ไปดูพญานาค ที่อำเภอโพนพิสัย (ตอนที่ 2)


[ 16 ต.ค. 2547 ] - [ 18292 ] LINE it!

Case study
ไปดูพญานาค ที่อำเภอโพนพิสัย (ตอนที่ 2)
เรียบเรียง จากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ลูก มีเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกจริงๆ มากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แก้ข้อข้องใจบางอย่างให้แก่ลูกด้วย กล่าวคือ
 
    เมื่อปี พ.ศ.2539 คนสนิทที่ลูกนับถือเป็นพี่สาว 3 คน มาชวนลูกไปปฏิบัติธรรม ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ลูกก็ได้เดินทางไปกับพวกเธอ ด้วยความเกรงใจ ลูกมาทราบที่หลังว่า ที่ที่เราจะไปคือ “คำชะโนด” สถานที่ที่มีความเกี่ยวพันกับพญานาค เมื่อถึงประตูวัด เห็นป้ายเขียนว่า “วัดศรีสุทโธ” แปลกเหลือเกิน ลูกรู้สึกคุ้นๆเหมือนว่าเคยมา จากนั้นก็มีคนออกมาต้อนรับ ชวนขึ้นบ้านพักพิเศษ ซึ่งได้สร้างขึ้นมาใหม่ ปูพรมใหม่ทั้งหมด ลูกก็ได้แต่คิดว่า “พี่เราทั้งสามคน ช่างมีบุญมากเหลือเกิน พระอาจารย์จึงได้จัดการต้อนรับเป็นพิเศษ”
 
    เมื่อก้าวขึ้นที่พัก ก็ได้พบกับ พระอาจารย์ ท่านก็ทักว่า “ที่มาด้วยกันสี่คนนี้ มีคนหนึ่งที่มีเทพมาด้วย อาตมาเห็นแสงสว่างออกจากตัวนะ” แล้วท่านก็ได้มองมาที่ใบหน้าของลูก ในวันนั้นมีคนมาทอดผ้าป่าจากที่ต่างๆมากมาย เต็มศาลาการเปรียญ แต่มีที่นั่งข้างหน้าปูพรมใหม่เอี่ยม ไม่มีคนนั่ง ลูกทั้งสี่คนได้นั่งอยู่ขอบๆพรม สักครู่หนึ่ง พระอาจารย์ที่เป็นเจ้าของสถานที่ ท่านยังหนุ่ม แต่ท่านได้พูดขึ้นด้วยเสียงของคนมีอายุว่า “เรายินดีต้อนรับ ท่านผู้มีบุญเป็นพิเศษ ท่านเป็นแขกผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ขอเชิญท่านขึ้นนั่งบนที่ที่เราจัดไว้ต้อนรับท่านโดยเฉพาะ” ลูกก็ได้แต่นั่งเฉยๆ พระอาจารย์ได้ประกาศขึ้นดังลั่น พร้อมกับชี้มาที่ลูก จ้องมองเขม็ง ท่านประกาศว่า “ท่านนั่นแหละ คือแขกพิเศษของเรา ท่านผู้มีบุญที่เรารอคอยท่านมานานแสนนาน” แล้วท่านก็ประกาศชื่อของลูกได้อย่างถูกต้อง ลูกฟังแล้วก็ยังรู้สึกเฉยๆ เพราะคิดว่า คงจะมีใครแอบมาบอกท่านล่วงหน้า
 
    จากนั้น ท่านได้ประกาศต่อไปอีกว่า “เรารู้ว่าท่าน (หมายถึงลูก) ไม่อยากจะมาที่นี่เลย แต่เราต้องการให้ท่านมา เพราะมันถึงเวลาแล้ว ที่ท่านจะต้องกลับมา กลับมาโปรดลูกหลานของท่านที่เป็นดอกบัวใต้โคลนตม เป็นอรรธ เป็นธรรม” แล้วพระอาจารย์ก็นิ่งไป พร้อมกับก้มหน้าลงแบบคอตกๆ สักพักท่านก็เงยหน้าขึ้น พูดคุยกับญาติโยมไปตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พิธีกรรมบนศาลาการเปรียญก็ดำเนินไปตามปกติ แล้วพระอาจารย์ก็ได้เชิญคณะของลูกให้ร่วมปฏิบัติธรรมกับชาวบ้าน ตกบ่ายท่านก็ได้ให้ลูก ให้ธรรมะแก่สาธุชนที่มาร่วมงานบนศาลาการเปรียญ ลูกก็ได้แต่พูดไปตามประสีประสาของลูก ตามภูมิธรรมในตอนนั้น ปรากฏว่า ท่านศึกษาธิการอำเภอบ้านดุง ประทับใจมาก ท่านจึงได้เล่าเรื่องราวความเป็นมาของ “คำชะโนด” ที่เกี่ยวพันกับพญานาคให้ลูกฟังมากมาย เช่น เล่าเรื่องผี จ้างหนังมาฉาย ซึ่งก็คือนาค แปลงกายเป็นมนุษย์ ไปว่าจ้างหนังกลางแปลง ให้ไปฉายที่ คำชะโนด และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เวลาชาวบ้านจัดงานประจำปี มีมหรสพ มากมาย นาคก็จะขึ้นมาเที่ยว โดยแปลงร่าง เป็นคนธรรมดา ผู้หญิงจะแต่งตัวใส่เสื้อขาว นุ่งผ้าสีคล้ายๆสีดำ ผู้ชายชอบโพกศีรษะด้วยผ้าแดง ลูกฟังแล้วรู้สึกเฉยๆ และก็ไม่ได้ปักใจเชื่อด้วยซ้ำไป
 
    คำชะโนด มีลักษณะคล้ายๆเกาะ ตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่ง มีน้ำล้อมรอบ มีเนื้อที่ประมาณ 20 กว่าไร่ มีต้นไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่า “ต้นชะโนด” ขึ้นเต็มไปหมด เมื่อเข้าไปที่ คำชะโนด อากาศจะเย็นสบายเหมือนติดแอร์ ที่นี่ พอถึงหน้าฝน รอบๆเกาะ น้ำจะท่วมทุกปี แต่ที่ คำชะโนด น้ำจะไม่ท่วม ดูเหมือนว่า เกาะนี้จะลอยขึ้นตามน้ำ คือ ถ้าหากน้ำขึ้นก็ขึ้นตาม น้ำลงก็ลงตาม น่าประหลาดมากๆ น้ำจะเอ่อล้นมาจาก “แม่น้ำสงคราม” ซึ่ง แม่น้ำสงคราม จะไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ คำชะโนด แห่งนี้ ชาวบ้านบอกว่า มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “ปล่องพญานาค” เคยมีคนนำไม้ไผ่ลำยาวๆ 3 ต้นมาต่อกัน แล้วหยั่งลงไป ปรากฏว่า ยังไม่ถึงพื้นเลย แต่แปลกที่ว่า เมื่อโยนเหรียญลงไป จะมองเห็นเหรียญได้หมด น้ำใสมาก ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พญานาค ได้ออกมาจากปล่องนี้
 
    กระทั่งลูก ได้พักค้างคืนที่วัดนั้น แต่ก่อนที่จะเข้านอน เวลาประมาณสี่ทุ่ม พระอาจารย์ได้พาคณะของลูกสี่คน พร้อมด้วยผู้ติดตามอีกสามคน เข้าไปที่ คำชะโนด เมื่อถึงสะพานที่จะข้ามไปที่ คำชะโนด พระอาจารย์ได้บอกให้พวกเราถอดรองเท้า และเดินไปตามสะพาน ซึ่งเป็นสะพานคอนกรีต แต่แปลกว่า ทำไม พื้นมันนุ่ม เหมือนปูด้วยพรม เมื่อเข้าไปถึงศาลเจ้า ซึ่งมีอยู่สองศาล พระอาจารย์บอกว่า ศาลหนึ่งคือศาลของ “เจ้าศรีสุทโธ” พญานาคผู้พี่ และอีกศาลหนึ่งคือศาลของ “เจ้าคำโพธิราช” พญานาคผู้น้อง ซึ่งปัจจุบัน เป็นเจ้าผู้ครองนครบาดาลอยู่ (คุณครูไม่ใหญ่ชี้แจงว่า ความจริงเป็นพ่อกับลูก) พระอาจารย์พาไปที่ศาลของเจ้าคำโพธิราช พระอาจารย์ขึ้นไปนั่งบนศาล ซึ่งมีที่นั่งซึ่งถูกจัดไว้ แล้วทุกคนก็จุดธูปเทียนบูชา เสร็จแล้วก็นำไปปักที่ด้านนอกของศาล ลูกก็จะทำบ้าง แต่เมื่อลูกก้าวลงจากศาล เพื่อจะนำธูปเทียนไปปักข้างล่าง พระอาจารย์ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน พูดเสียงผิดเพี้ยนไป แต่เต็มไปด้วยอำนาจ ท่านมองมาที่ลูกด้วยสายตาที่คล้ายๆกับนัยน์ตาของงู พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ท่านไม่ต้องไป ท่านต้องพักธูปเทียนในที่ของราชวงศ์ ท่านคือ มเหสีเอกของเรา เรายินดีต้อนรับท่าน”
 
    ลูกชะงัก และได้นำธูปเทียนไปปักที่ที่พระอาจารย์บอก ท่านได้พูดต่อไปอีกว่า “เราคือ คำโพธิราช ได้โปรดตามเรามา” เมื่อลูกได้เดินตามท่านออกมาถึงลานซีเมนต์กว้าง พระอาจารย์ได้นั่งลง ใช้แขนทั้งสองข้างยันพื้น ลำตัวทาบลงกับพื้น แล้วหมุนตัวเป็นวงกลมเหมือนงูขนดหาง ม้วนตัวหมุนหัวไปมา ท่านทำอยู่นาน จนได้ยินเสียงกระดูกของท่านลั่น ลูกเห็นแล้วก็สงสารอาการของท่านเหมือนงูไม่มีผิด ลูกคิดว่า หากเป็นความจริงอย่างที่ท่านพูด ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องให้ธรรมะกัน จะต้องไปวิตกทำไม เราก็ศิษย์มีครูเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไร แม้จะเป็นศิษย์มีครู แต่มือของลูกก็จับองค์พระที่ห้อยคออยู่ (เหรียญพระผง พระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำ รุ่นเททองหล่อรูปเหมือนองค์ท่าน) พร้อมด้วยเหรียญ พระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ เป็นเข็มกลัด งานกฐิน 84 ปีคุณยายอาจารย์
 
    จากนั้น ลูกก็เริ่มนั่งสมาธิ ในตอนนั้น ธรรมะของลูกยังคุ่มๆค่ำๆอยู่เลย แต่ก็ทำด้วยความมั่นใจ พอเริ่มจะวางใจที่ศูนย์กลางกาย ยังไม่เข้าที่ดีเลย ก็เกิดอาการเสียวๆขึ้นมาทั่วตัว เพราะรู้สึกคล้ายๆจะสัมผัสได้ว่า มีงูตัวใหญ่มาก มาสัมผัสรอบๆตัวของลูก แบบเบาๆ แม้ว่าจะสัมผัสเบาเพียงใด มันก็รู้สึกเย็นๆเสียวๆ ลูกก็รีบอาราธนาพระเดชพระคุณหลวงปู่ บุญบารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ซ้ำอีก และนึกให้ตัวเองเป็นองค์พระ ทำใจสบายสบายนิ่งๆ ไม่สนใจกับลำตัวใหญ่ๆที่คลอเคลียอยู่รอบๆตัว ลูกรู้สึกว่า ตอนนี้ เขาได้ย่อตัวขึ้นมาขดอยู่บนตักของลูกแล้ว ลูกนึกให้องค์พระครอบตัวลูกทั้งตัว ครู่เดียว ไม่ทราบว่าไปอย่างไรมาอย่างไร องค์พระใหญ่ได้ครอบตัวของลูกเอาไว้ ความรู้สึกที่ว่า มีอะไร มาคลอเคลียอยู่รอบๆตัว และมาขดอยู่บนตัก ก็หายไป
 
    ลูกก็เริ่มให้ธรรมะกับเขา ลูกเห็นเป็นภาพหมู่ชนนั่งเต็มไปหมด ทั้งหน้า หลัง ซ้าย ขวา ลูกบอกว่า “ถ้าอยากได้บุญ ให้ทำทานมากๆ รักษาศีลให้มั่นคงต่อไป แล้วอธิษฐานให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ จะได้มีโอกาสเจริญภาวนา และได้บวชในพระพุทธศาสนา ได้ทำความดี สร้างบุญบารมีอย่างเต็มที่ จะได้เวียนว่าย ตายเกิด ในสองภพภูมิ คือ เทวภูมิ และมนุษย์ภูมิ ไม่ต้องเกิดมาเป็นนาคอีก” และบอกกับท่านคำโพธิราชว่า “ข้าพเจ้า จะสร้างองค์พระธรรมกาย จารึกชื่อของท่าน ประดิษฐานไว้ที่มหาธรรมกายเจดีย์ให้ เพราะเป็นบุญใหญ่มาก ให้ท่านอธิษฐานเอาแต่สิ่งดีๆ หากอยากเป็นมนุษย์ก็ให้อธิษฐานเอา ถ้าท่านมีสิ่งใดที่จะนำมาทำบุญในเมืองมนุษย์ได้ ก็ขอให้บอกแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะทำบุญให้”
 
    เมื่อลูกกล่าวมาถึงตอนนี้ ลูกก็ได้ยินเสียงของพระอาจารย์พูดขึ้นว่า “ลืมตาได้แล้ว” ลูกก็ลืมตาขึ้น เห็นทุกคนมองดูลูกอยู่ พระอาจารย์จีวรเปียกไปหมด ท่านบอกว่า ท่านได้ไปเมืองบาดาลมา และถามลูกว่า “ไม่ได้ไปด้วยหรอกหรือ” ลูกตอบว่า “ไม่ชอบ”
 
    ก่อนเข้าวัดพระธรรมกาย ลูกเคยฝันเกี่ยวกับพญานาคบ่อยมาก ฝันว่า มีคนมาชวนให้ลูกกลับไปเยี่ยมเมืองพญานาค แล้วจะกลับมาส่ง ซึ่งในความฝันนั้น ลูกจะรู้สึก เบื่อสุดขีด ปฏิเสธว่า “ไม่ไป” แต่มีอยู่สองครั้งที่รับปากว่า “จะไป” โดยมีข้อแม้ว่า “ให้กลับมาส่งเร็ว และนาคต้องแปลงกายเป็นมนุษย์ให้หมด” ในฝัน เมื่อไปถึงริมฝั่งแม่น้ำโขง พอก้าวเท้าเหยียบน้ำ แม่น้ำโขง ก็แยกออกเป็นทางเดิน มีบันไดสวยงาม ให้เดินลึกลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่เดินลงไปลูกก็หงุดหงิด มีอาการเบื่อๆ ไม่เต็มใจที่จะไป แม้ว่า เขาจะจัดการต้อนรับดีมาก ไปได้ครู่เดียวลูกก็กลับ
 
    ครั้งสุดท้าย ลูกฝันว่า มีคนมาชวนไปอีก เที่ยวนี้เขาจัดการต้อนรับดีมาก ดีขึ้นกว่าครั้งก่อนมาก ขณะที่เดินผ่านเข้าไป ได้มีเสียงพูดดังๆว่า “เสด็จมาแล้ว ขอให้ท่านอยู่นานๆหน่อย อยู่นานๆได้มั๊ย” จากนั้นเขาก็ปรนนิบัติ เช็ดเท้าให้ กราบไหว้ด้วยอาการนอบน้อม ลูกก็ไม่ได้ยินดียินร้าย และไม่พูดกับใคร จากนั้นก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น แต่เมื่อลูกได้เข้าวัดพระธรรมกายในปี พ.ศ.2528 สร้างบุญบารมี ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ และได้สร้างองค์พระให้แก่ท่านพญานาคแล้ว ลูกก็ไม่ฝันแบบนั้นอีกเลย
 
ตำนานเกี่ยวกับ คำชะโนด 
 
    ในตำนานอุรังคธาตุ ได้กล่าวถึงพญานาคในตอนหนึ่งว่า มีพญานาคสองตนชื่อ “พระยาสุวรรณนาค” และ “พระยาสุทโธนาค” ได้ครอบครอง “หนองแส”อยู่คนละส่วน วันหนึ่ง พญานาคทั้งสอง เกิดขัดข้องหมองใจกัน เรื่องแบ่งปันอาหาร จึงก่อสงครามต่อสู้กัน ทั้งสองฝ่ายต่างสู้รบกันอยู่นานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เป็นเหตุให้เดือนร้อนไปทั้งสามภพ ทั้งภพบาดาล ภพมนุษย์ และภพสวรรค์
 
    การสู้รบของพญานาคทั้งสอง บังเกิดความร้อนถึงพระอินทร์ พระอินทร์จึงได้เสด็จมายังหนองแส แล้วเข้าห้ามปรามมิให้รบพุ่งกัน จากนั้น พระอินทร์จึงตั้งกติกา ให้พญานาคทั้งสองแข่งขันกัน ขุดแม่น้ำโขง และแม่น้ำน่าน ใครขุดถึงทะเลก่อนกัน พระอินทร์จะมอบปลาบึกให้เป็นรางวัล ในที่สุดก็ปรากฏว่า พระยาสุทโธนาค เป็นฝ่ายชนะ จึงเป็นผู้ได้ปลาบึกมาไว้ยังแม่น้ำโขงแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้น ปลาบึก จึงปรากฏมีเพียงในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียวเท่านั้นในโลก
 
    นอกจากนี้ พระยาสุทโธนาค ยังได้ร้องขอเอาปากปล่องประตูทางขึ้นลง ต่อพระอินทร์ เพื่อติดต่อกับเมืองมนุษย์ และสวรรค์ไว้สามแห่ง
 
    ปากปล่องพญานาคแห่งที่หนึ่ง อยู่ที่บริเวณ “พระธาตุหลวง” ใจกลางกำแพงนครเวียงจันทร์ ประเทศลาว บางตำนานเล่าว่า บริเวณใต้ฐานพระธาตุหลวง จะมีลักษณะเป็นปากปล่อง มีโพรงลึก เป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ลงไปใต้ดิน ซึ่งต่อมา ได้สร้างพระธาตุครอบไว้
 
    ปากปล่องพญานาคแห่งที่สอง อยู่บริเวณ “ดอนจันทร์” ของประเทศลาว ดอนจันทร์ เป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ผู้คนลุ่มน้ำโขงแถบนี้เชื่อว่า บริเวณหาดดอนจันทร์ มีประตูพญานาค ที่พระยาสุทโธนาค ร้องขอไว้อีกแห่งหนึ่ง
 
    ปากปล่องพญานาคแห่งที่สาม อยู่ที่ “เมืองคำชะโนด” ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี “คำชะโนด” มีลักษณะเป็นเกาะขนาดใหญ่โผล่ขึ้นกลางน้ำ ทั่วอาณาบริเวณคำชะโนด มีต้นไม้ลักษณะประหลาดชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นเต็มบริเวณ ต้นไม้ชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า “ต้นชะโนด” จากหลักฐานข้อมูล ลักษณะของต้นไม้ชนิดนี้ ได้รับการยืนยันว่า มีอยู่เฉพาะที่นี่แห่งเดียวเท่านั้นในโลก ต้นชะโนด มีลักษณะคล้ายกับต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาลผสมกัน แต่มีขนาดเล็กกว่าต้นตาล ลำต้นเท่ากับต้นมะพร้าว มีกาบห่อหุ้ม ตามกาบรอบต้นจะมีหนามยาวแหลมคมน่าเกรงขาม เมื่อยามต้นชะโนดต้องลม จะมีเสียง วืดๆ หวือๆ ฟังแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก บริเวณด้านในของเกาะคำชะโนด มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือ ปล่องพญานาค ปรากฏอยู่ในนั้น
 
    วังนาคินทร์ คำชะโนดแห่งนี้ ปรากฏตำนานลี้ลับ และเรื่องราวมหัศจรรย์มากมายให้กล่าวขาน ตามตำนานเล่าว่า พระอินทร์ให้ พระยาสุทโธนาค มาตั้งบ้านเรือนอยู่ถิ่นนี้ ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้น และพระอินทร์ได้กำหนดไว้ว่า ในหนึ่งเดือน เมื่อถึงข้างขึ้น 15 วัน ให้พระยาสุทโธนาค กลายร่างเป็นมนุษย์ พระยาสุทโธนาค เมื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ มีชื่อเรียกว่า “เจ้าพ่อพระยาศรีสุทโธ” มีวังนาคินทร์ คำชะโนด เป็นถิ่นพำนัก ส่วนอีก 15 วันในข้างแรม พระอินทร์กำหนดให้ พระยาสุทโธนาค และบริวาร กลายร่างเป็นนาค เมื่อพระยาสุทโธนาค กลายร่างเป็นนาค มีชื่อเรียกว่า “พระยานาคราชศรีสุทโธ” และให้อาศัยอยู่ในเมืองบาดาล
 
    ชาวบ้านที่ทำมาหากินอยู่ในละแวกนั้น มักจะพบเห็นสิ่งมหัศจรรย์ในมิติลี้ลับอยู่เสมอ เช่น เห็นชาวเมืองชะโนด ไปเที่ยวงานบุญบ้าง เห็นผู้หญิงไปยืมเครื่องมือทอผ้าจากชาวบ้านบ้าง หรือบางครั้งชาวเมืองชะโนดจัดงานบุญประจำปี และว่าจ้างเอาภาพยนตร์เข้าไปฉายที่กลางเมืองชะโนด ก็เคยมี เป็นที่กล่าวขานกัน จนหน่วยฉายหนังเร่เมืองอุดร หวาดผวาไปตามๆกัน หรือแม้เวลาที่เกิดน้ำท่วมใหญ่บริเวณรอบๆตัวเกาะ เมืองชะโนดก็ยกตัวลอยขึ้นทั้งเกาะ น้ำจึงท่วมไม่ถึงตัวเกาะคำชะโนด ครั้งเมื่อเวลาน้ำลด ตัวเกาะก็จะลดลงเหมือนเดิม เป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง
 
****************
 
สำหรับคำถามมีดังนี้ค่ะ 
 
1.ทำไม ลูกต้องไปที่คำชะโนด ทั้งๆที่ไม่อยากไปเลย นอนเหนือจากจะเอาใจพี่สาวแล้ว มีเหตุบันดาลจากอย่างอื่นหรือไม่
 
2.คำชะโนด คือสถานที่อะไรคะ ใช่อย่างที่เขาร่ำลือกันหรือไม่ ปล่องในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นปล่องพญานาค จริงหรือไม่
 
3.ที่เขาบอกกันว่า เกาะคำชะโนด น้ำไม่ท่วมเป็นเพราะอะไรคะ
 
4.พญานาคศรีสุทโธ และ คำโพธิราช มีจริงหรือไม่
 
5.ลูกสร้างองค์พระให้พญานาคคำโพธิราชแล้ว ถ้ามีจริงเขาได้รับบุญแล้ว มีอะไรเปลี่ยนไปในตัวเขาอย่างไรบ้าง
 
6.ลูกเคยเกิดเป็นนางพญานาค อย่างที่ท่านคำโพธิราช ในร่างพระอาจารย์รูปนั้นบอก จริงหรือไม่ ถ้าเคย เวลานานมาล่วงเลยแค่ไหน
 
7.ทำไม พระอาจารย์รูปนั้น จึงทำอาการเหมือนงูม้วนตัวได้ ท่านแกล้งทำ หรือเป็นจริงๆ และทำไมพระสงฆ์จึงเป็นร่างทรงได้ ที่พระอาจารย์บอกว่า ท่านไปเมืองบาดาลมา และจีวรเปียกนั้น เป็นความจริงหรือไม่
 
8.ตอนที่ลูกนั่งสมาธิ เหมือนมีงูใหญ่มาคลอเคลียรอบตัว และขดตัวบนตักของลูก เป็นความรู้สึกของลูกเอง หรืออะไรกันแน่
 
9.เรื่องความฝันที่ลูกได้เล่ามาทั้งหมด เป็นเรื่องอะไรกันแน่ เกี่ยวพันกับพญานาคจริงหรือไม่ หรือว่าลูกคิดไปเอง ทำไมหากเป็นความฝันที่เกี่ยวกับพญานาค ลูกจะต้องหงุดหงิดทุกครั้ง
 
10.ในอดีตชาติ ลูกเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร ลูกทำบุญอะไรไว้ ในชาตินี้ ลูกจึงมีอาชีพจัดรายการวิทยุ และจัดรายการธรรมะทางอากาศ ตั้งแต่ก่อนเข้าวัดจนถึงปัจจุบัน
 
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
1.ที่ลูกไม่อยากไปคำชะโนดแต่ต้องไป เพราะท่านคำโพธิราช หรือสุวรรณมุธรนาคราช ท่านอยากจะเจอ เพราะมีความผูกพันเคยเป็นมเหสีเก่าของท่าน
 
 
2.คำชะโนดคือรอยต่อระหว่างภพมนุษย์กับภพบาดาล เพราะตรงนั้นเป็นโพรงน้ำต่อไปถึงลำน้ำโขง ที่พญานาคเขาขุด หรือทำเอาไว้เพื่อเชื่อมต่อภพมนุษย์ เป็นไปตามที่เขาร่ำลือกัน
 
 
3.ที่น้ำไม่ท่วม เพราะพญานาครักษาไว้ เนื่องจากมีศาลบูชาพญานาค 2 ท่าน โดยนาคบริวารช่วยกันร่ายมนตร์แล้วหนุน ดุน ดัน แผ่นดิน เป็นเหตุให้สูงขึ้นจนพ้นน้ำ
 
 
4.พญานาคศรีสุทโธ และ พญานาคคำโพธิราชนั้นมีจริง เป็นพ่อลูกกันตามที่เคยเล่าให้ฟัง แต่ว่าชื่อนั้นแล้วแต่ใครจะเรียกว่าอะไร
 
 
5.ที่ลูกสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวให้ท่านคำโพธิราชนั้น ท่านได้รับแล้ว และได้อนุโมทนา ทำให้มีอายุยืนขึ้นกว่าเดิม
 
 
6.ท่านคำโพธิราชในร่างพระอาจารย์ได้กล่าวว่า ลูกเคยเกิดเป็นนางพญานาคนั้น เป็นเรื่องจริง คือเป็นมเหสีองค์หนึ่งของท่าน ก่อนที่ราชธิดาของเจ้าเชษฐ์ จะมาเกิดเป็นมเหสีอีกองค์ ซึ่งเป็นเวลายาวนานเกือบพันปีมนุษย์แล้ว
 
 
  • ต่อมา ใกล้จะหมดกรรม ก็เกิดความเบื่อหน่ายในการเป็นนางพญานาค จึงได้มาจำศีลนอกภพบาดาลแล้วก็อดอาหาร
 
 
  • หลังจากนั้นก็อธิษฐานให้ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ กอปรกับบุญเก่าที่เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะ ตามมาส่งผลพอดี
 
 
  • จึงได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้ แล้วได้มาสร้างบารมีกับหมู่คณะอีก
 
 
  • พุทธันดรที่แล้ว เคยเกิดสร้างบารมีกับหมู่คณะมา โดยออกบวชตั้งแต่เป็นสามเณร แล้วมีความแกล้วกล้า เทศนาเก่ง เป็นที่ถูกอกถูกใจญาติโยม ต่อมาได้ออกบวชเป็นพระ
 
 
  • แต่ได้ลาสิกขาไป เพราะฤทธิ์หนุ่ม ได้ออกไปใช้ชีวิตทางโลก มีความเจ้าชู้มาก และได้ออกจากหมู่คณะไป กระทั่งตอนบั้นปลายชีวิตอยากจะกลับมาอีกแต่เกิดความละอาย เลยไม่ได้กลับมาสร้างบารมีกับหมู่คณะอีก
 
 
  • แต่ก็ตั้งใจว่า ชาติต่อไปจะสร้างบารมีกับหมู่คณะให้ได้ตลอด จะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว
 
 
  • ดังนั้น ชาตินั้นเมื่อตายไปแล้วจึงพลัดกับหมู่คณะ แล้วก็เวียนว่ายตายเกิดไปเป็นนาคที่ชั้นจาตุมหาราชิกา จนกระทั่งมาเป็นนางพญานาคภาคพื้นดิน เพราะกรรมตอนที่เป็นพระ ใจเกิดกามวิตกก่อนลาสิกขา คิดแต่จะสึก เลยไม่ได้รักษาศีลให้บริสุทธิ์
 
 
  • ดังนั้น ชาตินี้จึงชอบเทศนาสั่งสอนออกรายการธรรมะทางวิทยุมาจนบัดนี้ เพราะบุญที่เคยบวชเป็นสามเณร และเป็นพระที่แกล้วกล้าในการเทศนา
 
 
7.พระอาจารย์ท่านทำตัวเหมือน งูม้วนตัว เพราะท่านมีความเชื่อและนับถือเจ้าทรง ผีสิง ข้ามชาติมาก่อน และเคยเป็นอดีตนาคบริวารของท่านคำโพธิราช
 
 
  • ดังนั้นจึงมีอัธยาศัยเชื่อ และผูกพันกับพญานาค และเมืองบาดาล
 
 
  • เมื่อท่านคำโพธิราชจะเข้าสิง ท่านก็จะร่ายมนตร์ แล้วพากายละเอียดของท่านอาจารย์ไปเที่ยวเมืองบาดาล
 
 
  • แล้วท่านคำโพธิราชก็จะใช้ร่างของพระอาจารย์ได้ และได้แสดงด้วยการม้วนตัวเหมือนงูขด โดยที่กระดูกและกล้ามเนื้อของกายหยาบของพระอาจารย์ไม่เป็นอะไร
 
 
8.ตอนที่ลูกนั่งสมาธิมีความรู้สึกว่างูมาคลอเคลียรอบตัว และงูมานอนขดตัวบนตักลูกเพราะ ท่านคำโพธิราชกำลังร่ายมนตร์ เพื่อจะพากายละเอียดของลูกพาไปเที่ยวเมืองบาดาล
 
 
  • แต่เอาไปไม่ได้ เพราะลูกอยู่ในบุญ ในธรรมะ ใจจึงเข้มแข็ง
 
 
9.เรื่องที่ลูกฝันนั้นเป็นสัญญาเก่า ที่ลูกเคยเป็นนางพญานาคมาก่อนจริงๆ ไม่ได้คิดไปเอง
 
 
  • ที่ลูกหงุดหงิดทุกครั้งที่ฝันว่าไปเมืองพญานาค เพราลูกเบื่อหน่ายในการเป็นนางพญานาค
 
 
  • เพราะได้เป็นมานานตั้งแต่อยู่บนชั้นจาตุมหาราชิกา จนเมื่อหมดบุญเป็นพญานาคบนสวรรค์แล้ว ก็มาเป็นนางพญานาคใต้บาดาลต่อ เป็นมานานถึง 1 พุทธันดร
 
 
10.ลูกเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาล่าสุดก็ พุทธันดรที่ผ่านมา ได้มาเจอหมู่คณะ และออกบวชเป็นสามเณร
 
 
  • มีความสามารถในการเทศนาที่แกล้วกล้า
 
 
  • จนกระทั่งมาบวชเป็นพระ
 
 
  • แล้วลาสิกขาออกไปในวัยหนุ่มเพราะเกิดกามวิตก เลยบกพร่องเรื่องรักษาธรรมวินัย ไปอยู่ทางโลกครองเรือน และมีความเจ้าชู้
 
 
  • จนปั้นปลายชีวิตก็คิดอยากกลับมาสู่หมู่คณะอีก แต่เกิดความละอาย เลยไม่ได้กลับมา
 
 
  • แต่อธิษฐานจิตเมื่อทำบุญตักบาตรทุกครั้งว่า ชาติต่อไปขอให้ได้มาสร้างบารมีกับหมู่คณะ ให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
 
 
  • เมื่อตายแล้วก็ไปเป็นนางพญานาคชั้นจาตุมหาราชิกาดังกล่าว
 
 
  • ดังนั้นอัธยาศัยที่เคยบวชเป็นพระนักเทศน์จึงติดมา จึงชอบพูดเรื่องธรรมะ
 
 
  • แล้วมาจัดรายการธรรมะ ตั้งแต่ก่อนเข้าวัดจนถึงปัจจุบัน และทำให้มีแฟนธรรมะติดกันงอมแงม ซึ่งก็เป็นบุญในการให้ธรรมทานของลูก
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม