ชาวคริสต์สร้างองค์พระ ใน 3วันสุดท้ายของชีวิต


[ 30 มี.ค. 2552 ] - [ 18265 ] LINE it!

Case Study
ชาวคริสต์สร้างองค์พระ ใน 3วันสุดท้ายของชีวิต
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
ออกอากาศครั้งแรก วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2548
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    เมื่อปี พ.ศ.2520  ลูก อายุ 21ปี จบอนุปริญญาแล้ว อยากเรียนต่อพยาบาลเพราะชอบและอยากดูแลคนอื่น เห็นผู้ป่วยแล้วรู้สึกสงสาร อยากช่วยเหลือ มีคนแนะนำให้ลูกไปเรียนที่สวีเดน เมื่อลูกไปถึงที่สวีเดนที่นั่นกลับบอกว่า คุณจะเรียนพยาบาลได้ คุณต้องเป็นประชาชนของสวีเดนก่อน การเป็นประชาชนได้คือ ต้องมีคนมารับเลี้ยงหรือไม่ก็แต่งงาน ลูกไม่คิดจะแต่งงาน  แต่ก็คิดว่าแล้วใครจะมารับเลี้ยงเรา
 
    แต่อยู่ๆ ก็เจอคนไทยคนหนึ่งบอกว่า "ถ้าคุณอยากเรียนจริงๆฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักกับครอบครัวสวีเดนครอบครัวหนึ่ง" จากวันนั้นลูกจึงได้มารู้จัก คุณพ่อคุณแม่ชาวสวีเดน ท่านให้มาอยู่ด้วย และให้ลูกเป็นลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัว ลูกก็เลยกลายเป็นคนมีสองพ่อแม่ คือ พ่อแม่คนไทยผู้ให้กำเนิดและพ่อแม่สวีเดน
 
    พ่อแม่ชาวสวีเดนทั้งรักและเอ็นดูลูกมาก ท่านบอกว่า ถ้ามีลูกสาวอย่างลูกอีกกี่คน ก็อยากจะมี พ่อสนับสนุนให้ลูกเรียนต่อและให้ลูกไปอยู่กับลูกชายแท้ๆ 2คนของท่าน ซึ่งลูกชายคนเล็กอายุเท่ากับลูก
 
    ลูกชายแท้ๆทั้งสองของท่าน ก็ช่วยดูแลลูกเป็นอย่างดี ลูกเริ่มสนิทและคุ้นเคย จนวันหนึ่ง ลูกชายคนเล็ก มาบอกลูกว่า “ผมไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนเลย นอกจากคุณเท่านั้น” แต่ลูกคิดว่า ไม่เชื่อหรอก และลูกก็ไม่ได้ชอบเขา เขากินเหล้าสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นสิ่งลูกไม่ชอบเลย พอเขามาพูดอย่างนี้ ลูกก็รู้สึกหมั่นไส้ทันที และเขาไม่ใช่สเป็คในอุดมคติของลูกด้วย
 
    ลูกเรียนอยู่สวีเดน 18เดือน แล้วก็ตัดสินใจกลับเมืองไทย แล้วก็แต่งงานกับ สามีชาวไทย จนมีลูกด้วยกัน 2คน ตอนนั้นลูกก็ยังติดต่อกับพ่อแม่สวีเดนอยู่ตลอด ต่อมาแม่สวีเดนมาเยี่ยมลูกที่เมืองไทย ลูกชายคนเล็ก...เขาก็ฝากให้แม่เอาของมาให้ลูก พร้อมกับให้แม่บอกลูกด้วยว่า “ผู้หญิงคนเดียวที่เขาจะแต่งงานด้วย คือ ตัวลูก” เมื่อแม่สวีเดนเห็นว่าลูกแต่งงานกับสามีคนไทยแล้ว แม่ก็กลับไปบอกลูกชายคนเล็กว่า ตัวลูก...น่ะ มีสามีแล้ว แถมรูปหล่อหน้าตาดีกว่าเขาอีก และก็มีลูกด้วยกันแล้ว แต่ลูกชายคนเล็กกลับตอบแม่เขาว่า “ไม่เป็นไร ผมไม่สนใจ”
 
    ปี พ.ศ.2531 ลูกชายคนเล็กของแม่สวีเดน ก็เดินทางมาเมืองไทยเพื่อพบตัวลูก เขาพบลูกพร้อมกับลูกสาวของลูกอายุ 4ขวบและ 1ขวบ ลูกบอกเขาว่า “ให้เราคิดกันเหมือนเพื่อนดีกว่า เส้นทางของเราไม่มีโอกาสมาบรรจบกันอีกแล้ว” เขาก็ตอบลูกว่า “ไม่เป็นไร ขอให้เราเป็นเพื่อนกัน และถ้ามีอะไรเดือดร้อนก็ให้บอกเขา” แล้วเขาก็กลับสวีเดน
 
    จากวันนั้น ลูกก็เริ่มยุ่งกับการทำงาน และต่อมาลูกได้แยกทางกับสามีคนไทยเมื่อปี พ.ศ.2536 แล้วลูกก็เลี้ยงลูกสาวทั้ง 2คนด้วยตัวเอง จนปี พ.ศ.2546 ตัวลูกก็ได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อังกฤษ
 
    วันหนึ่ง ขณะที่กำลังทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ มีคนส่งข้อความมาทักทายผ่าน Internet_ขึ้นมา ถามไปถามมาจึงได้รู้ว่าเขาคือลูกชายคนเล็กของพ่อแม่สวีเดนนั่นเอง
 
เขาถามลูกว่า “มาทำอะไรที่อังกฤษ”
ลูกตอบว่า “มาเรียน”
เขาจึงแซวลูกว่า "เธออายุตั้ง47_แล้วนะ เมื่อไหร่เธอจะเลิกเรียนซะที"
ลูกก็ตอบล้อเล่นเขาไปว่า “ก็คงเมื่อเธอแต่งงานกับฉันละมั๊ง”
เขาตอบ "ตกลงเลย"
ลูกจึงบอกเขาว่า “ฉันล้อเล่นนะ”
 
    16 ธันวาคม พ.ศ.2546 ลูกเดินทางไปสวีเดนอีกครั้ง เพื่อเยี่ยมพ่อ พอลูกชายคนเล็กเห็นหน้าลูก เขาบอกว่า เจอตัวลูกปุ๊บ click ทันที เหมือนโดนรถไฟทั้งโบกี้ชน ผ่านไป 8วันเขาก็ขอลูกแต่งงานในยามที่เราทั้งสองอายุ 48ปี เขาบอกลูกว่า “ผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะแต่งงานด้วยคือคุณ” ซึ่งเป็นประโยคเดียวกับที่เขาพูดเมื่อ 27ปีที่แล้ว
 
    ไม่น่าเชื่อจริงๆว่า เส้นทางของเราจะมาเจอกันได้ ตัวลูกเข้าพิธีแต่งงานอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2547 ระหว่างนั้นลูกก็บินไปมาระหว่างอังกฤษกับสวีเดนเพื่อดูแลพ่อ แม้ท่านจะอายุ 80กว่าแล้ว แต่ท่านก็ดูแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยอะไรเลย ลูกคอยไปล้างหน้า นวดเท้า ไปเดินเล่น เรามีความสุขมาก ลูกบอกกับพ่อชาวสวีเดนว่า “แต่ก่อนหนูรักพ่อในฐานะเป็นลูกสาวคนเล็กของพ่อ แต่ตอนนี้หนูรักพ่อเป็น 2เท่า รักในฐานะที่หนูเป็นลูกสาวและฐานะลูกสะใภ้”
 
    พ่อเป็นชาวคริสต์ที่มีพื้นฐานใจดี ชอบช่วยเหลือคน ไปโบสถ์ แต่เสียที่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ปกติพ่อเป็นคนตลก อารมณ์ดี ฉลาด พูดจาคมคาย เจ้าบทเจ้ากลอน แต่ถ้าเหล้าเข้าปากปุ๊บ นิสัยเปลี่ยนเลย จะขี้โมโห ขี้บ่น ขี้หงุดหงิด น่ากลัว ไม่น่าเข้าใกล้ ไม่อยากอยู่ด้วย พ่อดื่มเหล้าจัดมากจนเป็น Alcoholism โรคพิษสุราเรื้อรัง ขาดเหล้าไม่ได้ เป็นเวลา 20ปี แต่พ่อก็ยังดูแข็งแรงดี
 
    สิงหาคม พ.ศ.2547 หลังแต่งงานได้ 6เดือนลูกก็เดินทางกลับเมืองไทยเพื่อใช้ทุน ส่วนสามีก็ต้องทำธุรกิจอยู่ที่สวีเดน 3-4เดือนเราถึงจะเดินทางมาพบกันครั้งหนึ่ง
 
    พฤศจิกายน พ.ศ.2547 สามีโทรศัพท์มาบอกว่า หมอตรวจพบว่าพ่อเป็นมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 สามีโทรศัพท์มาอีกครั้งบอกว่า "พ่อไม่ไหวแล้ว เธอต้องมาหาพ่อเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว" ลูกตกใจมากบอกกับพ่อทางสายโทรศัพท์ว่า “พ่อยังไปไม่ได้นะคะ จนกว่าที่หนูจะไปถึง ขอให้หนูได้กอดพ่อเป็นครั้งสุดท้าย พ่อต้องรอหนูด้วยนะคะ” พ่อก็พยายามตอบมาในสายว่า “พ่อจะรอลูก”
 
    ลูกบินด่วนถึงสวีเดน เที่ยงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 ลงเครื่องปุ๊บก็ไปหาพ่อก่อนเลย พ่อดีใจมาก บอกว่า “พ่อฝันไปหรือเปล่า ลูกมาหาพ่อจริงๆหรือ ลูกดูซิว่าพ่อลืมตาทั้ง 2ข้างจริงๆหรือเปล่า” หลังจากนั้น พ่อเริ่มมีอาการดีขึ้นมาก หน้าเป็นสีชมพู เหมือนจะหายจากโรคร้าย ลูกอยู่กับพ่อตลอด
 
    จนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ลูกคิดอยากจะช่วยพ่อให้ได้รู้จักบุญ จึงได้นำหนังสืออยู่ในบุญ เปิดให้พ่อดูบนเตียงผู้ป่วย ท่านได้ดูภาพเสาแก้วพันปี ลูกบอกว่าท่านว่า  “ได้สร้างเสาแก้วไว้ และจารึกชื่อไว้ตรงนี้นะ อยากให้พ่อได้ปีติใจกับการสร้างสิ่งนี้” ลูกไม่ค่อยมั่นใจว่าพ่อจะเข้าใจเรื่องบุญนี้ขนาดไหน เพราะพ่อเป็นคริสต์มาตลอดชีวิต 82ปี ลูกจึงบอกพ่ออีกว่า เสาแก้วจะอยู่รอบมหาธรรมกายเจดีย์ แล้วลูกก็เปิดหน้าที่มีองค์พระธรรมกายประจำตัวสีทอง
 
    ทันทีที่พ่อเห็น พ่อก็พูดทันทีว่า “พ่อจะขอสร้างองค์พระนี้ได้ไหม” ลูกตกใจมาก เพราะยังไม่ได้บอกเลยว่าสามารถสร้างพระได้ ลูกรีบตอบว่า “พ่อสร้างได้จ้ะ และชื่อของพ่อจะถูกจารึกที่ฐานขององค์พระนะ” ลูกดีใจมากที่พ่ออยากสร้างบุญด้วยตัวเอง จึงรีบเอาปัจจัยสร้างองค์พระ และเสาแก้วมาให้พ่อได้อธิษฐานบนเตียง แล้วโทรศัพท์หาน้องสาวที่อยู่อเมริกาให้ทำบุญที่ศูนย์สาขาให้ เนื่องจากที่สวีเดนไม่มีศูนย์สาขา
 
    หลังจากวันที่ได้ทำบุญ ลูกจะบอกพ่อเสมอๆว่า “พ่อจ๋า เราไปเจอกันที่วัดพระธรรมกายนะจ๊ะ” พ่อรับปากบอกว่า "พ่ออยากมาวัด" ช่วงเวลาที่พ่อนอนพลิกไปพลิกมา พ่อจะพูดตลอดว่า “พ่อคิดถึงองค์พระที่ได้สร้างๆ... พ่อคิดถึงวัดๆ”
 
    พ่อสั่งกับทุกคนทันทีว่า “ใครก็ตามที่จะมางานศพของพ่อ อย่าเอาดอกไม้มาวางหน้าหลุมศพ ให้เอาเงินค่าดอกไม้ใส่ซอง แล้วมาสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวแทน”
 
    ลูกอัศจรรย์ใจมาก ที่พ่อสามารถเข้าใจเรื่องการสร้างพระได้ด้วยตัวเอง และท่านคิดถึงบุญองค์พระที่ได้สร้างตลอดระยะเวลา 3วันสุดท้ายของชีวิต จนเมื่อวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548 พ่อก็จากไป
 
    จังหวะก่อนพ่อเสียชีวิต พ่อทรุดมาก อาเจียนออกมาเป็นเลือด ในระหว่างนั้น ลูกจะพูดตลอดว่า “พ่อ...เดี๋ยวเราไปเจอกันที่วัดนะ” สายตาสุดท้ายของชีวิต พ่อมองมาที่ลูก ลูกหวังว่า แม้พ่อตายไปแล้ว พ่อคงมีโอกาสได้เห็นวัดพระธรรมกาย และองค์พระที่ท่านได้สร้างสักครั้งหนึ่ง
 
    ลูกตีตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยในวันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่7 หลังจากพ่อเสียชีวิต แต่ก็แปลกไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ที่ลูกดูเวลาเดินทางที่ตั๋วเครื่องบิน จะเห็นว่าเครื่องออก 4ทุ่มทุกครั้ง แต่พอไปถึงสนามบินเขากลับบอกว่า เครื่องบิน Flight นี้ออกไปตั้งแต่ 2ทุ่มแล้ว คุณต้องเดินทางพรุ่งนี้แทน ลูกต้องกลับไปนอนที่บ้านในสวีเดน ซึ่งเช้ามืดวันรุ่งขึ้น ประมาณตี5 ลูกกับสามีก็ฝันในเวลาเดียวกัน สามีฝันว่า พ่อโทรศัพท์มาหา และเขาได้พูดคุยซักถามพ่อว่า เป็นอย่างไรบ้าง โลกหน้าเป็นอย่างไร
 
    ส่วนตัวของลูก ก็ฝันถึงพ่อเช่นกัน ลูกฝันว่าพ่อมายืนอยู่ข้างหน้า พ่อหน้าตาดูสดใส ดูมีความสุข สุขภาพดี แข็งแรง แขนขาดีปกติ ท้องไม่โตเหมือนตอนที่ป่วยเป็นมะเร็ง
 
คำถาม
 
1.พ่อตายแล้วไปไหน ท่านได้มาที่วัด ตามที่ได้ตั้งใจไว้ก่อนตายหรือไม่ ถ้าท่านได้มาที่วัดแล้ว ท่านมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง ท่านได้รับบุญที่อุทิศและมีข้อความฝากมาถึงหรือไม่ การที่ลูกและสามีฝันถึงพ่อ เป็นเพราะพ่อมาจริงหรือไม่ ทำไมลูกถึงมองดูเวลาในตั๋วเครื่องบินผิดจนทำให้ตกเครื่อง ต้องอยู่ค้างต่ออีก 1คืน เป็นเรื่องเกี่ยวกับพ่อหรือไม่ ทั้งๆที่พ่อสูบบุหรี่และดื่มเหล้าจนเป็นพิษสุราเรื้อรัง แต่บุญแรกและบุญเดียวในชีวิตของพ่อที่เป็นชาวคริสต์ ตลอด 82ปี ที่มีโอกาสได้ทำในพระพุทธศาสนา คือ การสร้างองค์พระ และเสาแก้ว บุญนี้ส่งผลให้พ่อในปรโลกอย่างไร ถ้าหากท่านไม่มีโอกาสได้ทำบุญนี้ ท่านจะเป็นอย่างไรคะ
 
2.ทำไม พ่อเป็นชาวต่างชาติและต่างศาสนามา ตลอด 82ปี แต่ 3วันสุดท้ายกลับมาเข้าใจ และตัดสินใจสร้างบุญด้วยตัวเองกับหมู่คณะ พ่อมีความเข้าใจเรื่องสร้างองค์พระและเสาแก้วตามที่ลูกบอกมากน้อยแค่ไหนคะ
 
3.การที่พ่อสั่งให้คนเอาค่าดอกไม้วางหน้าหลุมศพ มาทำบุญองค์พระเพิ่มเติมอีก หลังจากที่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว ท่านจะได้บุญเหมือนกับที่ท่านทำด้วยตัวเองหรือไม่คะ
 
4.เนื่องจากสวีเดนไม่มีศูนย์ฯ ลูกจึงต้องใส่ซองทำบุญให้พ่ออธิษฐาน แล้วโทรศัพท์ข้ามทวีปให้น้องสาวทำบุญถวายที่ศูนย์ให้ไปก่อน โดยที่พ่อไม่ได้ถวายกับพระด้วยมือของท่านเอง จะได้บุญเหมือนหรือต่างกับที่ถวายด้วยมือตนเองหรือไม่อย่างไร และกราบขอคำแนะนำด้วยค่ะว่า ในยามวิกฤติของชีวิตเช่นนี้ควรทำบุญอย่างไรคะ
 
5.แม่ชาวสวีเดน ท่านตายก่อนพ่อ 4ปี ด้วยโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งพ่อเคยบอกว่า พ่อรักแม่มาก ถ้าพ่อตายแล้วพ่อจะไปอยู่กับแม่ ตอนนี้ท่านได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ ถ้าไม่ ขณะนี้แม่อยู่ที่ไหน แม่รู้หรือไม่ว่าพ่อเสียชีวิตแล้วคะ   
 
6.บุพกรรมใด ลูกจึงมีพ่อแม่ 2คู่ คือ พ่อแม่ไทยและพ่อแม่สวีเดน และทำไมลูกถึงรู้สึกผูกพันกับพ่อแม่ชาวสวีเดนนี้มากคะ
 
7.ลูกและสามีชาวสวีเดน สร้างบุพกรรมใดร่วมกันมา สามีจึงรอแต่งงานกับลูกซึ่งอยู่คนละประเทศคนละทวีป ถึง 27ปี และในขณะที่อายุขนาดนี้ ทำอย่างไรจึงจะสามารถประคับประคองชีวิตคู่ไปได้ตลอดคะ
 
8.บุพกรรมใด ทำให้ตระกูลของสามีชาวสวีเดน ตั้งแต่รุ่นปู่ของเขา คนในตระกูลเป็นผู้ชายทั้งหมดคะ พี่น้องของปู่ก็เป็นชายหมด ลูกของปู่มี 5คนก็เป็นชายล้วน พ่อของสามีรวมถึงพี่น้องของท่านเองก็มีแต่ลูกชาย และหลานชายค่ะ
 
9.ตัวลูก พ่อชาวสวีเดนและสามี ได้สร้างบารมีมากับหมู่คณะหรือไม่อย่างไรคะ สามีของลูกไม่เคยขัดขวางเรื่องการสร้างบุญของลูกเลยค่ะ
                            
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
1.พ่อเป็นคริสต์ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้าจนเป็นพิษสุราเรื้อรัง ได้ทำบุญ บุญแรกและบุญเดียวในพระพุทธศาสนา คือ การสร้างองค์พระ และเสาแก้วพันปี เมื่ออายุได้ 82ปีก่อนตาย
 
  • ตายแล้ววนเวียนอยู่กับครอบครัวจนครบ 7วัน ไม่ได้มาวัด เพราะกำลังจิต และกำลังบุญยังไม่พอและมาไม่ถูกด้วย
  • เมื่อครบ 7วันแล้ว มาลาลูกโดยเข้าฝัน แต่สามีชาวสวีเดนฝันเห็นพ่อ เพราะจิตนิวรณ์ผูกพันคิดถึงพ่อจึงฝันเห็น ลูกใจใสกว่าสามีจึงรับรู้ได้ แต่สามีรับไม่ได้

  • เมื่อมาลาแล้วเห็นทางสว่าง จึงเดินไปตามทางสว่างนั้น ไปเกิดเป็นเทพบุตรสายคนธรรพ์บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ด้วยบุญที่สร้างองค์พระ และเสาแก้วพันปีส่งผลก่อน แซงหน้าวิบากกรรมบุหรี่ สุราที่ดื่มมาตลอดชีวิต จึงยังไม่ไปอบาย

  • ถ้าหากไม่ได้ทำบุญสร้างองค์พระและเสาแก้วพันปี พ่อต้องไปอบายภูมิ ซึ่งแล้วแต่ความหมองมากหรือน้อยของใจตอนก่อนตาย ถ้าหมองมากจะไปมหานรกขุม5 ถ้าหมองน้อยจะมีเจ้าหน้าที่จากยมโลกมารับตัวไป

2.พ่อไปเกิดนอกบุญเขตของพระพุทธศาสนามาเรื่อยๆ จึงทำให้ชาตินี้ต้องมาเกิดนอกบุญเขตอีก แต่นานมาแล้วหลายกัปเคยมีบุญชวนคนทำความดีอยู่บ้าง

  • ทำให้มาเจอลูก ซึ่งได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้ท่าน ด้วยความรักและปรารถนาดี จึงทำให้ท่านได้ทำบุญในพระพุทธศาสนาในช่วงก่อนตาย 3วัน

  • ท่านกำลังตื่นเต้นอยู่กับชีวิตใหม่ สถานที่ใหม่ และได้รับบุญที่อุทิศไปให้ ยิ่งทำให้ท่านมีทิพยสมบัติเพิ่มขึ้น ท่านฝากขอบคุณลูกที่ทำให้ท่านได้มีโอกาสทำบุญในพระพุทธศาสนา แล้วได้มาอยู่ตรงนี้

3.การที่ท่านสั่งให้คนเอาเงินค่าดอกไม้ที่จะวางที่หลุมฝังศพท่าน ยามเมื่อท่านละโลกไปแล้ว ให้มาสร้างองค์พระแทน จะทำให้ท่านได้บุญบ้างแต่ไม่เท่ากับทำด้วยตัวเอง

4.คุณพ่อได้จบอธิษฐาน โดยมีเจตนาจะสร้างองค์พระและเสาแก้วพันปีแล้ว แม้ไม่ได้ถวายพระด้วยมือของตนเอง จะได้รับบุญเต็มที่ เพราะมีเจตนาอย่างแรงกล้าสมบูรณ์แล้ว

  • วิธีเตรียมตัวตายในช่วงวิกฤติที่ดีที่สุด คือ ทำบุญให้ตลอดต่อเนื่องทุกบุญอย่างสม่ำเสมอในยามแข็งแรง แล้วระลึกนึกถึงบุญที่ได้กระทำเอาไว้ จะทำให้ใจผ่องใสได้

5.แม่ชาวสวีเดนตายก่อนพ่อ 4ปี ด้วยโรคถุงลมโป่งพอง ตายแล้วเป็นภุมมเทวาระดับล่างในหมู่บ้านภุมมเทวาแถวนั้น ค่อนข้างจะลำบาก เพราะสร้างทานไว้น้อย

  • แต่ที่ท่านไม่ไปอบายทั้งๆที่ดื่มสุราและสูบบุหรี่จัด เพราะพื้นฐานจิตใจท่านดี เป็นคนมีเมตตาแบบโลกๆ
  • อีกทั้งไม่ได้ไปอยู่กับพ่อทั้งๆที่รักและผูกพันกัน เพราะกำลังบุญที่ทำต่างกัน

6.ในหลายกัปก่อนนี้ ในช่วงไม่มีพระพุทธศาสนา ลูกเคยเกิดเป็นลูกของพ่อแม่ชาวสวีเดน และที่สำคัญ คือ ได้เกื้อกูลกันในปัจจุบันเป็นหลัก จึงเกิดความรักและผูกพันกัน

7.สามีชาวสวีเดนคนนี้มีนิสัยในอดีตที่ผ่านมาหลายชาติ คือ ถ้าปักใจรักใครจะรักคนนั้นคนเดียว จึงรอคอยลูกได้ถึง 27ปี และไม่สนใจเลยว่าลูกจะผ่านการครองเรือนมาแล้ว

  • อีกทั้งเคยเป็นสามีของลูก ในชาติที่เป็นลูกสาวของพ่อแม่ชาวสวีเดนในหลายกัปที่ผ่านมา ในช่วงที่ไม่มีพระพุทธศาสนาดังกล่าว
  • ลูกต้องเกื้อกูลกัน ต้องรักกันในเวลาเดียวกัน แต่โกรธกันคนละเวลา หรือไม่โกรธกันเลย เป็นต้น

8.ตระกูลของสามีชาวสวีเดนตั้งแต่รุ่นปู่ลงมา มีแต่ผู้ชายล้วนๆแม้ลูกและหลาน เพราะในอดีตสมัยเกิดในสังคมเกษตรกรรม ต้องการแรงงานเยอะจึงตั้งความปรารถนาอยากจะมีแต่ลูกผู้ชาย

  • เพราะในยุคนั้น ถ้ามีลูกสาวจะต้องไปอยู่ในตระกูลอื่น แต่ถ้ามีลูกชายจะได้ลูกสาวตระกูลอื่นมาในตระกูล และได้เป็นเครื่องทุ่นแรงในการทำงาน

  • ดังนั้น มักจะตั้งจิตปรารถนา อยากได้แต่ลูกหลานผู้ชายเสมอๆ ในทุกครั้งที่ไปช่วยงานกุศลสาธารณประโยชน์ส่วนรวมของยุคนั้น ต่อเทพเจ้าที่ตนนับถือ

  • แต่ที่เป็นดังนี้ เพราะจิตที่ตั้งใจมั่นของตนเอง ไม่เกี่ยวกับเทพเจ้าบันดาล แม้จะระลึกนึกถึงเทพเจ้าก็ตาม

9.พ่อกับสามีชาวสวีเดนเคยสร้างบุญกับหมู่คณะมาบ้าง แต่เบาบาง เพราะนานมาแล้ว ชาตินี้จะต้องสร้างให้หนาแน่น จึงจะได้มาเจอกันอีกต่อไป ส่วนตัวลูกได้สร้างบารมีกับหมู่คณะมามากกว่า ในรูปแบบกองเสบียง



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
พ่อรอดตาย เพราะได้สร้างองค์พระพ่อรอดตาย เพราะได้สร้างองค์พระ

อยากสร้างพระ จึงได้มาเจอกับหมู่คณะอยากสร้างพระ จึงได้มาเจอกับหมู่คณะ

สร้างพระให้น้องสร้างพระให้น้อง



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม