ป่วยหนักใกล้ตาย...ก็เห็นได้


[ 16 ส.ค. 2548 ] - [ 18277 ] LINE it!

CASE  STUDY
ป่วยหนักใกล้ตาย...ก็เห็นได้
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
ขอกราบนมัสการหลวงพ่อครับ
 
    ลูก เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันอยู่ที่เชียงใหม่ มีอาชีพเป็นหมอศัลยกรรม   ได้เข้าฟังอนุบาลฝันในฝันมาประมาณ 1 ปีครึ่ง   ลูกได้ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ มากมาย   โดยเฉพาะ Case study ลูกชอบมาก   เพราะทำให้รู้สาเหตุของโรคต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้ลูกนำไปใช้อธิบายกับคนไข้ของลูกได้ดีมากครับ
 
    มี ผู้ป่วยรายหนึ่ง เธอเป็นมะเร็งเต้านม ได้ผ่าตัดเต้านมออกไป 1 ข้าง 5 ปีต่อมาพบว่ามีมะเร็งแพร่ไปที่ปอดทั้งสองข้าง หมอที่รักษาเธออยู่ก็นัดให้มาพบลูก แต่เธอไม่ได้มาหาทันที อีก  9 เดือนจึงมาหาด้วยอาการน้ำท่วมปอด ลูกจึงให้ยาเคมีบำบัด 6 เดือนต่อมา อาการดีขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่ก็อ่อนเพลียเดินไม่ไหว ตัวซีด ต้องมาให้เลือดเป็นช่วงๆ และทานยาบำรุงเลือดตลอด ลูกได้บอกเขาตรงๆ ว่า หมอรักษาให้ไม่หายขาดหรอกนะ เวลาที่เหลืออยู่ก็มีน้อย  เราต้องทำบุญมากๆ รักษาศีลให้ดี และทางที่ดีควรรักษาศีล 8  ต้องนั่งสมาธิทุกวัน และต้องทำอย่างจริงจังด้วยนะ แล้วก็ให้อธิษฐานจิตด้วยเสมอ เธอก็รับปากว่า “ทำ” ทุกครั้ง จนมาวันหนึ่งเธอกลับมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลในสภาพที่แย่มากๆทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะสังเกตจากใบหน้าดูเศร้าหมองมาก ลูกจึงพูดคุยสอบถามหลายเรื่อง จนถึงเรื่องการนั่งสมาธิว่าทำหรือเปล่า เธอก็บอกว่า “ทำ” ลูกจึงถามต่ออีกว่าทำแบบไหน เธอก็บอกลูกว่าโดยการสวดมนต์ ลูกจึงอธิบายว่าการสวดมนต์เป็นการรวมใจให้เป็นสมาธิระดับเบื้องต้นเท่านั้น อยากทำจริงๆจัง ๆไหม หมอจะสอนให้ เธอก็ตอบตกลง คืนนั้นลูกเลยเอา CD ของคุณครูไม่ใหญ่ที่ลูกตัดต่อไว้สำหรับนั่งสมาธิส่วนตัว ไปเปิดให้เธอฟังและนั่งสมาธิไปพร้อมๆ กันเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เธอนั่งได้นิ่งมากและเธอก็รู้สึกชอบมากด้วย เธออยากนั่งต่อ ลูกจึงให้วิทยุและ CD แก่เธอไว้ฟัง  รุ่งเช้าลูกได้เข้าไปเยี่ยมตอนเช้า ก็พบว่าใบหน้าของเธออิ่มเอิบ เหมือนคนละคนกับเมื่อวานเลยครับ ลูกจึงให้ CD แผ่นนั้นแก่เธอเพื่อไปนั่งต่อที่บ้าน
 
    ต่อมาเธอก็มานอนรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งลูกก็ถามว่านั่งสมาธิเป็นอย่างไรบ้าง เห็นอะไรไหม เธอบอกกับลูกว่าเธอเห็นองค์พระแต่องค์พระยังอยู่นอกตัวอยู่ ลูกก็รู้สึกแปลกใจที่เธอมีประสบการณ์ภายในเร็วจัง แต่ก็คิดว่ายังคงเป็นเพียงนิมิตอยู่  จึงบอกเธอให้นั่งสมาธิต่ออย่าให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว และนั่งให้นิ่งๆ  พร้อมทั้งอาราธนาองค์พระให้มาอยู่กลางท้องนะ 
 
    อยู่มาวันหนึ่งเธอเล่าให้ลูกฟังว่า ฝันว่ามีคนมาหา โดยคนที่มาหานั้นเป็นคนที่ตายไปแล้ว มาชวนให้ไปอยู่ด้วย เธอเล่าต่อว่าในขณะที่จะไป ก็มีแม่ชีองค์หนึ่งมาจับที่ข้อมือของเธอไว้ แล้วบอกกับเธอว่ายังไม่ถึงเวลา ลูกก็แปลกใจมาก และสงสัยว่าแม่ชีองค์ไหน เพราะลูกยังไม่เคยแนะนำหรือเอารูปอะไรมาให้เธอดูเลย แม้แต่รูปของหลวงพ่อ เธอก็ยังไม่เคยเห็นเลย ได้ฟังแต่เสียงของหลวงพ่อเท่านั้น ลูกจึงเดินไปหยิบหนังสืออยู่ในบุญฉบับที่มีรูปคุณยายอาจารย์ แล้วแกล้งเปิดหนังสือให้ดูรูปพระมหาธรรมกายเจดีย์ เปิดไปเรื่อยๆ จนถึงหน้ารูป คุณยายอาจารย์ เธอก็หยุดดูสักพักหนึ่งอย่างตั้งใจ แล้วบอกลูกว่า แม่ชีองค์นี้แหละที่เล่าให้คุณหมอฟังว่า มาจับข้อมือของเธอ  แล้วบอกว่ายังไม่ให้ไป เพราะยังไม่ถึงเวลา  ลูกรู้สึกปลื้มปิติมากครับที่คุณยายอาจารย์คอยดูแลพวกเราลูกๆ หลานๆ ทุกคน  ต่อมาก่อนกฐินปี 47 ในเดือนพฤศจิกายน เธอมารักษาในโรงพยาบาลอีกครั้งด้วยเรื่องชัก ซึ่งผมคาดว่าเนื้อร้ายคงจะไปที่สมองแล้ว จึงบอกเธอว่าต้องทำบุญใหญ่ ก็คือบุญกฐินพระราช เธอก็ร่วมบุญมากับลูก ลูกได้บอกเธอให้ระลึกถึงบุญทุกบุญที่ทำมา นึกถึงองค์พระไว้ นึกถึงกฐินที่หมอจะไปทำให้นะ และลูกก็บอกกับญาติทุกคนว่าห้ามนำเรื่องไม่สบายใจมาคุยกับผู้ป่วยเด็ดขาด และให้ทวนบุญที่คนไข้ทำด้วย ญาติๆ ถามลูกว่าจะไหวไหมหมอ... ลูกก็บอกไปว่า “แล้วแต่ญาติๆ ว่าจะให้เธอตายที่บ้านหรือที่โรงพยาบาลก็ได้ เพราะหมอก็ทำได้ดีที่สุดแค่นี้  และคาดว่าอาจจะเสียชีวิตในวันสองวันนี้”   ญาติจึงขอนำกลับบ้านในขณะที่ลูกลงมาวัดพระธรรมกายเพื่อมาทำกฐินพอดี
 
    หลังจากลูกทำกฐินเสร็จ ลูกก็ให้เจ้าหน้าที่โทรไปเช็คอีก เธอบอกว่ายังมีชีวิตอยู่ แถมยังลุกขึ้นมาพูดได้  ลูกก็ประหลาดใจ  แต่ก็คิดว่าก็คงได้อีกไม่นานหรอก เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือนกว่า  ลูกฉุกใจคิดถึงผู้ป่วยรายนี้  จึงให้เจ้าหน้าที่โทรไปถามอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร   กลับได้คำตอบที่เหลือเชื่อว่ายังแข็งแรงดี ถึงขนาดทำงานอยู่หลังบ้านได้ ลูกยิ่งแปลกใจมาก จึงขอให้เธอมาโรงพยาบาลอีกครั้ง และถามว่าทำไมไม่มาหาหมออีกเลย  เธอบอกว่าเพราะรู้สึกดีขึ้นมากและไม่ค่อยปวดแล้ว   ลูกจึงขอถามรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมของเธอ ว่ายังเห็นองค์พระอยู่หรือไม่ เธอเล่าว่าตอนนี้เธอเห็นองค์พระอยู่กลางตัวแล้ว แต่เธอแปลกใจที่เธอเห็นองค์พระทั้งหลับตาและลืมตา เวลาเห็นก็มีความสุขมาก และเวลาเอาใจจรดองค์พระก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย แต่ถ้าหลุดออกมาจะมีอาการปวดมาก เธอจึงต้องเอาใจจรดอยู่ตลอดเวลา เธอยังเล่าต่อว่าเธอได้ยินวันที่หมอถามญาติๆว่าจะให้เธอตายที่ไหน วันนั้นเธอรู้สึกปวดเป็นที่สุด จนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เธอก็เลยเอาใจจรดที่ศูนย์กลางกาย จนพบองค์พระผุดขึ้นมาเป็นสาย แล้วรู้สึกสบายขึ้น เธอก็เลยขอพรกับองค์พระว่าขอให้ไม่เจ็บได้ไหม ซึ่งหลังจากนั้นเธอตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกเลย
 
    เธอจึงคิดว่าที่เป็นเช่นนี้ต้องเป็นพรจากองค์พระแน่ๆ เลย  ลูกจึงบอกว่าให้ทำหยุดทำนิ่งต่อไป ไม่ต้องกังวลเรื่องความตาย เธอก็บอกลูกว่า “องค์พระท่านก็บอกอย่างนั้น” ลูกแปลกใจมากครับ เพราะว่าเธอยังไม่เคยเจอหน้าหลวงพ่อเลยซักครั้ง แล้วพระท่านไหนมาบอก เธอก็บอกว่าองค์พระกลางตัวท่านพูดได้  ท่านบอกว่าอย่ากังวลกับเรื่องความตายเลย เราตายมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เราเกิดมาเพื่อสร้างบุญบารมี และบอกให้นั่งสมาธิมาก ๆ แล้วจะพบสิ่งดี ๆ อีกมาก   ลูกถามว่าเวลาท่านพูด ท่านเปิดปากพูดแบบเราหรือไม่ เธอก็บอกว่าไม่ต้องเปิดปากพูด เพียงแต่ใจจรดถึงกันเท่านั้น ลูกจึงถามต่อว่า แล้วเคยเห็นดวงแก้วใสบ้างไหม เธอเล่าว่าเคยเห็นดวงแก้วใสก่อนหน้าองค์พระ และเห็นตัวเองอยู่กลางท้องก่อนเห็นองค์พระ โดยตัวเธอเองที่อยู่บริเวณกลางท้องนั้น จะทำท่านั่งสมาธิอยู่ แต่งกายสีขาว ใส สว่าง รูปร่างอ่อนวัยและหน้าตาสวยกว่ามาก จนตัวเองคิดว่าหายจากโรคแล้ว แต่พอลืมตาขึ้นมาดูกระจกก็พบว่าเราแก่กว่าเยอะเลย(แล้วเธอก็หัวเราะ)
 
    ลูกนัดเธอมาเป็นระยะ ๆ ก็พบว่าร่างกายของเธอแข็งแรงขึ้นมาก จากเดิมที่ต้องนั่งรถเข็นไปมา กลายเป็นเดินไปมาเองได้อย่างแข็งแรง จากซีดต้องให้กินยาบำรุงเลือดหรือบางทีต้องให้เลือด ก็หายจากซีด เจาะเลือดก็พบว่าความเข้มของเลือดกลับมาเป็นปกติ หน้าตาดูสดชื่น แจ่มใส อารมณ์ดี   ลูกๆ ของเธอก็กลับมาอยู่รวมกันอย่างมีความสุข อบอุ่น และเธอก็ได้ติดจานดาวธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ เธอยังดูแข็งแรงมากกว่าที่ควรจะเป็นมาก  ลูกได้ x-rays ปอดอีกครั้ง ก็พบว่าตัวมะเร็งเหมือนถูก freeze แช่แข็งไว้   ไม่มีน้ำในช่องปอดเลย ทั้งๆที่มะเร็งแพร่ไปทั่วแล้ว
 
    ลูกอยากเรียนถามหลวงพ่ออีกบางอย่างครับ ในสมัยเด็ก ๆ ลูกมักจะติดตามแม่ไปไหว้เจ้าบ่อยๆ  และแม่ก็ชอบไปดูเจ้าเข้าทรงด้วย  ลูกในสมัยเด็ก ๆ ชอบเป็นผื่นคัน รักษาไม่ค่อยหาย แม่ก็จะพาไปหาพ่อที่เข้าทรงแล้วได้ท่อนไม้ปลุกเสกมาฝนผสมกับเหล้าขาว เอามาทาผิวหนัง ก็หายทุกที    เวลาพี่ๆ จะสอบเข้า entrance ก็จะต้องไปขอพรจากพ่อเข้าทรงนี้ทุกคน และก็ได้สมความต้องการทุกครั้ง จนถึงพี่คนที่ 4 ก็ได้ไปขอให้ติดแพทย์ แต่พ่อเข้าทรงบอกว่าพี่ชายบุญไม่พอเป็นแพทย์ แต่ถ้าเป็นหมอฟันจะรุ่ง แล้วพ่อที่เข้าทรงก็มองมาทางลูกแล้วบอกว่ารอลูกคนเล็กซิ เขามีบุญที่จะได้แพทย์ ลูกตอนนั้นก็ไม่อยากเชื่อ เพราะพี่ของลูกเรียนเก่งกว่าลูกมาก แล้วพี่ของลูกก็สอบได้แค่ทันตแพทย์จริงๆ  ตอนลูกเรียน ม.5 พ่อเข้าทรงก็บอกลูกอีกว่าปีนี้จะเป็นปีที่ไม่ประสพความสำเร็จเลย สอบอะไรก็จะไม่ผ่าน ซึ่งลูกรู้สึกขำในใจแล้วคิดว่าเราจะต้องพยายามทำให้ติดให้ได้ แต่ปรากฏว่าลูกก็สอบ entrance ไม่ติดจริงๆ ซึ่งปกติเด็กเตรียมอุดมห้องของลูกต้องติดอะไรบ้าง  ต่อมาลูกพยายามอีกครั้งในปี ม. 6 และถือคติว่าใครก็ช่วยเราไม่ได้ ถ้าเราไม่ช่วยตัวเอง แล้วลูกก็สอบได้
 
    แต่ตอนที่อ่านหนังสือก่อนสอบ entrance นั้น ได้มีเหตุการณ์ประหลาดอย่างหนึ่ง คือ หลังจากลูกอ่านหนังสือเสร็จแล้วก็ล้มต้วลงนอน ลูกก็มีความรู้สึกขยับตัวไม่ได้เลย แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงประหลาดที่ดุ ดังน่ากลัว และเสียงเดินที่ดังมาก มาเรียกชื่อลูก แล้วบอกว่าให้ไปกับเขาได้แล้ว หมดบุญแล้ว แต่ลูกไม่ยอมไปกับเขา  ลูกบอกว่ายังไม่ได้ทำสิ่งที่ต้องการ ลูกเลยพยายามดิ้นจนหลุดมาได้ก็วิ่งหนีลงมาข้างล่าง เจอแบบนี้ถึง 3 วันติดๆ กัน แต่วันที่ 3 เจอแบบน่ากลัวที่สุด จนลูกคิดว่าต้องไปกับเขาแล้ว ลูกก็ยังพูดซ้ำๆ ว่า ลูกยังไม่ได้ทำสิ่งที่ต้องการเลย   หลังจากนั้นลูกได้ไปถามคุณครูของลูกที่เขานั่งสมาธิโดยการเพ่งกสิณ ท่านบอกว่า ลูกหมดบุญจริงๆ แต่ลูกขอแต่สิ่งที่ดีๆ เขาเห็นว่าลูกทำได้ และบุญใหม่ลูกมาทันพอดี จึงรอดมาได้ ต่อมาช่วงที่ลูกเรียนแพทย์ปี 3 ลูกได้ไปเล่นน้ำที่เขื่อนแม่แตง เกิดจมน้ำ ขณะที่จมน้ำอยู่นั้นเหมือนได้พูดคุยกับเขาว่าทำไมมาเอาตัวเร็วนัก ยังไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจเลย แล้วลูกก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำอีกครั้ง ก็พบลำไม้ไผ่ยาวอยู่ตรงหน้าพอดี ทำให้ลูกรอดตายมาได้
 
    อากู๋ (น้องของแม่) ค้าขายปลา อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันอาทิตย์ตอนเช้าตรู่ มีคนมาพบว่านอนสลบไม่หายใจในบ้านตนเอง ได้ส่งโรงพยาบาลแต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ เสียชีวิตด้วยวัยเพียง 48 ปีเท่านั้น ทั้งๆ ที่อากู๋ไม่มีโรคประจำตัว
 
    พ่อของลูก ก็ชอบมีอาการปวดศีรษะบ่อย ๆ จนบางครั้งต้องไปรักษากับจิตแพทย์ อาการก็ทุเลาลงเป็นบางครั้ง ส่วนแม่ของลูกมี 2 คน อาหม่าม้า เป็นแม่บุญธรรม มักจะอาการปวดศีรษะอยู่เรื่อยๆ ต้องทานยาบ่อยๆ แพทย์ให้ความเห็นว่าน้ำในหูไม่สมดุลย์กัน  อาแมะ เป็นแม่จริงของลูก ก็มีอาการปวดหลังและมีกระดูกสันหลังเคลื่อนและปวดหัวเข่าบ่อย ๆ
 
ลูกขอกราบเรียนถามหลวงพ่อครับ
 
1. คนไข้ของลูกที่นั่งเห็นองค์พระ  ทำกรรมอะไรมาครับถึงเป็นโรคนี้ และเธอต้องปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไปครับ  เธอเคยทำบุญสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร  ทำไมถึงมาพบหมู่คณะช้า  อดีตชาติเธอเคยปฏิบัติธรรมได้อย่างไร  ทำไมชาตินี้จึงได้มาเห็นองค์พระตอนป่วยหนักใกล้จะเสียชีวิต และการที่เราสอนให้คนนั่งธรรมะได้ จะมีอานิสงส์อย่างไรครับ
 
2. ทำไมร่างทรงนั้นถึงบอกเรื่องต่าง ๆได้ถูกทั้งหมด และรักษาลูกได้หาย และบอกว่าลูกจะได้เป็นแพทย์ได้อย่างถูกต้อง
 
3. การเป็นแพทย์ต้องทำบุญแล้วอธิษฐานจิตมาหรือเปล่าครับ และการที่ได้เป็นแพทย์แต่ละสาขาต้องทำบุญแตกต่างกันอย่างไร เช่น ศัลยแพทย์   สูติแพทย์
 
4. แพทย์บางสาขาก็เสี่ยงต่อการทำกรรมต่อ เช่น สูติแพทย์ ถ้าเด็กในครรภ์สงสัยว่าจะพิการหรือไม่สมประกอบ ในการแพทย์เห็นว่าควรจะทำแท้งได้ อย่างนี้ในทางกฎแห่งกรรม ผิดหรือไม่ครับ
(ภรรยาเจ้าของ Case เป็นหมอทำงานผ่าตัดผู้ป่วยหญิง)
 
5. วันที่ลูกรู้สึกตัวว่ามีใครจะมาพาตัวลูกไป และบอกว่าลูกหมดบุญแล้วนั้น เขาเป็นใคร มีมาจริงรึเปล่าครับ เขาฟังคำที่ลูกพูดว่า ยังไม่ได้ทำสิ่งที่ต้องการเลย  แล้วเข้าใจว่าอย่างไร  ลูกหมดบุญจริงๆ หรือเปล่า  และถ้าเป็นจริง บุญใดทำให้ลูกได้อยู่ต่อครับและจะอยู่ได้อีกนานไหม ต้องทำตัวอย่างไร ถ้าลูกบวชจะช่วยยืดอายุในการสร้างบารมีกับหลวงพ่อได้หรือไม่ครับ
 
6. พ่อและอามาม้าทำกรรมอะไรมาจึงปวดศีรษะอยู่เรื่อยๆ และอาแมะของลูกทำกรรมอะไรจึงปวดหลัง  จะต้องแก้ไขอย่างไร
 
7. อากู๋ของลูกทำกรรมอะไรมาจึงตายโดยไม่รู้สาเหตุ และตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ ได้รับบุญที่ลูกอุทิศให้หรือไม่ครับ
 
8. คนไข้ที่เกิดอุบัติเหตุแล้วมาเสียชีวิตในโรงพยาบาล วิญญาณของเขายังวนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาลหรือไม่ เวลาลูกอยู่เวรต้องนอนในโรงพยาบาล  เจ้าหน้าที่ที่นอนค้างอยู่ห้องข้าง ๆ มักได้ยินเสียงเปิด-ปิดประตูเข้าออกที่ห้องลูก  เป็นวิญญาณที่อยู่หรือเปล่าครับ และเวลาลูกนั่งสมาธิเสร็จ แผ่เมตตาจิตให้เขา เขารับบุญได้หรือไม่ครับ
 
9. ตัวลูก ภรรยา และลูกสาว 2 คน เคยทำบุญมากับหมู่คณะอย่างไรครับ และลูกจะมีโอกาสได้บวชตลอดชีวิตในบั้นปลายชีวิตหรือไม่ครับ
 
ขอกราบนมัสการหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. คนไข้ของลูกเป็น “มะเร็งเต้านม”  เพราะ ...“กรรมกาเม” เจ้าชู้    กับกรรมปาณาติบาตในอดีต  ตามมาส่งผล  เรื่องมีอยู่ว่าหลายกัปที่ผ่านมา  เธอเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา   โดยได้บวชเป็นพระอยู่ในระยะหนึ่ง  
 
 
  • และต่อมาได้ลาสิกขาบทไป  แล้วก็ได้ไประมาทในการดำเนินชีวิต  เช่น  เจ้าชู้ , และฆ่าสัตว์ขายและทำอาหาร  หลายวาระ  จึงทำให้พลัดจากหมู่คณะไป  
 
 
  • ในชาติหลัง ๆ จึงได้มาเป็นผู้หญิง   ,  โดยเฉพาะพุทธันดรที่ผ่านมา   ก็ได้กลับมาเจอหมู่คณะในสภาพที่สะบักสะบอม    และได้ตัวลูกเป็นกัลยาณมิตรให้คล้ายในชาตินี้จ่ะ!
 
  • ในชาติที่เคยบวชเป็นพระ  คนไข้ของลูกได้ตั้งใจปฏิบัติธรรมะ แต่ก็ไม่เห็นธรรมะสักที   จึงท้อใจ   เลยคิดว่าจะอยู่ดีหรือจะสึกดี  และในที่สุดก็ตัดสินใจสึก  โดยมีผลการปฏิบัติธรรมดีในระดับหนึ่ง บุญนี้แหละได้มาส่งผล  ให้ได้เข้าถึงองค์พระภายในตอนป่วย   และทำให้ยืดชีวิตอยู่ต่อมาได้อย่างอัศจรรย์จ่ะ!  
 
 
  • การที่แนะนำ ให้คนไข้เข้าถึงพระภายใน    ก็จะมีอานิสงส์ให้ได้มีดวงตาเห็นธรรมะเหมือนกันจ่ะ!
 
 
2. ร่างทรงที่บอกเรื่องราวต่าง ๆ ได้ถูกต้อง    เพราะ ...ความศรัทธาของทุก ๆ คนที่มีต่อร่างทรง     จึงพยายามให้เป็นไปตามที่ร่างทรงบอกจ่ะ!  เช่น ร่างทรงบอกว่าไม่ติดหมอเพราะ  บุญน้อย  แต่จะติดทันตแพทย์  จิตก็เลยฝังใจ แล้วก็พยายาม ทำเพียงให้ได้อย่างที่ร่างทรงบอก เป็นต้น  
 
 
  • ที่รักษาลูกหาย เพราะพอดีลูกเป็นโรคประเภทรักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย อีกทั้งสมุนไพรก็มีสรรพคุณในการรักษาโรคที่ลูกเป็นอยู่แล้วเป็นปกติ จ่ะ ! 
 
 
  • ส่วนคำพยากรณ์ที่ว่าลูกจะติดแพทย์นั้น   ก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของลูกเองต่างหาก  ,   ถ้าลูกไม่มีความพยายามก็ยาก ที่จะติดแพทย์ได้จ่ะ!
 
 
3. การเป็นแพทย์นั้น    ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งเหล่านี้   คือ  1.ความคุ้นที่เคยเป็นแพทย์มาก่อนในอดีต    2. บางคนได้อธิษฐานจิตอยากจะมาเป็นแพทย์   เพื่อช่วยเหลือคนให้พ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ  
 
 
  • และ 3.บางคนได้เกิดแรงบันดาลใจในปัจจุบันที่อยากจะเป็นแพทย์  ทั้ง ๆ ที่ ในอดีตก็ไม่เคยเป็น ด้วยจิตเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์จ่ะ!
 
 
  • การที่ได้เป็นแพทย์แต่ละสาขา  ก็ขึ้นอยู่กับความคุ้นในอดีต หรือความปรารถนามาในอดีตดังกล่าว    หรือเกิดจากแรงบันดาลใจในปัจจุบันเช่นเดียวกันจ่ะ!
 
 
4. “การทำแท้ง” ไม่ว่ากรณีใด     ล้วนมีวิบากกรรมทั้งสิ้น  แต่ว่ากรรมมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับเจตนา  เช่น  “รับทำแท้ง” เพราะ   “ผู้ท้องไม่พร้อม” เกิดจากความรักสนุกอย่างนี้บาปมาก
 
 
  • แต่ถ้าพิจารณาว่าเด็กคงพิการ    หรืออาจจะไม่สมประกอบจึงทำแท้ง อย่างนี้ก็บาปน้อยลงมาหน่อยนึงจ่ะ! ซึ่งก็จะมีผลทำให้อายุไม่ยืนในภพชาติต่อไป หรือถ้ากรรมมากก็จะถูกทำแท้งเช่นเดียวกันจ่ะ!
 
 
5. วันที่ลูกรู้สึกตัวว่าจะมีคนมาเอาตัวลูกไป    และบอกลูกว่าหมดบุญแล้ว    ก็เป็นเพียงแค่   “ความฝัน”  เท่านั้นจ่ะ!   
 
 
  • ต่อมาที่จะจมน้ำตายนั้น   ก็เป็นความ “ฝังใจ” จากความฝันครั้งแรก ,   ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่มีใครมารับลูกไปหรอกจ่ะ!  เป็นเพียงแค่   วิบากกรรมเล็กน้อย  ที่ลูกเอาน้ำไปราด “มด” ที่มาขึ้นภาชนะ  หรือพื้นเท่านั้น     บาปกรรมนี้ไม่ทำให้ถึงตาย  , ทำได้แค่ตกอกตกใจจ่ะ!
 
  • ตัวลูกยังไม่หมดบุญหรอก  แต่ว่าอย่าประมาทในการดำเนินชีวิต ให้สร้างบุญทุกบุญต่อไป  ไม่ว่าบุญบวชหรือบุญอะไรก็เป็นบารมีติดตัวลูกไปทั้งนั้นแหละจ่ะ!
 
 
6. พ่อและอาหม่าม้า “ปวดหัว” อยู่เรื่อย ๆ   เพราะ ...กรรมฆ่าสัตว์ทำอาหาร  เช่น  ทุบหัวปลา เป็นต้น มาส่งผล   ,  ส่วนพ่อมี   เศษกรรมสุราด้วย  จึงทำให้รู้สึกเครียดและต้องไปพบ “จิตแพทย์” ด้วยจ่ะ!

 
  • “อาแมะ” ปวดหลัง   เพราะ  ... ท่านอายุเยอะ    ก็เป็นไปตามวัยของสังขารในปัจจุบัน กอปรกับมีกรรมในอดีตที่ใช้แรงงานสัตว์มากเกินไป  ในชาติที่เกิดในสังคมเกษตรกรรมจ่ะ!
 
  • จะแก้ไขก็ต้องให้ทุกท่านสั่งสมบุญทุกบุญ   ทั้งทาน , ศีล ,   ภาวนา  และปล่อยสัตว์ปล่อยปลาให้ชีวิตเป็นทาน   กับรักษาไปตามอาการที่เกิดขึ้นจ่ะ!
 
 
7. “อากู๋” หัวใจวาย    เพราะกรรมในอดีต  ที่เลี้ยงสัตว์ไว้ฆ่าขายเป็นกรรมหลัก  ปัจจุบันก็ฆ่าปลาขายด้วยมาเสริมจ่ะ!

 
  • ตายแล้วก็ไปเป็น “ภุมมเทวา” ระดับล่าง  ด้วยบุญที่ทำสาธารณะกุศลในอดีต  ตามมาส่งผล  จึงทำให้ตายแบบไม่ทรมาน และยังไม่ไปอบายเพราะปาณาติบาต อีกทั้งก่อนตาย ก็ตายด้วยใจที่ไม่ใสไม่หมองด้วยจ่ะ!
 
  • ได้รับบุญที่ลูกอุทิศไปให้แล้ว  ,  จึงทำให้มีสภาพที่ดีขึ้น  คือ  มีกายผ่องใสขึ้น  ,  มีอาหารทิพย์    แต่ยังไม่มีวิมานอยู่จ่ะ!    ให้ทำบุญไปให้อีกบ่อย ๆ
 
 
8. คนไข้ที่เกิดอุบัติเหตุ   แล้วมาตายอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ,    บางพวกก็วนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาล  ,  บางพวกก็เป็นไปตามกรรม ที่ตัวทำไว้  เช่น  ไปอบายบ้าง  ,  ไปสุคติบ้าง  เป็นต้นจ่ะ!

 
  • ส่วนที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ยินเสียงประตูปิด – เปิด  เข้าออกก็เป็นเรื่องของความ “หวาด” ที่มีอยู่ในใจเป็นพื้นฐาน  ,  เพราะพวกกายละเอียดเขาเดินทะลุได้อยู่แล้ว    ไม่ต้องปิด – เปิดอะไรจ่ะ!
 
  • เวลาลูกแผ่เมตตาจิตภายหลังจากนั่งสมาธิ  ,  กายละเอียดที่อยู่ แถวนั้นบางพวกก็รับได้  ,  บางพวกก็รับไม่ได้    ขึ้นอยู่กับบาปกรรมมากหรือน้อยจ่ะ!
 
 
9. ตัวลูก , ภรรยา และลูกสาว 2 คน     ก็เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง”  ,  โดยเฉพาะตัวลูกนั้น    บางชาติ     ก็ไม่ได้บวช  ,  บางชาติก็บวชช่วงสั้น  ,  บางชาติก็บวชช่วงยาว    กับหมู่คณะจ่ะ!    
  • ลูกก็มีผังบวชอยู่แล้ว  ,  ปัจจุบันก็ขึ้นอยู่กับ  ใจของลูกที่จะปรารถนาสร้างบารมีแบบไหนจ่ะ!
 
  • ชาตินี้มาเจอกันอีก    ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ  อย่าให้ตกหล่นเลย    แล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์    อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ!
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม