การใช้ชีวิตแบบ Slow


[ 17 ม.ค. 2554 ] - [ 18270 ] LINE it!

                               
การใช้ชีวิตแบบ Slow
">

">


">
Slow Life
">

">

">
      
ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา หลายๆ ท่านคงได้ใช้วันหยุดยาวกันตามใจชอบ ได้ทำในสิ่งที่ปรารถนาแบบสบายๆ ทั้งๆ ที่ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเราได้ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ทำให้ถูกบีบคั้นทั้งร่างกายและจิตใจกันมาก วันนี้จึงจะขอเชิญทุกท่านมาใช้ชีวิตแบบ Slow กัน
ตอนนี้กระแสของการใช้ชีวิตช้าลงสักนิดเริ่มมาแรง โดยเริ่มมาจากทางยุโรป ตอนนี้ก็แผ่ขยายไปหลายๆ ที่ รวมทั้งประเทศไทยของเราเอง ก็คือกระแสที่ว่าทำอะไรช้าลงสักนิด เพื่อชีวิตที่จะดีกว่า กระแส Slow Living หรือ กระแสการใช้ชีวิตให้ช้าลง ก็เริ่มต้นจากครั้งแรกที่มีการบันทึกไว้คือ การที่มีร้าน fast food ชื่อว่า McDonald’s ไปตั้งที่ใจกลางกรุงโรม ก็เลยมีคนออกมาประท้วง ให้ใช้การทำอาหารแบบ Slow food โดยการใช้วัสดุที่ปรุงด้วยอาหารพื้นบ้าน ใช้เวลา ใช้ความประณีต ในการทำให้เพิ่มมากขึ้น จากนั้นจึงเริ่มมีกระแส Slow movement, Slow living, Slow parents เป็นกระแสออกมาเรื่อยๆ
">
">
">
">
">
">
">
 
">
">
">
">
Slow Life 
">
">
">
">
 
      แต่ในทางธรรมนั้น เราจะพูดอะไรนั้นต้องมีหลักการ คือ ในเฮิร์ตฟอร์ดเชียร์      ( University Of Herfordshier ) ประเทศอังกฤษได้ทำการวิจัยพบว่าในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา คนเมืองอย่างเราๆใช้ชีวิตเร่งรีบมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยความเร่งรีบนี้สามารถวัดได้จากความเร็วในการเดิน ซึ่งปัจจุบันคนทั่วโลกเดินเร็วขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของความเร็วที่เราใช้เดินกัน งานวิจัยยังพบอีกว่าเวลาที่เราเร่งรีบกัน สมองที่เป็นคลื่นเร็วนี้ มันจะมีศักยภาพเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์  ศักยภาพอีก 90 เปอร์เซ็นต์ มาจากคลื่นช้า เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากให้สมองทำงานเต็มที่ หรือเอาศักยภาพของสมองอีก 90 เปอร์เซ็นต์มาใช้เราจะต้องฝึกสมองให้ไปใช้คลื่นช้าที่ไม่ใช่คลื่นเร็ว คลื่นช้าในที่นี่ ไม่ใช่การทำทำอะไรให้ช้าลงเพียงอย่างเดียว แต่มันคือการมีสติ ใจสงบ ใส่ใจในรายละเอียด ไม่ใช่พอซื้ออาหาร fast food มาก็รีบๆ ทาน รีบๆ เสร็จ แต่ต้องทานอย่างมีสติ เหมือนดังตอนที่พระท่านฉันอาหารนั้นเอง
">
 
Slow Life 
">
 
">
      การใช้ชีวิตแบบช้านี้ ต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน โดยการใช้ชีวิตให้ผ่อนคลาย ตั้งแต่เช้าด้วยการตื่นเช้า ออกไปรับอรุณเดินชมนก ชมสวน เวลาอาบน้ำก็อาบให้ช้าลงซักนิดหนึ่ง ลองตัดกิจกรรมบางส่วนออกไปบ้าง แล้วมานั่งนิ่งๆ ผ่อนคลายสบายๆ เสร็จแล้วก็ออกกำลังกาย จะเดิน จะวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ ให้พอได้เหงื่อบ้าง ถ้าพอมีเวลาว่างเหลืออยู่ลองใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แก่สังคม และท้ายที่สุดก็คือ การยิ้ม ยิ้มให้กับตัวเองในกระจก และยิ้มให้กับคนรอบข้าง
">
 
     มีการวิจัยออกมาแล้วว่า การใช้ชีวิตแบบช้าลง จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น แล้วผลงานดีขึ้นด้วย นักวิจัยพบว่าคนในยุคปัจจุบันนี้อะไรๆ ก็รีบไปหมด เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารรอบตัว ตรงนี้อยากฝากไว้ว่า การใช้ชีวิตแบบ Slow มี Slow 2 แบบคือ
 
1.       การ Slow ตามเวลาภายนอก คือ การทำตัวให้ช้าลงอีกสักหน่อยตามเข็มนาฬิกา เคยเดินเร็วๆ ก็เดินให้ช้าลงมาหน่อย แล้วหาเวลาอยู่กับตัวเองสบายๆ บ้าง นี่คือ Slow ภายนอก
">
 
">
2.       การ Slow ภายใน เงื่อนไขอยู่ที่ใจของเราเอง คือการทำทุกอย่างด้วยความเร็วเท่าเดิมตามปกติ แต่ถ้าเกิดใจเรามีสติ นิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย เราจะพบว่า เราจะมองเห็นทุกอย่างได้ชัด แล้วใจเราจะนุ่มๆ สบายๆ ทำทุกๆ อย่างได้ ให้เราทราบว่าเวลาภายในของแต่ละคนไม่เท่ากัน คนไหนใจเครียด ใจเกร็ง มันจะอึดอัด แม้จะทำอากัปกิริยาเท่าคนอื่นเขา ก็ยังมีความเครียดอยู่ภายในทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่ดี แต่เมื่อไหร่ที่ใจอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ใจจะสบายๆ ทำอะไรได้ดีกว่าคนอื่นๆ
">
">
 
">
Slow Life 
">
">
 
">
">
      หลักของการปรับเวลาภายในอยู่ที่ใจ คือ ทำให้ใจเรามีสติ ตัวอย่างเช่น นักกีฬาหญิงคนหนึ่ง เป็นนักกีฬาวิ่ง 100 เมตร ในกีฬาทั้งหมด กีฬาที่ต้องใช้ความเร็วสูงสุดในการเคลื่อนไหวคือ วิ่ง 100 เมตร นักวิ่งหญิงคนนี้วิ่งแบบทิ้งคู่แข่ง อย่างไม่ต้องดูภาพถ่ายเพื่อตัดสินผลการแข่งขันเลย คนที่วิ่งได้ที่ 2 บอกว่า เธอวิ่งเหมือนติดจรวดเลย มองแล้วหมดปัญญาวิ่งตามให้ทัน คราวนี้เขาเอารูปถ่ายตอนเธอวิ่งมาดุกัน ปรากฏว่า เธอยิ้มตลอดเวลาที่เธอวิ่ง ซึ่งแตกต่างจากนักวิ่งคนอื่นๆ ที่เวลาวิ่งจะหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่เธอกลับวิ่งอย่างสบายๆ ปรับเวลาภายใน ขณะที่ข้างนอกเคลื่อนไหวสุดฝีเท้า แต่ใจกลับสบายๆ ผลคือเธอสวามารถวิ่งอย่างสุดฝีเท้า พร้อมกับยิ้มไปด้วยได้ สิ่งนี้ช่วยให้เห็นว่า เราปรับเวลาภายในของเราเองได้  1 วินาทีของเรา จะมีค่าเท่ากับ 2-3 วินาทีของคนอื่น
">
">
 
">
">
Slow Life
 
">
">
 
">
">
      ในขณะเดียวกันก็ต้องให้ความสำคัญกับเวลาภายนอก ต้องปรับอะไรที่ไม่จำเป็นก็ลองตัดออกดูบ้าง มีเวลาออกกำลังกาย พักผ่อน อยู่กับครอบครัว ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ แล้วเราจะพบว่าชีวิตเราโดยรวมนี้ดีขึ้น เช่น กิจวัตรของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ เวลาย่ำรุ่งก็สอดข่ายพระญาณตรวจดูสัตว์โลก แล้วเสด็จบิณฑบาตไปโปรดสัตว์โลก อย่างนี้เป็นต้น ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ท่านแบ่งเวลาเป็นระเบียบ แม้ในขณะนั้นยังไม่มีรถ แต่ในระยะเวลา 45 ปี ท่านก็สามารถแผ่ขยายพระพุทธศาสนาไปอย่างกว้างขวางได้ เพราะท่านทำอย่างสบายๆ ผลลัพธ์จึงเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
">
 
">
     ดังนั้นเราทุกคนจึงควรใช้ชีวิตอย่าง slow สบายๆ ด้วยการมีสติอยู่กับตัว ใจจดนิ่งที่ศูนย์กลางกายเสมอๆ ทำให้ชำนาญ ทำบ่อยๆ จนชิน แล้วทุกท่านจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข
 
">
">
">
">
">
">



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ภาษาบาลีและสันสกฤตมีความสำคัญอย่างไรภาษาบาลีและสันสกฤตมีความสำคัญอย่างไร

การเรียนบาลีมีประโยชน์อย่างไรการเรียนบาลีมีประโยชน์อย่างไร

งานบวชพระคืออะไร ทำไมในชีวิตลูกผู้ชายต้องบวชให้ได้อย่างน้อย1พรรษางานบวชพระคืออะไร ทำไมในชีวิตลูกผู้ชายต้องบวชให้ได้อย่างน้อย1พรรษา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

Review รายการ