงมาเสียเที่ยวแน่ ขายยาซะเปล่าแต่ก็ไม่ได้เตรียมยาขึ้นมาเลย ผมจึงอธิษฐานขอพรจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ขอให้หายไวๆจะได้ไม่มาเสียเที่ยว เมื่อมีกำลังใจ อีกทั้งได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากศรีภรรยา ที่คอยหายา หาน้ำดื่มอุ่นๆมาให้ เพียงแค่ 2วันอาการหวัดก็หายเป็นปลิดทิ้งครับ
 
    วันที่สาม หลังจากเติมพลังด้วยอาหารมื้อเช้าแล้ว ในรอบสายของการปฏิบัติธรรม ผมทำตามที่พระอาจารย์สอน คือ เริ่มต้นจากผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย วางใจสบายๆ ประดุจขนนกสีขาวบริสุทธิ์ลอยล่องอยู่กลางเวหาที่ขาว ใส บริสุทธิ์ วางใจแบบนิ่มๆ เบาๆ สบายๆ แตะไว้ที่ที่พิเศษกลางท้องครับ
 
    นั่งได้สักพัก ทันใดนั้นเอง ก็มีอาการเหน็บชาเกิดขึ้น แต่ผมพยายามทำใจปล่อยวางครับ คิดเพียงแต่ว่า “เป็นไงเป็นกันเดี๋ยวก็หาย” จากนั้นตัวก็เริ่มเบาเหมือนลอยได้ สักพักก็มีแสงสว่างจ้ามากๆเหมือนแสงจากดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน สาดส่องมาที่หน้าของผม แต่ที่น่าแปลกก็คือ ไม่รู้สึกแสบตาเลยครับ กลับรู้สึกสบายและมีความสุขมากๆครับ จนสงสัย เลยแอบเอามือมาปิดตา แต่แสงก็ยังไม่หาย ผมพยายามปรับจิตให้ใส เปิดใจให้สว่าง วางใจไว้ที่กลางกาย รักษาความสบายให้ได้ตลอดครับ
 
    ในวันที่สี่ ผมตั้งใจและคาดหวังไว้มากว่า วันนี้ผมจะต้องปฏิบัติได้ดีกว่าวันวาน ผลก็เลยออกมาเป็นตรงกันข้าม จนกระทั่งวันที่ห้า ตรงกับวันศุกร์ ซึ่งวันนี้ต่างจากวันวาน คือ ผมไม่คาดหวังกับอะไรแล้ว วันนี้จึงกลับกลายเป็นวันศุกร์ที่สุขที่สุดของผม สุขจริงๆ สุขแบบไม่เคยสุขมาก่อนในชีวิตเลยครับ
 
    ก่อนนั่ง ผมทำตามที่พระอาจารย์แนะนำ คือ นึกผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย วางใจสบายๆไว้ที่กลางท้อง มองดูดวงแก้วอย่างสบายๆไปเรื่อยๆ สักประเดี๋ยวเดียวเองครับ จากดวงแก้วดวงเล็กๆ ก็ปรากฏเป็นดวงแก้วใสบริสุทธิ์ขยายขนาดใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งผมก็มองไปเรื่อยๆ ทำตามที่คุณครูไม่ใหญ่เคยแนะนำ คือ เน้นความสบายและวางใจเฉยๆ
 
    จากนั้น ดวงแก้วใสๆ สว่างๆ ก็ผุดซ้อนขึ้นมา ค่อยๆผุดขึ้นมาจนมากมายนับไม่ถ้วนเลยครับ ความรู้สึกในตอนนั้นเหมือนกับนั่งบนพรมวิเศษอันแสนวิเศษที่สุด แสนจะนุ่มนวล ที่กำลังลอยล่องไปกลางอากาศ ผมมีความสุขมากๆ สุขจนขนลุกชูชันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว วันนั้น นั่งสมาธิจนกระทั่งพระอาจารย์กล่าว สัพเพฯ... ก็ยังไม่อยากลุกเลยครับ
 
    หลังจากกลับมาที่บ้าน ผมพยายามรักษาอารมณ์สบายให้ได้ตลอด นั่งสมาธิทุกเช้าหลังตื่นนอนช่วงตีสามตีสี่ไปจนถึง 6โมงเช้า มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็นั่งสมาธิเมื่อนั้นครับ จนตอนนี้ ผมสามารถเห็นองค์พระใสสว่างอยู่กลางท้อง ทั้งในขณะที่ลืมตาและหลับตา ส่วนศรีภรรยาของผมก็เช่นเดียวกัน เธอเห็นพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ เป็นแก้วใส สว่างจ้ามากๆ เห็นทั้งที่ลืมตาและหลับตาได้ตลอดเวลาเหมือนกับผมเลยครับ
 
 
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2551 ที่ผ่านมา เราทั้งสองปลื้มมาก เพราะได้มีโอกาสถวายทองคำที่ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ตกกระไดไม่พัง แด่คุณครูไม่ใหญ่เพื่อร่วมบุญหล่อรูปเหมือนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ เพราะเราเชื่อว่าทององค์เดียวกันดีกว่าทองแผ่นเดียวกัน โดยตั้งชื่อว่า “ทองข้ามชาติประจำตระกูล” จะได้เชื่อมสายบุญกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ภาพทุกภาพในวันนั้น และรอยยิ้มอย่างมีความสุขของคุณครูไม่ใหญ่ ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจดวงน้อยๆของพวกเราทั้งสองถึงทุกวันนี้เลยครับ
 
    ปัจจุบันครอบครัวของเรา เป็นครอบครัวคุณธรรม อิ่มรัก ปันสุขมากขึ้น จูนรัก...จูนหัวใจจนเข้าใจกันมากขึ้น ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน และการที่ลูกชายทั้งสามได้บวชพระครบกันทุกคน พวกเราทั้งคู่ต่างก็ปลื้มและมีความสุขมาก หลายๆคนมักพูดว่า พ่อแม่ของลูกที่บวชพระจะได้บุญมหาศาล แต่ถ้าตัวเราเองได้ปฏิบัติธรรมจนเป็นนิสัย และสามารถเข้าถึงธรรมะภายในของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว อย่างนี้ล่ะครับจึงจะเป็นบุญที่ยิ่งกว่ามหาศาล เพราะเป็นทางไปสู่ความสุขที่แท้จริง
 
    ผมขอฝากให้นักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทุกท่าน หมั่นปฏิบัติธรรมจนเป็นนิสัยนะครับ จะได้เข้าถึงพระธรรมกาย เพราะพระธรรมกาย คือ มรดกโลก มรดกร่วมที่กลางตัวของมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง
 
    สุดท้ายนี้ ผมกราบขออนุญาตบอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อ อย่างภาคภูมิใจว่า ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวธรรมกายอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผลบุญอันใดที่พวกเราทั้งสองได้จากการปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ ขอนอบน้อมถวายแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อสุขภาพแข็งแรง หายจากอาการป่วยโดยเร็วพลันไว เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพวกเราเหล่านักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ไปอีกนานแสนนานครับ
 
รักและเคารพคุณครูไม่ใหญ่อย่างสูง
 
กัลยาณมิตรณัฐพัชร์ ไชยกฤตยานนท์
กัลยาณมิตรอภิมน ไชยกฤตยานนท์


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เพราะตาดี มีบุญ เกื้อหนุนให้เข้าถึงธรรมเพราะตาดี มีบุญ เกื้อหนุนให้เข้าถึงธรรม

แค่...นิ่งๆ เท่านั้นเองแค่...นิ่งๆ เท่านั้นเอง

ดิฉันเคยแพ้ตัวเองอย่างแท้จริงดิฉันเคยแพ้ตัวเองอย่างแท้จริง



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ