มองโกล มองไกล ตอนที่ 2


[ 25 พ.ย. 2549 ] - [ 18264 ] LINE it!

บันทึกสะกดรอย เจงกิสข่าน

มองโกล มองไกล ตอนที่ 2

 
" />
" /> " />

" /> " />
    ลูก พ.ญ.วราธิป โอทกานนท์ (หมอติ๊บ) ขอเล่าเรื่องราวการทำหน้าที่นำแสงสว่างสู่มองโกเลียต่อเลยนะคะ เมื่อวานนี้ลูกได้เล่าถึงตอนที่ได้ไปบริษัทติดตั้งจานดาวเทียม ซึ่งในขณะที่ช่างกำลังทำการติดตั้งและจูนหาสัญญาณ ทีมงานก็ได้สะกดรอยตามร่องรอยของข่านองค์สุดท้ายแห่งมองโกลเลีย คือ ท่านบ็อธข่าน ไปยังมิวเซียม หรือ พระราชวังนี้จะรู้จักกันในนาม Green Palace ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2436-พ.ศ.2446 ใช้เวลา 10ปี ในการก่อสร้างเพื่อถวายให้แด่บ็อธข่าน ผู้นำทางศาสนาพุทธในธิเบตและมองโกเลีย และเป็นข่านองค์สุดท้ายของชาวมองโกล
 
    ท่านบ็อธข่าน เป็นพระราชาที่เคร่งครัดและศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และเป็นที่เคารพบูชาของคนทั้งประเทศด้วย ท่านได้ก่อตั้งผู้ดูแลปกครองทางการเมืองไปทั่วมองโกเลีย รวมถึงได้บวชเป็นพระในช่วงสุดท้ายของชีวิต และสวรรคต ในปี พ.ศ.2467 หลังจากที่สิ้นท่านบ็อธข่าน
 
" /> " />
 
" /> " />
    พระราชวังก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ทางประวัติศาสตร์แห่งแรกของมองโกเลีย ที่นี่จะมีรูปภาพ และภาพปักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพุทธประวัติ อยู่มากมายซึ่งวิจิตรสวยงามมาก นอกจากนี้ยังมีของสะสมของท่านบ็อธข่านไม่ว่าจะเป็น ฉลองพระองค์ รูปภาพและข้าวของต่างๆ เช่น ชามใส่นมม้า สำหรับทำโทษให้ทหารที่เชื่องช้าได้ดื่ม เห็นขนาดชามแล้วลูกคิดว่า คนยุคก่อนต้องตัวโตจริงๆ นึกยังไงก็นึกไม่ออกค่ะว่า เขาจะกินกันหมดได้ยังไง
 
    ลูกแอบคิดเล่นๆว่า ถ้าใครช้าต่อการสร้างบารมี แล้วพระเดชพระคุณหลวงพ่อลงโทษด้วยการให้ดื่มนมม้าปริมาณขนาดนี้ คงแย่แน่ๆค่ะ เพราะถ้าไม่สร้างบารมีเร็วมาก ก็คงจะไป (ปรโลก) เร็วเกินไปแหงๆ การได้ชมพิพิธภัณฑ์ของท่านข่านองค์สุดท้ายในครั้งนี้ ทำให้ลูกรู้สึกภาคภูมิใจแทนชาวมองโกลมากค่ะ ที่มีบรรพบุรุษรักษาพระพุทธศาสนาสืบทอดมาถึงลูกหลานด้วยชีวิต   
 
    ลูกได้มีโอกาสได้สวมวิญญาณลูกหลานมองโกล โดยได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตในกระโจมชาวมองโกลโดยแท้ หลังจากที่จดๆจ้องๆมองอยู่นอกกระโจมมานาน ลูกก็มีโอกาสได้เข้ากระโจมแล้วค่ะ กระโจมมองโกเลีย  รูปร่างเป็นทรงกลมมีหลังคา ที่ใช้ไม้เป็นโครง ปูผนังและหลังคาด้วยหนังแกะ การประกอบกระโจมสามารถทำได้ใน 1ชั่วโมง และใช้เวลารื้อเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
 
    บริเวณกลางกระโจม จะมีเตาเพื่อให้ความอบอุ่นและใช้ประกอบอาหาร มีปล่องระบายควันออกที่หลังคา เชื้อเพลิงที่ใช้ทำมาจากมูลวัวตากแห้งซึ่งไม่มีกลิ่น เวลาเผาไหม้ก็แทบจะไม่มีควัน ไม่เกิดมลพิษ อากาศในกระโจมจะอุ่นมาก เขาอธิบายว่า ผนังทรงโค้งกลมทำให้อากาศที่เข้ามาทางประตูสามารถหมุนเวียนถ่ายเท และเปิดให้อากาศออกทางหลังคาได้ ทำให้อยู่สบายไม่อึดอัด ต่อให้อากาศภายนอกติดลบแค่ไหน แต่ในกระโจมนี้ก็จะอุ่น
 
" />

" />
    ที่นี่ มีชุดของชาวมองโกเลียให้ลองใส่ด้วยค่ะ ลูกก็ลองเปลี่ยนค่ะ ให้ทำอะไรก็ทำลองหมดทุกอย่าง เนื้อม้าก็กินมาแล้ว แต่งตัวเสร็จแล้วก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พี่ชายของลูกคือ พี่ตั๋ง ที่ติดตามไปทำภารกิจนี้ด้วย ก็ได้สวมเหมือนกันค่ะ เขาบอกว่า สวมแล้วลูกเหมือนเจ้าหญิงมองโกล งั้นเขาก็เหมือนทหารองครักษ์ อันนี้ลูกไม่ได้โม้นะคะ และลูกได้ลองขี่ม้าและขี่อูฐด้วยค่ะ
 
" />

" />
    ซึ่งในระหว่างนี้ เราได้รับการติดต่อจากบริษัทจานดาวเทียมว่าให้ไปดูการทดลองจูนดาวธรรม ที่บริษัทฯ ซึ่งพบว่า สัญญาณอ่อนมากๆ รับได้ครู่เดียวก็หายไป ช่างเทคนิคต้องจูน ด้วยการขยับจานด้วยมือ เกร็งไปทั้งสีหน้าและแววตา ทุกคนก็ลุ้นกันเต็มที่  ตอนนั้นลูกก็เริ่มอธิษฐานขอบารมีพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ คุณยายอาจารย์ และคุณครูไม่ใหญ่ ขอให้จูนสำเร็จๆเถอะ
 
" />
    การทำหน้าที่ครั้งนี้ลูกก็เตรียมตัว เตรียมใจมาอย่างดีค่ะ ก่อนมาก็ได้ปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ ผลปฏิบัติธรรมของลูก ขณะที่ทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย จังหวะที่อารมณ์สบายๆ ลูกก็เห็นองค์พระปรากฏขึ้นที่กลางท้อง เป็นองค์พระที่ใสสว่างนวลๆ เห็นแล้วมีความสุขชุ่มชื่นไปทั้งกายและใจ
 
    ในระหว่างทำหน้าที่ก็ไม่ลืมที่จะนึกถึงองค์พระไปด้วย ซึ่งก็แปลกค่ะ แม้จะสาละวนอยู่กับการเดินทางหรือต้องทำนั่นทำนี่ตลอดเวลา แต่ลูกสัมผัสได้ว่า ใจของลูกขยายและมีความสว่างมากขึ้น เหนื่อยแต่มีความสุข เหมือนใจเราเบาๆ ชุ่มๆ นุ่มๆ ละมุนละไม  มีความปลื้มในใจตลอดเลยค่ะ
 
    ต่อมา เราก็ได้รับข่าวดีว่า จูนสัญญาณดาวธรรมที่วัดได้สำเร็จแล้ว พอไปถึงวัด เราก็เห็น DMC ปรากฏอยู่บนจอ พระมองโกลก็มานั่งลุ้นรอดูด้วยความตื่นเต้น สิ่งที่ทำให้ลูกน้ำตาไหล คือ ได้เห็นคุณครูไม่ใหญ่ ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ เหมือนได้ยืนยันว่า กองทัพธรรมได้ทำหน้าที่สำเร็จแล้ว
" /> " />
 
 
    คนที่ปลื้มใจเป็นพิเศษอีกคนคือ พี่ตั๋งค่ะ รีบไปเซ็นชื่อที่ดาวธรรม ซึ่งมีขนาดใหญ่ต่อมาทั้งพระชาวมองโกลและพวกเราก็ทยอยเซ็นชื่อในดาวธรรมประวัติศาสตร์ดวงแรกแห่งมองโกลเลีย พี่ตั๋งบอกว่า “นี่ก็อายุ 40ปีแล้ว ทำบุญมาก็เยอะ บวชมาก็หลายครั้ง แต่บุญนี้ปลื้มใจมากๆเลย ตายไปแล้วก็คงไม่ไปนรก” การเดินทางมาครั้งนี้เหมือนกับเราได้เป็นธรรมทูตเชื่อมชาติสองชาติ ให้ผูกร้อยด้วยสายใยแห่งพระพุทธศาสนา และ DMC
" /> " />
 
" /> " />
    ลูกๆ ขอกราบขอบพระคุณ ในความเมตตาของคุณครูไม่ใหญ่ ที่ได้เปิดโอกาสให้ได้รับภารกิจพิเศษครั้งนี้ และลูกจะคอยติดตามผลจนกว่าพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย ปักหลักลงรากในอาณาจักรมองโกล อย่างสมบูรณ์ ขอเอาบุญมาฝากนักเรียนอนุบาลทั่วโลกทุกคนค่ะ
" /> " />


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สาธารณรัฐ แอฟริกาใต้สาธารณรัฐ แอฟริกาใต้

มหาทุคตะ (ยุคปัจจุบัน)มหาทุคตะ (ยุคปัจจุบัน)

การบรรพชา-อุปสมบทหมู่ครั้งประวัติศาสตร์ที่อินเดียการบรรพชา-อุปสมบทหมู่ครั้งประวัติศาสตร์ที่อินเดีย



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน