พิธีมอบพระธรรมกายครั้งประวัติศาสตร์ ณ บังคลาเทศ

 

 

 

        ทว่า ชาวบังคลาเทศส่วนใหญ่เป็นผู้มีพลังใจแต่รายได้น้อย โอกาสทำนุบำรุงพระศาสนาจึงไม่มากเท่าที่ควร จนวันที่มูลนิธิธรรมกาย นำโดยพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์(หลวงพ่อธัมมชโย)ได้เมตตามอบองค์พระธรรมกาย 250องค์ ตามการร้องขอของคณะสงฆ์บังคลาเทศ ก็ทำเอาคนที่นี่ตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะองค์พระเหล่านี้จะได้กระจายไปถึงทุกพื้นที่ที่ยังมีลูกหลานชาวพุทธผู้รักษาคำสอนของพระพุทธศาสนาดำรงชีวิตอยู่ สร้างกำลังใจให้ทุกคนไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และปลุกกระแสการปฏิบัติธรรมไปทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนรู้จักพระธรรมกายภายใน รื้อฟื้นต้นแบบคนดีให้เกิดขึ้น สร้างดินแดนแห่งสันติสุขเช่นเดียวกับสมัยพุทธกาลอีกครั้ง

 

 

 

 

 

        หมู่คณะที่เดินทางไปในครั้งนี้ นำโดยพระครูวิเทศปัญญาภรณ์(พระมหาสมบุญ สัมมาปุญโญ)เป็นตัวแทนพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย เพื่อมอบองค์พระจำนวน 250องค์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2553 ณ สนามกีฬาโปโล เมืองจิตตะกอง เหตุที่เลือกเมืองนี้ ก็เพราะเป็นถิ่นที่มีชาวพุทธอยู่รวมกันมากที่สุดของประเทศ

 

 

 

        วันนั้น มีชาวพุทธมากันอย่างล้นหลาม คับคั่งไปด้วยตัวแทนจากวัดต่างๆพร้อมรถคู่ชีพ ที่สำคัญ คือ ได้รับเกียรติจากพระเดชพระคุณพระธัมมเสนา มหาเถโร สมเด็จพระสังฆราชแห่งบังคลาเทศ มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ ดร.ดิปู มานี(Dr. Dipu Mani)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมทั้งรัฐมนตรีที่เป็นชาวพุทธและบุคคลสำคัญมากมาย ท่ามกลางขบวนสื่อมวลชนที่หลั่งไหลเข้ามาเก็บภาพ และลงข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ สมเด็จพระสังฆราชแห่งบังคลาเทศ ปลื้มปีติมากและกล่าวว่า “ในอนาคต เราจะได้สวดมนต์ ไหว้พระ และนั่งสมาธิกับพระองค์นี้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจึงจะได้เข้านิพพาน”

 

 

 

 

 

 

 

        เช่นเดียวกับ ดร.ดิปู มานี ซึ่งเป็นชาวอิสลาม ได้กล่าวต่อหน้าชาวพุทธบนเวทีว่า “คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นคำสอนที่ทำให้โลกเกิดสันติสุข ไม่ฆ่ากันและรักกัน และการนั่งสมาธิก็มีคุณค่า ไม่ใช่ต่อพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่มีต่อทุกๆศาสนาด้วย”

 

 

 

        การมาครั้งนี้ ทีมงานพบว่า ถึงแม้จะเป็นคนส่วนน้อย แต่ชาวพุทธในบังคลาเทศก็ไม่ได้เป็นชาวพุทธแต่ชื่อ แต่เป็นด้วยหัวใจ ทุกคนยังมีความเคารพต่อพระรัตนตรัยอย่างเต็มเปี่ยม ทุกเพศทุกวัย แม้เด็กและวัยรุ่นก็สนใจพระพุทธศาสนา เข้ามากราบขอพรหรือแสดงความเคารพด้วยการเอามือไปแตะที่ฐานองค์พระ แล้วมาสัมผัสที่หน้าผากอย่างไม่ขัดเขิน สาวน้อยสาวใหญ่ตั้งขบวนเทินถาดดอกไม้ไว้บนศีรษะ ก่อนบรรจงวางด้วยศรัทธาต่อหน้าองค์พระ ที่สำคัญ คือ ไม่มีพ่อแม่คนไหนจะลืมลูกไว้ในบ้าน ตรงกันข้ามกลับหอบหิ้วลูกหลานมาปลูกฝังให้เกิดใจรักความเป็นชาวพุทธตั้งแต่เยาว์วัย

 

 

 

 

 

 

 

        พระดร.จินาโพธิ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการขอองค์พระสู่บังคลาเทศ ได้กล่าวว่า “จริงๆแล้ว รัฐบาลบังคลาเทศเป็นมุสลิม นายกรัฐมนตรี ส.ว. ส.ส. พวกเขาก็ไม่ใช่ชาวพุทธ แต่งานนี้สำเร็จได้อย่างอัศจรรย์ อาตมาพยายามส่งเสริมพระพุทธศาสนาด้วยการสอนสมาธิในวิธีที่หลวงพ่อธัมมชโยสอนอยู่ทุกๆวันนั่นเอง เพราะทุกครั้งที่เฝ้าดูองค์พระภายใน จะสัมผัสได้ถึงความชื่นใจ ช่วยให้คนเราจดจำความรู้ต่างๆได้อย่างดี มีผลดีต่อสุขภาพ สร้างครอบครัวให้อบอุ่นและประเทศชาติให้รุ่งเรือง แต่ถ้าไม่ได้นั่งสมาธิ ก็จะไม่ได้อานิสงส์เหล่านั้นเลย วันนี้ อาตมามีความสุขมากๆ เพราะที่บังคลาเทศ มีหลายวัดไม่มีองค์พระแม้แต่วัดของรองพระสังฆราช 300กว่าปีที่ผ่านมา วัดของท่านก็ไม่เคยมีพระพุทธรูปองค์ใหม่เลย”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

          พระดร.จินาโพธิ ได้ฝากขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเป็นอย่างสูง และได้กล่าวเสริมว่า “คงจะเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง หากวัดพระธรรมกายจะขยายศูนย์สาขามาที่บังคลาเทศบ้าง เพื่อจะได้ขยายวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก”

 

 

 

        ตอนนี้ มีวัดอีกมาก ตั้งใจที่จะนำองค์พระธรรมกายไปส่งเสริมการปฏิบัติธรรม เพื่อให้ชาวพุทธได้เข้าถึงพระภายในซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของพระศาสนา จึงกล่าวได้ว่า การมอบองค์พระธรรมกายถึง 250องค์ในครั้งนี้ ทำให้ชาวพุทธในบังคลาเทศเกิดกำลังใจมหาศาล พวกเขาไม่เคยลืมที่จะปฏิบัติตามคำสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหัดทำสมาธิเพื่อเข้าถึงพระภายใน ชาวพุทธในบังคลาเทศพร้อมแล้วที่จะนำคำสอนดั้งเดิม ไปสร้างความเจริญรุ่งเรืองทั้งเศรษฐกิจและจิตใจให้แก่ประเทศอันเป็นที่รักของตน