เยี่ยมคนป่วย-ทำไมบุญที่ทำไว้ไม่ช่วย-หลวงพ่อตอบปัญหา


[ 30 ส.ค. 2553 ] - [ 18276 ] LINE it!

หลวงพ่อตอบปัญหา

คำถาม: กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกมีปัญหาอยากเรียนถามหลวงพ่อค่ะ หากเราต้องไปเยี่ยมหรือไปดูแลญาติที่ป่วยหนัก ควรจะดูแลหรือให้กำลังใจเขาอย่างไรดีเจ้าคะ

คำตอบ: หลวงพ่อขอตอบรวมทั้งป่วยหนัก และไม่หนักนะ ผู้ป่วยเราคงแบ่งออกได้เป็น ๒ กรณีด้วยกัน คือ
 
            ๑. ผู้ป่วยไม่สนใจธรรมะเลย
            ๒. ผู้ป่วยที่สนใจธรรมะ เข้าวัดปฏิบัติธรรม ตักบาตร รักษาศีล สวดมนต์ภาวนาเรื่อยมา
 
            กรณีแรก เขาไม่สนใจธรรมะ ตรงนี้ในฐานะที่คุณโยมบอกว่าป่วยหนัก ถ้าเขาป่วยหนักอย่างนี้ จะได้กลับบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ ในฐานะที่เขากับเราก็สนิทกัน อาจเป็นญาติกันด้วยซ้ำ ในกรณีนี้ถ้าเขาป่วยหนักอย่างนั้น แล้วโอกาสจะกลับบ้านอีกครั้งหนึ่งมีหรือไม่ก็ไม่รู้ หากปล่อยเขาไป ถ้าต้องเสียชีวิตไปในครั้งนี้ เขาคงไปไม่ค่อยดี เพราะเมื่อไม่สนใจธรรมะมา บุญก็ไม่ทำ บาปกรรมก็อาจจะสร้างขึ้นมาด้วย ซึ่งพุทธองค์ตรัสไว้ชัด ใครที่ละโลกไปด้วยใจที่ขุ่นมัวมักจะไปไม่ดี ถ้าเป็นญาติกันแล้วปล่อยให้ไปไม่ดี มันก็ดูใจร้ายเกินไป

            เพราะฉะนั้น ต้องหาทางให้เขาหันมาสนใจธรรมะให้ได้ การที่จะทำให้ใครสนใจธรรมะได้ เราก็จะต้องมีธรรมะในใจพอสมควร สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ให้กำลังใจก่อน ให้กำลังใจในที่นี้ไม่ใช่การปลอบใจ แต่ให้เขานึกถึงความดี เพราะไม่ว่าคนเราจะสนใจธรรมะหรือไม่ คนเราต้องมีความดีอะไรมาบ้าง พูดถึงความดีที่เขาเคยทำไว้ให้ใจเขาฟูเสียก่อน
 
            เมื่อใจฟูแล้ว ก็จะต้องให้ความเข้าใจถูกกับเขาต่อ แต่ต้องหลังจากใจฟูแล้ว หัดให้เขาตัดความกังวลในทุกๆ เรื่อง แล้วถ้าเขาพอจะฟังอะไรเราได้ ธรรมะบทไหนได้ ก็พูดให้ฟังไปพอสมควร

            ในตอนท้าย คือให้เขาทำสมาธิให้ได้ วิธีไหนสำนักไหนก็ได้ไม่ว่ากัน จะกำหนดลมหายใจเข้าออก จะกำหนดองค์พระ ดวงแก้วเอาไว้ในตัว สอนเขาไป แต่เนื่องจากเขาไม่ค่อยได้สนใจธรรมะมาก่อน อาจจะต้องสอนเขาในเชิงของวิทยาศาสตร์ไป อย่าใช้คำว่าสอนเลย อาจจะเล่าประสบการณ์ในการทำสมาธิของเราให้เขาฟัง เพื่อจะได้รู้สึกว่าไม่ใช่ไปสอนเขา เพราะเขาไม่ค่อยจะสนใจธรรมะอยู่แล้ว ก็เล่าให้ฟัง แล้วให้เขาทดลองทำดูว่าเมื่อทำสมาธิแล้ว มันช่วยให้คลายเครียดได้ โอกาสหายป่วยก็จะมีขึ้น

            ยิ่งกว่านั้น ถ้าดูแล้วมันหนักมากๆ อย่างนี้ก็ยิ่งต้องตัดใจ เขาเองก็ต้องรู้ตัวพอสมควร ถึงเขาไม่ค่อยจะสนใจธรรมะ ก็ต้องหาทางเอาบุญช่วยให้ได้ ใจคุณก็นึกถึงความดีของคุณอยู่แล้ว สมาธิก็ลองทำดู ทำบุญทำทานอะไรตอนนี้ได้ก็ให้รีบทำ เดี๋ยวตายแล้วไม่ได้ทำ

            ถ้าเขาจะทำบุญทำทานอะไรตอนนี้ มีวิธีแนะว่าน่าจะไปทำที่ไหน แล้วก็ให้ลูกหลานหรือคนเฝ้าไข้เขา เอาไปทำให้ตอนนั้นเลย และอาจจะสอนเขาว่า ก่อนนอนคืนนี้ให้เขาเอาพวกผลไม้หรือของแห้งของกระป๋องดีๆ ไปเตรียมไว้ อธิษฐานให้ดี แล้วพรุ่งนี้ให้ใครเอาไปตักบาตรแทน อย่างน้อยก็ยังได้บุญติดตัวไปเฮือกสุดท้ายก็ยังดี นี่กรณีที่ ๑ สำหรับคนที่ไม่ค่อยที่จะสนใจธรรมะ
 
            ส่วนคนที่เขาสนใจธรรมะอยู่แล้วนั้นไม่ยาก ช่วยทบทวนเรื่องที่เขาทำบุญทำทานมาเยอะแยะมากมาย เช่นการปฏิบัติธรรมของเขา ทบทวนความดีของเขามากๆ ใบอนุโมทนามีอยู่เท่าไหร่ขนเอามาให้เขาดูให้หมด ให้คนเฝ้าไข้อ่านทบทวนให้เขาฟัง เขาจะได้อิ่มอยู่ในบุญ

            ยิ่งถ้าเขาเคยสร้างโบสถ์ ศาลา โรงพยาบาล โรงเรียน พระพุทธรูป สร้างพระธรรมกายเจดีย์ร่วมกันมา สร้างอะไรมาสารพัด ให้เอารูปมาให้เขาดู ถ้าเขาเป็นผู้ชายที่เคยบวชมา เอารูปอุปัชฌาย์สมัยบวชมาตั้งให้ดูเลย ให้ใจเขาอิ่มอยู่ในบุญอย่างนี้ ทบทวนบุญของเขาอยู่เรื่อยไป
 
            ส่วนบรรยากาศในห้องนั้น ถ้าจะมีเทปธรรมะเปิดให้ฟังเป็นช่วงๆ เป็นเทปสวดมนต์ก็ได้ เทปเทศน์ก็ได้ เทปนำนั่งสมาธิก็ได้ เอามาสร้างบรรยากาศเอาไว้ เหมือนจำลองเอาวัดไปไว้ในห้องคนป่วยเลย

            ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าในช่วงอย่างนี้ จะชักชวนให้เขาทำบุญทำทานอะไรเพิ่มก็ได้ เพราะเขาเป็นนักทำบุญอยู่แล้ว อะไรที่เราเห็นว่าเป็นบุญใหญ่ เขาควรจะได้บุญนี้ แม้เฮือกสุดท้าย ก็น่าจะได้อย่างนี้ก็ต้องทำ
 
            หลวงพ่อเคยไปเยี่ยมคนไข้ประเภทที่ไม่รู้ตัวแล้ว อยู่ไอซียู ดูแล้วเหมือนเจ้าชายเจ้าหญิงนิทรา แต่ว่าในกรณีของคนที่เขาเคยปฏิบัติธรรมมาก่อน เคยใช้จนกระทั่งว่าไปพูดดังๆ ข้างหูเขาเลย ได้ยินเสียงไหม? ถ้าได้ยินช่วยกระพริบตาด้วย อยู่ไอซียู จะกระพริบอะไรกันนักหนา แต่เห็นหางตาขยับสักนิดหนึ่งก็ดีใจแล้ว แสดงว่าข้างในยังใช้ได้อยู่ เพื่อให้แน่ใจ ถ้าได้ยินเสียง ถ้าจำได้ กระพริบตา ๒ ครั้ง ก็เห็นกระพริบได้ตั้ง ๒ ครั้ง

            ถ้าอย่างนั้น ทบทวนบุญของเขา เลย ตะโกนดังๆ ก็ไม่ว่ากัน เขาจะรับได้ เมื่อรับบุญได้ เดี๋ยวบุญมาเลี้ยง ที่ว่ากำลังจะไป มีโอกาสกลับมาได้อีกครั้ง เป็นช่วงๆ ทำกันอย่างนี้ บุญเก่าที่เขาเคยทำอยู่ ก็ทบทวนให้เขาได้นึกถึง พวกนี้จะรู้ตัวเป็นครั้งคราว ไม่ได้รู้ตัวตลอด เพราะว่าอยู่ไอซียู ทบทวนกัน ๑๐ นาที ๑๕ นาที ว่าจำได้ไหม ทำบุญอันนั้นอันนี้ก็ว่าไป
 
            บุญเก่าก็ทบทวน บุญใหม่ก็สร้างขึ้น บุญเก่ากับบุญใหม่บรรจบกัน มีโอกาสหายได้ แม้ไม่หาย ก็ยังฉวยได้บุญใหม่เฮือกสุดท้าย ก็ยังดี อย่างนี้สมกับที่เขาเป็นเพื่อน เป็นญาติเรา ไม่ทิ้งกัน แม้กระทั่งวินาทีสุดท้าย แล้วถ้าจะให้ดีเข้าให้ถึงธรรมกายเร็วๆ แล้วไปส่งให้ถึงวิมานเลย
 
คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกมีปัญหาอยากจะเรียนถามหลวงพ่อนะคะ ผู้ที่ประสบความทุกข์ในชีวิต มักจะมีความคิดว่าทำไมบุญที่เคยทำไว้ถึงไม่ช่วย จะอธิบายเขาอย่างไรดีเจ้าคะ

คำตอบ: สำหรับท่านที่บ่นอย่างนี้ พอประสบความทุกข์แล้วรู้สึกว่าบุญไม่ช่วย เรื่องที่น่าคิดก็คือ เขาควรจะต้องสำรวจก่อนว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ถ้ามันเกิดขึ้นเพราะความประมาทพลาดพลั้ง เพราะไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ มันก็สมควรที่เขาจะต้องเจอทุกข์อย่างนั้น เพราะเขาทำผิดจริงในกรณีนี้ อย่าใช้คำว่าบุญไม่ช่วย ต้องบอกว่าเขาไม่ระมัดระวัง หรือเขาทำลายตัวเอง แล้วจะเอาบุญที่ไหนมาช่วย นี่เป็นกรณีที่ ๑
 
            กรณีที่ ๒ เขาไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไรเลย ตั้งหน้าตั้งตาประกอบแต่คุณงามความดีมาตลอด แต่พอถึงเวลาเข้า ก็ยังมาประสบเคราะห์ร้าย ประสบความทุกข์อย่างที่ไม่น่าจะเป็น
 
            ถ้าในกรณีอย่างนี้ ก็คงจะต้องมาพิจารณากันว่า เคราะห์หามยามร้ายต่างๆ ทุกข์โศกโรคภัยต่างๆ ที่มนุษย์เจอ มันมีอยู่ ๒ สาเหตุใหญ่ๆ
 
            เหตุที่ ๑ เป็นเหตุข้ามภพข้ามชาติ คือพูดง่ายๆ เคยก่อกรรมทำเข็ญ เคยทำความชั่ว ความร้ายกาจมาก่อนในอดีต อาจจะตั้งแต่ชาติที่แล้วๆ มา แล้วบาปนั้นเพิ่งจะมีโอกาสตามมาส่งผล หรือว่าชาตินี้เมื่อยังวัยรุ่นวัยคะนอง ไปก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้ แล้วตัวเองมาเป็นเสือกลับใจเอาเมื่ออายุมากขึ้น ก็มาตั้งหน้าตั้งตาทำความดี แต่ความไม่ดีเหล่านั้นมันตามมาเล่นงานเอาบ้าง นั่นก็เป็นส่วนที่เราก็จะต้องทนอีกเหมือนกัน

            เมื่อเราทำเองจะให้มันไปไหน ก็ได้แต่ต้องเตือนสติตัวเองว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสเตือนไว้แล้ว ความชั่วแม้เล็กน้อย ไม่ทำดีกว่า เพราะถึงเวลามันให้ผลขึ้นมา มันเจ็บแสบนักทีเดียว เมื่อเตือนตัวเองอย่างนี้ ทบทวนถึงกรรมไม่ดีของตัวเองในอดีตอย่างนี้ ทั้งที่ทบทวนแล้ว เจอหรือไม่เจอกก็ตาม แต่นั่นแหละรับรู้ไว้ก่อน ถ้าทบทวนไม่เจอ นั่นเป็นกรรมร้ายกาจที่เราทำเอาไว้ข้ามชาติ มันตามมาทัน เมื่อมันตามมาทันเข้า มันก็ออกผล บุญใหม่ที่เราทำในชาตินี้ มันต้านไม่อยู่ เพราะบุญที่ทำใหม่ ก็ต้องรอเวลาในการออกผลเหมือนกัน
 
            เหมือนกับปลูกมะม่วงวันนี้ ไม่ใช่พรุ่งนี้จะได้มะม่วงมากิน มันก็ขอเวลามันบ้างเหมือนกัน ความดีที่ทำในชาตินี้ แม้ทำมามาก แต่ว่าก็ต้อง ต้องรอเวลาให้มันออกผล
 
            เนื่องจากบุญที่ทำออกผลเหมือนกัน แต่ออกผลยังไม่เต็มที่ แล้วความไม่ดีในอดีตมาชิงออกผลก่อน ก็ต้องอดทนกันไป เราก็ให้สติตัวเองไปด้วย ว่าความดีที่เราทำว่าเยอะแล้วนั้นยังน้อยไป ต้องทุ่มเททำให้มากขึ้นไปอีก ถ้าคิดอย่างนี้ถือว่าคิดถูก
 
            แต่ถ้าเราก็ทำบุญมาตั้งเยอะ บาปกรรมยังมาเล่นงานเราอีก อย่างนี้ไม่ทำอีกแล้วบุญ ถ้าคิดอย่างนี้ถือว่าพลาดเสียแล้ว ก็คุณทำไม่ดีเอาไว้ในอดีต แล้วมันตามมา มันไม่ใช่คนอื่นเขามาแกล้งคุณนะ คุณทำของคุณมาเองทั้งนั้น
 
            แต่ให้มองอย่างนี้ ถ้าเรามีน้ำอยู่แก้วหนึ่ง แล้วในน้ำแก้วนั้นมันมีเกลืออยู่เยอะเลย มันเค็มแน่นอน เราเอาน้ำบริสุทธิ์ใส่ลงไปอีกสักขันหนึ่ง มันก็ยังเค็มอยู่ แต่มันเค็มน้อยลง ก็ฝืนใจใส่ลงไปอีกสัก ๕ ขัน ๑๐ ขัน มันก็ยังเค็มอยู่ แต่เค็มน้อยลงไปอีก คือแค่กร่อยๆ ทั้งที่ในนั้นมันก็มีเกลือเท่าเดิม เอาน้ำเติมลงไปสักโอ่งเลยมันก็จะจืด ทั้งที่เกลือก็ยังอยู่
 
            เหมือนกันเลย บาปในอดีตทำเอาไว้มันไม่หนีไปไหน มันตามมาบีบคั้นเราเหมือนเกลือที่อยู่ในภาชนะนั้น แต่ว่าเราตั้งใจสร้างบุญสร้างความดีให้หนักยิ่งขึ้นไป มันก็เหมือนเอาน้ำจืด เอาน้ำฝนเติมลงไป เติมมากเข้ามากเข้า เกลือมันก็จะจางไป มันก็หมดรสเค็มของมันไป ถึงแม้เกลือมีอยู่ ก็ได้ชื่อว่าไม่มีฤทธิ์แล้ว ตรงนี้เองเป็นสิ่งที่ชาววัดหรือผู้ปฏิบัติธรรมเขาใช้เป็นข้อคิด ข้อเตือนใจ เวลาที่ประสบทุกข์ โศก โรคภัย อย่างไม่คาดคิด

            เพราะฉะนั้นถ้าใคร ประสบโชคร้ายอะไรก็ตาม ให้สติเขาว่าที่เจออยู่ขณะนี้ว่าร้ายแล้ว ว่าทุกข์แล้วนั้น นี่เพราะว่าทำบุญมาบ้างแล้วถึงเจอแค่นี้ ถ้าไม่ได้ทำมาตั้งแต่ต้น ตายไปเสียแล้วก็ไม่รู้ มันก็ต้องว่ากันอย่างนั้น
 
            ฉะนั้นนับแต่นี้ไป ทำบุญทำความดีให้มันเยอะขึ้นไปอีก แล้วเขาจะได้หมดทุกข์เร็วด้วย ทุกข์เก่าก็จะได้หมดไปเร็ว ทุกข์ใหม่ก็จะได้ไม่มี มา มีแต่บุญล้วนๆ รอส่งผลให้เป็นความสุขความเจริญทั้งชาตินี้ชาติหน้า นักปฏิบัติธรรมก็ต้องคิดกันอย่างนี้ มันถึงจะถูกหลักวิชชา
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ไม่คบคนพาล-ให้คบบัณฑิต-หลวงพ่อตอบปัญหาไม่คบคนพาล-ให้คบบัณฑิต-หลวงพ่อตอบปัญหา

นิสัย-ความสามัคคี-หลวงพ่อตอบปัญหานิสัย-ความสามัคคี-หลวงพ่อตอบปัญหา

วิธีฝึกสมาธิ-หลวงพ่อตอบปัญหาวิธีฝึกสมาธิ-หลวงพ่อตอบปัญหา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

หลวงพ่อตอบปัญหา