ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2553
ตอน พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 30 พระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิ (2)
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า
ตอนที่ 30 "พระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิ (2)"
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ความเดิมจากตอนที่แล้ว... จักรวรรดิวัตร คือ ธรรมอันเป็นพระราชจริยานุวัตร สำหรับพระมหาจักรพรรดิ และพระราชาเอกในโลก มี 12 ประการ ดังต่อไปนี้
1.อนฺโตชนสฺมึ พลกายสฺมึ หมายความว่า สงเคราะห์คนในราชสำนัก และข้าราชการฝ่ายทหาร
/>
/>
/>
/>
/>
/>
/>
/>
/>
/>
12.วิสมโลภสฺสปหานํ หมายความว่า ละความโลภไม่ให้ปรารถนาในลาภที่พระมหากษัตริย์มิควรจะได้
/>
/>
/>
/>
/>
/>
2.ขตฺติเยสุ หมายความว่า สงเคราะห์กษัตริย์ทั้งหลายผู้อยู่ในพระบรมเดชานุภาพ (หรือสงเคราะห์กษัตริย์เมืองขึ้นทั้งหลาย)
3.อนุยนฺเตสุ หมายความว่า สงเคราะห์พระราชวงศานุวงศ์ และเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลาย
4.พฺราหฺมณคหปติเกสุ หมายความว่า คุ้มครองพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย
5.เนคมชานปเทสุ หมายความว่า คุ้มครองราษฎรทั้งหลาย
6.สมณพฺราหฺมเณสุ หมายความว่า คุ้มครองสมณพราหมณ์ผู้ทรงศีล
7.มิคปกฺขีสุ หมายความว่า คุ้มครองฝูงเนื้อนกและสัตว์ทั้งหลายมิให้สูญพันธุ์
8.อธมฺมการปฏิกฺเขโป หมายความว่า ห้ามปรามประชาชนทั้งหลายมิให้ประพฤติผิดธรรม
9.อธนานํธนานุปฺปทา.นํ หมายความว่า ปันทรัพย์เฉลี่ยให้แก่ประชาชนผู้ไร้ทรัพย์มิให้มีคนขัดสนยากไร้ในแว่นแคว้น
10.สมณพฺราหฺมเณอุปสงฺกมิตฺวาปญฺหาปุจฺฉนํ หมายความว่า เข้าไปหาและสอบถามปัญหากับสมณพราหมณ์ผู้ทรงศีล
11.อธมฺมราคสฺสปหานํ หมายความว่า ละความกำหนัดยินดีอันไม่ประกอบด้วยธรรม
ครั้นเมื่อพระเจ้าสังขะทรงได้บำเพ็ญจักรวรรดิวัตรและรักษาอุโบสถศีลแล้ว รัตนะทั้งเจ็ดประการอันเป็นสมบัติคู่บุญของพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งประกอบด้วย จักรแก้ว ดวงแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว และนางแก้ว ก็พลันบังเกิดเป็นสมบัติคู่บุญของพระองค์ในกาลนั้น
ในกาลต่อมา เมื่อพระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิทรงได้มาพบ และได้มาฟังธรรมจากพระศรีอริยเมตไตรย์แล้ว พระองค์ก็จักเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิตทางโลก สุดท้าย...แม้พระองค์จะมีตำแหน่งเป็นถึงพระเจ้าจักรพรรดิที่ปกครองทวีปทั้งสี่ แต่ด้วยความที่พระทัยของพระองค์น้อมไปในการบรรพชา และมีความเลื่อมใสในพระบรมศาสดาเป็นอย่างมาก พระองค์ก็จักทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติพร้อมทั้งรัตนทั้งเจ็ดประการเพื่อออกบวช และพระองค์จักได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ ในที่สุด
สำหรับปราสาททองซึ่งผุดขึ้นมาจากแม่น้ำคงคา เพื่อรองรับพระราชพิธีราชาภิเษกของพระองค์นั้น ถือเป็นปราสาทที่มีความแตกต่างจากปราสาททองทั่วไป เพราะปราสาททองหลังนี้บังเกิดขึ้นจากบุญญานุภาพในอดีตชาติพระองค์เอง เรื่องก็มีอยู่ว่า...ในอดีตชาติ พระเจ้าสังขะได้ไปบังเกิดเป็นลูกของนายช่างจักสาน
ในระหว่างที่สองพ่อลูกกำลังขนไม้ไผ่ไปที่แม่น้ำคงคา ทั้งสองได้เหลือบไปเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งกำลังประทับอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ครั้นเมื่อสองพ่อลูกได้เห็นศีลาจารวัตรของพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้ว จึงเกิดจิตศรัทธาเลื่อมใสและได้นิมนต์ให้พระปัจเจกพุทธเจ้าไปฉันภัตตาหารที่บ้านของตน
หลังจากที่พระปัจเจกพุทธเจ้ารับนิมนต์แล้ว สองพ่อลูกต่างก็ร่วมมือกันขนไม้อ้อกับไม้มะเดื่อ เพื่อนำมาใช้สร้างบรรณศาลาซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำคงคา ถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า เพื่อที่พระปัจเจกพุทธเจ้าจะได้อยู่จำพรรษา ณ ที่แห่งนี้ตลอดทั้งไตรมาส
ครั้นออกพรรษาแล้ว สองพ่อลูกก็ได้น้อมถวายผ้าไตรจีวรแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยหัวใจที่ปลื้มปีติเบิกบานอย่างสุดประมาณ ซึ่งในภพชาติดังกล่าวนั้น...สองพ่อลูกคู่นี้ได้มีโอกาสนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าให้มาอยู่จำพรรษา ณ บรรณศาลาที่พวกตนสร้างถวายถึงเจ็ดพระองค์ พร้อมกันนั้นทั้งคู่ก็ได้ทำการปรนนิบัติดูแลและถวายผ้าไตรจีวรแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งเจ็ดพระองค์อีกด้วย