ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198


[ 30 ธ.ค. 2552 ] - [ 18271 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 198
 

    จากตอนที่แล้ว พระเจ้าจุลนีตรัสตอบว่า “เสด็จแม่ทรงมีพระคุณแก่ฉันมากล้นเกินประมาณนั้น ฉันตระหนักแก่ใจดี แต่พระจริยาวัตรของเสด็จแม่ แม้จะทรงชราภาพแล้ว แต่ก็ยังแต่งองค์ทรงเครื่องที่ไม่เหมาะสมแก่วัยของพระองค์ ทรงโปรดที่จะเสด็จเยื้องกรายไปมาเยี่ยงดรุณวัยสาว
 
    เท่านั้นยังไม่พอ ยังทรงสรวลเสเฮฮากับพวกคนเฝ้าประตูและคนฝึกช้าง ซึ่งคนเหล่านั้นไม่คู่ควรที่พระองค์จะตรัสด้วย และที่ยิ่งกว่านั้น เสด็จแม่ยังทรงสั่งทูตให้ถือสาสน์ในนามของฉัน ไปถวายเจ้าผู้ครองนครประเทศราช มีใจความว่า เสด็จแม่ของหม่อมฉันยังทรงอยู่ในวัยบันเทิงเริงรื่น ขอพระองค์จงเสด็จมารับเสด็จแม่ของหม่อมฉันไปอยู่ด้วยเถิด

    พระแม่เจ้าโปรดพิจารณาเถิด เสด็จแม่ทรงมีพระจริยาวัตรเช่นนี้ ฉันควรจะทำอย่างไร ฉะนั้นหากว่าเรื่องที่พระแม่เจ้าสมมติขึ้นมานั้นจะกลายเป็นความจริง ฉันก็แน่ใจว่า เสด็จแม่คงเป็นคนแรกที่ฉันจะส่งให้ผีเสื้อน้ำกิน”

    พระแม่เภรีจึงทูลถวายพระพรว่า “หากพระมารดาของมหาบพิตรทรงมีโทษดังที่ได้ตรัสมา ก็เป็นพระดำรัสที่ชอบด้วยเหตุผล แต่พระนางนันทาเทวีนั้นเล่า ทรงเป็นพระชายาผู้ทรงรักและภักดีต่อมหาบพิตรมากเหลือเกิน แต่เหตุไฉน จึงทรงดำริว่าจะทรงส่งพระนางให้ผีเสื้อน้ำกินเสียเล่า ขอถวายพระพร”

   เหตุที่พระแม่เภรีทูลถามเช่นนั้น ก็ด้วยปรารถนาจะให้พระเจ้าจุลนีทรงพระอนุสรณ์ถึงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อครั้งที่ทรงนิราศจากปัญจาลนคร ฝ่ายพ่อครัวผู้จงรักภักดีต่อพระนางสลากเทวี เมื่อจุดไฟเผาห้องครัวของตนแล้ว ก็รีบพากุมารทั้งสองหนีออกจากปัญจาลนครไปให้ไกลที่สุด
 
    กระทั่งพ่อครัวซึ่งหนีเข้ามาอาศัยอยู่ในมัททรัฐ จึงเข้าไปสมัครเป็นพ่อครัวรับใช้ในวัง เมื่อพระเจ้ามัททราชทอดพระเนตรเห็นพระจุลนีราชกุมารนั้น ซึ่งมีรูปร่างสง่างาม ผิวพรรณผุดผ่องผิดกับเด็กธรรมดา และที่เด่นชัดก็คือ ความทะนงตนตามเชื้อสายขัตติยะ เพราะทรงถือพระองค์ว่ายังทรงเป็นกษัตริย์อยู่นั่นเอง และดูเหมือนว่ายิ่งทรงเจริญพระชันษามากขึ้น ความทระนงองอาจในศักดิ์ศรีของกษัตริย์ นับวันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

    นอกจากพระจุลนีราชกุมาร จะได้ธนูเสกข์บุตรพ่อครัวเป็นเพื่อนเล่นคู่พระทัยแล้ว พระกุมารยังทรงสนิทสนมคุ้นเคยกับพระนันทากุมารี พระราชธิดาของพระเจ้ามัททราชมากเป็นพิเศษ เพราะเหตุที่ทั้งสองพระองค์ได้พบปะกันบ่อยๆในสนามเด็กเล่น ซึ่งเป็นกรีฑาสถานที่ให้ความสำราญพระทัยของเหล่าราชบุตรและราชธิดานั่นเอง เมื่อต่างได้เห็นหน้ากันทุกวัน ทั้งพระจุลนีราชกุมารและพระนันทาราชกุมารีก็เริ่มมีพระอัธยาศัยต้องกัน
 
    เมื่อกาลล่วงไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ทั้งคู่ต่างทรงเจริญวัยขึ้น พระกุมารก็ทรงมีพระรูปงามสง่าน่าเกรงขาม พระนันทากุมารีนั้นเล่าก็ทรงพระสิริโฉมงดงามเหลือเกิน พระฉวีวรรณผุดผาด พระกิริยาช่างงามสมเป็นขัตติยกุมารี

    ดังนั้น จากความสนิทสนมคุ้นเคยระหว่างกัน ก็แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกชอบพอกันเป็นพิเศษ แล้วต่อมาก็ก่อตัวเป็นความรักความสิเน่หาในที่สุด

    พระเจ้ามัททราชทรงสอดส่องความเป็นไปของพระธิดาของพระองค์อยู่เสมอ ครั้นทรงเห็นว่าเจ้าหญิงทรงสนิทสนมกับเจ้าชายจุลนีมาก ก็ยิ่งทรงสังเกตพฤติกรรมของเจ้าชายจุลนีอย่างใกล้ชิด จนวันหนึ่งพระองค์ทรงสดับเสียงกันแสงของพระราชธิดาดังแว่วมาจากสนามเด็กเล่น

    เหตุที่ทรงกันแสงเช่นนั้น ก็เพราะถูกเจ้าชายจุลนีลงโทษเนื่องจากขัดคำสั่งของเจ้าชายจุลนีที่รับสั่งให้เจ้าหญิงนำลูกข่างพร้อมทั้งสายมาเล่นกันในวันรุ่งขึ้น แต่พอถึงเวลาเล่น เจ้าชายก็ทวงถามถึงลูกข่าง เจ้าหญิงกลับแกล้งเย้าว่า “ถึงมิได้เอามา แล้วเธอจะทำอะไรฉัน”

    ด้วยอัธยาศัยที่ทะนงในศักดิ์ไม่ต้องการให้ใครขัดคำสั่ง เจ้าชายจุลนีจึงตรัสว่า “จะทำอะไรหรือ ก็ทำอย่างนี้สิ” ว่าแล้วก็ทรงเขกพระเศียรของพระราชธิดาทันที

    เจ้าหญิงนันทามิได้ทรงคิดว่าเจ้าชายจุลนีจะโกรธรุนแรงถึงเพียงนี้ และแต่ไหนแต่ไรมา ยังไม่เคยมีใครกล้าทำกับพระองค์ถึงเพียงนี้ เจ้าหญิงจึงทรงกันแสงลั่น จนเสียงนั้นได้ยินไปถึงพระราชบิดา

    “ใครทำอะไรลูกข้า พวกพี่เลี้ยงนางนมหายไปไหนหมด” พระเจ้ามัททราชทรงรับสั่งถามด้วยพระสุรเสียงอันดัง พลางเสด็จลงมาจากพระตำหนัก พวกพี่เลี้ยงนางนมซึ่งปล่อยให้เจ้าหญิงเล่นตามลำพัง ได้ยินพระดำรัสแล้ว ก็รีบวิ่งเข้าไปปลอบโยนเจ้าหญิง พลางทูลถามว่า “โถ...ใครรังแกทูล กระหม่อมเพคะ”

    เจ้าหญิงทรงนิ่ง เพราะความรักที่แฝงอยู่ในพระหทัย ทรงดำริว่า “ถ้าเราบอกว่าพี่จุลนีตีเรา พี่จุลนีก็จักต้องถูกพระบิดาของเราลงโทษเป็นแน่ การที่เราถูกพี่จุลนีตี เพียงเท่านี้เรายังพอทนได้ แต่การที่พี่จุลนีต้องถูกลงอาญานั้น เรามิอาจทนได้แน่”

    ทรงดำริแล้ว ก็ตรัสเลี่ยงว่า “ไม่มีใครรังแกเราหรอก เราวิ่งเล่นเพลินไป ไม่ทันระวัง ศีรษะไปชนกับต้นไม้เข้าก็เท่านั้นเอง”

    พี่เลี้ยงนางนมจึงนำความขึ้นกราบทูลพระเจ้ามัททราชตามที่เจ้าหญิงตรัสบอก พระเจ้ามัททราชมิได้ทรงเชื่อ แต่ก็มิได้ตรัสพระวาจาใดออกมา พระองค์ทรงบังเกิดความปริวิตกในพระทัยว่า “กุมารนี้มองทีไรก็ไม่เหมือนพ่อครัวเลยสักนิด รูปก็งามน่าเลื่อมใส กิริยาท่าทางช่างองอาจน่าเกรงขามเหลือเกิน ชะรอยกุมารนี้คงไม่ใช่บุตรของพ่อครัวเป็นแน่”

    กระทั่งวันหนึ่ง เหล่าพี่เลี้ยงนางนมได้นำเครื่องเสวยกลางวันไปถวายเจ้าหญิงนันทาถึงสนามเด็กเล่น เจ้าหญิงก็ทรงประทานแจกพระสหายที่มา เล่นกัน ณ ที่นั้น สหายทุกคนเมื่อจะรับขนมที่เจ้าหญิงทรงประทานให้ ต่างทำความเคารพเจ้าหญิงเสียก่อน เว้นแต่เจ้าชายจุลนีที่ไม่ยอมทำเช่นนั้น เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าชายกลับคว้าขนมไปจากพระหัตถ์ของเจ้าหญิงทันทีโดยไม่รอให้เจ้าหญิงทรงยื่นประทานให้

    การกระทำของเจ้าชายจุลนีในครั้งนี้ มิได้รอดพ้นจากสายพระเนตรของพระเจ้ามัททราช ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเงื่อนปมหนึ่งที่เพิ่มความคลางแคลงพระราชหฤทัยว่า “แปลกเสียจริง เจ้าจุลนีนั่นทำไมช่างองอาจนัก ไว้ตัวราวกับลูกกษัตริย์ก็ไม่ปาน ผิดกับเจ้าธนูเสกข์ที่ดูอ่อนน้อม ไม่มีความถือตัว และออกจะกลัวๆเสียด้วยซ้ำ” พระองค์เกือบจะคาดคั้นเอาความจริงจากพ่อครัว แต่เหตุผลก็ยังหย่อนอยู่ จึงได้แต่ทรงรอต่อไป

    จนกระทั่งวันหนึ่ง เจ้าชายจุลนีทรงนำลูกข่างไปเล่นถึงบนพื้นพระราชมนเฑียร บังเอิญลูกข่างกลิ้งเข้าไปใต้ที่บรรทมน้อยซึ่งเป็นแท่นประทับพักผ่อนของพระราชา ซึ่งหากเป็นเด็กทั่วไป ก็จะต้องรีบคลานเข้าไปเก็บของ เล่นทันที แต่เจ้าชายจุลนีหาได้ทรงทำเช่นนั้นไม่ ทรงดำริว่า “เราจะไม่เข้าไปใต้ที่บรรทมของพระราชานี้เป็นอันขาด” แล้วก็ทรงเที่ยวหาไม้มาเขี่ยลูกข่างออกจากที่บรรทมน้อย จากนั้นจึงค่อยหยิบลูกข่างขึ้นมา

    พระเจ้ามัททราชทรงทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงมั่นพระทัยว่า “จุลนีต้องไม่ใช่ลูกพ่อครัว แต่ต้องเป็นพระโอรสของกษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งเป็นแน่”
 
    ทั้งนี้เพราะพระองค์ก็ทรงดำรงอยู่ในฐานะกษัตริย์ ย่อมจะทรงเห็นความประพฤติอันเป็นอัธยาศัยของเหล่ากษัตริย์เป็นอย่างดี ในที่สุดพระองค์จึงตัดสินพระทัยเด็ดขาด รับสั่งเรียกพ่อครัวมาเฝ้า ส่วนว่าพ่อครัวนั้นจะยอมบอกความจริงหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก