คืนวันออกพรรษา ลุ้นระทึกกับ"บั้งไฟพญานาค"


[ 5 ต.ค. 2549 ] - [ 18263 ] LINE it!

บั้งไฟพญานาค

ลูกไฟประหลาดลักษณะเหมือนไข่ไก่สีแดงส้ม พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ลำน้ำโขงแล้วดับหายไปในอากาศ


ทุกๆ ปี ในคืนวันออกพรรษา หรือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ( ปีนี้ตรงกับวันที่ 23 ต.ค.) ณ ลำน้ำโขงรอยต่อจังหวัดหนองคายกับเมืองเวียงจันทน์ โดยเฉพาะที่ อ.โพนพิสัย จะเกิดปรากฏการณ์อันน่าพิศวงที่คนรู้จักกันดีในนาม“บั้งไฟพญานาค”
 
 
ซึ่งมีลักษณะเป็นลูกไฟประหลาดลักษณะเหมือนไข่ไก่สีแดงส้ม พวยพุ่งขึ้นมาจากใต้ลำน้ำโขงแล้วดับหายไปในอากาศ แบบไร้เสียงไร้ควัน ไร้กลิ่น ในระยะเวลาสั้นๆเพียง 5-10 วินาที ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงกลางดึกที่ดูแล้วน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
      
ตราบจนทุกวันนี้บั้งไฟพญานาคยังคงเป็นปริศนาดำมืดรอคอยให้มนุษย์ขี้สงสัยทั้งหลายพิสูจน์กันต่อไปว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร             

บ้างก็ว่าเป็นการกระทำของพญานาคที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง?!?


บ้างก็ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ?!?
      
ส่วนบางคนว่าจริงๆแล้วบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์?!?นี่แหละ
      
       แต่ไม่ว่าบั้งไฟพญานาคจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นสีสันในเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือ เรื่องราวของเมืองพญานาคใต้ลำน้ำโขงช่วงเขต จ.หนองคายและเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งไปสอดรับกับเรื่องของพญานาคในทางพุทธศาสนา ที่มีบันทึกไว้ว่า
       
       ...
เดิมพญานาคที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาลมีนิสัยดุร้าย แต่พอพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนา เลิกนิสัยดุร้าย และคิดจะหันมาออกบวช แต่ติดตรงที่เป็นสัตว์ไม่สามารถบวชได้เนื่องจากเป็นสัตว์ พญานาคจึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะในกาลต่อมา
      
       เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จนครบ 1 พรรษา ( 3 เดือน) และเสด็จกลับโลกมนุษย์ในวันออกพรรษา(15 ค่ำ เดือน 11) พญานาคที่อยู่เมืองบาดาลเมื่อรู้ข่าว จึงได้จัดทำ“บั้งไฟพญานาค”ถวายในคืนวันออกพรรษาของทุกๆปี


       และนั่นก็คือเรื่องราวของตำนานบั้งไฟพญานาค ที่ ณ วันนี้ แม้ยังคงเป็นปริศนา?!? แต่ว่าอานิสงส์ของบั้งไฟพญานาคก็ทำให้ในช่วงวันออกพรรษาจังหวัดหนองคายคึกคัก
คึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง
      
       ในปีนี้จังหวัดหนองคายมีการจัดงานชวนชมบั้งไฟพญานาคขึ้น(เหมือนเช่นทุกปี) ตั้งแต่วันที่ 3–9 ต.ค. 2549 เวลา 18.00 น. ณ ถนนริมเขื่อนวัดศรีบุญเรือง อ.เมืองโดยจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การแสดงแสง-สี-เสียง เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค ถนนสายอาหาร การประกวดกระทงยักษ์ การแข่งขันเรือยาว
      
       ส่วนในวันออกพรรษาปีนี้( 23 ต.ค.)ที่เป็นวันไฮไลท์ จะมีพิธีบวงสรวงพญานาค ณ ศาลหลักเมืองปากห้วยหลวง อ.โพนพิสัย จากนั้นก็เป็นการลุ้นระทึกกับบั้งไฟพญานาคว่าปีนี้จะขึ้นมากขึ้นน้อยแค่ไหน?!? โดยจุดชมบั้งไฟพญานาคนอกจากที่ริมน้ำโขง อ.โพนพิสัยแล้ว ยังมีที่บริเวณริมฝั่งน้ำโขง ในเขตพื้นที่ริมโขงอื่นๆในจังหวัดหนองคาย อาทิ อ.เมือง  อ.ปาดคาด อ.บึงกาฬ อ.บึงโขงหลง กิ่ง อ.รัตนวาปี รวมถึงที่ริมน้ำโขงในเมืองเวียงจันทน์
      
      
งานนี้ใครโชคดีก็จะได้เห็นบั้งไฟพญานาคสมใจอยาก
      
       ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดงานและจุดชม “บั้งไฟพญานาค” รวมถึงการจราจร ได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย โทร.0-4242-1326 ทุกวัน สำนักงาน ททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต 5 โทร.0-4232-5406 ถึง 7
 
 
ที่มา-


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
"กุ๊กไก่"เสิร์ชพันธุ์ไทยท้าชนกูเกิล

มหาวิทยาลัยดัง 23 สถาบัน ร่วมต้านร้านสุรารอบสถาบันมหาวิทยาลัยดัง 23 สถาบัน ร่วมต้านร้านสุรารอบสถาบัน

โซนี่วางมาตรการรับมือปัญหาแบตฯโน้ตบุ๊กโซนี่วางมาตรการรับมือปัญหาแบตฯโน้ตบุ๊ก



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

DMC NEWS