ความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่ง...เมื่อรู้ว่าต้องเป็นแม่


[ 30 มิ.ย. 2553 ] - [ 18270 ] LINE it!

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2553 ช่วงที่ 1
 
 
 
ความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่ง...เมื่อรู้ว่าต้องเป็นแม่
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
โอกาสที่ดีที่สุดของชีวิตลูกผู้ชายที่จะทดแทนพระคุณบิดา-มารดา บวชเข้าพรรษาปีนี้
บวชที่นี่ บวชฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
สนใจบวช หรือต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ
 
        ลูกชื่อ กัลยาณมิตรพัชรากร ลาภเจริญกิจ เป็นคุณแม่ของลูกชายสุดหล่อถึงสามคน สามหนุ่มสามมุมค่ะ เมื่อรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ ดีใจและตื่นเต้นมาก ลูกไปซื้อหนังสือคู่มือตั้งครรภ์และคู่มือเลี้ยงลูกมานั่งอ่าน อ่านละเอียดทุกตัวอักษร จะได้รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร แล้วตอนนั้นก็จะทานแต่ของที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะจะต้องดื่มนมสดอย่างน้อยวันละหนึ่งลิตร ลูกมีอาการแพ้ท้องโดยจะอาเจียนอยู่สามเดือน ต้องดื่มยาหอมตราห้าเจดีย์อาการถึงจะดีขึ้น แต่ที่แปลกก็คือ...พอตกดึกจะรู้สึกหิวมาก และอยากทานแต่ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าและข้าวผัดกะเพรา เทพบุตรข้างกายก็จะมีหน้าที่ขับรถไปซื้อมาให้ พอทานแล้วถึงจะนอนหลับสบายค่ะ
 
        และแล้ว วันที่จะต้องจดจำไปตลอดชีวิตก็มาถึง เวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆของวันที่ 13-มีนาคม พ.ศ.2531-ลูกรู้สึกเจ็บท้องมาก รู้สึกว่ามดลูกบีบตัวถี่ๆและแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณเตือนว่าใกล้คลอด ในช่วงที่นอนรอการคลอดอยู่ในห้องคลอดนั้น คุณหมอได้เข้ามาฉีดยาเร่งคลอดให้ และบอกว่า “ท้องแรกคุณแม่จะคลอดยาก และอาจจะคลอดในวันพรุ่งนี้”
 
        ขณะที่ลูกนอนอยู่บนเตียงอย่างทรมานนั้น สายตาก็กวาดไปมองเตียงอื่นๆ เห็นคุณแม่ที่มาคลอดหลายคนนอนร้องโอดโอยอยู่บนเตียง บางคนร้องเสียงดังมาก บางคนก็กระสับกระส่ายเพราะความเจ็บปวด เป็นภาพที่สะเทือนใจเป็นที่สุด พอมามองดูตัวเองก็ปวดไม่แพ้คนอื่นๆ และคิดในใจว่า “ทำไม...ลูกในท้องไม่ยอมออกมาลืมตาดูโลกสักที เพราะคนอื่นที่มาทีหลังเขาคลอดไปหมดแล้ว”
 
        ลูกนอนปวดท้องคลอดข้ามคืน จนถึงช่วงสายของอีกวัน ก็ยังคลอดไม่ได้ คุณหมอส่งลูกเข้าไปเช็คร่างกายอย่างละเอียดในห้องตรวจครรภ์ผิดปกติ และลงความเห็นว่าคงไม่สามารถคลอดแบบธรรมชาติได้ ถ้าปล่อยเวลาให้นานกว่านี้อาจเป็นอันตรายทั้งกับแม่และเด็ก เพราะรกเริ่มพันตัวเด็กแล้ว หมอจึงส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ลูกไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ฟื้นขึ้นมาแบบงงๆ จับท้องตัวเองดูปรากฏว่าท้องแฟบลงแล้ว สักพักพยาบาลก็เข้ามาบอกว่า ทารกเป็นเพศชาย แข็งแรงทุกอย่าง น้ำหนักตัว 3,400-กรัม ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจมาก ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าเจ้าตัวเล็ก ตื่นเต้นมากค่ะ แล้วหน้าของเขาก็เหมือนกับที่ลูกเคยฝันถึงเลยค่ะ อัศจรรย์จริงๆ จึงตั้งชื่อว่า “น้องตั้ง” เพราะตั้งใจให้เขามาเกิดค่ะ
 
        ตอนท้องคนที่สอง ครรภ์ค่อนข้างอ่อนแอ ช่วงสามเดือนแรกหมอบอกว่า ทารกยังเกาะผนังมดลูกไม่ดี มีความเสี่ยงที่จะแท้งได้ง่ายๆ ลูกจึงระมัดระวังและประคับประคองครรภ์เป็นพิเศษ ลูกดูแลครรภ์อย่างทะนุถนอมที่สุด พอไปทำอัลตร้าซาวด์ปรากฏว่าเป็นเด็กผู้ชาย คุณหมอแนะนำให้ทำหมัน คุณหมอพยายามอธิบายว่าการผ่าตัดคลอด จะอนุญาตให้ตั้งท้องได้แค่สองท้องเท่านั้น เพราะโอกาสที่แม่จะเป็นอันตรายมีสูงมาก (เพราะผ่าตัดมดลูกไปแล้วสองครั้งแถมยังผ่าหน้าท้องอีกสองครั้ง ร่างกายจะอ่อนแอกว่าปกติ) แต่ลูกไม่ยอมค่ะ เพราะอยากได้ลูกสาวอีกสักคนเอาไว้เป็นเพื่อนแม่
 
        ในช่วงใกล้คลอดก็มีอาการปวดท้องมาก แต่คราวนี้ลูกมีสติมากขึ้น พยายามหายใจให้ทั่วท้อง คุยกับลูกในท้องว่า “พรุ่งนี้เราก็ได้เห็นหน้ากันแล้วนะ”_ตอนอยู่ในห้องผ่าตัด คุณหมอและพยาบาลตระเตรียมเครื่องผ่าตัดแบบครบชุด แถมเปิดเพลงบรรเลงสบายๆให้ลูกฟัง เพื่อคลายความกังวลอีกด้วย ตอนที่กำลังจะให้ยาสลบ ลูกไม่ห่วงเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร ได้แต่อธิษฐานว่า “ขอให้เจ้าตัวเล็กปลอดภัยนะ”_แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย มาได้ยินเสียงแว่วๆว่า “เด็กคลอดออกมาแล้ว เป็นผู้ชายแข็งแรงค่ะ”_ลูกคนที่สองมีชื่อเล่นว่า น้องฟง พอท้องที่สามก็ลำบากไม่แพ้กัน และได้ลูกชายหน้าตาน่ารักมาก ตั้งชื่อว่า น้องปิง
 
 
ลูกชายทั้งสามที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ
 
        การเลี้ยงดูลูกชายทีเดียวสามคนไม่ง่ายเลยนะคะ ลูกต้องซักผ้าอ้อม ล้างขวดนม ต้องตื่นกลางดึกมาชงนมให้เด็กๆ เรียกว่าอดนอนจนเป็นปกติ พอเด็กๆเริ่มโตต้องไปโรงเรียน ลูกต้องตื่นแต่เช้า เตรียมทำกับข้าว รีดชุดนักเรียน จับเด็กๆแต่งตัว เตรียมกระเป๋าหนังสือ แล้วก็จูงมือพ่อแม่ลูกไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน พอตกเย็นก็เปลี่ยนบทบาทมาเป็นครู ต้องสอนการบ้าน ประคองมือเขาฝึกให้คัดลายมือ สอนอ่านหนังสือ เป็นอย่างนี้จนทุกคนเริ่มโต ครอบครัวของเรามารู้จักวัดพระธรรมกายเมื่อปี พ.ศ.2546-ทุกครั้งที่ลูกได้ยินเพลง วันที่แม่รอคอย จะรู้สึกซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก เพลงนี้สะท้อนให้เห็นหัวใจของคนเป็นแม่ว่า...รอคอยวันที่ลูกชายจะได้บวชจริงๆค่ะ
 
        ปี พ.ศ.2548-ลูกชายคนโตได้บวชเป็นสามเณรภาคฤดูร้อน ลูกปลื้มมาก ตอนที่เห็นนาคเดินแปรแถวเข้ามา ลูกมองหน้านาคแบบไม่วางตาเลย ยิ่งตอนเขากล่าวคำขอขมา น้ำตาแม่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวค่ะ ลูกคิดถึงวันอุ้มท้อง นึกถึงความยากลำบากในการคลอด และนึกถึงวันที่เฝ้าอบรมสั่งสอน กว่าแต่ละคนจะโตมามันเหนื่อยจริงๆ พอลูกชายบวชเป็นสามเณรจึงปลื้มมาก ปลื้มที่สุดในชีวิตเลยค่ะ เหมือนความฝันของแม่สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถึงตอนนี้เวลานึกถึงภาพที่ลูกชายบวชเป็นสามเณรทีไร ก็ยังปลื้มไม่รู้จบ ภาพนั้นยังติดตาตรึงใจอยู่ตลอดเวลาค่ะ
 
        ตอนนี้ ลูกชายทั้งสามคนก็ได้เคยบวชเป็นสามเณรแล้ว แถมคนโตยังบอกว่า “ถ้าผมเรียนจบปริญญาตรีเมื่อไหร่ จะบวชให้หม่าม้าทันที ผมจะขับรถพาหม่าม้ามาทำบุญที่วัดทุกวันอาทิตย์เลยครับ”-ได้ฟังแค่นี้ก็ชื่นใจ ลูกอยากฝากไปถึงลูกผู้ชายแมนแมนทุกคนว่า “เราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราไม่รู้เลยว่าแม่ผู้ให้กำเนิดจะจากเราไปเมื่อไหร่ ถ้าทำได้...ขอให้รีบบวชทดแทนคุณท่าน ถ้าเทียบกับที่ท่านยอมเสียสละตั้งท้องเราถึง 9-เดือน บวกเวลาเลี้ยงดูอีกตั้งหลายสิบปี ถ้าจะบวชให้ท่านแค่หนึ่งพรรษา ลูกเชื่อว่า...ลูกผู้ชายแมนแมนทำได้ทุกคนค่ะ”
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
 
คุณแม่พัชรากร ลาภเจริญกิจ
 
ชม Video Scoop ความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่ง...เมื่อรู้ว่าต้องเป็นแม่
 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
แก้วกลางดอย Kaew Klang Doiแก้วกลางดอย Kaew Klang Doi

จ๊าบพันธุ์แท้จ๊าบพันธุ์แท้

แชมป์ชีวิต  Championแชมป์ชีวิต Champion



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน