ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 181
จากตอนที่แล้ว มโหสถได้กล่าวเปรียบเปรยพระเจ้าจุลนีว่า “ขอเดชะ ดอกทองกวาวถูกแสงจันทร์ในยามราตรีสาดส่อง จึงแลเห็นเหมือนชิ้นเนื้อสด ฝูงสุนัขจึงพากันวิ่งกรูกันเข้าล้อมต้นไว้ตลอดทั้งคืน แต่แล้วเมื่อดวงอาทิตย์อุทัยจำรัสขึ้น ฝูงสุนัขจิ้งจอกจึงรู้ว่าเป็นดอกทองกวาว ต่างพากัน
" />
พระองค์ก็เช่นกัน ทรงยกทัพเข้าล้อมจับพระเจ้าวิเทหราช แต่เมื่อทรงทราบว่าพระเจ้าวิเทหราชไม่ได้อยู่ในที่นี่เสียแล้ว พระองค์ก็จักทรงสิ้นหวังเสด็จกลับไป เหมือนสุนัขจิ้งจอกหมดความอยากแล้ววิ่งกลับไป ฉะนั้น”
" />
" />
" />
" />
พระเจ้าจุลนีทรงกริ้วเป็นกำลัง จึงมีรับสั่งว่า “พวกเจ้าทั้งหลายจงรุมตัดมือ เท้า หู และจมูกของมัน เสียบมันด้วยหลาวเหล็กแล้วย่างให้ร้อนเหมือนย่างเนื้อ จงช่วยกันทิ่มแทงมันด้วยหอก ถลกเนื้อเถือหนังด้วยตะขอหลาว ให้สมแก่ความแค้นที่มันกล้าปล่อยวิเทหราชศัตรูของเราให้หนีไปได้”
มโหสถได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะขึ้นเบาๆ พลางคิดว่า “เห็นทีพระเจ้าจุลนีคงยังไม่ทราบว่า พระมเหสีพร้อมด้วยพระโอรสและพระธิดาของพระองค์ ถูกเราจับกุมตัวส่งไปมิถิลานครแล้ว พระองค์จึงคิดจะทำร้ายเราให้ย่อยยับ หากพระองค์ได้ทรงทราบความจริงแล้ว ความโศกย่อมท่วมทับพระหทัย ในที่สุดพระองค์ก็จะสลบอยู่บนหลังช้างเอง”
แล้วมโหสถ ก็ทูลโต้ตอบด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่า “จะเป็นไรไปเล่าพระพุทธเจ้าข้า พระองค์จะตัดมือ ตัดเท้า ตัดหัว ตัดจมูกของข้าพระองค์เสียก็ได้ แต่โปรดทรงรู้ไว้เถิดว่า พระราชาของข้าพระองค์ก็จักให้ตัดพระหัตถ์ พระบาท พระกรรณ และพระนาสิก ของพระมเหสี พระโอรส และพระธิดาของพระองค์เช่นเดียวกัน เชิญเถิดพระพุทธเจ้าข้า เชิญลงโทษข้าพระองค์ตามแต่ทรงปรารถนาเถิด พระพุทธเจ้าข้า”
" />
พระเจ้าจุลนีทรงสดับดังนั้น ก็ยิ่งทรงสงสัยว่า “มโหสถพูดเช่นนี้ มันหมายความว่าอย่างไร หรือเป็นเพราะมันกลัวตายจึงได้พร่ำเพ้อไปอย่างนั้นเอง
มันคงไม่รู้หรอกว่า เราได้จัดการอารักขาลูกเมียของเราไว้เป็นอย่างดี เรียบร้อยแล้ว”
จึงตรัสว่า “เจ้าอย่าได้บ่นเพ้อไปเลย เราไม่ฟังคำของเจ้าดอก บัดนี้เจ้าอยู่ในเงื้อมมือของเราแล้ว” พระองค์ตรัสข่มขู่ซ้ำด้วยยังไม่ทรงเชื่อ
" />
มโหสถบัณฑิต เห็นอาการของพระเจ้าจุลนี ก็คิดว่า “พระเจ้าจุลนีคงยังไม่เชื่อถ้อยคำของเราเสียเป็นแน่ ดูเหมือนจะทรงสำคัญผิดคิดไปว่าเรากลัวตาย”
จึงได้ทูลท้าทาย ให้พิสูจน์ความจริงว่า “ข้าแต่มหาราช หากพระองค์ไม่ทรงเชื่อคำของหม่อมฉัน ก็ขอเชิญเสด็จกลับไปยังพระราชนิเวศน์เพื่อทอดพระเนตรให้ประจักษ์แก่สายพระเนตรเถิด เมื่อนั้นพระองค์จะไม่ทรงเห็นแม้เงาของพระมเหสี พระโอรสพระธิดา ตลอดจนพระชนนีผู้เป็นที่รักของพระองค์ เพราะได้ถูกทหารของหม่อมฉันได้ควบคุมตัวมาน้อมถวายแด่พระเจ้าวิเทหราชเสียแล้ว”
พระเจ้าจุลนี ทรงระลึกถึงเสียงคร่ำครวญที่แว่วมา คล้ายเสียงพระนางนันทาเทวี เมื่อยามดึกของคืนที่ผ่านมา กอปรกับทรงพิจารณาจากคำยืนยันหนักแน่นของมโหสถ จึงทรงปักใจเชื่อว่า “ที่มโหสถพูดมานั้น น่ากลัวจะเป็นความจริงเสียแล้ว”
ครั้นทรงดำริเช่นนั้นแล้ว ความโศกาอาดูรก็ท่วมทับในพระหทัยอย่างล้นเหลือ ยากที่จะทรงกล้ำกลืนไว้ได้ และเพื่อจะพิสูจน์ความจริงให้แน่ชัด ท้าวเธอจึงตรัสเรียกอำมาตย์ผู้หนึ่งมาเฝ้า พลางมีรับสั่งว่า “เร็ว...พวกเจ้าจงไปดูในวังของเราให้ถ้วนถี่ว่าเหตุการณ์เป็นจริงอย่างที่มโหสถพูดหรือไม่”
" />
อำมาตย์พร้อมเหล่าราชบุรุษ ก็รีบควบม้ากลับไปยังพระราชนิเวศน์
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ก็พบคนเฝ้าประตูวังและนางสนมกำนัลถูกมัดมือมัดเท้า ถูกอุดปากขังไว้ในห้องมืด
ภาชนะก็ถูกทุบแตกกระจายเกลื่อน ของเคี้ยวของบริโภคตกอยู่เรี่ยราดบนพื้นห้องเสวย
ห้องพระคลังก็ถูกเปิดโล่ง แก้วแหวนเงินทองตลอดจนพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก็ถูกนำไปหมดไม่มีเหลือ
แม้แต่ห้องประทับของกษัตริย์ทั้งสี่พระองค์ก็ว่างเปล่า ไม่มีใครเลย
" />
พระราชวังที่เคยงามสง่า บัดนี้เป็นเสมือนวังร้าง กลับกลายเป็นที่อาศัยของฝูงกาที่พากันบินเข้าออกทางหน้าต่างและประตูที่เปิดไว้ ไม่น่าจะเป็นพระราชวังของพระเจ้าจุลนีเลย
เมื่ออำมาตย์เห็นดังนั้น ก็รีบกลับไปทูลถวายรายงานพระเจ้าจุลนีว่า “ขอเดชะ ที่มโหสถกราบทูลนั้น เป็นความจริงพระพุทธเจ้าข้า บัดนี้พระราชวังว่างเปล่าดุจป่าช้า ทุกๆแห่งภายในพระราชวังเป็นที่อาศัยของฝูงกา น่าสลดสังเวชใจยิ่งนัก พระเจ้าข้า”
พระเจ้าจุลนีทรงเสียพระทัยอย่างมาก พระหทัยสั่นระรัวด้วยความโศก ที่ต้องพลัดพรากจากของรัก คือ พระชนนี พระเทวี พระโอรสและพระธิดา พระองค์ทรงถลึงพระเนตรซึ่งแดงก่ำ ทอดพระเนตรมโหสถด้วยพระหฤทัยขุ่นแค้น พลางดำริว่า “เราประสบทุกข์ใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ ก็เพราะเจ้ามโหสถเพียงผู้เดียว”
ครั้นแล้ว ก็ยิ่งทรงกริ้วหนักขึ้น
" />
มโหสถเห็นพระอาการพิโรธของพระเจ้าจุลนีแล้ว ก็คิดว่า “พระราชาพระองค์นี้ทรงมีพระบรมเดชานุภาพเกรียงไกร ไม่แน่ว่าอำนาจแห่งความโกรธอาจบันดาลให้ทรงหุนหันพลันแล่น ประหัตประหารเราเสียด้วยพระขัตติยมานะ โดยมิทันได้ทรงสดับข้อเจรจาก็เป็นได้...
อย่ากระนั้นเลย เราจักต้องทำให้พระองค์ทรงบังเกิดความอาลัยรักในพระเทวีให้จงได้ เพราะเมื่อทรงระลึกถึงพระนางแล้ว พระหทัยย่อมอ่อนลง ในที่สุดพระองค์ก็จะเว้น ไม่ทำอันตรายแก่เรา เพราะเหตุว่า ถ้าพระองค์ฆ่าเราเสีย พระองค์ก็จักไม่ได้พระเทวีกลับคืนมา”
ส่วนว่าอุบายของมโหสถ ที่จะให้พระเจ้าจุลนีทรงเกิดความอาลัยรักในพระนางนันทาเทวีผู้เป็นพระชายานั้น จะมีวิธีการอย่างไร แล้วจะได้ผลหรือไม่ เหตุการณ์จักเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
" />
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)