โอ้...เจ้าดอกไม้บาน


[ 8 ก.ค. 2549 ] - [ 18267 ] LINE it!

CASE STUDY
โอ้...เจ้าดอกไม้บาน
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

    ลูก รู้จักวัดพระธรรมกายครั้งแรก เพราะมีกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง มาชวนสามีขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่สวนพนาวัฒน์ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2546 โดยเขาบอกว่าที่สวนพนาวัฒน์ สวย สงบ ร่มรื่น บรรยากาศเหมือนสวิตเซอร์แลนด์ สามีก็เลยอยากไป ได้บอกให้ลูกลางานแล้วก็ไปด้วยกัน พอไปถึงก็เป็นอย่างที่เขาบอกเลยค่ะ ดอกไม้ทุกดอกเบ่งบานต้อนรับ ทำให้ลูก สามีและทุกคนที่ได้ไปที่นั่น มีใจที่สดชื่นเบิกบานแข่งกับดอกไม้เลยเจ้าค่ะ
 
    ไปถึงวันแรก พอลูกเห็นรูปของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ลูกก็สะดุดใจ เพราะเคยเห็นรูปของท่านติดอยู่บนรถเมล์ เมื่อลูกได้ดูประวัติของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ และคุณยายอาจารย์ ทำให้เกิดศรัทธา คิดว่า “ทำไมเรามารู้จักวัดช้าจังเลย” ช่วงนั้นตรงกับวันครบรอบ 119ปีของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
 
    คืนก่อนที่จะถึงวันครบรอบ 119ปีของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ขณะที่สามีของลูก นั่งสมาธิอยู่ในห้องปฏิบัติธรรมบนพนาวัฒน์นั้น เขารู้สึกเหมือนตัวลอย เขาจึงขอตัวบอกว่า จะไปนั่งสมาธิต่อที่ห้องพัก ขณะเดินออกจากห้องปฏิบัติธรรม เขาแหงนขึ้นบนท้องฟ้า เห็นพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯนั่งอยู่บนก้อนเมฆ และมีคนเห็นเหมือนกับที่เขาเห็นอีกหลายคน จากนั้นมา ลูกและสามีก็ได้มาวัดอย่างสม่ำเสมอ ลูกกราบขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ ฝันในฝันเรื่องของลูกด้วยเจ้าค่ะ
 
    เตี่ยของลูก เกิดที่เมืองจีน เมื่ออายุ 10ขวบ ได้อพยพติดตามพ่อแม่มาเมืองไทย อาศัยอยู่ที่คลองสาน พออายุได้ 25ปี เตี่ยก็ได้แต่งงานกับแม่ ซึ่งมีอายุ 20ปี
 
    แม่ของลูก เป็นคนจีน เกิดในเมืองไทย ตั้งแต่เด็กๆ แม่ต้องมาอยู่กับพี่สาวคนโต เพื่อช่วยเลี้ยงลูกของพี่สาว และช่วยขายของอยู่ที่คลองสานใกล้ๆกับที่เตี่ยอยู่ และแม่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเลย หลังแต่งงานแล้ว แม่ก็เข้ามาอยู่ที่บ้านของเตี่ย ซึ่งแม่คิดว่าน่าจะสบายกว่าอยู่กับพี่สาว แต่ก็คาดผิด แม่ต้องทำงานหนักกว่าเดิม ทำทุกอย่างในบ้าน แถมถูกรังเกียจเหยียดหยามจากญาติพี่น้องของเตี่ย จนแม่รู้สึกกดดันมาก
 
    เมื่อคลอดลูกคนแรกออกมา คือ ตัวลูก ได้ประมาณ 2-3เดือน เตี่ยกับแม่ก็ถูกคุณย่า (แม่ของเตี่ย) ไล่ออกจากบ้าน ด้วยเหตุผลอะไรลูกก็ไม่ทราบค่ะ เตี่ยจึงพาแม่และตัวลูกนั่งรถไฟมุ่งหน้าสู่จังหวัดสุโขทัย เพราะเตี่ยมีน้าสาวและน้าเขย ซึ่งอพยพมาจากเมืองจีนพร้อมกัน ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ทำอาชีพเป็นพ่อค้าคนกลาง รับซื้อพืชไร่ แล้วนำไปขายต่อที่กรุงเทพฯ มีฐานะร่ำรวย
 
    เตี่ยมาอยู่กับน้าสาว แต่ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือเท่าที่ควร ต้องทำงานแบกหามกระสอบป่าน ที่ใส่พืชไร่ให้เขา อยู่เหมือนคนงาน เตี่ยอดทน ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเรา
 
    ต่อมา เตี่ยก็เกิดไอเดียว่า "พี่สาวของเราก็ขายกระสอบป่านอยู่ที่กรุงเทพฯนี่นา หากเรารับกระสอบป่านจากพี่สาวมาขายเองที่นี่น่าจะดี" คิดได้ดังนั้น เตี่ยจึงพาครอบครัวออกจากบ้านน้าสาว มาอาศัยอยู่บ้านไม้ 2ชั้น เช่าที่ของเทศบาลอยู่ในตลาดสวรรคโลก แล้วไปรับกระสอบป่านจากพี่สาวที่กรุงเทพฯมาขาย
 
    ต่อมา พอจะมีฐานะดีขึ้นมาบ้าง ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นทั้งตลาดสวรรคโลก ในกลางดึกคืนหนึ่งของฤดูหนาว ทำให้สมบัติทุกอย่างที่มีอยู่ในบ้าน รวมทั้งกระสอบป่านเป็นมัดๆ ถูกไฟไหม้จนหมด
 
    ทางเทศบาลได้ปลูกบ้านไม้ให้ใหม่ อยู่อีกฟากของถนน ตรงข้ามกับที่เดิมที่ถูกไฟไหม้ เตี่ยเริ่มต้นค้าขายกระสอบขึ้นใหม่ ฐานะก็ดีขึ้นจนมีเงินไปซื้อตึกอาคารพาณิชย์ แต่ก็ได้แค่ตึก ส่วนที่ดินก็ยังเป็นสิทธิ์ของเทศบาลอยู่ จึงต้องจ่ายค่าเช่าที่ดินทุกปี ต่อมากิจการขายกระสอบเริ่มซบเซา เตี่ยจึงเปลี่ยนหันมายึดอาชีพขายหนังสือพิมพ์ ขายล็อตเตอรี่ และของเด็กเล่น
 
    อายุ 40 ต้นๆ เตี่ยก็เกิดมีก้อนเนื้อโผล่เป็นลูกกลมๆที่ช่วงขาหนีบ เคยผ่าตัดไปหนึ่งครั้ง ก้อนเนื้อก็หายไป ผ่านไป 2-3ปี ก้อนเนื้อก็โผล่ขึ้นมาใหม่ คราวนี้รักษาไม่หาย เคยเป็นหนักถึงขั้นมีเลือดไหลออกมาเป็นถุงๆ ในที่สุดเตี่ยก็เสียชีวิตขณะอายุ 51ปี หลังจากเตี่ยตายแล้ว ลูกไปเก็บของในห้องของเตี่ย จึงได้พบฉลากยาระบุไว้ว่า “ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง” ไม่มีใครรู้เลยว่า เตี่ยเป็นโรคมะเร็ง เพราะเตี่ยจะบอกว่า เป็นเนื้องอกธรรมดา
 
    ลูกเป็นห่วงเตี่ยมากเจ้าค่ะ เพราะเตี่ยไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในทัศนะของเตี่ย พระคือคนขี้เกียจทำมาหากิน เวลาเห็นพระ เตี่ยจะบอกว่า “ยังแข็งแรงอยู่ ทำไมไม่ไปทำมาหากิน มาบวชทำไม เสียเวลา ที่ดินในเมืองไทยยังอุดมสมบูรณ์อีกมาก” ที่เตี่ยคิดอย่างนี้ เพราะเตี่ยไม่รู้ว่าพระภิกษุสงฆ์...ท่าน คือ เนื้อนาบุญเจ้าค่ะ
 
    แม่ของลูก มีโรคอย่างหนึ่ง คือ เฉพาะช่วงฤดูร้อน จะมีอาการทางประสาทเกิดขึ้นทุกปี อาการ คือ ตาแข็ง ไม่ยอมหลับนอน ท่านก็จะพูดๆๆ พูดถึงแต่อดีตที่เคยถูกกดดัน จากคุณย่าและญาติๆของเตี่ย คล้ายๆกับน้อยใจ เป็นแต่ละครั้งประมาณ 4-5คืน พอแม่อายุมากขึ้น อาการก็หนักกว่าเดิม พูดไปร้องไห้ไป บางครั้งก็ร้องเพลงงิ้ว ยิ้มแล้วก็หัวเราะ ต่อมาก็มีอาการชักเกร็ง หลังจากมีอาการชักครั้งนั้น เวลามีอาการ แม่จะพูดถึงอดีตเดิมๆ ด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด ไม่ใช่น้อยใจเหมือนครั้งแรกๆ
 
    กลางเดือน มีนาคม พ.ศ.2543 แม่ต้องเข้าโรงพยาบาล หมอเอกซเรย์ดูพบว่า มีเลือดออกในสมองมาก ต้องผ่าตัดด่วน แต่ไม่ทันได้ผ่าตัด แม่ก็สิ้นใจ รวมอายุประมาณ 58ปี
 
    น้องชายคนที่สองของลูก ตอนเด็กรูปร่างผอมบาง เป็นคนเงียบ ไม่ชอบพูดกับใคร การเรียนค่อนข้างดี จนกระทั่งเรียนอยู่ชั้น ม.ศ.1 ก็ป่วย เพ้อจะไปกราบพระเดชพระคุณหลวงปู่แหวน ที่วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ เตี่ยก็เลยพาไปหาหมอ หมอแนะนำให้พักสมอง โดยหยุดการเรียนไว้ก่อน พอเปิดเทอมกลับไปเรียนใหม่ เพื่อนก็ข้ามชั้นไปแล้ว เลยถูกล้อ ก็ยิ่งคิดมาก เตี่ยจึงให้ลาออกจากโรงเรียน เขาก็จะช่วยงานเตี่ย เตี่ยให้ทำอะไรก็ทำ เหมือนมีเตี่ยเป็นที่พึ่ง แต่พอเตี่ยเสียชีวิต น้องสาวคนเล็กก็ดูแลกิจการแทน
 
    ความที่ น้องสาวคนเล็ก เป็นคนใจร้อน บวกกับความเครียดที่ต้องมารับภาระดูแลทั้งแม่และพี่ชาย ซึ่งมีอาการทางประสาททั้งสองคน ดังนั้น เมื่อเห็นพี่ชายทำงานช้าไม่ได้ดังใจ ก็จะบ่นว่า ทำให้ทะเลาะกันอยู่เรื่อยๆ น้องชายจึงคิดมาก เพราะน้องสาวไม่เข้าใจเขาเหมือนกับเตี่ย รู้สึกเหมือนตัวเองขาดที่พึ่ง เมื่อได้ยินข่าวลือว่า โลกจะแตก
 
เขาจึงรู้สึกกลัว มักจะถามลูกเสมอว่า “เจ้...โลกจะแตกจริงไหม แตกเมื่อไร”
ลูกก็จะปลอบใจว่า “โลกใบนี้ของเรายังไม่แตกหรอกจ๊ะ”
 
    ปัจจุบันเขาอายุ 42ปี วันๆไม่ได้ทำอะไร ยังต้องทานยาระงับประสาทเป็นประจำ
 
    ตัวลูกเอง หลังจากมีงานทำแล้ว ได้แต่งงานกับสามี มีลูกชายด้วยกัน 3คน สามีของลูกเป็นคนรักพี่น้องของเขายิ่งกว่าอื่นใด ปี พ.ศ.2533 ตอนนั้นลูกมีลูกคนแรกแล้ว จู่ๆ_น้องชายคนที่สี่ของสามี เกิดอยากได้บ้านขึ้นมากะทันหัน จึงมาขอให้สามีของลูกไปทำเรื่องกู้เงินจากธนาคารให้ แต่เงินเดือนของสามีก็ยังไม่พอที่จะทำเรื่องกู้ได้ สามีจึงเอาชื่อของลูกเข้าไปเป็นผู้กู้ร่วม น้องชายของสามีก็สัญญาว่า จะเป็นผู้ส่งหนี้เอง แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่รับปาก ลูกและสามีจึงต้องเป็นผู้ชดใช้หนี้มาจนถึงปัจจุบัน
 
    ลูกไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการกระทำของสามีเลย เพราะตัวลูกและสามีก็ยังต้องเช่าบ้านเขาอยู่ แต่สามีบอกกับลูกว่า แต่งงานแล้ว ต้องทำตัวให้โง่ อย่าอวดฉลาดเกินหน้าญาติพี่น้องของเขา ห้ามแสดงความคิดเห็น นอกจากนั้น เขายังช่วยส่งลูกของพี่ชายคนโต เรียนจนจบปริญญาตรี ช่วง IMF ไม่มีเงินก็ต้องดิ้นรนหาเงินจ่ายค่าเทอมให้เขาจนได้ ทั้งๆที่พ่อแม่ของเด็กก็ยังอยู่
 
    สามีของลูก เขาใฝ่ฝันที่จะมีอาชีพอิสระ เพราะคิดว่า จะทำให้ร่ำรวยและไม่ต้องอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของใคร เขาจึงลาออกจากงานราชการ แล้วหันมารับติดตั้งฝ้าเพดาน กระจก อะลูมิเนียม ตามโรงงาน บริษัทฯ และคอนโดมิเนียมต่างๆ แต่กิจการก็ไม่ประสบความสำเร็จดังคาดหวัง เพราะเมื่อติดตั้งให้เขาจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง เบี้ยวเอาดื้อๆ ถูกเบี้ยวหลายราย รวมแล้วเป็นเงินหลายล้านบาท
 
    สามีจึงหาอาชีพเพิ่ม โดยการนำที่ดินและบ้านของตระกูลที่มีอยู่ ไปค้ำประกันไว้กับธนาคาร แล้วกู้เงินจำนวนหลายล้านบาท มาทำธุรกิจที่ดินจัดสรร พอจะไปได้ดี ก็เกิดภาวะ IMF ไฟแนนซ์ที่สามีนำทรัพย์สินและที่ดินไปค้ำประกันไว้ จู่ๆก็ถูกรวบเข้าไปอยู่ในกลุ่ม 56ไฟแนนซ์ที่มีปัญหาหนี้เสีย ธุรกิจจัดสรรที่ดินที่สามีทำอยู่ ก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เพราะถูกสั่งงดทำธุรกรรมใดๆ รวมจำนวนหนี้ที่เป็นในขณะนั้นประมาณ 20ล้านบาท แต่หากประนอมหนี้ได้ ก็จะเหลืออยู่ 5ล้านบาท
 
คำถามมีดังนี้ค่ะ
 
1.กรรมใด ทำให้เตี่ยถูกคุณย่าไล่ออกจากบ้าน มีชีวิตที่ลำบาก แม้จะมีญาติพี่น้องร่ำรวยก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือคะ
 
2.เตี่ยประกอบเหตุมาอย่างไร จึงมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ที่ดินก็ยังต้องเช่าที่ของเทศบาลอยู่ และมีบุพกรรมร่วมกับแม่มาอย่างไรคะ
 
3.ครอบครัวของลูกทำวิบากกรรมใดไว้ จึงต้องประสบอุบัติเหตุ ถูกไฟไหม้บ้านทรัพย์สินเสียหายจนหมด มีวิบากกรรมใดร่วมกับคนในตลาดสวรรคโลก จึงถูกไฟไหม้พร้อมกันทั้งตลาดคะ
 
4.กรรมใด ทำให้เตี่ยป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ เตี่ยตายแล้วไปไหน ลูกทำบุญสร้างองค์พระภายในมหาธรรมกายเจดีย์ให้ท่าน ท่านได้รับบุญและอนุโมทนาบุญเป็นหรือไม่คะ เพราะลูกสลักชื่อเป็นภาษาไทย เตี่ยไม่เข้าใจค่ะ การที่เตี่ยมีทัศนะที่ไม่ดีต่อพระตอนมีชีวิตอยู่ เตี่ยจะได้รับวิบากกรรมนี้หรือไม่คะ ตอนนี้เตี่ยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาหรือยังคะ
 
5.แม่ทำบุพกรรมใดไว้ จึงมีชีวิตที่ลำบากตั้งแต่เด็ก หลังจากแต่งงานแล้ว ก็ถูกญาติฝ่ายสามีกดดัน จนมีอาการทางประสาท และทำไมอาการทางประสาทของแม่ต้องเกิดเฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้นคะ แม่ตายแล้วไปไหน กายละเอียดของแม่ มีสติสัมปชัญญะ ครบถ้วนหรือไม่ ภพชาติต่อไปท่านจะมีสภาพจิตเหมือนหรือหนักกว่านี้คะ
 
    แม่ชอบตักบาตรที่หน้าบ้านค่ะ บุญนี้ช่วยลดวิบากกรรมทางประสาทได้หรือไม่คะ ลูกทำบุญสร้างองค์พระภายในที่มหาธรรมกายเจดีย์ แม่ได้รับบุญและอนุโมทนาบุญเป็นหรือไม่คะ และแม่มีข้อความใดฝากมาถึงลูกหรือไม่คะ
 
6.น้องชายคนที่สองของลูก มีวิบากกรรมใดจึงมีปัญหาทางสมอง เป็นคนคิดมาก จิตใจไม่เข้มแข็ง ต้องกินยาระงับประสาทเหมือนแม่ จะต้องแก้ไขอย่างไรคะ
 
7.บุพกรรมใด ที่สามีต้องมารับผิดชอบ จ่ายค่าเทอมส่งให้หลานจนเรียนจบปริญญาตรี อีกทั้งจ่ายค่ารักษายามเจ็บป่วยด้วย ทั้งๆที่หลานก็มีพร้อมทั้งพ่อและแม่คะ
 
8.กรรมใด ทำให้สามีมีความทะยานอยากที่จะมีฐานะร่ำรวย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนเป็นเหตุให้มีหนี้สินมากมาย และถูกโกงไปหลายล้านบาท จากงานรับเหมาติดตั้งฝ้าเพดานคะ
 
9.สามีเคยไปทำงานให้กับเพื่อนสนิทอยู่ 4-5ปี ได้ทำกำไรให้กับบริษัทฯของเพื่อนเป็นจำนวนมาก แต่ค่าคอมมิชชั่นในแต่ละปีที่สามีได้รับนั้น เพียงจำนวนน้อยนิด ทั้งๆที่ความจริงจะต้องได้เป็นหลักล้าน แล้วยังถูกญาติของเพื่อนพยายามบีบให้ออกจากบริษัทฯอีกด้วย เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นคะ จะต้องแก้ไขวิบากกรรมนี้อย่างไรคะ
 
10.ลูกและสามี มีวิบากกรรมใด ถึงต้องมาเป็นหนี้ซื้อบ้านให้น้องชายของสามี ทั้งๆที่ตัวลูกและสามี ก็ยังต้องเช่าบ้านเขาอยู่ เหตุใดลูกจึงไม่มีบ้านเป็นของตัวเองคะ
 
11.กรรมใด ทำให้ลูกต้องมาตกอยู่ในสภาพจำยอมเป็นหนี้ร่วมกับสามี ถ้าหากลูกอยู่เป็นโสด ลูกจะมีวิบากกรรมเรื่องหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างในปัจจุบันนี้หรือไม่คะ
 
12.ในทางกฎหมาย สามีและภรรยาต้องร่วมรับผิดชอบหนี้สินด้วยกัน แต่ในทางกฎแห่งกรรม ลูกจะต้องรับวิบากกรรมไปด้วยหรือไม่คะ เพราะลูกไม่ได้เป็นผู้ก่อ ลูกมีชื่อในบัญชีหนี้ในฐานะเป็นภรรยาเท่านั้น หากเราใช้หนี้ไม่หมด ลูกและสามีจะได้รับวิบากกรรมแตกต่างกันอย่างไรคะ ลูกและสามีมีกำลังบุญพอที่จะมีเงินมาใช้หนี้ได้หมดหรือไม่ เมื่อไหร่สามีจะร่ำรวยคะ ทำอย่างไรภพชาติต่อไปลูกจะไม่ต้องมารับวิบากกรรมอย่างนี้อีกคะ
 
13.ตัวลูก สามี และลูกชายทั้งสาม เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไรคะ

 
กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
 หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1.เตี่ยถูกคุณย่าไล่ออกจากบ้าน มีชีวิตที่ลำบาก แม้จะมีญาติร่ำรวยแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือเลย เพราะในอดีตขาดบุญสงเคราะห์ญาติ และหากโมโหก็มักจะไล่ลูกหลานออกจากบ้านไปเลย ด้วยวิบากกรรมนี้ จึงถูกคุณย่าไล่ออกจากบ้าน และไม่มีญาติคนใดช่วยเหลือ

 
2.เตี่ยมีบ้านเป็นของตนเอง แต่ที่ดินต้องเช่าเขาอยู่ เพราะในอดีต เวลาทำทานมักจะร่วมอนุโมทนาบุญกับผู้อื่น แต่ทำเองบ้างนิดหน่อยเท่านั้น บุญจึงส่งผลได้แค่นี้
 

  • มีบุพกรรมร่วมกับแม่ คือ ในอดีตได้เป็นสามี-ภรรยากัน ได้ทำทานร่วมกันมาเพียงแค่นี้ บุญจึงส่งผลแค่นี้
  • อีกทั้งในชาตินั้น เตี่ยได้ซื้อยาดองเหล้ามารักษาโรคของแม่ จนทำให้แม่ติดยาดองเหล้ามากๆ และเตี่ยก็สนับสนุนแม่ตลอด
 
3.ครอบครัวของลูก บ้านถูกไฟไหม้จนทรัพย์สินเสียหายหมด เพราะในอดีต ได้เคยจุดไฟไล่ที่ชาวบ้านที่แอบมาอาศัยที่ของตนอยู่ จนทำให้ทรัพย์สินบ้านช่องเขาเสียหาย วิบากกรรมนี้มาส่งผล
 

  • คนในตลาดสวรรคโลก ถูกไฟไหม้หมดตลาด เพราะกรรมในอดีต ที่เคยจุดไฟเผาบ้านคนอื่น และพลอยยินดีกับการที่ทหารของบ้านเมืองตน ไปเผาบ้านเมืองคนอื่น กรรมที่คล้ายๆกันนี้ มารวมส่งผล
 
4.เตี่ยป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ เพราะกรรมปาณาติบาต ที่ฆ่าสัตว์ทำอาหาร และฆ่าสัตว์ไหว้เจ้า ทั้งอดีตและปัจจุบัน กับการยัดไส้ของที่จะขาย ด้วยของที่มีราคาน้อย โดยเอาของดีไว้ข้างบนของไม่ดีไว้ข้างล่าง วิบากกรรมดังกล่าว มารวมส่งผล
 

  • เตี่ยตายแล้ว ก็ไปเป็นภุมมเทวาระดับทั่วไป ในหมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่ง ได้รับบุญทุกบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ก็ทำให้ท่านมีสภาพที่ดีขึ้นในทุกด้าน
  • การที่เตี่ยมีทัศนะไม่ถูกต้องกับพระตอนที่มีชีวิตอยู่ ในตอนนี้ยังไม่ได้รับวิบากกรรม เพราะบุญยังส่งผลก่อน
 
  • ถ้าหากรับวิบากกรรมนี้ ก็จะไปเกิดนอกบุญเขต ในครอบครัวมิจฉาทิฐิ ในตระกูลต่ำ ต้องลำบาก กว่าจะได้ทรัพย์ก็เหนื่อยมาก
  • ตอนนี้ก็เข้าใจเรื่องบุญกับพระดีขึ้น ด้วยบุญที่ลูกอุทิศไปให้
 
5.แม่มีชีวิตลำบากตั้งแต่เด็ก เพราะในอดีตทำทานมาไม่มาก และไม่เชื่อเรื่องบุญและโลกนี้โลกหน้าด้วย
  • ภายหลังจากแต่งงานแล้ว ก็ถูกญาติฝ่ายสามีกดดันจนมีอาการทางประสาท เพราะกรรมดื่มสุรายาดอง ในชาติที่เตี่ยซื้อยาดองเหล้ามารักษาโรคของแม่ มาส่งผลให้มีอาการทางประสาท และไม่มีบุญสงเคราะห์ญาติด้วย จึงทำให้ญาติรังเกียจและกดดัน

  • อาการทางประสาทเกิดเฉพาะในฤดูร้อน เพราะอากาศร้อน อาการก็กำเริบมากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งมีอาการอยู่แล้วตามวิบากกรรม

  • แม่ตายแล้ว ก็ไปเป็นภุมมเทวาชั้นดี อยู่หมู่บ้านภุมมเทวาเดียวกับเตี่ย แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะแม่มีบุญมากกว่า เพราะทำบุญมากกว่าเตี่ย แต่อาการทางกายละเอียดก็ยังมีอาการทางประสาทอยู่บ้าง แต่น้อยกว่าตอนเป็นมนุษย์
  • วิบากกรรมสุราก็เบาบางลงมาแล้ว ดังนั้นภพชาติต่อไป ก็จะมีอาการทางประสาทน้อยกว่าในชาตินี้
  
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว ก็ทำให้ท่านมีสภาพดีขึ้นกว่าเดิม
  • ท่านอนุโมทนาบุญเป็น ตอนนี้ท่านก็ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะได้รับบุญที่ลูกอุทิศให้ทุกบุญ
 
6.น้องชายคนที่สอง มีปัญหาทางสมอง คิดมาก จิตใจไม่เข้มแข็ง ต้องกินยาระงับประสาทเหมือนแม่ เพราะเป็นจริตอัธยาศัยที่ติดมาข้ามชาติ โดยในชาตินั้นก็เป็นคนคิดมากจนเครียด เมื่อเครียดแล้วก็ไปหาทางออกของชีวิตด้วยการไปดื่มสุรา วิบากกรรมนี้มาส่งผล
  • จะแก้ไข ก็ต้องสั่งสมบุญทุกบุญในช่วงอาการปกติ แล้วอธิษฐานจิตให้พ้นวิบากกรรมนี้
 
7.สามีต้องมารับผิดชอบส่งหลานเรียนจนจบปริญญาตรี อีกทั้งจ่ายค่ายารักษาโรคยามเจ็บป่วยให้อีก ทั้งๆที่หลานก็มีพ่อ-แม่ของตนเองที่สามารถดูแลลูกได้ เพราะในอดีต สามีก็เคยช่วยเหลือเกื้อกูลหลานคนนี้ จึงมีความเอ็นดูหลานคนนี้เป็นพิเศษ
 
 
  • ไม่ได้มีวิบากกรรมอะไรกันมา ให้ลูกคิดเสียว่า ลูกได้สงเคราะห์ญาติ ด้วยการสนับสนุนให้หลานมีการศึกษา จะได้เป็นบารมีของลูก ที่จะทำให้มีคนมาสนับสนุนลูกให้ได้เรียนบ้าง และได้บุญด้านยารักษาโรค ก็จะทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
 
8.สามีอยากร่ำรวยแต่ไม่สมหวัง จนเป็นเหตุให้มีหนี้สินมากมาย และถูกโกงไปหลายล้านบาทจากงานรับเหมาติดตั้งฝ้า เพดาน เพราะในอดีต สามีมีความตระหนี่ ไม่ค่อยได้ทำทาน และมักจะเปลี่ยนใจในภายหลัง จากการรับปากว่า จะทำทานกับผู้อื่นไว้ รวมทั้งเคยเบี้ยวหนี้ วิบากกรรมดังกล่าวมารวมส่งผล

 
9.สามีเคยไปทำงานให้กับเพื่อนสนิทอยู่หลายปี ได้ทำกำไรให้บริษัทฯของเพื่อนมาก แต่ได้ค่าคอมมิชชั่นน้อยกว่าความเป็นจริง แล้วยังถูกญาติของเพื่อนบีบให้ออกจากบริษัทฯอีก เพราะสามีเคยทำเขามาก่อนในอดีต โดยเคยทำธุรกิจการค้าด้วยการเอาเปรียบพนักงาน เช่น กดค่าแรงบ้าง บางทีก็เบี้ยวค่าแรงโดยจ่ายค่าแรงต่ำบ้าง เป็นต้น มารวมส่งผล ปัจจุบันเป็นภาพในอดีตชาติของสามี
 

  • จะแก้ไข ก็จะต้องทำบุญทุกบุญทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ให้มากๆและต่อเนื่อง บุญนี้ก็จะได้มาเชื่อมสายสมบัติมาติดกับตัว ให้ประสบความสำเร็จในชีวิตธุรกิจการงาน
 
10.ลูกและสามีต้องมาเป็นหนี้ซื้อบ้านให้น้องชายสามี ทั้งๆที่ตัวลูกและสามียังเช่าบ้านอยู่ ไม่มีบ้านเป็นของตนเอง เพราะในอดีตเคยติดหนี้น้องชายมา โดยในชาตินั้นก็เป็นพี่น้องกัน สามีในฐานะเป็นพี่ได้เคยยึดมรดกของน้องชายมาเป็นของตนเอง ภายหลังจากพ่อแม่เสียชีวิตแล้ว
  • ดังนั้นเมื่อกรรมส่งผล ก็มีความรู้สึกยินยอมที่จะใช้หนี้ให้น้องชาย ด้วยความเต็มใจ
  • อีกทั้งมีกรรมที่ไปเบี้ยวหนี้ ดังกล่าวมาแล้ว และกำลังทานบารมีในอดีตไม่เต็มที่
 

11.ลูกต้องมาอยู่ในสภาวะจำยอมเป็นหนี้ร่วมกับสามี เพราะในอดีตได้เคยเป็นสามี-ภรรยากัน มีความตระหนี่ด้วยกันทั้งคู่ โดยมักจะเปลี่ยนใจในภายหลังจากรับปากที่จะทำบุญ และเคยร่วมเบี้ยวหนี้ผู้อื่นโดยการสนับสนุนสามี วิบากกรรมนี้มาส่งผล

  • แม้หากลูกเป็นโสดก็ตาม เมื่อมีวิบากกรรมเบี้ยวหนี้ ก็จะมีเหตุให้ต้องเป็นหนี้อย่างนี้เหมือนกัน

12.ในทางกฎหมาย สามีและภรรยาต้องร่วมรับผิดชอบหนี้สินด้วยกัน ในทางกฎแห่งกรรม หากลูกและสามีใช้หนี้ไม่หมด ลูกและสามีจะได้รับวิบากไม่แตกต่างกัน เพราะเป็นกรรมร่วมกันมาในอดีตชาติดังกล่าว
  • ดังนั้น ให้รักและสามัคคีกันไว้ ให้ทั้งสองอยู่ในบุญ คือ นึกถึงบุญที่ได้ทำเอาไว้บ่อยๆ กับใช้กำลังใจและสติปัญญาค่อยๆแก้ไขปัญหาไป ก็จะค่อยๆคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ขออย่ายอมแพ้ ให้สั่งสมบุญในปัจจุบันให้มากๆ ก็จะเป็นผลดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต

13.ตัวลูก สามี และลูกชายทั้งสาม เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบกองเสบียง ประเภทตามอารมณ์ ไม่สม่ำเสมอ


  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม