ยิ่งมืด ยิ่งใกล้สว่าง


[ 26 พ.ค. 2554 ] - [ 18287 ] LINE it!

 
ยิ่งมืด  ยิ่งใกล้สว่าง
 
  
ความหดหู่ทดท้อ หมดกำลังใจ
 ความหดหู่ทดท้อ หมดกำลังใจ
 
 
             ความหดหู่ทดท้อ  หมดกำลังใจ เพราะเผชิญกับความลำบากแสนสาหัส  ในขณะวิบากกรรมกำลังส่งผล  มักทำให้หลายคน  อยากตัดสินใจยุติชีวิตเพื่อให้พ้นจากความทุกข์ในปัจจุบัน  แต่นั่นเป็นการดื่มยาพิษแก้กระหาย  มิใช่หนทางการแก้ปัญหาที่แท้จริง  ขอให้เชื่อเถิดว่า คุณค่าในตัวเรายิ่งใหญ่นัก  เกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้  ความทุกข์เผ็ดร้อนเป็นดังหมอกควัน  ที่ปกคลุมอำพรางมิให้ส่องแสงสว่างอันเจิดจ้าแห่งความสุข  ที่อยู่ภายในของทุกคน  ดังเรื่องราวจริงในสมัยพุทธกาล
 
              มีนางทาสี ชื่อว่า รัชชุมาลา เป็นทาสในเรือนเบี้ย คือ เกิดมาเป็นทาส  เพราะพ่อแม่เป็นทาสในตระกูลพราหมณ์คนหนึ่ง  ในกรุงสาวัตถี  วันหนึ่งตระกูลนั้นได้แต่งสะใภ้เข้ามาแล้วตั้งให้เป็นใหญ่ในเรือน  นับแต่นางเห็นลูกสาวทาสี  ก็ไม่ชอบหน้าด้วยเหตุที่ผูกเวรกันมาข้ามชาติ  นางแสดงอาการฮึดฮัดด่าว่าด้วยความโกรธ  และชูกำหมัดใส่ลูกสาวทาสีนั้น  เมื่อลูกสาวทาสีเติบโตขึ้นพอจะทำการงานได้  นางก็ใช้เข่า ศอก กำหมัด ทุบตีเธอประจำ
 
             เมื่อเบียดเบียนอยู่อย่างนี้  โดยไม่มีเหตุที่สมควรเลย  นางได้จิกผม  ใช้ทั้งมือทั้งเท้าตบถีบอย่างเต็มที่  ทาสีนั้นเมื่อโดนทำร้ายบ่อยๆ  จึงไปศาลาอาบน้ำแล้ว  โกนผมเสียเกลี้ยง  เมื่อหญิงสะใภ้เห็นจึงกล่าวว่า “เฮ้ย อีทาสีชั่ว เพียงโกนผมเกลี้ยมึงคิดว่าจะพ้นหรือ”  แล้วเอาเชือกพันศรีษะ จับนางให้ก้มลงเฆี่ยนตรงนั้น  และสั่งไมให้นางเอาเชือกนั้นออก  นางทาสีจึงได้ชื่อว่า  รัชชุมาลา (ผู้มีเชือกเป็นมาลา)  ตั้งแต่นั้นมา
 
 
ทาสในเรือนเบี้ย 
ทาสในเรือนเบี้ย
 
             นางรัชชุมาลาได้รับทุกข์ทรมานเช่นนั้นทุกๆ วัน อยู่นานหลายปี  จนสุดความอดทน  วันหนึ่งจึงคิดว่า “จะมีประโยชน์อะไร  ด้วยชีวิตอันลำเค็ญเช่นนี้ของเรา”  เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต  คิดจะฆ่าตัวตาย
 
             ในวันนั้นเอง  ตอนใกล้รุ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จออกจากมหากรุณาสมาบัติ  ทรงตรวจดูสัตว์โลก  เห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติผลของนางรัชชุมาลา  และการดำรงอยู่ในสรณะและศีลของนางพราหมณ์สะใภ้นั้น  จึงเสด็จเข้าไปป่าประทับนั่งที่โคนไม้ต้นหนึ่ง  ทรงเปล่งรัศมี  เป็นฉัพพรรณรังสี(แสง ๖ ประการ)  ออกไป
 
              ฝ่ายนางรัชชุมาลาคิดจะผูกคอตาย  จึงถือเอาหม้อน้ำออกจากเรือนไป  ทำทีเดินไปท่าน้ำ  เข้าไปในราวป่าตามลำดับผูกเชือกเข้ากิ่งไม้ต้นหนึ่ง  ที่ไม่ไกลจากต้นไม้ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่ง  ประสงค์จะทำเป็นบ่วงผูกคอตาย  หันมองดูไปข้างโน้นข้างนี้  ก็เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งอยู่ ณ ที่นั้น  ดูน่าเลื่อมใสอย่างยิ่ง  กำลังเปล่งพระพุทธรัศมีอยู่  ครั้นเห็นแล้ว  ใจก็ถูกความเคารพในพระพุทธเจ้าเหนี่ยวรั้งไว้  จึงคิดว่า ทำไฉน พระคุณเจ้านี้จะแสดงธรรมแม้แก่คนเช่นเราที่ได้ฟังแล้ว  พึงพ้นจากชีวิตที่ลำเค็ญนี้ได้หนอ
 
             ครั้งนั้น  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบวาระจิตของนางแล้ว  จึงตรัสเรียกว่า “รัชชุมาลา”  นางได้ยินพระดำรัสนั้นแล้วเกิดปีติว่า “พระองค์รู้จักเรา”  เป็นประหนึ่งว่า ถูกโสรจสรงด้วยน้ำอมฤต  ได้ถูกปีติสัมผัสไม่ขาดสาย  เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า  ถวายบังคมแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง
 
 
พระผู้มีพระภาคเจ้า
 พระผู้มีพระภาคเจ้า
 
 
             พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอนุปุพพีกถา  และอริยสัจ ๔ แก่นาง  นางก็ได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล  พระศาสดาทรงดำริว่า “บัดนี้นางเกิดเป็นคนใหม่ที่ใครๆ  จะกำจัดไม่ได้แล้ว”  แล้วจึงเสด็จจากไป
 
             ฝ่ายนางรัชชุมาลา  ได้เกิดใหม่ภายในเป็นโสดาบันบุคคล  กายใจผ่องใส  สมบรูณ์ด้วยสิริวรรณะและพลังใจ  หมดความคิดที่จะฆ่าตัวตายอีก  จึงคิดว่า “นางพราหมณ์จะฆ่าหรือจะเบียดเบียนเรา  หรือจะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ช่างเถิด”  แล้วเอาหม้อตักน้ำกลับไปเรือน  ฝ่ายพราหมณ์เจ้านายยืนอยู่ที่ประตูเรือนเห็นนางแล้ว จึงถามว่า “วันนี้ เธอไปท่าน้ำตั้งนานแล้วจึงมา  และสีหน้าของเธอก็ดูผ่องใสยิ่งนัก เธอดูเปลี่ยนไปเพราะอะไร”  นางจึงเล่าความเป็นไปนั้นแก่เจ้านาย
 
             พราหมณ์ฟังคำของนางก็ยินดี  เข้าไปในเรือนแล้วกล่าวแก่ลูกสะใภ้  ไม่ให้ปฏิบัติต่อนางรัชชุมาลาเช่นเดิมอีก  แล้วไปยังสำนักของพระศาสดา  ถวายบังคมแล้ว  นิมนต์พระศาสดาแล้วนำมาสู่เรือนของตน  อังคลาสเลี้ยงดูด้วยของเคี้ยวของฉันอันประณีต  พอพระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยเสร็จ  ชักพระหัตถ์ออกจากบาตร  จึงเข้าไปเฝ้าถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่สมควร
 
             พระศาสดาตรัสกรรมที่ผูกเวรกันมาในชาติก่อนของนางรัชชุมาลา  และของนางพราหมณ์นั้นโดยละเอียด  แล้วทรงแสดงธรรมตามสมควรแก่บริษัทที่มาประชุมกัน  นางพราหมณ์และมหาชนที่ประชุมกันในที่นั้นฟังธรรมนั้นแล้ว  ต่างดำรงอยู่ในสรณะและศีล  พระศาสดาเสด็จลุกขึ้นจากอาสนะ  ได้เสด็จไปกรุงสาวัตถีตามเดิม
 
             พราหมณ์ได้ตั้งนางรัชชุมาลาไว้ในตำแหน่งเป็นลูกสาวฝ่ายสะใภ้ของพราหมณ์  ก็มองดูนางรัชชุมาลาด้วยนัยน์ตาแสดงความรัก  หมดเวรที่อาฆาตกันมาข้ามชาติ  ปฏิบัติต่อกันด้วยความสิเน่หาน่าพอใจทีเดียวตราบเท่าชีวิตหาไม่
 
 
เทพธิดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เทพธิดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
 
 
 
             ต่อมานางรัชชุมาลาตายไปบังเกิดเป็นเทพธิดา  ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  นางมีอัปสรพันหนึ่งเป็นบริวาร  นางประดับองค์ด้วยเครื่องอาภรณ์อันเป็นทิพย์มีประมาณบรรทุกหกสิบเล่มเกวียน  เสวยทิพยสมบัติอย่างใหญ่หลวง  มีใจเบิกบานเที่ยวเตร่ไปในสวนนันทวัน เป็นต้น  ครั้งนั้นท่านพระมหาโมคคัลลานะไปเที่ยวเทวจาริก  เห็นนางรุ่งโรจน์อยู่ด้วยเทวานุภาพ  ด้วยเทวฤทธิ์อันยิ่งใหญ่  จึงถามถึงกรรมที่นางได้กระทำไว้  แล้วกลับมาเล่าให้พุทธบริษัทฟัง
 
              จะเห็นได้ว่าเมื่อความมืดแห่งรัตติกาลมาเยือน  ยิ่งมืดหนักเข้าเท่าใด  ก็ย่อมเป็นสัญญาณว่า  ความสว่างของอาทิตย์อุทัยกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า  เราต้องเชื่อมั่นว่า  วิบากกรรมอันเผ็ดร้อนจากอกุศลกรรมที่ส่งผลอยู่  ย่อมมีสักวันที่หมดแรงหรือบุญที่เราสั่งสมไว้ในอดีตย่อมตามมาส่งผลสักวัน  เราต้องสู้ความทุกข์ด้วยการหมั่นสั่งสมบุญไปทุกๆ วัน  ให้บุญเข้มข้นจนไปตัดรอนวิบากกรรมเก่าให้หมดสิ้นไป  เมื่อนั้น แสงสว่างแห่งความสุขจะมาเยือนและอยู่กับเราตราบนิรันดร์
 
 
 
 
แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า  27 - 31
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
กล้าสู้อุปสรรคกล้าสู้อุปสรรค

แหล่งกำเนิดกำลังใจแหล่งกำเนิดกำลังใจ

ผู้ชนะที่แท้จริงผู้ชนะที่แท้จริง



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก