สูตรรัก... ปิ่นโตเลิฟ


[ 14 ก.พ. 2549 ] - [ 18270 ] LINE it!
View this page in: English

CASE  STUDY
สูตรรัก... ปิ่นโตเลิฟ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบแทบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

        ลูกเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันพันธุ์ดีและยังทำหน้าที่พิเศษในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาอีกหนึ่งตำแหน่ง คือ การเป็นรองหัวหน้าชั้นค่ะ.. ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ลูกมีความสุขมากในการทำหน้าที่ดังกล่าว แต่ทว่า...มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งยังมืดมนไม่มีบุคคลใดจะช่วยลูกได้ นอกจากคุณครูไม่ใหญ่เท่านั้นค่ะ...วันนี้ลูกจึงกราบขอโอกาสคุณครูไม่ใหญ่ได้เมตตาเป็นดั่งดวงตะวันสีทอง ที่ส่องสว่างขจัดความอนธการในชีวิตของลูกให้มลายหายสูญ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลในการสร้างบารมีตามรอยบาทพระบรมศาสดาและเพื่อเป็นธรรมทานแก่นักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั่วโลก  ดังเรื่องราวต่อไปนี้ค่ะ

        คุณตาของลูก เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ได้อพยพมาอยู่เมืองไทยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ท่านประกอบอาชีพค้าขาย ทำงานด้วยความขยันขันแข็ง และมีน้ำใจไมตรีชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้าน  หากบ้านใครจัดงานบวชหรืองานแต่งงาน ท่านจะไปเป็นพ่อครัวช่วยทำอาหาร และหากบ้านไหนมีคนตายท่านก็จะไปช่วยทำศพ มัดตราสังข์ จัดการเอาไปเผาที่วัดโดยไม่รังเกียจหรือหวังสิ่งตอบแทนใดๆ เพราะท่านมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือทุกคน  แต่คุณตามักดื่มเหล้าเชี่ยงชุนเป็นประจำ และเสียชีวิตด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก เมื่ออายุได้ 60 กว่าปี

        คุณยายของลูก เป็นชาวกรุงเก่าอยุธยา ท่านเป็นคนโชคดีมากที่ได้แต่งงานกับคุณตา เพราะเมื่อแต่งงานกันแล้ว  คุณตาเห็นว่าคุณยายไม่ค่อยแข็งแรง  จึงให้คุณยายอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร ส่วนเรื่องงานบ้านต่าง ๆ เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ทำกับข้าว เลี้ยงลูก คุณตาทำให้หมดทุกอย่างด้วยความเต็มใจ แต่ต่อมาจู่ๆคุณยายก็นอนหลับเสียชีวิตไปเฉยๆเมื่ออายุได้50 ปี

        คุณตาคุณยายมีบุตรด้วยกัน 6 คน  คุณแม่ของลูก เป็นบุตรคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมดคุณแม่ถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการทำงานหาเลี้ยงครอบครัว สมัยยังสาว คุณแม่ขายอาหารอยู่ที่สถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี จังหวัดอยุธยา  อยู่มาวันหนึ่งขณะที่คุณแม่ขายอาหารอยู่นั้น คุณแม่เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง แต่งกายด้วยเครื่องแบบของพนักงานรถไฟ  ดูเหมือนเพิ่งย้ายมาทำงานที่สถานีรถไฟแห่งนี้เพราะคุณแม่ไม่เคยเห็นหน้า  เขาก้าวเดินลงจากรถไฟเพียงลำพัง   ในมือมีกระเป๋าเสื้อผ้าเก่า ๆ ติดตัวมา 1 ใบ  เพียงแรกพบคุณแม่ก็เกิดความรู้สึกว่า “อีตาคนนี้ทำไมน่าสงสารจัง”
 
        ฝ่ายชายหนุ่มคนนั้น  เมื่อได้สบตาคุณแม่ก็รู้สึกสะดุดใจเข้าอย่างจัง นึกถามตัวเองว่า “ทำไมเรารู้สึกผูกพันกับผู้หญิงคนนี้จังเลยแปลกจริง” หลายวันต่อมาขณะที่ชายหนุ่มคนดังกล่าว นั่งทานข้าวอยู่ที่ร้านอาหารใกล้ๆ กับร้านของคุณแม่...คุณแม่เดินผ่านมาพอดีจึงเอ่ยทักว่า “พี่ทานน้ำมั๊ยคะ” และนี่เองคือ บทสนทนาครั้งแรก ที่ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันในเวลาต่อมา เมื่อชายหนุ่มคนนั้นทราบว่า คุณแม่ขายอาหารอยู่ที่สถานีรถไฟแห่งนี้ จึงได้ว่าจ้างให้คุณแม่ช่วยทำอาหารใส่ปิ่นโตมาส่งเช้า - เย็น โดยมีเมนูหลักคือ แกงจืดและผัดผัก คุณแม่เห็นว่าไม่ยากอะไรจึงตอบตกลงและส่งปิ่นโตให้เรื่อยมา จากวันเป็นเดือน  จากเดือนเป็นปี  หนุ่มคนนั้นไม่ได้รู้สึกเบื่อเมนูเดิม ๆ เลย   กลับรู้สึกอร่อยขึ้นทุกวัน ๆ และแล้วความอร่อยก็ล้นใจ   จนต้องเอ่ยปากบอกรักคุณแม่ในที่สุด
 
        ฝ่ายคุณแม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วพบว่า เขาเป็นคนดี  ไม่ดื่มเหล้า  ไม่เจ้าชู้  ไม่เล่นการพนัน  จึงตอบรับรักในครั้งนั้นและต่างก็เฝ้าทะนุถนอมดูแลความรักของกันและกันเป็นอย่างดี  แต่เส้นทางรักที่กำลังทอดยาวไกลใช่ว่าจะราบรื่น เพราะจู่ ๆ ทางราชการได้มีคำสั่งให้ชายหนุ่มคนนั้น ย้ายที่ทำงานไปยังสถานีรถไฟสามเสน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คุณแม่รู้สึกว่า ระยะทางหัวใจของสองเรามันช่างห่างไกลกันเหลือเกิน จนอยากจะติดปีกที่หัวใจแล้วบินตามไปอยู่ใกล้ ๆ กัน หลังจากชายหนุ่มคนนั้นย้ายไปแล้ว คุณแม่และเขายังคงเขียนจดหมายรักส่งถึงกันอยู่เสมอ ฉบับแล้วฉบับเล่า จนกระทั่งฉบับสุดท้าย และแล้วเขาก็ตัดสินใจนั่งรถไฟจากสามเสนมาสู่ขอคุณแม่ในที่สุด..... และเขาคนนั้น... ก็คือ คุณพ่อของลูกนั่นเอง  

        คุณพ่อของลูก  เป็นคนไทยเชื้อสายจีนเกิดที่อำเภอพระประแดงจังหวัดสมุทรปราการ  เป็นบุตรคนที่ 2  ในจำนวนพี่น้อง 11 คน  เมื่อแรกเกิด  คุณพ่อป่วยเป็นฝีขนาดใหญ่ที่ศีรษะ  จนแทบเอาชีวิตไม่รอด  ส่วนอาม่า(แม่ของพ่อ) พอคลอดคุณพ่อออกมาก็ป่วยหนักเหมือนกัน   ดังนั้นอากง (พ่อของพ่อ) จึงให้อาเหล่าม่า (ยายของพ่อ) มารับคุณพ่อไปเลี้ยงตั้งแต่ยังแบเบาะจนกระทั่งเติบใหญ่   ครั้นเมื่อย่างเข้าสู่วัยเรียน     คุณพ่อได้เข้าเรียนที่โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย (ชื่อสถาบันเมื่อหลายสิบปีก่อน)   พยายามตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือจนจบ  หลังสำเร็จการศึกษา 
 
        คุณพ่อได้สมัครไปเป็นทหารเรือและได้เข้าประจำการที่ฐานทัพเรือสัตหีบอยู่ 2 ปี  จากนั้นได้หันมารับราชการรถไฟจนกระทั่งปลดเกษียณ  ก่อนหน้านี้คุณพ่อเป็นคนแข็งแรง  ชอบวิ่งออกกำลังกาย  ชกมวยและยกน้ำหนัก    แต่หลังจากปลดเกษียณแล้วคุณพ่อมักมีอาการหน้ามืดเป็นลม ขาชาไม่ค่อยมีแรง   ทว่ายังคงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเท่าที่สังขารร่างกายจะเอื้ออำนวย    ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ค่ะ

        ตัวลูกเองนั้น  เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว  ชีวิตของลูกสุขสบายมาก เพราะไม่มีใครแย่งของ  แย่งความรักของพ่อแม่ไปจากลูก   แต่ลูกก็รู้สึกเหงาเพราะบางครั้งเวลามีปัญหาเรื่องส่วนตัวก็ไม่รู้จะไปปรึกษาพี่น้องคนไหน   แม้จะได้รับความรักจากพ่อแม่มาท่วมท้น แต่กว่าลูกจะเติบโตเป็นตัวตนขึ้นมาได้ ลูกเฉียดตายมาหลายครั้ง ตั้งแต่แรกเกิดก็เป็นเด็กคลอดยาก หมอต้องใช้คีมดึงหัวออกมา ทำให้กระโหลกศีรษะยุบไปข้างหนึ่ง พอโตขึ้นมาอายุได้ไม่กี่ขวบก็ป่วยเป็นโรคหัด ต่อมาเป็นโรคไอกรน ไอจนเส้นเลือดฝอยในตาแตก เคยประสบอุบัติเหตุจมน้ำเกือบตาย  ปัจจุบันเป็นโรคภูมิแพ้ แพ้ทั้งเชื้อรา ไรฝุ่น และอากาศ  วันใดที่อากาศเปลี่ยนแปลงลูกจะคัดจมูกแน่นหน้าอก จนหายใจไม่ออก มีเสมหะไหลเข้าหลอดลมเป็นระยะ มีผลกระทบต่อเสียงทำให้มีลักษณะคล้ายเสียงของคนเป็นหวัด ต้องกลายเป็นคนเสียงแหบเสน่ห์เท่ตลอดโดยไม่ได้ตั้งใจ

        ในปี พ.ศ.2529 ตอนนั้นลูกเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 1  ลูกก็ได้มาวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรกโดยมีคุณครูเป็นคนพามาวัด ลูกได้นั่งสมาธิแล้วมีความสุขมากและนับจากนั้นก็ได้มาวัดเป็นประจำ  แต่พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในช่วงปี 1 - ปี 2  ลูกก็เริ่มห่างวัดไปหัดดริ๊งและแด๊นซ์ ทั้งยังมีหนุ่มๆมาสมัครเป็นคนรู้ใจของลูกหลายคน แต่หัวใจของลูกกลับล๊อกกุญแจอย่างแน่นหนาไม่ยอมเปิดรับใครเลย 
 
        จากนั้นเมื่อขึ้นปี 3 ลูกก็มีโอกาสกลับมาวัดอีกครั้งและหลังจบการศึกษาแล้วจึงตัดสินใจอุทิศตนเข้ามาเป็นอุบาสิกาแห่งวัดพระธรรมกาย ลูกจึงจำเป็นต้องบอกลาหนุ่มๆที่มาสมัครเป็นคนรู้ใจเพราะตอนนี้ในหัวใจของลูกมีแต่คุณครูไม่ใหญ่คนเดียว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ลูกสร้างบารมีอยู่ที่วัดมาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ    คืน วันแห่งการหล่อหลอมทำให้ลูกรู้สึกรักหมู่คณะมาก รักพี่ๆน้อง ๆ อุบาสิกา  รักทุกสิ่งทุกอย่างที่ก่อร่างสร้างมาเป็นวัดพระธรรมกาย  และขออุทิศชีวิตทั้งหมดนี้สร้างบารมีไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของลมหายใจ

คำถาม
 
1.    คุณตาคุณยายเสียชีวิตแล้วมีคติที่ไปเป็นอย่างไรคะ ได้รับบุญที่คุณแม่อุทิศให้หรือไม่  มีข้อความอะไรฝากมาถึงลูกหลานไหมคะ

2.    บุพกรรมใดที่ทำให้คุณพ่อของลูก ตอนแรกเกิดป่วยเป็นฝีขนาดใหญ่ที่ศีรษะแทบเอาชีวิตไม่รอด  ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริง  ต้องมาอยู่กับอาเหล่าม่า(ทวด) อาเหล่าม่า(ทวด)เคยมีบุพกรรมร่วมกับคุณพ่อมาอย่างไร จึงต้องมารับเลี้ยงคุณพ่อตั้งแต่แรกเกิด

3.    อาเหล่าม่า(ทวด)เสียชีวิตเมื่อตอนอายุ 99 ปี  ด้วยโรคชรา ท่านเสียชีวิตแล้วไปไหน มีความเป็นอยู่อย่างไรในปรโลก  ได้รับบุญที่คุณพ่ออุทิศให้หรือไม่คะ

4.    คนที่มีบุพเพสันนิวาสกัน   จะเกิดเหตุปิ๊งกันเหมือนอย่างพ่อกับแม่ของลูกหรือไม่      ถ้าบุพเพสันนิวาสอันเกิดจากกรรมลิขิตแล้วจะมีผลดีหรือเสียอย่างไรในการที่จะทำบุญร่วมกันแล้วอธิษฐานให้ได้เป็นคู่รักกัน

5.    เหตุใดลูกจึงมาเกิดเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่มีน้อง และถ้าลูกอยากมีพี่น้องในภพเบื้องหน้าจะต้องประกอบเหตุอย่างไร   ,  คนที่เกิดมาเป็นลูกเดี่ยวคนเดียวของพ่อแม่เป็นเพราะประกอบเหตุมาด้วยสาเหตุใดบ้างคะ

6.    บุพกรรมใดที่ทำให้ลูกเป็นเด็กคลอดยาก, ถูกบีบศีรษะจนยุบ,  ป่วยเป็นโรคหัด โรคไอกรน ไอจนเส้นเลือดฝอยในตาแตก  ,เกือบจมน้ำตาย และเป็นโรคภูมิแพ้   ลูกจะมีโอกาสหายขาดจากโรคภูมิแพ้หรือไม่ จะต้องแก้ไขอย่างไรคะ

7.    เพื่อนสนิทคนหนึ่ง ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้เช่นเดียวกับลูกมาเป็นเวลากว่า 10 ปี   เขามีบุพกรรมอย่างไรจึงเป็นโรคนี้ และด้วยเหตุใดจึงหายไปเองอย่างกระทันหันโดยไม่ต้องรักษา , เหตุใดเราจึงคุ้นเคยกันและคอยเป็นกัลยาณมิตรให้กันมาโดยตลอด และเพื่อนคนนี้สร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร มีผลการปฏิบัติธรรมเป็นเช่นไรคะ

8.    จากการที่ลูกเป็นพิธีกร อ่านธรรมะในพระไตรปิฎก ลูกสงสัยว่า ผู้มีบุญที่ได้เข้าไปอยู่ในข่ายพระญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้มีโอกาสได้ทำบุญใหญ่และได้รับผลบุญอจินไตยนั้น   เป็นเพราะเขาทำบุญมาอย่างไรจึงได้เข้าไปอยู่ในข่ายพระญาณของพระองค์  ,  ผู้ที่เข้าไปอยู่ในข่ายพระญาณเป็นเพราะพระมหากรุณาของพระองค์  หรือ เพราะบุญของผู้นั้นคะ

9.    พวกเราซึ่งไม่ได้เกิดมาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะต้องทำอย่างไร  ให้ได้ผลบุญเป็นอจินไตย ,  การที่ผลบุญอจินไตยยังไม่บังเกิดขึ้นในปัจจุบัน  เกิดจากสาเหตุใดบ้างคะ

10.    ตัวลูก คุณพ่อ และคุณแม่สร้างบารมีร่วมกันมาเช่นใด,  เรา 3 คนมีกำลังบุญพอที่จะได้กลับดุสิตบุรีกันทั้งหมดไหมคะ   วิมานของเราทั้งสามคนอยู่ใกล้กันไหมคะ

11.    บุญใดที่ทำให้ลูกมีเสียงไพเราะ  ได้มารับบุญเป็นพิธีกร  เป็นรองหัวหน้าชั้นอย่างไม่คาดคิดมาก่อน  

12.    ชาติที่แล้ว ตัวลูกสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร , เคยมีวิบากกรรมใดมาตัดรอนในการสร้างบารมีหรือไม่คะ  และผังนั้นยังติดข้ามชาติมารึเปล่าคะ,   จะป้องกัน แก้ไขอย่างไร , ลูกเคยได้บวชหรือไม่  มีผลการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร , ได้ลงมาเกิดรอบ 2 ไหมคะ , ในชาติหน้าลูกมีบุญพอที่จะได้เป็นผู้ชายหรือเปล่าคะ 

กราบนมัสการหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูง


 
ฝันในฝัน

หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที 
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.    คุณตาคุณยายตายแล้ว    “คุณตา”  ไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อของชั้น “จาตุมหาราชิกา  สายพญานาค” ชั้นสูงผิวกายสีทอง     ด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนาตามประเพณี   ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเพื่อนบ้าน  ,  ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว   ก็ทำให้มีทิพยสมบัติเพิ่มขึ้น  
  • ท่านได้ซาบซึ้งเรื่องบุญ – กรรมแล้วว่า   เพราะบุญดังกล่าวและบาปกรรมสุราจึงทำให้มาอยู่ที่นี่    
 
  • คุณยายตายแล้ว   ก็ไปเกิดเป็น “มนุษย์” เป็นผู้หญิงในครอบครัวฐานะปานกลาง     ด้วยบุญที่ตนเองทำและบุญที่ได้รับที่อุทิศไปให้  
  • แต่เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็รับบุญไม่ได้จ่ะ !
 
2.    คุณพ่อของลูก   ตอนแรกเกิดป่วยเป็นฝีขนาดใหญ่ที่ศีรษะแทบเอาชีวิตไม่รอด  ,  ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริง   ต้องมาอยู่กับ อาเหล่าม่า(ทวด)   เพราะ.....ในอดีตเคยไปดักตีหัวคู่อริจนเขาบาดเจ็บที่ศีรษะเกือบตาย     วิบากกรรมนี้มาส่งผลให้เป็น “ฝีขนาดใหญ่ที่ศีรษะ”    
 
 
  • “อาเหล่าม่า” เคยเป็นแม่ของพ่อมาหลายชาติ เมื่อทำบุญทุกครั้งมักจะอธิษฐานให้มาเป็นแม่ – ลูกกันและให้ได้เจอกัน     แต่ชาตินี้มาเป็นหลานและได้เจอกัน  ,  ท่านจึงรับมาเลี้ยงดูด้วยความรัก    
 
  • พ่อของลูกไม่ได้อยู่กับพ่อ - แม่ที่แท้จริง   เพราะมีบุญกับทวด   จึงมาอยู่ด้วยกันกับท่าน     แต่ไม่มีกรรมกับ     พ่อแม่หรืออย่างอื่น ๆ จ่ะ !
 
3.    “อาเหล่าม่า” เสียชีวิตเมื่ออายุ  99  ปี   ด้วยโรคชรา   ตายแล้วก็ไปเกิดเป็น “ภุมมเทวา” ในหมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่ง    ได้รับบุญที่อุทิศให้   จึงทำให้ท่านสาวและสวยขึ้น  ,  มีเสื้อผ้า อาหารทิพย์และบ้านที่สวยงามขึ้นกว่าเดิมจ่ะ !  
  • ท่านดีใจมากที่ลูกหลานทำบุญอุทิศไปให้ , ท่านเข้าใจเรื่องบุญ - บาปดีขึ้นมากจ่ะ !
 
4.    พ่อกับแม่ “ปิ๊งกัน”   เพราะ.....เคยเป็นสามี - ภรรยาต่อเนื่องกันหลายชาติ  ,  เคยสร้างบุญร่วมกันมา   และได้อธิษฐานขอให้ได้มาเป็นคู่ครองกันอีก     ดังนั้นเมื่อเจอกันครั้งแรกจึงมีความรู้สึกว่า “ใช่เลย” จ่ะ !  
 
 
  • การอธิษฐานจิตขอให้เป็นสามี-ภรรยากันอีกในชาติต่อไป     ถ้ามีศรัทธา  ,  ศีล  ,  ทิฐิ  เสมอกันเหมือนผู้มีบุญในกาลก่อน   หรือเหมือนพระโพธิสัตว์ก็จะเป็น “ผลดี”    
 
  • แต่ถ้าศรัทธา  ,  ศีล  ,  ทิฐิ  ไม่เสมอกัน   แต่อธิษฐานจิตให้เป็นสามี - ภรรยากันในชาติต่อไป  ,  ถ้าคนในคนหนึ่งเกิดมีวิบากกรรมไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน  เช่น  พระนางมัลลิกามาเจออดีตสามีที่เป็นเกิดเป็นสุนัข     ก็จะมีเหตุให้ได้เป็นสามี - ภรรยากัน   และต้องไปตกนรกอยู่ถึง  7  วัน   เป็นต้นจ่ะ !
 

5.    ลูกเกิดมาเป็นลูกคนเดียว   ไม่มีพี่น้อง   เพราะ.....ในอดีตลูกได้ตั้งความปรารถนามาอย่างนี้     เรื่องมีอยู่ว่าชาติอดีต   ตัวลูกเป็นผู้ชายมีพี่น้องมาก    และมักจะมีปัญหา “จุกจิก” แม้ตอนบวช เลยเบื่อ   แล้วก็อธิษฐานจิตตั้งความปรารถนาขออย่าให้มีพี่น้องอีกเลย    
 
 
  • คนที่เกิดมาเป็นลูกคนเดียว   มักจะมีเหตุโดยย่อ คือ  1. ตั้งความปรารถนามา   2. ชอบทำบุญคนเดียวไม่ชอบทำบุญร่วมกับใคร เป็นต้นจ่ะ !
 
6.    ลูกเป็นเด็ก “คลอดยาก”  ,  ถูกบีบศีรษะจนยุบ  ,  ป่วยเป็นโรคหัด  โรคไอกรน  ไอจนเลือดฝอยในตาแตก  ,  เกือบจมน้ำตายและเป็นโรคภูมิแพ้  
 
 
  • เพราะ.....ในอดีตเมื่อพุทธันดรที่ผ่านมาได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช     ได้เคยทรมานข้าศึกด้วยวิธีการต่าง ๆ  เช่น  จับศีรษะข้าศึกลงไปในถังน้ำ ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้และเกือบจมน้ำตาย  ,  ทุบตีซ้อมบ้าง   ทำให้ถูกบีบศีรษะและคลอดยาก  ,  บางทีก็ใช้คำหยาบพูดกับข้าศึกบ้าง   ก็ทำให้ไอกรนจนเลือดฝอยในตาแตก     ปัจจุบันเป็นแค่เศษกรรมเท่านั้นจ่ะ !  
 
  • จะแก้ไข   ก็ต้องทำบุญทุกบุญทั้งทาน  ,  ศีล  ,  ภาวนา   ให้เข้าถึงพระธรรมกาย  ,  ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา    แล้วอุทิศส่วนกุศลไปยังผู้ที่เราเคยไปเบียดเบียนเขาเอาไว้จ่ะ !

 
7.    เพื่อนสนิทคนหนึ่ง   ป่วยเป็น “โรคภูมิแพ้” มากว่า  10  ปี เพราะ.....เพื่อนคนนี้ก็เป็นเพื่อนทหารสนิทกันในพุทธันดรที่ผ่านมา     โดยเป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช  ,  เมื่อจับข้าศึกมาได้ก็ช่วยกันจับข้าศึกกดศีรษะลงไปในถังน้ำจำนวนหนึ่ง     แต่น้อยกว่าตัวลูก     จึงทำให้วิบากกรรมเบาบางกว่าตัวลูก     จึงหายไปเองได้จ่ะ !    
 
 
  • ได้ออกบวชตามพระราชาจนตลอดชีวิต    โดยทำหน้าที่ “เผยแผ่”  ,  มีผลการปฏิบัติธรรมพอเอาตัวรอดกลับดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ     แต่มีเศษกรรมเจ้าชู้   เพราะเป็นทหารหนุ่มรูปงาม สุดเทห์     จึงมีสาว ๆ มาติดมากมาย    ชาตินี้จึงมากลายเป็นผู้หญิงจ่ะ !
 
8.    ผู้มีบุญที่เข้าไปอยู่ใน “ข่ายพระญาณ” ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   ทำให้มีโอกาสได้ทำ “บุญใหญ่”    และได้ผลบุญเป็น “อจินไตย” นั้น   เป็นเพราะ.....ได้ทำบุญในพระพุทธศาสนามา   แล้วอธิษฐานจิตขอให้ได้ทำบุญกับพระพุทธเจ้ากายเนื้อ     เมื่อบุญส่งผล   บุญนี้จึงได้ทำให้ได้ไปปรากฏในข่ายพระญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจ่ะ !
 

  • ผู้ที่เข้าไปในข่ายพระญาณ   ก็เป็นได้ทั้ง  2  อย่าง  คือ  
  • ทำบุญอธิษฐานมาดังกล่าว   และเป็นเพราะพระมหากรุณาของพระองค์ด้วย    จึงไปโปรดบุคคลนั้น   ไม่ว่าจะอยู่หนใดจ่ะ !
 
9.    พวกเราซึ่งไม่ได้เกิดมาเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้า    อยากได้ผลบุญเป็น “อจินไตย”    จะต้อง “ทำวิชชาให้ละเอียดเลยหน้าพญามาร   จนพญามารกันไม่อยู่” นั่นแหละจ่ะ !  
  • จึงจะได้ผลบุญเป็นอจินไตย  ,  แต่ถ้าพญามารยังกันได้อยู่   เพราะเขาละเอียดกว่า ผลบุญที่เป็นอจินไตยก็จะยังไม่บังเกิดขึ้นจ่ะ !
 
10.    ตัวลูก  ,  คุณพ่อ  ,  คุณแม่   ก็ได้สร้างบุญร่วมกันมา   โดยพ่อกับแม่เป็น “กองเสบียง” และมีความคุ้นเคยกับลูกสมัยที่ลูกบวชเป็นพระกับหมู่คณะ     จึงมีสายบุญร่วมกัน   โดยได้มาเป็นอุปัฏฐากดูแล  ,  และได้อธิษฐานให้มาเป็นพ่อ - แม่ - ลูกกันจ่ะ !   
 
 
  • ส่วนการจะไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ     ก็ขึ้นอยู่กับการประกอบเหตุในปัจจุบัน   จะต้องสร้างบุญอย่างกลั่นกล้าจ่ะ !
 
11.    ลูกได้เป็นพิธีกรและมีเสียงไพเราะ   และได้มาเป็นรองหัวหน้าชั้นโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา   โดยไม่คาดคิดมาก่อน เพราะ.....บุญที่เคยแสดงธรรม   ได้เทศน์โปรดสอนญาติโยมในสมัยที่เป็นพระ     และมักจะอธิษฐานขอให้ตนเองมีเสียงไพเราะและมาเป็นผู้นำสาธุชนในการศึกษาธรรมะ   คล้ายหัวหน้าชั้น    และได้อธิษฐานมาก่อน   แต่ไม่แรงกล้าเหมือนหัวหน้าชั้นจ่ะ !    
 
 
  • ได้เป็นรองหัวหน้าชั้นโดยไม่ “คาดคิด”   แต่ก็ “เคยคิด” มาก่อนดังกล่าวจ่ะ !
 
12.    ตัวลูกสร้างบารมีกับหมู่คณะมา   โดยเมื่อพุทธันดรที่ผ่านมา   ได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช     และได้ออกบวชตามพระราชาจนตลอดชีวิต     โดยทำหน้าที่ “เผยแผ่” และมีผลการปฏิบัติธรรมพอเอาตัวรอดกลับดุสิตบุรีวงบุญพิเศษได้  , 
 
 
  • ได้มีวิบากกรรมเจ้าชู้มาตัดรอนให้เป็นผู้หญิงในชาตินี้  ,  ในพุทธันดรที่ผ่านมาเป็น “นักเทศน์” ชอบสอน “ผู้อื่น” เลยไม่ค่อยได้นั่งธรรมะให้ละเอียด     จึงลงมาได้แค่ “รอบเดียว”    
 
 
  • ดังนั้นชาตินี้จะต้องแก้ไข     โดยทำธรรมะให้ละเอียดจนถึงพระธรรมกาย   จนได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย     จึงจะได้ลงมาใน “รอบสอง” จ่ะ !    
  • ถ้าลูกตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ให้ได้ตลอดรอดฝั่ง     และปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงพระธรรมกาย   ก็จะเปลี่ยนผังเป็น “ผู้ชาย  ได้บวช” อย่างแน่นอนจ่ะ !

  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว     ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต     ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ !




 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม