อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 13


[ 27 ม.ค. 2555 ] - [ 18276 ] LINE it!

 
ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2555
อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 13

อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 13
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
 
ในขณะที่เรืออับปางและกำลังจะจมลงสู่มหาสมุทรในอีกไม่กี่นาที
 
ในขณะที่เรืออับปางและกำลังจะจมลงสู่มหาสมุทรในอีกไม่กี่นาที
 
        ในขณะที่เรืออับปางและกำลังจะจมลงสู่มหาสมุทรในอีกไม่กี่นาทีนั้นสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทก็ได้เตรียมตัวก่อนที่จะกระโดดลงสู่มหาสมุทรด้วยการเอาน้ำมันมาทาตัวและก็รับประทานน้ำตาลกรวดกับเนยใสจนเต็มท้องให้พอที่จะประทังชีวิตอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรได้ จากนั้น สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์และบริวารของท่านก็ได้ปีนขึ้นไปอยู่บนยอดเสากระโดงเรือเมื่อพวกท่านได้ปีนขึ้นไปถึงปลายยอดสุดแล้ว  พวกท่านก็ได้ดีดตัวกระโดดพุ่งออกจากเรืออย่างสุดแรงเกิด   เพื่อที่พวกท่านจะได้ออกห่างจากเรือไปให้ไกลที่สุดซึ่งในขณะเดียวกันนั้น ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในเรือต่างก็พากันแตกตื่นเสียขวัญจนไม่รู้จะทำอย่างไร   แล้วในที่สุด ผู้คนเหล่านั้นต่างก็ได้เสียชีวิตกันอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งนั้น
 
ท่านสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทก็ได้พยายามว่ายน้ำประคองชีวิตเข้าสู่ฝั่งจน
 
ท่านสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทก็ได้พยายามว่ายน้ำประคองชีวิตเข้าสู่ฝั่งจน
 
        ส่วนท่านสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทก็ได้พยายามว่ายน้ำประคองชีวิตเข้าสู่ฝั่งจนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไป 7 วัน ก็ถึงวันอุโบสถ หรือวันพระ สังขพราหมณ์พระโพธิสัตว์ จึงได้บ้วนปากด้วยน้ำเค็ม   แล้วท่านก็ตั้งใจสมาทานรักษาอุโบสถศีลอย่างเคร่งครัด คือ แม้ว่าท่านจะอดอาหารและลอยคออยู่ท่ามกลางมหาสมุทรถึง 7 วันแล้วก็ตาม   แต่ท่านก็ไม่ได้รู้สึกย่อท้อ หรือท้อแท้ ท้อถอยต่อการทำความดีเลยแม้แต่นิดเดียว
 
มหาสมุทรแห่งนี้จะมีเทพธิดานางหนึ่งที่มีนามว่า“ มณีเมขลา ”คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือคนดีมีศีลธรรมที่ได้รับความเดือดร้อนในมหาสมุทร
 
มหาสมุทรแห่งนี้จะมีเทพธิดานางหนึ่งที่มีนามว่า“มณีเมขลา”
คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือคนดีมีศีลธรรมที่ได้รับความเดือดร้อนในมหาสมุทร
 
        ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว มหาสมุทรแห่งนี้จะมีเทพธิดานางหนึ่งที่มีนามว่า “มณีเมขลา” คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือคนดีมีศีลธรรมที่ได้รับความเดือดร้อนในมหาสมุทรอยู่ตลอดเวลา   แต่ด้วยความที่ในช่วงนั้น นางมัวแต่เพลิดเพลินเจริญใจอยู่กับการสังสรรค์กับเพื่อนๆ เทวดาอยู่   ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้นางเกิดละเลยหน้าที่และไม่ได้ตรวจตราดูว่า 7 วันที่ผ่านมา   ได้มีผู้ประสบภัยอยู่ในมหาสมุทรแห่งนั้นหรือไม่
 
         และในวันที่ 7 นี้เอง ทันทีที่นางนึกขึ้นได้ว่าตัวนางเองได้บกพร่องหน้าที่มาแล้วหลายวัน   นางจึงรีบตรวจดูทั่วทั้งมหาสมุทรด้วยทิพยจักษุในทันทีซึ่งก็ทำให้นางได้รู้ว่า “สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทได้ลอยคออยู่ในมหาสมุทรมานาน 7 วันแล้วนั่นเอง”
 
นางไปถึงและเชื้อเชิญให้สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์รับประทานอาหารทิพย์
 
นางไปถึงและเชื้อเชิญให้สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์รับประทานอาหารทิพย์
 
        เมื่อนางได้ทราบเช่นนั้นแล้ว   นางก็ไม่รอช้ารีบถือถาดทองที่เต็มไปด้วยอาหารทิพย์รสเลิศ   แล้วก็ไปช่วยสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์อย่างด่วนจี๋ในทันทีแต่เมื่อนางไปถึงและเชื้อเชิญให้สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์รับประทานอาหารทิพย์สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กลับตอบปฏิเสธเทพธิดามณีเมขลาอย่างไม่มีเยื่อใยว่า “เชิญท่านนำอาหารของท่านกลับไปเถิด   เราตั้งใจสมาทานรักษาอุโบสถศีลแล้ว   ดังนั้น เราจึงไม่สามารถรับประทานอาหารที่ท่านเตรียมมาให้เราได้”เมื่อบริวารคนสนิทของท่าน ซึ่งไม่ได้เห็นเทพธิดามณีเมขลา ได้ยินพราหมณ์พระโพธิสัตว์กล่าวอย่างนั้น เขาจึงเกิดความสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะถามสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ว่า “ เพราะเหตุไร ท่านจึงได้ละเมอพร่ำเพ้ออยู่คนเดียว”
 
เราได้เห็นหญิงงามที่มีเครื่องประดับเป็นทองระยิบระยับกำลังถือถาดทองที่เต็มไปด้วยอาหาร
 
เราได้เห็นหญิงงามที่มีเครื่องประดับเป็นทองระยิบระยับกำลังถือถาดทองที่เต็มไปด้วยอาหาร
 
        สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จึงได้ตอบกลับไปว่า “เราไม่ได้พูดพร่ำเพ้ออะไรทั้งนั้น เราได้เห็นหญิงงามที่มีเครื่องประดับเป็นทองระยิบระยับกำลังถือถาดทองที่เต็มไปด้วยอาหาร   แล้วก็เชื้อเชิญให้เรารับประทานอาหารของนางแต่เราก็ได้ตอบปฏิเสธนางไป เพราะเรากำลังรักษาอุโบสถศีลอยู่”
 
        บริวารคนสนิทจึงได้เรียนให้ท่านลองถามนางกลับไปว่า “นางเป็นมนุษย์หรือเทวดากันแน่”สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์คิดว่า บริวารคนสนิทพูดถูก   เราควรถามให้รู้แน่ชัดว่า นางเป็นใคร  และนางมาดูแลเราเพื่อต้องการอะไร ด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงได้ถามคำถามนั้นกับเทพธิดามณีเมขลาในทันที
 
ข้าพเจ้าเป็นเทพธิดา  และข้าพเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะมาช่วยท่านโดยเฉพาะ    ในมหาสมุทรนี้ มีข้าว น้ำ ที่นอน ที่นั่ง และยานพาหนะมากมาย
 
ข้าพเจ้าเป็น เทพธิดา  และข้าพเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะมาช่วยท่านโดยเฉพาะ   
ในมหาสมุทรนี้ มีข้าว น้ำ ที่นอน ที่นั่ง และยานพาหนะมากมาย
 
        ซึ่งเทพธิดามณีเมขลาก็ได้ตอบสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กลับไปว่า “ ข้าพเจ้าเป็นเทพธิดา  และข้าพเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะมาช่วยท่านโดยเฉพาะ    ในมหาสมุทรนี้ มีข้าว น้ำ ที่นอน ที่นั่ง และยานพาหนะมากมาย   ถ้าท่านมีความปรารถนาสิ่งใด ข้าพเจ้าก็จะเนรมิตให้ท่านทุกอย่างตามที่ท่านปรารถนา ”
 
         เมื่อท่านเทพธิดามณีเมขลากล่าวอย่างนั้น สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จึงเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจว่า “ ท่ามกลางมหาสมุทรที่เวิ้งว้างอย่างนี้ เหตุไฉนจึงมีเทพธิดามาคอยเนรมิตบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ตัวท่านแล้วเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เกิดจากอานุภาพแห่งบุญของตัวท่านเอง   หรือเกิดจากอานุภาพของนางเทพธิดากันแน่ ”
 
ผลแห่งบุญที่ท่านได้เคยถวายรองเท้าแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เดินอยู่บนทรายร้อนระอุไว้นั่นเอง
 
ผลแห่งบุญที่ท่านได้เคยถวายรองเท้าแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เดินอยู่บนทรายร้อนระอุไว้นั่นเอง 
 
        ด้วยเหตุนี้เอง ท่านสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จึงได้ถามท่านเทพธิดามณีเมขลาด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า “ เหตุใดข้าพเจ้าถึงได้ที่พึ่งกลางทะเลเช่นนี้ เป็นเพราะผลแห่งบุญของตัวข้าพเจ้าส่งผลหรือไม่   ถ้าหากใช่เช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าทำบุพกรรมอะไรมา    จึงได้มาส่งผลทำให้ ข้าพเจ้าได้มาพบกับท่านเทพธิดาเช่นนี้ ”
 
        ซึ่งเทพธิดามณีเมขลาก็ได้ตอบพราหมณ์พระโพธิสัตว์ไปว่า “ที่เราได้มาช่วยในท่านในวันนี้    ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ ผลแห่งบุญที่ท่านได้เคยถวายรองเท้าแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เดินอยู่บนทรายร้อนระอุไว้นั่นเอง ”เมื่อสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ได้ยินเช่นนั้นแล้ว   ก็ทำให้ท่านเกิดความปลื้มปีติเบิกบานและอัศจรรย์ใจในผลแห่งบุญอย่างสุดๆ 
 
ขอท่านจงเนรมิตเรือลำเล็กๆ ลำหนึ่งให้แก่ข้าพเจ้า   และขอท่านได้ส่งข้าพเจ้าให้ถึงเมืองโมลินีโดยปลอดภัยในวันนี้ด้วยเถิด
 
ขอท่านจงเนรมิตเรือลำเล็กๆ ลำหนึ่งให้แก่ข้าพเจ้า 
  และขอท่านได้ส่งข้าพเจ้าให้ถึงเมืองโมลินีโดยปลอดภัยในวันนี้ด้วยเถิด
 
        หลังจากนั้น สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จึงได้กล่าวกับท่านเทพธิดามณีเมขลาว่า “ขอท่านจงเนรมิตเรือลำเล็กๆ ลำหนึ่งให้แก่ข้าพเจ้า   และขอท่านได้ส่งข้าพเจ้าให้ถึงเมืองโมลินีโดยปลอดภัยในวันนี้ด้วยเถิด”
 
        เมื่อเทพธิดามณีเมขลาได้ฟังอย่างนั้น นางก็เกิดความ เลื่อมใสในสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์เป็นอย่างมาก   ด้วยเหตุนี้เอง นางจึงได้เนรมิตเรือรัตนะ 7 ขนาดใหญ่ลำหนึ่ง   ซึ่งภายในเรือจะมีเสากระโดงที่ทำด้วยแก้วอินทนิล หรืออัญมณีสีเขียว 3 เสา,  มีสายระโยงและหางเสือเป็นทองคำ,มีรอกกว้านเป็นเงินบริสุทธิ์ อีกทั้ง นางยังได้เนรมิตรัตนะ 7 ประการอย่างมากมายบรรจุใส่จนเต็มเรืออีกด้วย
 
เทพธิดามณีเมขลาก็ได้อุ้มสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ คนเดียวเท่านั้น ขึ้นไปบนเรือ
 
เทพธิดามณีเมขลาก็ได้อุ้มสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ คนเดียวเท่านั้น ขึ้นไปบนเรือ
 
        จากนั้น เทพธิดามณีเมขลาก็ได้อุ้มสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ คนเดียวเท่านั้น ขึ้นไปบนเรือโดยไม่ได้แคร์บริวารคนสนิทของท่านเลย   ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ บริวารคนสนิทของท่านยังมีบุญไม่เพียงพอที่จะสามารถขึ้นเรือลำนี้ได้
 
        เมื่อสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์เห็นอย่างนั้น ท่านจึงได้อุทิศส่วนบุญที่ตัวท่านได้สั่งสมเอาไว้อย่างดีแล้ว   ให้แก่บริวารคนสนิท   ซึ่งบริวารคนสนิทของท่านก็ได้อนุโมทนาสาธุการในบุญกุศลของท่าน   และในทันใดนั้นเอง เทพธิดามณีเมขลาก็ได้อุ้มบริวารคนสนิทของท่านขึ้นไปบนเรือนั้นในทันที
 
 
สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ได้ใช้ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาลเหล่านั้น สั่งสมบุญสร้างบารมีจนตลอดอายุขัย 
 
        หลังจากที่สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทขึ้นไปอยู่บนเรือแล้ว เทพธิดามณีเมขลาก็ได้นำเรือแล่นไปยังเมืองโมลินีนครด้วยเทวานุภาพ หรืออานุภาพของนางเทพธิดา และเมื่อเรือแล่นไปถึงเมืองโมลินีนครแล้ว   นางก็ได้บริการบริการถึงที่   ด้วยการขนรัตนะ 7 ทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในบ้านของสังขะพราหมณ์

       พระโพธิสัตว์อย่างเรียบร้อย  จากนั้น นางจึงได้ลากลับไปดูแลมหาสมุทรตามเดิม ซึ่งสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ได้ใช้ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาลเหล่านั้น สั่งสมบุญสร้างบารมีจนตลอดอายุขัย   และเมื่อท่านละจากโลกไปแล้ว ท่านก็ได้เดินทางกลับไปสู่สุคติโลกสวรรค์อย่างสง่างาม
 
ด้วยผลแห่งบุญนี้ ก็จะส่งผลทำให้ลูกๆ ได้ยานพาหนะที่สุดแสนพิเศษและน่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน
 
ด้วยผลแห่งบุญนี้ ก็จะส่งผลทำให้ลูกๆ ได้ยานพาหนะที่สุดแสนพิเศษและน่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน
 
        จากเรื่องราวของสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์นี้ลูกๆ นักเรียนฯ จะเห็นได้ว่า ด้วยผลแห่งบุญที่ท่านได้อุปัฏฐากนวดฝ่าเท้าพระปัจเจกพุทธเจ้า   และได้ถวายร่มกับรองเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้กายและเท้าของท่านสัมผัสกับความร้อนระอุนี้ให้ผลที่น่าอัศจรรย์เกินควรเกินคาดเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น การที่ลูกๆ ได้มาร่วมกันรับบุญทำหน้าที่เป็น วี ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น SUPER V–ROSE,V-STAR,

        วีเคลียร์,  วีคลีน  หรือวีเสื่อ เป็นต้น  หรือ มาทำหน้าที่เป็นอุปัฏฐากแก้ว  และมาโปรยกลีบกุหลาบ เพื่อป้องกันความร้อนจากพื้นถนนและให้ความสะดวกสบายแด่คณะพระธุดงค์จำนวน 1,127 รูปในเส้นทางมหาปูชนียาจารย์   ด้วยผลแห่งบุญนี้ ก็จะส่งผลทำให้ลูกๆ ได้ยานพาหนะที่สุดแสนพิเศษและน่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน
 
        ส่วนว่า อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบภาคพิเศษข้อต่อไปจะมีรายละเอียดเป็นเช่นไร   ก็คงจะต้องรอให้มีการเดินธุดงค์บนเส้นทางมหาปูชนียาจารย์บังเกิดขึ้นอีกครั้ง   ซึ่งจะเป็นเมื่อไหร่นั้น ลูกๆ ก็ต้องติดตามกันต่อในตอนต่อไป   
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
DMC ที่โซโลมอนDMC ที่โซโลมอน

Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคนSolomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน

เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน