แบตเตอรี่หัวใจ


[ 19 ก.ย. 2548 ] - [ 18265 ] LINE it!

CASE STUDY
แบตเตอรี่หัวใจ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง 
 
    ลูก มีอาชีพรับราชการเป็นหัวหน้าพยาบาล ได้มีโอกาสมาสร้างบารมีกับหมู่คณะตั้งแต่ปี พ.ศ.2546  ปัจจุบันลูกได้ทำหน้าที่แนะนำให้โรงพยาบาลที่ลูกทำงานอยู่ติดจานดาวธรรมแล้วค่ะ มีประโยชน์กับแพทย์  พยาบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ตลอดถึงคนไข้ในโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก ทำให้หลายๆ คนในโรงพยาบาลได้มาเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ได้เป็นผู้นำบุญ และมาวัดทุกวันอาทิตย์ต้นเดือนและงานบุญใหญ่  ลูกกราบขอความเมตตาพระเดชพระคุณคุณครูไม่ใหญ่ฝันในฝันให้ลูกด้วยค่ะ                              
 
    คุณพ่อของลูก   รับราชการเป็นครู  แต่ไม่ได้สอน ท่านทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่การเงิน   อยู่ฝ่ายศึกษาธิการจังหวัด    คุณพ่อเป็นคนคุยเก่งมีอัธยาศัยดีจึงเป็นที่รักของคนทั่วไป  พ่อไม่ดื่มเหล้า  แต่สูบบุหรี่บ้าง  มาเลิกเมื่ออายุประมาณ 40 ปี สิ่งไม่ดีของคุณพ่อคือย้ายไปอยู่ที่ไหนจะมีภรรยาใหม่ที่นั่น จนมีลูกมาให้คุณแม่ต้องเลี้ยงเพิ่มอีก 3 คน คุณพ่อไม่ตีหรือดุลูกถ้าไม่เหลือเกินจริง ๆ  ลูกจึงรักและสนิทกับคุณพ่อมาก  ตอนเล็ก ๆ  คุณพ่อจะพาลูก ๆ ไปวัดซึ่งอยู่ใกล้บ้านคุณย่าเสมอ ๆ 
 
    เมื่ออายุได้ 60  ปี คุณพ่อเกษียณจากราชการครูแล้ว ก็ได้ไปอยู่ช่วยงานที่วัดใกล้บ้าน  ไปช่วยทำบัญชีให้กับมูลนิธิของวัดนั้น  คุณพ่อไปกินไปนอน ทำงานอยู่ที่วัด จนกระทั่งอายุ 70 กว่าปี ลูกเห็นว่าท่านอายุมากแล้ว ถ้าอยู่วัดต่อไป เกรงว่าจะลำบาก ไม่มีใครดูแล จึงขอร้องให้คุณพ่อกลับมาอยู่บ้าน แต่ท่านก็ขอผัดผ่อนมาเรื่อยๆ จนอายุได้  75  ปี  คุณพ่อจึงยอมกลับมาอยู่บ้าน แต่มาอยู่บ้านได้เพียง 3 วัน ก็เสียชีวิต ตอนเย็นก่อนวันที่ท่านจะเสียชีวิต คุณพ่อสวดมนต์นานมากกว่าทุกครั้ง พอเข้านอน ท่านมีอาการถอนหายใจแรงๆบ่อยๆ เหมือนท่านหายใจไม่อิ่ม ใกล้จะสิ้นลมแล้ว ลูกจึงรีบนำท่านส่งโรงพยาบาล  เช้าวันรุ่งขึ้นคุณพ่อก็มีอาการดีขึ้นจนผิดปกติพูดกับคนนั้นคนนี้เหมือนไม่ได้เป็นอะไรเลย ลูกจึงขอตัวกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก
 
    ขณะที่ลูกกำลังจะเข้าลิฟท์ ลูกก็ได้กลิ่นธูปแขก จากสถิติที่ลูกเป็นพยาบาลมาหลายสิบปี  บันทึกการเสียชีวิตของคนไข้ในโรงพยาบาล จะสังเกตเห็นว่าเวลาหกโมงเช้าและหกโมงเย็นคนไข้มักจะเสียชีวิตบ่อยมาก ลูกก็เลยฉุกคิดได้ว่าหรือจะเป็นกลิ่นของยมทูต พอลูกกลับไปถึงบ้านพี่ชายก็โทรมาบอกว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว ลูกจึงไปแจ้งข่าวการตายของพ่อให้กับคุณลุง(พี่ชายของคุณพ่อ) ที่อยู่อีกอำเภอหนึ่ง พอคุณลุงได้ฟังก็ไม่อยากเชื่อและได้เล่าให้ลูกฟังว่า เมื่อเวลาราวๆหกโมงเย็นก่อนวันที่พ่อจะเสียชีวิต ขณะที่ลุงและป้า กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่บนบ้าน ลุงได้ยินเสียงกุ๊กกั๊กอยู่ใต้ถุนบ้านจึงบอกให้ป้าลงไปดู พอป้าไปดูก็เห็นพ่อของลูกยืนอยู่ใต้ถุนบ้าน ป้าจึงเรียกพ่อให้ไปกินข้าวด้วยกัน พ่อได้แต่มองหน้าป้าแต่ไม่พูดอะไร แล้วพ่อก็หันหลังเดินตรงไปยังบ้านของย่าซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ป้าเห็นดังนั้นก็คิดว่าพ่อคงจะไปกินข้าวที่บ้านย่า จึงเดินขึ้นบ้านกลับไปกินข้าวต่อ แต่ช่วงเวลาที่ป้าเห็นพ่อยืนอยู่ใต้ถุนบ้านนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่พ่อนั่งสวดมนต์อยู่ในห้องพระที่บ้านและวันนั้นพ่อจะสวดมนต์นานมากจนผิดปกติ พ่อไม่ได้ไปหาลุงและป้าที่บ้านอย่างแน่นอน
 
    หลังจากที่คุณพ่อตายได้ 5 ปี   วันหนึ่งที่สถานีรถไฟในเมืองของ จังหวัดราชบุรี   ซึ่งเป็นที่นัดพบกันของเพื่อนๆ คุณพ่อ เวลามารับเงินบำนาญ เพื่อนคนหนึ่งของพ่อ เขาไม่ทราบว่าพ่อของลูกได้เสียชีวิตแล้ว   เขาได้เห็นคุณพ่อใส่กางเกงขาสั้นเหมือนคนที่เตรียมตัวออกกำลังกาย  เขาบอกว่าได้พูดคุยกับพ่อด้วย   แต่เวลานั้นพ่อของลูกได้เสียชีวิตไปนานแล้ว
 
    คุณตาของลูก เป็นคนอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มีอาชีพรับจ้างเป็นช่างไม้ เป็นคนซื่อสัตย์ มีความรักความกตัญญูต่อพ่อ-แม่ มาก  คุณตาดูแลคุณพ่อคุณแม่ของท่านจนท่านทั้งสองจากไป   ด้วยความรักพ่อแม่มาก เวลาคุณตาย้ายไปอยู่ที่ไหน ก็หอบเอาผอบใส่กระดูกของพ่อแม่ไปด้วย จนกระทั่งคุณตาได้มาทำไร่ อยู่ที่อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ก็เริ่มมีฐานะดีขึ้น  ตาจึงได้สร้างเจดีย์เก็บกระดูกของพ่อแม่ไว้ที่วัดหวายเหนียว  คุณตาถึงแก่กรรมด้วยโรคชรา อายุได้ประมาณ 86 ปี 
 
    คุณยายของลูก ท่านเป็นคนใจบุญ เมื่ออายุได้ 93 ปี ท่านป่วยเป็นโรคมะเร็งที่หลอดอาหารและที่ลำไส้  บริเวณต้นกระเพาะอาหาร ทำให้ไม่สามารถกลืนอาหารลงไปได้ จะผ่าตัดก็ทำไม่ได้เพราะท่านอายุมากแล้ว หมอจึงเจาะท้อง ใส่สายยางเข้าไปตรงกระเพาะอาหารและให้อาหารทางสายยาง จึงทำให้คุณยายมีชีวิตอยู่ได้อีก 7 เดือน แต่ร่างกายของคุณยายก็ค่อยๆผอมเหี่ยวแห้งลงไปเรื่อยๆ จนเสียชีวิตลงในที่สุด  ช่วงที่คุณยายป่วย คุณแม่ต้องอดหลับอดนอนเฝ้าคุณยาย   อยู่หลายเดือน ทำให้ท่านต้องหันมาดื่มกาแฟแก้ง่วงทุกวัน
 
    หลังคุณยายตายแล้ว  คุณแม่จึงป่วยด้วยโรคหัวใจ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ บางครั้งเร็วบางครั้งช้า ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ มีอาการหน้ามืดเป็นลมเป็นประจำ ต่อมาหมอได้ใส่แบตเตอรี่ควบคุมการทำงานของหัวใจไว้ คุณแม่จึงแข็งแรงขึ้น จนไปเที่ยวเมืองนอกได้ ทำงานต่าง ๆ ได้เก่ง ไม่เหนื่อย  คุณแม่ยังพูดเล่นว่า  หมอบอกว่าเวลาหัวใจเต้นเร็วแบตเตอรี่จะกดให้ช้าลง   ถ้าหัวใจเต้นช้าไปแบตเตอรี่ก็จะกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น  อย่างนี้แม่ก็ไม่ตายเสียทีสิ  แต่ในปลายปี 2543  คุณแม่มีอาการหัวใจเต้นเร็วมาก  แบตเตอรี่คุมไม่ได้  คุณหมอก็หาสาเหตุไม่ได้ ทำให้คุณแม่รู้สึกเหนื่อย  หมอให้นอนพักและให้ยาคุมการเต้นหัวใจ  คุณแม่นอนโรงพยาบาลประมาณ  3 อาทิตย์ เช้าวันที่  16 กันยายน  2543   คุณแม่ตื่นนอนตอนตี  4  บอกกับลูกและน้องสาวที่เฝ้าไข้คุณแม่อยู่ว่า “ แม่จะไปแล้วนะ”  ลูกก็ใจวูบ  แต่แกล้งบอกว่า  “จะไปเที่ยวเหรอ เดี๋ยวไปด้วยกันนะ”   คุณแม่บอกว่า  “จะบ้าเรอะ”   หลังจากนั้น คุณแม่ไอ 5-6 ครั้งแล้วก็หน้าเขียวไปเลย  รุ่งขึ้นอีกวัน คุณแม่ก็สิ้นใจ  เมื่ออายุได้  82  ปี 
 
    พี่สาวคนโต  เป็นคนใจดี  รักน้อง    เลี้ยงน้องทุกคนเหมือนกับ แม่เลี้ยงลูก  พี่สาวไม่ได้แต่งงาน  แต่ได้ขอเด็กกำพร้าผู้ชายมาเลี้ยงเป็นลูก 1 คน พี่สาวรักและตามใจมาก เด็กก็พูดเก่ง  ประจบเก่ง แต่เกเร  เมื่อเรียนอยู่มัธยม 2 ก็ติดยาจนต้องออกจากโรงเรียน แต่เรื่องนี้พี่สาวปิดบังไม่ให้ใครๆ รู้
 
    หลังจากคุณแม่เสียชีวิตได้  2 เดือน  พี่สาวก็ป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล  มีอาการไข้สูงมาก  หนาวร้อนสลับกัน    ช่วงที่ป่วย พี่สาวเรียกหาลูกเลี้ยงของตนเองด้วยความเป็นห่วง   แต่พวกเราซึ่งเปลี่ยนกันดูแลพี่สาว  ก็ไม่เคยพบหลานเลย   และไม่ทราบจะไปตามหาที่ไหน  เพราะไม่เคยรู้จักเพื่อนฝูงเขาเลย หลังจากนั้นพี่สาวก็เสียชีวิต  อายุได้ 62 ปี
 
    หลังงานศพพี่สาว  พวกเราจึงรู้ว่าข้าวของที่บ้าน  ถูกหลานเอาไปขายเพื่อซื้อยาเสพติด   ลูกจึงได้ส่งหลานไปรักษาบำบัดเพื่อเลิกยาเสพติด   และหลังจากที่ลูกได้เข้าวัดพระธรรมกายแล้ว  ก็ได้ส่งหลานไปพนาวัฒน์   และได้อธิษฐานขอให้หลวงปู่และคุณยายช่วยให้หลานเลิกยาให้ได้  เขาดูดีขึ้น  ปัจจุบันเลิกยาได้ แต่วันหนึ่งอยู่ๆ เขาก็พาภรรยาท้อง 4 เดือน มาที่บ้าน  ลูกเห็นว่าไหนๆ ก็มีลูกด้วยกันแล้วจึงชวนผู้หญิงไปพนาวัฒน์ด้วยกันกับตัวลูก  และพยายามบอกให้หลานสะใภ้พูดคุยกับลูกในท้องขณะนั่งสมาธิ  และเข้าโรงเรียนฝันในฝันทุกวันให้เขาได้อยู่ในบุญด้วย  ปัจจุบัน ลูกสาวของหลานอายุได้  6  เดือน 
 
    ส่วนตัวลูก แม้จะเป็นพยาบาล แต่ก็มีอาชีพเสริมคือเปิดร้านอาหารร่วมกับ สามี  เราไม่มีบุตรด้วยกัน   ร้านขายดีมาก   พอเริ่มมีเงินลูกก็ทำกิจการซื้อขายที่ดินด้วย   แรกๆกำไรดี  แต่พอถึงช่วงฟองสบู่แตก  ขายที่ดินไม่ได้  ขาดทุนมาก  ก็เริ่มเป็นหนี้   เงินที่เพื่อนฝูง , ลูกน้อง ยืมไปก็ไม่ได้คืน  โดนโกงแชร์อีก   สารพัดปัญหา  ช่วงนั้นสามีก็ไปติดเด็กสาวๆ อีก   กลุ้มใจ  ด้วยความโมโหลูกจึงขอหย่ากับสามี   โดยไม่ได้ขอแบ่งทรัพย์สินที่สร้างตัวมาด้วยกันเลย
 
คำถามมีดังนี้ค่ะ
 
1. เช้าวันที่คุณพ่อเสียชีวิต  ที่ลูกได้กลิ่นธูปแขกนั้นเป็นกลิ่นของอะไร ทำไมคนไข้ส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลจึงเสียชีวิตในเวลา6โมงเช้าและ6โมงเย็น ซึ่งช่วงนั้นพยาบาลจะยุ่งมาก  หรือว่าเป็นเวลาทำงานของยมทูตคะ  ที่ลุงและป้าเห็นคุณพ่อที่ใต้ถุนบ้านเป็นเพราะอะไรคะ   ทำไมจึงเห็นทั้งๆที่คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่
 
2. ขณะที่กำลังสวดพระอภิธรรมศพคุณพ่ออยู่ ลูกชายบุญธรรมของพี่สาวขณะนั้นอายุประมาณ  3 ขวบ ได้เห็นคุณพ่อนั่งอยู่บนธรรมมาส เขาเห็นคุณพ่อจริงหรือไม่คะ และ 5 ปีหลังจากที่พ่อเสียชีวิต ท่านได้ไปปรากฏตัวให้เพื่อนของท่านเห็นที่สถานีรถไฟหรือไม่คะ  คุณพ่อตายแล้วไปไหน  ได้รับบุญที่อุทิศให้หรือไม่คะ
 
3. คุณตาละโลกแล้วไปอยู่ที่ไหน   การที่คุณตาเก็บกระดูกของบิดามารดาไว้บูชา ได้บุญอย่างไรบ้างไหมคะ  และควรจะทำอย่างไรจึงจะถูกต้องคะ
 
4. คุณยายมีบุพกรรมอะไรจึงเป็นมะเร็งที่หลอดอาหารจนทำให้กลืนอาหารไม่ได้   ท่านตายแล้วไปไหนคะ
 
5. คุณแม่รู้สึกอย่างไร จึงพูดว่าจะไปแล้วนะ คุณแม่ของลูกตายแล้วไปไหนคะ กรรมใดทำให้ท่านต้องป่วยเป็นโรคหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หน้ามืดเป็นลมบ่อยๆ และต้องใส่แบตเตอรี่กระตุ้นหัวใจ
 
6. พี่สาวเสียชีวิตอย่างไม่สงบเท่าไหร่ เขายังมีห่วงลูกเลี้ยงของเขาหรือห่วงอะไรหรือไม่   ก่อนเสียชีวิตน้องบอกให้คิดถึงพระ  พี่สาวคิดตามได้หรือไม่     มีชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร พี่สาวสะสมสร้างพระธรรมกายประจำตัวไว้ได้ส่วนหนึ่ง  และลูกได้สร้างต่อให้จนครบ   พี่สาวได้รับบุญนี้หรือไม่คะ  
 
7. ตัวลูก พี่สาวและหลานชาย (ลูกที่พี่สาวขอมาเลี้ยง) มีบุพกรรมร่วมกันมาอย่างไร  ทำไมลูกจึงต้องมารับเลี้ยงดูเขา  และเขาก็นำความเดือดร้อนมาให้เสมอ  ลูกคิดว่าจะใช้หนี้กรรมเขาให้หมด ในชาตินี้  เราจะหมดกรรมกันหรือไม่  ต้องทำอย่างไรจะได้ไม่มีกรรมต่อกันอีกคะ
 
8. ลูกมีกรรมอะไรจึงต้องแยกทางจากสามี  และสูญทรัพย์สินที่มีโอกาสจะได้จากสามี  และจากคนอื่นที่ยืมไปด้วย  ลูกจะมีบุญได้ทรัพย์สินคืนบ้างหรือไม่คะ
 
9. ลูกมักมีอาการปวดสะโพกเสมอ โดยเฉพาะช่วงที่ปฏิบัติธรรมได้ดี จนหมอสั่งห้ามไม่ให้นั่งกับพื้น  ทำให้นั่งสมาธิไม่ได้   เป็นเพราะธรรมดาของสังขาร หรือเป็นกรรมอื่นมาขัดขวาง  ถ้าใช่  ลูกต้องแก้ไขอย่างไรคะ
 
10. น้องสาว (ลูกของน้องชายแม่) เขาเป็นกัลยาณมิตรให้ลูกเสมอ  พุทธันดรที่แล้วเขาได้เป็นทหารพระราชาหรือไม่คะ  และลูกได้เคยร่วมสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไรบ้างคะ
กราบขอบพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูงสุดเจ้าค่ะ
 
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. กลิ่นธูปแขก ที่ลูกได้กลิ่นในเช้าวันที่พ่อเสียชีวิต  คือ  ...กลิ่นธรรมดา ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเสียชีวิตของคุณพ่อจ่ะ!

 
  • คนไข้มักจะเสียชีวิตในเวลา  6  โมงเช้าและ  6  โมงเย็น  ซึ่งเป็นช่วงที่พยาบาลจะยุ่งมากนั้น  ก็ไม่เกี่ยวกับเวลาทำงานของ   “ยมฑูต”  เพราะความตายพร้อมที่จะมาถึงมนุษย์ได้ตลอดเวลาจ่ะ!
 
  • ที่คุณลุงและคุณป้า ได้เห็นคุณพ่อที่ใต้ถุนบ้าน ทั้ง ๆ ที่คุณพ่อยังไม่ตาย  เพราะ ...คุณลุงคุณป้าท่านอายุมากแล้ว  จึงเห็น  คนอื่นเป็นคุณพ่อจ่ะ!
  • กายละเอียดของคุณพ่อท่านไม่ได้มาหาเพราะยังไม่ตายจ่ะ!
 
 
2. ขณะที่กำลังสวดพระอภิธรรมศพคุณพ่ออยู่ , ลูกชาย บุญธรรมของพี่สาว อายุ  3  ขวบ ได้เห็นคุณพ่อนั่งอยู่บน  “ธรรมมาส” นั้น  ไม่จริงจ่ะ! 
  • เด็กไม่รู้เรื่องก็ชี้ไปตามเรื่อง เพราะว่าคุณพ่อท่านรู้กาลเทศะ ว่าที่ตรงไหนควรนั่ง , ดังนั้นท่านจะไม่ไปนั่งตรงพระเทศน์จ่ะ!
 
 
5  ปีต่อมา   ภายหลังจากคุณพ่อเสียชีวิต  ,  เพื่อนของพ่อได้เห็นท่านที่สถานีรถไฟนั้น ก็เป็นเรื่องจริงจ่ะ!  กายละเอียดของท่านยังคุ้นกับการดำเนินชีวิตในสมัยเป็นมนุษย์จ่ะ!  บางทีก็วนเวียนไปยังที่ตัวเคยไป   สมัยที่เป็นมนุษย์จ่ะ!

 
  • คุณพ่อตายแล้ว ก็ไปเป็น “ภุมมเทวาชั้นดี” ที่หมู่บ้านภุมมเทวาที่ไม่ไกลจากบ้านเดิมนัก  ด้วยบุญที่ช่วยงานวัดในช่วงท้ายของชีวิตจ่ะ!    
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้วจ่ะ!
 
 
3. คุณตาละโลกแล้ว ได้ไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อมีวิมานทองของชั้น “ดาวดึงส์” เฟส  3  ด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนาและมีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาจ่ะ!

 
  • การที่คุณตาเก็บกระดูก บิดา – มารดา ไว้บูชา  ก็จะทำให้ท่านใจท่านสูงขึ้น  ,  เมื่อบุญส่งผลในภพชาติต่อไป  ชีวิตท่านจะไม่ลำบาก  เพราะจะมีคนมาอุปการะ  ,  ลูกหลานบริวารจะกตัญญู จะได้เกิดในตระกูลสูง  เป็นต้น  
  • คุณตาท่านก็ทำถูกหลักวิชาแล้วที่สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิของบิดามารดาจ่ะ!
 
 
4. คุณยายเป็น “มะเร็งที่หลอดอาหาร” ทำให้กลืนอาหารไม่ได้ เพราะ ...กรรมในอดีต  ได้เชือดคอสัตว์มาทำเป็นอาหารในชาติที่ได้เกิดในสังคมเกษตรกรรม  มาส่งผลจ่ะ!     
  • คุณยายตายแล้ว  ก็ไปเกิดใหม่เป็น “มนุษย์” แล้วจ่ะ!
 
 
5. คุณแม่พูดว่า “จะไปแล้วนะ”  เพราะ  ...ท่านรู้ตัวเองว่าจะตายจ่ะ!
  • ท่านป่วยเป็นโรค “หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ”  เพราะ  ... กรรมใช้แรงงานสัตว์มากเกินไป  และกรรมที่ชอบแกล้งสัตว์ที่อยู่ในกรงให้ตกใจในอดีต มาส่งผลจ่ะ!
 
  • คุณแม่ตายแล้ว   ก็ไปเป็น “อากาสเทวา”  ด้วยบุญที่ดูแลบิดามารดา และบุญที่ได้ทำตามประเพณีในพระพุทธศาสนาจ่ะ!
 
 
6. พี่สาวเสียชีวิตอย่างไม่สงบนัก  เพราะ ...ทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ และยังไม่พร้อมที่จะตาย  จึงมีอาการดังกล่าวจ่ะ!
  • ก่อนเสียชีวิต  ,  น้องบอกให้คิดถึงพระ  ,  พี่สาวก็พยายามนึกอยู่ได้บ้าง  ,  ไม่ได้บ้าง
 
  • พี่สาวตายแล้ว  ก็วนเวียนอยู่ระยะหนึ่ง  แล้วก็ไปเกิดเป็น “มนุษย์” แล้วจ่ะ !  ด้วยบุญที่สร้างพระธรรมกายประจำตัว และบุญที่อุทิศไปให้ ได้นำไปเกิดใหม่จ่ะ!

 
 
7. ตัวลูก  พี่สาว  และหลานชาย(ลูกที่พี่สาวขอมาเลี้ยง) มักจะนำเรื่องเดือดร้อนมาให้เสมอ    เพราะ ...ชาติในอดีตหลานชายคนนี้เคยเป็นน้องชายของตัวลูกและพี่สาว  ได้เคยดูแลอุปการะเขามา
 
 
  • ในชาติก่อนก็มักจะเกเรคล้ายชาตินี้  ,  โดยมักจะเกเรกับพ่อ – แม่และจะหนีออกจากบ้าน  ,  แต่ก็มีพี่สาว  2  คน จะคอยดูแลส่งเงินช่วยเหลือ  โดยให้ท้ายหรือสนับสนุน โดยพูดกับน้องชายว่า ถ้าพ่อ – แม่ไม่ช่วย เดี๋ยวพี่ทั้ง  2  จะช่วยเอง ผังนี้ก็เลยติดมาช่วยกันต่อในชาตินี้
 
 
  • ดังนั้น ชาตินี้ก็ต้องอบรมสั่งสอนให้เขากลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีอีกทั้งลูกก็ต้องสร้างบารมีให้มาก ๆ     จะได้หนีวิบากกรรมนี้ได้ , ถ้าเขาไม่กลับตัวจ่ะ!
 
 
8. ลูกต้องแยกทางกับสามี และสูญเสียทรัพย์ที่ควรจะได้จากสามีไป และทรัพย์ที่คนอื่นขอยืมไป  เพราะ...เป็นช่วงวิบากกรรมกาเมเจ้าชู้ในสมัยเป็นผู้ชาย  และขอยืมเงินเขาแล้วไม่ใช้ตามมาส่งผลจ่ะ! 
 
 
  • ให้ลูกสั่งสมบุญให้มาก ๆ ทำใจให้ใส ๆ สมบัติใหญ่ก็จะได้ไหลมา ผู้ที่ขอยืมไปก็จะใช้คืน , สมบัติใหม่ ก็จะมีมาจ่ะ!
 
 
9. ลูกมีอาการปวดที่ “สะโพก” เสมอ  โดยเฉพาะช่วงปฏิบัติธรรมได้ดี   เพราะ  ...เป็นธรรมดาของสังขาร  ที่มีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา  ,  กับวิบากกรรมที่เคย ฆ่าสัตว์เล็ก , สัตว์น้อยมาทำเป็นอาหาร  ได้ตามมาส่งผลจ่ะ!  
 
 
  • จะแก้ไข   ก็ให้สั่งสมบุญทุกบุญ  ทั้งทาน  ,  ศีล  ,  ภาวนา  ,  ปล่อยสัตว์ ปล่อยปลา อุทิศส่วนกุศล   ไปให้สัตว์ที่เราเคยไปเบียดเบียนเขาเอาไว้จ่ะ!
 
 
10. ลูกของน้องชายแม่  หรือ น้องสาว  ได้เป็นกัลยาณมิตร  ให้ลูกเสมอ  พุทธันดรที่ผ่านมา  ก็ได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช , ได้ออกบวชตามพระราชา และมีหน้าที่ “เผยแผ่” จนตลอดชีวิตจ่ะ! 
   
 
  • ส่วนตัวลูกก็เป็น “กองเสบียง” ของหมู่คณะแบบตามอารมณ์,อารมณ์ดีก็ทำ,อารมณ์ไม่ดีก็ไม่ทำจ่ะ!
 
  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญแล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรีพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ!
 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม