วันวิสาขบูชา ตอน วันประสูติ


[ 28 พ.ค. 2550 ] - [ 18290 ] LINE it!

 
วิสาขบูชา Vesak Day
ตอน วันประสูติ
  
ดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญปราศจากมลทิน โคจรไปในอากาศ
ย่อมสว่างกว่าหมู่ดาวบนท้องฟ้า ด้วยกำลังแห่งรัศมี ฉันใด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เมื่อทรงอุบัติขึ้น
ย่อมรุ่งโรจน์กว่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ฉันนั้น  
 
        การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็นที่สุดแห่งบุญลาภของสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระองค์ทรงขจัดความทุกข์ของมนุษย์ให้พบสุขอันเป็นนิรันดร์ เหมือนดวงจันทร์ที่ขจัดความมืดมิดในรัตติกาล ทำความสว่างไสวให้เกิดขึ้นบนท้องนภา การได้ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐ ทำให้พระองค์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เหนือมนุษย์ทั้งหลาย เป็นครูทั้งของมนุษย์และเทวดา
 
        นับย้อนหลังจากมหาภัทรกัปนี้ไปใน ๔ อสงไขยแสนมหากัป พระบรมโพธิสัตว์ได้บังเกิดเป็นบุตรของเศรษฐีในเมืองอมราวดี เมื่อบิดามารดาตายหมดแล้ว จึงคิดว่า  “ทรัพย์สมบัติมากมายที่บรรพบุรุษของเราได้สั่งสมต่อๆ กันมาขนาดนี้ ไม่เห็นมีใครนำติดตัวไปได้สักคนเดียว  ดังนั้น จะมีประโยชน์อะไรที่เราจะมาหลงใหลมัวเมากับทรัพย์สมบัติเหล่านี้”  ว่าแล้วก็บริจาคทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่หลายร้อยโกฏิให้เป็นทานจนหมด  ออกบวชบำเพ็ญพรตมีนามว่า “สุเมธดาบส”
 
        ต่อมาท่านได้มีโอกาสพบพระทีปังกรพุทธเจ้า ได้ทอดตนเหนือโคลนตามเป็นสะพานให้พระพุทธองค์ได้ก้าวข้ามไป แล้วตั้งความปรารถนาต่อเบื้องพระพักตร์ของพระบรมศาสดาว่า “ในอนาคตกาล ขอให้ข้าพระองค์ได้สำเร็จเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าเหมือนดังเช่นพระพุทธองค์ด้วยเถิด”
 
        พระทีปังกรพุทธเจ้าทรงเห็นด้วยพุทธญาณว่า “บุคคลนี้คือพระโพธิสัตว์ที่สั่งสมบารมีมายาวนาน” จึงมีพุทธพยากรณ์ว่า ท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้าสมหวังดังใจปรารถนา” 
 
        เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ท่านก็ทุ่มเทสร้างทสบารมีและได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรื่อยมาถึง ๒๕ พระองค์   ทรงบริจาคโลหิตเป็นทานมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ ทรงสละเนื้อเป็นทานมากกว่ามหาปฐพี ทรงสละพระเศียรเป็นทานก็สูงกว่าเขาพระสุเมร และทรงสละดวงพระเนตรเป็นทานมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า
 
        หัวใจของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายยิ่งใหญ่เกินผู้ใดในอนันตจักรวาล แม้รู้ว่าสกลจักรวาลทั้งสิ้น เต็มด้วยถ่านเพลิงอันร้อนแรง เต็มไปด้วยหอกและหลาวที่แหลมคม หรือเต็มด้วยน้ำปริ่มฝั่งแล้ว หากสามารถก้าวข้ามได้ จะได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ตัดสินใจที่จะทอดเท้าก้าวข้ามไป เพื่อให้ได้มาซึ่งสัพพัญญุตญาณอันประเสริฐ
  
เมื่อพระบรมโพธิสัตว์สั่งสมบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ เต็มเปี่ยมบริบูรณ์แล้ว ก็ได้กลับขึ้นไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นท้าวสันดุสิตเทวราชจอมเทพแห่งดุสิตเทวภูมิ ครั้นได้เวลาอันเป็นอุดมมงคล เทวดาในหมื่นจักรวาลได้พร้อมใจกันเข้าไปทูลอาราธนาให้เสด็จลงไปตรัสรู้ธรรมในมนุษยโลกว่า
 
    ข้าแต่พระมหาวีระเจ้า  บัดนี้เป็นกาลสมควรแล้ว ขอได้โปรดอุบัติในพระครรภ์พระมารดา  เพื่อตรัสรู้อมตธรรม นำพาโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลกให้ข้ามสังสารวัฏอันยาวไกลไปสู่นิพพานด้วยเถิด
 
        พระบรมโพธิสัตว์ครั้นได้ทรงสดับการอาราธนาให้ลงไปจุติเพื่อตรัสรู้ธรรมแล้ว ก็ทรงพิจารณาปัญจมหาวิโลกนะว่า “เราจะไปบังเกิดที่ไหนดี”
 
    ทรงพิจารณาอายุของสัตว์โลก ว่า ธรรมดาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะอุบัติขึ้นในยุคสมัยที่มนุษย์มีอายุระหว่าง ๑๐๐ ปี ถึง ๑ แสนปีเท่านั้น เพราะถ้าหามนุษย์มีอายุมากกว่า ๑ แสนปี ก็จะไม่เข้าใจเรื่องชาติ ชรา มรณะ เนื่องจากมีอายุยืนยาว จึงมากไปด้วยความประมาท เมื่อพระศาสดาตรัสสอนเรื่องไตรลักษณ์ คือความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ก็จะไม่เชื่อฟัง แต่ครั้นมนุษย์มีอายุต่ำกว่า ๑๐๐ ปี ก็จะมีจิตใจหนาไปด้วยกิเลส คนอายุน้อย ไม่มีเวลาพอที่จะศึกษาธรรมะ มัวแต่ทำมาหากินและหลงใหลในโลกียวิสัย
 
        ทรงพิจารณาทวีปทั้ง ๔ คือ บุพพวิเทหทวีป อุตตรกุรุทวีป อมรโคยานทวีป และชมพูทวีป  ทรงเห็นว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงอุบัติขึ้นในชมพูทวีปเท่านั้น
 
        ทรงพิจารณาเห็นมัชฌิมประเทศ เป็นสถานที่บังเกิดขึ้นของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ทรงเลือกที่จะถือกำเนิดในขัตติยตระกูล  และพิจารณาเห็นว่าสตรีผู้สมควรเป็นพุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายา เพราะพระนางได้สั่งสมบารมีมาแสนกัปบริบูรณ์ เป็นสตรีผู้รักษาศีลห้าได้บริสุทธิ์เป็นปกติ
 
        ครั้นทรงพิจารณาปัญจมหาวิโลกนะแล้ว จึงรับอาราธนาของท้าวมหาพรหมและเทพยดาทั้งหลาย เสด็จจากทิพยนันทวันอุทยาน ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายาราชเทวี อัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์
 
        เมื่อวันอาสาฬหปุรณมีมาถึง พระนางสิริมหามายาได้ทรงบริจาคทานตามปกติ เสวยโภชนาหารอันประณีต ทรงสมาทานอุโบสถศีลดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาเป็นประจำ แล้วเสด็จเข้าสู่ห้องบรรทม ทรงนิทรารมย์ในปฐมยามแห่งราตรี ครั้นเวลารุ่งสว่าง พระนางได้ทรงสุบินนิมิตว่า
 
        “ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔  ได้พร้อมใจกันมาอัญเชิญพระนางไปพร้อมทั้งพระแท่นที่ประทับ นำไปยังป่าหิมพานต์ แล้วประดิษฐานลงบนแผ่นหินใหญ่ ภายใต้ต้นรัง ขณะนั้น มีนางเทพธิดามาเชิญพระนางให้เสด็จไปสรงน้ำในสระอโนดาต ลูบไล้ด้วยของหอม ประดับด้วยทิพยบุปผา จากนั้นก็อัญเชิญพระนางให้เสด็จเข้าบรรทมในวิมานทองซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดภูเขาเงิน  ในขณะนั้น ได้มีพญาช้างเผือกเชือกหนึ่ง ลงมาจากภูเขาทองมาสู่ห้องบรรทมของพระนาง ชูงวงถือดอกบัวขาวมีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ววิมาน เวียนประทักษิณพระนางครบ ๓ รอบแล้ว ปรากฎเสมือนหนึ่งว่า เข้าสู่พระอุทรทางด้านเบื้องขวาของพระนาง”
 
        ในขณะที่พระนางสิริมหามายาทรงสุบินนิมิตนั้น พระบรมโพธิสัตว์เสด็จจุติลงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนาง ขณะนั้น ก็พลันบังเกิดกัมปนาท แผ่นดินไหวมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ บุพนิมิต ๓๒ ประการได้ปรากฏขึ้นแล้วในหมื่นจักรวาล  ครั้นเวลารุ่งเช้า  พระนางเจ้าสิริมหามายาได้กราบทูลเล่าสุบินนิมิตให้พระสวามีทรงทราบ พระเจ้าสุทโธทนะจึงรับสั่งให้เชิญพราหมณ์ปาโมกข์โหราจารย์ทั้งหลายเข้าเฝ้า เพื่อให้ทำนายสุบินนิมิตของอัครมเหสี
 
        โหราจารย์ทั้งหลายฟังแล้ว ก็กราบทูลพยากรณ์ว่า “พระสุบินนิมิตของพระราชเทวี เป็นมหามงคลอันประเสริฐ พระองค์จะได้พระโอรสที่เลิศกว่าบุรุษทั้งปวง มีบุญญาธิการยิ่งใหญ่ มีอานุภาพมาก จะได้เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ หาผู้เสมอเหมือนมิได้ ถ้าสถิตอยู่ในเพศฆราวาสวิสัย จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าออกบรรพชาจะได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระศาสดาเอกในโลก” 
 
        นับตั้งแต่พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ บรรดากษัตริย์เมืองต่างๆ ได้ส่งราชบรรณการมาถวายพระเจ้ากรุงกบิลพัสดุ์เป็นจำนวนมาก และขณะที่พระองค์ประทับอยู่ในพระครรภ์ก็มิได้รู้สึกว่าคับแคบ พระมารดามีพระวรกายเบาสบายเหมือนมิได้ทรงพระครรภ์ สามารถทอดพระเนตรราชโอรสที่กำลังประทับนั่งขัดสมาธิคู้บัลลังก์อยู่ในพระครรภ์ได้อย่างชัดเจน
 
        เมื่อพระนางทรงพระครรภ์ครบถ้วนทศมาส มีพระทัยปรารถนาจะเสด็จกรุงเทวทหะอันเป็นพระราชสกุลเดิม ในเช้าวันวิสาขปุรณมี พระนางได้เสด็จโดยเสลี่ยงทองแวดล้อมด้วยบริวารออกจากพระนคร เสด็จโดยลำดับจนเข้าสู่เขตป่าลุมพินี เป็นสถานที่รื่นรมย์สวยงาม บริบูรณ์ด้วยดอกไม้และไม้ผลนานาชนิด พระนางปรารถนาจะเสด็จเข้าไปประทับพักผ่อนเพื่อทัศนาชมราชอุทยาน บรรดาหมู่อำมาตย์จึงจัดสถานที่ให้เสด็จเข้าไปประทับใต้ร่มสาละ
  
        ขณะที่พระนางทรงสำราญอิริยาบถอยู่นั้น เมื่อทรงยกพระหัตถ์จับกิ่งสาละ ก็บังเกิดลมกัมมัชวาต เจ้าหน้าที่พนักงานจึงรีบช่วยกันจัดสถานที่อันเหมาะสม มีการผูกม่านแวดล้อมภายใต้ต้นสาละ  ครั้นเวลาใกล้เที่ยง  พระนางสิริมหามายาได้ประสูติพระโอรสผู้อุดมเลิศด้วยมหาปุริสลักษณะครบถ้วน ๓๒ ประการ  
 
        เมื่อพระมหาบุรุษประสูติจากพระครรภ์ ยังมิทันถึงพื้นปฐพี ท้าวมหาพรหมทั้ง ๔ จากชั้นสุทธาวาส รองรับพระวรกาย ด้วยข่ายทอง ท่อน้ำอุ่นและน้ำเย็นหลั่งลงมาจากอากาศโสรจสรงองค์พระมารดาและพระบรมโพธิสัตว์ จากนั้นท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ก็รับองค์พระมหาบุรุษจากพระหัตถ์ของมหาพรหม แล้วเหล่านางนมก็รับต่อไปอีก พระบรมโพธิสัตว์เสด็จลุกขึ้นประทับยืนบนพื้นปฐพีด้วยพระบาททั้งสอง แล้วทอดพระเนตรไปทั่งทั้งสิบทิศ มิได้เห็นบุคคลใดจะมีบุญบารมีเสมอเหมือนพระองค์เลย จึงหันพระพักตร์ไปทางทิศอุดร เสด็จดำเนินด้วยพระบาทไป ๗ ก้าว มีดอกอุบลผุดขึ้นมารับทุกย่างก้าว แล้วทรงบันลือสีหนาทเปล่งอาสภิวาจา ด้วยพระสุรเสียงอันไพเราะดุจเสียงท้าวมหาพรหมว่า
 
        “อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส  เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส  เสฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส  อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโวติ  แปลว่า เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐในโลก เราเป็นเจริญที่สุดในโลก ความเกิดของเรานี้ เป็นชาติสุดท้าย ภพใหม่ของเราไม่มีอีก”
 
 
พระธรรมเทศนาโดย : หลวงพ่อธัมมชโย
 

รับชมคลิปวิดีโอวิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก
ชมวิดีโอวิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก   Download ธรรมะวิสาขบูชา วันสำคัญสากลโลก

รายการวิดีโอที่เกี่ยวข้อง

วันวิสาขบูชา
 
บทความที่เกี่ยวข้องกับวันวิสาขบูชา Vesak Day
 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
วันวิสาขบูชา Vesak Day ตอน วันปรินิพพานวันวิสาขบูชา Vesak Day ตอน วันปรินิพพาน

วันวิสาขบูชา  ตอน วันตรัสรู้วันวิสาขบูชา ตอน วันตรัสรู้

วันวิสาขบูชา ตอน วันประสูติวันวิสาขบูชา ตอน วันประสูติ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

พุทธประวัติ - วันสำคัญในพระพุทธศาสนา