จดหมายจากหลานคุณยาย IN MY HEART
">">
">
ตอน : กระผมเห็น..แม่ชีปัดลูกระเบิด!
">
">
">กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงสุดครับ
">
">
">
">
พระยงยุทธ อภิวฒฺโฑ
">
">
ลูกพระยงยุทธ อภิวฒฺโฑ อายุ 71 ปี ครับ ช่วงนี้ลูกเห็นหลวงพ่อเล่าถึงประวัติ
ปฏิปทา และอานุภาพของคุณยายบ่อยๆ เพื่อความ IN TREND ลูกขอเขียนมา
CONFIRM ถึงอานุภาพของท่าน ที่ลูกประจักษ์กับสายตาตัวเอง
แบบเนื้อๆ เน็ตๆ ด้วยคนนะครับ
..ย้อนไปในช่วงที่ลูกยังเป็นละอ่อน มีสรรพนามนำหน้าว่าเด็กชาย ตอนนั้นอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่
2 พอดีครับ ช่วงนั้นโลกกำลังลุกเป็นไฟ เกิดการสู้รบกันอย่างดุเดือด
กองกำลังทหารญี่ปุ่นได้เข้าบุกยึดประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นทำเลทองที่ใช้เป็นเส้นทางการคมนาคมที่สำคัญในการลำเลียงอาวุธสงคราม
ไพร่พล และเสบียงในการสู้รบในครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้แหละครับ... สหรัฐฯจึงส่งฝูงบินรบมาทิ้งระเบิดในเมืองไทยอย่างไม่ว่างเว้น
เพื่อทำลายล้างกองกำลังญี่ปุ่นให้สิ้นซากด่วนที่สุด ซึ่งกลยุทธ์ในการสู้รบของสงคราม
ก็ต้องทำลายจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญๆ ของฝ่ายตรงข้ามก่อน ดังนั้นสหรัฐฯ จึงต้องหาวิธีตัดเส้นทางการคมนาคม
คือ สะพานข้ามกรุงเทพ-ธนบุรี และทำลายต้นกำเนิดพลังงานที่สำคัญ ที่คอยผลิตพลังงานไฟฟ้าส่งให้กับกองทัพญี่ปุ่น
ซึ่งก็คือ โรงไฟฟ้าวัดเลียบ โดยส่งฝูงบินรบ B-29 มาทิ้งระเบิดกันตูมตามแบบถี่ๆ
ทำให้ต้องมีสัญญาณเตือนภัยประกาศภาวะฉุกเฉินกันตลอดเวลา ตอนนั้นชาวบ้านหวาดกลัวกันมากครับ
วิ่งหนีกันอย่างหัวซุกหัวซุน
">
">
แต่หลวงพ่อครับ...มันแปลกมากครับ
ระเบิดที่ทิ้งดิ่งลงมามีจำนวนมากนะครับ อีกทั้งใช้เครื่องบินรบตั้งหลายลำ แต่กลับทิ้งโดนเป้าหมายน้อยมาก
(จนทำให้หลายคนแอบคิดว่า..ทหารพวกนี้..ฝีมือหน่อมแน้ม ทิ้งยังไง..ไม่โดน) เพราะมันทิ้งลงกลางทุ่งบ้าง
ลงแม่น้ำเจ้าพระยาบ้าง หรือสถานที่อื่นๆ
ที่ไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์เลย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สงครามยืดเยื้อ แม้เสียงระเบิดดังตู้มต้ามก็จริง
แต่ระยะหลังกลายเป็นความชาชินไปซะแล้ว เพราะไม่โดนอะไรสักอย่าง ต่อมาผู้คนเลยไม่ค่อยใส่ใจกับการหลบภัยสักเท่าไหร่
แม้มีเสียงหวอเตือนภัยดังๆ จากเดิมที่วิ่งหนีหลบระเบิดกันอลหม่าน
แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนใหม่แล้วครับ กลับพากันวิ่งแห่ออกมาดูเครื่องบินรบที่กำลังขับเคลื่อนเข้ามา
และแน่นอนครับ 1 ในนั้น.. ก็คือลูก แต่ลูกมีวิธีดูแบบเห็นชัดๆ ครับ โดยปีนขึ้นไปดูบนดาดฟ้า
เพราะเห็นได้ชัดกว่า ซึ่งเป็นดาดฟ้าห้องแถว ที่เรียงรายติดๆ กัน บ้านอื่นๆ
เขาก็ทำกันแบบนี้ครับ
และระหว่างที่เราเงยหน้ามองท้องฟ้ากัน สักครู่ก็มีเสียงตะโกนดังๆ
ออกมาจากกลุ่มผู้ใหญ่ว่า “..เฮ้ย.. นั่นอะไร ดูสิ คนใส่ชุดขาวๆ ลอยอยู่บนฟ้า
อย่างกับแม่ชี” ลูกจึงเงยหน้ามองตามทันที แล้วรู้สึกประหลาดใจมากครับ เพราะลูกเห็นเป็นแม่ชีจริงๆ
ลอยอยู่บนฟ้า มีลักษณะโปร่งแสงลอยนิ่งๆ ใกล้ๆ กับเครื่องบินรบ B-29 ที่กำลังเลื่อนเข้ามา 2-3 ลำ ตอนนั้นมีเสียงอื้ออึง
ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ต่างชี้ไม้ ชี้มือ ฮือฮากับปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น
และทันใดนั้นเอง..! ยายผิน.. แม่ครัวบ้านผม ซึ่งปกติแกจะชอบไปทำบุญที่วัดปากน้ำเป็นประจำ
อยู่ๆ ก็หัวเราะร่า แล้วพูดว่า “ทิ้งเท่าไหร่ก็ไม่โดนหรอก...ไม่มีวันโดน
หลวงพ่อวัดปากน้ำกับพวกที่นั่งสมาธิ เขาปัดลูกระเบิดกัน ..ต่อให้ทิ้งเก่งยังไง
ก็ไม่มีวันโดน...” แล้วก็หัวเราะต่อด้วยท่าทางที่เบิกบาน ตอนนั้นลูกไม่ค่อยเข้าใจที่ยายผินแกพูดเท่าไหร่นัก
แต่แปลกที่คำพูดของแกได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำในวัยเด็กของลูกอย่างแม่นยำ
">
และวันต่อมา...เรื่องแม่ชีปัดลูกระเบิดก็มีพยานหลายคนเห็นกันมาก ไม่ใช่เรื่องลอยๆ
หรือเรื่องตาฝาดไปซะแล้วครับ
เพราะหนังสือพิมพ์หลายฉบับได้เอาข่าวนี้มาลงเป็นหลักฐานยืนยันเหตุการณ์ในตอนนั้นเอาไว้ด้วย...
">
หลวงพ่อครับ..เรื่องราวของลูกยังไม่จบเพียงแค่นี้นะครับ
เพราะเมื่อลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว ลูกได้มีโอกาสถามเรื่องปัดระเบิดกับคุณยายด้วยตัวเอง
ว่าท่านทำอย่างไร ซึ่งท่านจะตอบอย่างไร และพูดถึงตอนเหตุการณ์ตอนนั้นอย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไปครับ...
">
">
">
">">
มากราบขอบารมีคุณยายฯ ตอนที่ยังไม่ได้บวช
ด้วยความเคารพอย่างสูงสุดครับ
ลูก พระยงยุทธ อภิวฒฺโฑ
">">">">
">
">