เรื่องราวที่มาแรงที่สุดในช่วงนี้ เห็นจะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจากการเปิดบ้านกัลยาณมิตร Change-the-World-ค่ะ เพราะหลังจากจบโครงการบวชอุบาสิกาแก้วหนึ่งล้านคน ก็มีเสียงเรียกร้องอย่างเกรียวกราวจากอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทั่วไทยว่า ไม่อยากให้จบโครงการเลย เพราะกลัวว่าถ้าจากกันแล้วยากที่จะเจอกันอีก หรือถ้ามาเจอกันที่วัดแค่เดือนละครั้งก็นานเกินไป แต่เมื่อคุณครูไม่ใหญ่เปิดโครงการบ้านกัลยาณมิตร และ ศูนย์กัลยาณมิตร Change-the-World-ในปีกระต่าย จึงทำให้ปีนี้เป็นปีกระต่ายตื่นตัวค่ะ เพราะอุบาสิกาแก้วทุกคนต่างตื่นเต้นมีความสุกกันสุดๆ ตัวอย่างเช่น...

 

        กัลฯสุมณีย์ สุริยะไชยกร นายกสมาคมสร้างสรรค์สังคมไทย เขตมีนบุรี กล่าวว่า “ก่อนหน้าที่ลูกจะเข้าวัดพระธรรมกายใหม่ๆ ตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อเปิดโครงการบ้านกัลยาณมิตร ลูกก็จัดให้มีการสวดมนต์ที่บ้าน แต่ภายหลังหลวงพ่อมีโครงการใหญ่ๆ เพราะวิสัยทัศน์ของหลวงพ่อกว้างไกล ลูกก็เลยต้องขยายบ้านกัลยาณมิตรจากบ้านเล็กๆเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมใหญ่ๆ ลูกขยายวิสัยทัศน์ตามหลวงพ่อค่ะ เพื่อรองรับโครงการล้านทุกโครงการ โดยไปติดต่อผู้หลักผู้ใหญ่ และได้รับการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจากส่วนงานราชการหลายฝ่าย อีกทั้งยังอนุมัติให้ลูกใช้สำนักงานเขตมีนบุรีเป็นสถานที่จัดสวดมนต์อย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง เป็นเวลาสามเดือน ซึ่งพอวันเปิดโครงการครั้งแรก ลูกถึงกับตะลึง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยค่ะ เพราะไม่รู้คนมาจากไหนแห่กันมาสวดมนต์กว่าสามร้อยคน และยิ่งไปกว่านั้น...ปัจจุบันมีคนสนใจหมุนเวียนเข้าร่วมโครงการเป็นพันคนแล้วค่ะ...

 

 

 

        เมื่อลูกจัดสวดมนต์ต่อเนื่อง คนที่มาก็เกิดติดใจอย่างจริงจัง อย่างบางสัปดาห์ที่มีงานบุญเร่งด่วน ลูกจะแจ้งล่วงหน้าว่า สัปดาห์หน้าไม่จัดสวดมนต์ คนที่มาสวดมนต์ก็ไม่ยอมค่ะ ต่างก็บอกว่า “ถ้าหยุดสวด จะให้พวกเราไปสวดกันที่ไหน”-ลูกก็เลยบอกกับตัวเองว่า ถ้าอย่างนั้น...เป็นอย่างไรก็เป็นกัน เราจะจัดให้เต็มที่ถึงที่สุด”

 

 

 

 

 

 

 

        การจัดสวดมนต์ นั่งสมาธิ อย่างต่อเนื่องเช่นนี้เอง ทำให้มีคนใหม่ๆมากันมากมาย จนทำให้ลูกและทีมงานสามารถชวนคนมาบวชพระและอุบาสิกาแก้วได้อย่างต่อเนื่องทุกโครงการไม่ขาดเลยค่ะ แถมยังจัดรถบัสมาวัดได้ทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละหนึ่งคัน ส่วนต้นเดือนหรืองานบุญใหญ่ก็จัดถึง 2-3-คันอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และที่สำคัญที่สุด หลังจากการจบโครงการบวชพระและอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทุกครั้ง อดีตธรรมทายาทและอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ก็จะกลับมารวมตัวกันสวดมนต์ที่นี่ทุกวันพุธ ที่หอประชุมโรงเรียนมีนบุรี สัปดาห์ละครั้งไม่ขาดเลย

 

        ตัวอย่างเช่น อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนที่มาบวชตั้งแต่รุ่นแสน คือ กัลฯรวีวงศ์  จิรัตกิติวงศ์ หรือ พี่ดู๋ดี๋ เธอมาเข้าร่วมโครงการสวดมนต์สัปดาห์ละครั้ง ตั้งแต่เริ่มแรก เธอกล่าวกว่า พอสวดๆไปก็มีความสุข จนติดใจมาอย่างต่อเนื่อง เพราะหากไม่ได้มา เหมือนขาดอะไรไป แม้ทุกวันนี้จะย้ายบ้านไปอยู่จังหวัดชลบุรีแล้ว ก็ยังขับรถถึงสองชั่วโมง เพื่อมาสวดมนต์ที่มีนบุรีทุกสัปดาห์ เพราะมาที่นี่แล้วรู้สึกเหมือนเจอญาติสนิทที่คุ้นเคยกันมานาน และพอจบโครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนรุ่นล้าน ครั้งล่าสุด ณ ศูนย์อบรมวัดสัมมาชัญญาวาส เขตมีนบุรี เธอก็ได้รับตำแหน่งเป็นประธานชมรมอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนรุ่นล้าน...

 

 

        เธอบอกว่า อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนศูนย์อบรมวัดสัมมาชัญญาวาส มีสัญญาใจกันว่า “นับจากนี้ พวกเราจะมาเจอกันทุกวันพุธ”-ซึ่งทำให้อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนหลายคนถึงกับประทับใจมาก และต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เคยไปบวชที่อื่นมา ไม่เห็นเขาผูกพันมีเยื่อใย เหมือนมาบวชโครงการนี้เลย ที่อื่น...เขาเด็ดบัวไม่ไว้ใย  คือ ตัดขาดกันไปเลย แต่โครงการนี้ต้องใช้คำว่า เด็ด เหมือนกันค่ะ แต่ เด็ดดอกไม้ร่วมต้น คือ เคยทำบุญมาแต่ปางก่อน จึงต้องมาเจอกันอีก หน่ออ่อนต่างรู้สึกว่า...รักแท้มีจริง”

 

 

        มากันที่อุบาสิกาแก้วภัทรีรัตน์ พุธลาภรุ่งเรือง ที่บวชมาทุกรุ่นค่ะ เธอเล่าว่า “หากอยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้สวดมนต์ แต่พอมาที่ศูนย์ก็มีกำลังใจอยากจะสวดมนต์ และยิ่งตอนนี้ นอกจากเราจะมาสวดมนต์ที่นี่ทุกวันพุธแล้ว พวกเรายังนัดกันหมุนเวียนกันไปสวดมนต์ตามบ้านของอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน หน่อใหม่ๆ และในฐานะที่บวชมาทุกรอบ และมาสวดมนต์ที่ศูนย์เป็นประจำ ถ้าใครจะเปิดบ้านกัลยาณมิตรใหม่ ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวจะเป็นพี่เลี้ยงให้เองค่ะ”

 

 

************************