ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 5
เมื่อเป็นเช่นนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงประทานผ้าสังฆาฏิของพระองค์ให้แก่พระมหากัสสปะ ซึ่งการถวายผ้าสังฆาฏิของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก เพราะการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานผ้าสังฆาฏิที่พระองค์ทรงนุ่งห่มแล้วให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งนั้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีปรากฏเกิดขึ้นมาก่อนเลย และจากเหตุการณ์การแลกผ้าสังฆาฏิของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระมหากัสสปะนี้เอง ก็ถึงกับทำให้แผ่นดินที่มั่นคง และไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดๆ พลันเกิดอาการสั่นไหวสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมาอีกครั้ง
ประการที่ 3. ท่านเป็นผู้มีความสำรวมกาย วาจา ใจ และไม่ติดในตระกูลทั้งหลาย ซึ่งท่านได้รับการสรรเสริญจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นผู้เข้าไปสู่ตระกูลทั้งหลายโดยไม่มีความคะนองกาย วาจา ใจ เปรียบประดุจดั่งดวงจันทร์ที่ทำหน้าที่โคจรบนท้องนภากาศไปเรื่อยๆ โดยไม่ทำความคุ้นเคย คลุกคลี รักใคร่หรือมีเยื่อใยกับใคร แต่ถึงกระนั้นดวงจันทร์ก็ยังเป็นที่รักและเป็นที่ชื่นชอบใจของมหาชนทั้งหลายอย่างไม่เสื่อมคลายฉันนั้นนั่นเอง อีกทั้งพระมหากัสสปะท่านยังประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้ใหม่อยู่เสมออีกด้วย คือแม้ท่านจะเข้าไปสู่ตระกูลที่มีความคุ้นเคยกันมานานแล้วก็ตาม แต่ท่านก็จะวางตัวสงบเสงี่ยมสง่างามประดุจแขกที่มาใหม่อยู่เสมอฉันนั้น
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 5
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 5
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
เมื่อวันเวลาผ่านเข้าสู่วันที่ 8 โดยนับจากวันแรกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานการบวชให้
พระมหากัสสปะก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
ครั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานการบวชให้แก่พระมหากัสสปะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระมหากัสสปะก็ได้น้อมนำโอวาทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานมาให้นำไปประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จนกระทั่ง เมื่อวันเวลาผ่านเข้าสู่วันที่ 8 โดยนับจากวันแรกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานการบวชให้ พระมหากัสสปะก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ในที่สุด
พระมหากัสสปะปูลาดผ้าสังฆาฏิที่ทำด้วยผ้าเก่าซ้อน 4 ชั้น
ถวายเป็นที่ประทับนั่งแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่โคนต้นไม้
ภายหลังจากที่พระมหากัสสปะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้เสด็จผ่านมายังบริเวณที่พระมหากัสสปะได้บำเพ็ญสมณะธรรมอยู่
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาพบกับพระมหากัสสปะ พระพุทธองค์ก็ทรงเสด็จลงจากทางไปประทับยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้แห่งหนึ่งในบริเวณใกล้ๆ นั้น เมื่อพระมหากัสสปะเห็นเช่นนั้น ท่านก็รีบเข้าไปปูลาดผ้าสังฆาฏิที่ทำด้วยผ้าเก่าซ้อน 4 ชั้น ถวายเป็นที่ประทับนั่งแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่โคนต้นไม้แห่งนั้น จากนั้นท่านก็ได้กราบทูลเชิญให้พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งบนผ้าสังฆาฏิผืนนั้นด้วยความเคารพนอบน้อม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประทานผ้าสังฆาฏิของพระองค์ให้แก่พระมหากัสสปะ
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับนั่งบนผ้าสังฆาฏิแล้ว พระพุทธองค์ก็ได้ตรัสกับพระมหากัสสปะว่า ผ้าเก่าของพระมหากัสสปะผืนนี้มีความอ่อนนุ่มเป็นอย่างมาก เมื่อพระมหากัสสปะได้ยินได้ฟังเช่นนั้น ท่านก็ได้น้อมถวายผ้าสังฆาฏิผืนนั้นในทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงประทานผ้าสังฆาฏิของพระองค์ให้แก่พระมหากัสสปะ ซึ่งการถวายผ้าสังฆาฏิของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก เพราะการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานผ้าสังฆาฏิที่พระองค์ทรงนุ่งห่มแล้วให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งนั้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีปรากฏเกิดขึ้นมาก่อนเลย และจากเหตุการณ์การแลกผ้าสังฆาฏิของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระมหากัสสปะนี้เอง ก็ถึงกับทำให้แผ่นดินที่มั่นคง และไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดๆ พลันเกิดอาการสั่นไหวสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมาอีกครั้ง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแลกผ้าสังฆาฏิกับพระมหากัสสปะนั้นเป็นเพราะพระองค์ทรงมีพระประสงค์
ที่จะแต่งตั้งให้พระมหากัสสปะเป็นดั่งตัวแทนของพระองค์
ส่วนสาเหตุที่ทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแลกผ้าสังฆาฏิกับพระมหากัสสปะนั้นทั้งนี้ก็เป็นเพราะพระองค์ทรงมีพระประสงค์ ที่จะแต่งตั้งให้พระมหากัสสปะเป็นดั่งตัวแทนของพระองค์ ที่จะรับภาระหน้าที่ที่สำคัญที่พระองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ซึ่งภาระหน้าที่ที่สำคัญนั้นก็คือการทำหน้าที่เป็นประธานในการทำสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ 1 ซึ่งก็จะทำให้พระธรรมและพระวินัยที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนเอาไว้อย่างดีแล้ว ได้ถูกนำมาจัดเก็บรวบรวมและเรียบเรียงเอาไว้อย่างเป็นหมวดเป็นหมู่ เพื่อจะได้ง่ายต่อการศึกษาเรียนรู้ของพระภิกษุและเป็นประโยชน์ต่อมหาชนผู้มีบุญในภายหลัง
และเมื่อพระธรรมวินัยได้รับการจัดเก็บรวบรวมและเรียบเรียงเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว ก็จะทำให้พระพุทธศาสนาสามารถดำรงคงอยู่ไปได้ยาวนานกว่า 5,000 ปี
พระมหากัสสปะเป็นพระภิกษุที่มีความเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมและคุณสมบัติที่จะเป็นหลักเป็นประธาน
ไม่ใช่เพียงเท่านั้นพระมหากัสสปะยังเป็นพระภิกษุที่มีความเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมและคุณสมบัติที่จะเป็นหลักเป็นประธาน และเป็นต้นบุญต้นแบบให้กับภิกษุทั้งหลายได้อีกด้วย ซึ่งคุณธรรมของพระมหากัสสปะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องนั้น ก็มีดังต่อไปนี้
ประการที่ 1. ท่านได้รับการสถาปนาจากพระพุทธองค์ว่า “ เป็นผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ เสมอกับพระองค์ ” หมายถึงไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระประสงค์ ที่จะเข้าฌานไหน เช่นปฐมฌาน ทุติยฌาน หรือตติยฌาน เป็นต้น ท่านก็สามารถที่จะเข้าฌานนั้นได้เหมือนพระพุทธองค์นั่นเอง
ท่านเป็นผู้มีความมักน้อยสันโดษในปัจจัย 4 อันควรแก่สมณบริโภค
โดยท่านจะมีความยินดีในปัจจัยตามมี ตามได้
ประการที่ 2. ท่านเป็นผู้มีความมักน้อยสันโดษในปัจจัย 4 อันควรแก่สมณบริโภค โดยท่านจะมีความยินดีในปัจจัยตามมี ตามได้ และจะไม่ขวนขวายแสวงหาปัจจัย 4 ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมอย่างเด็ดขาด อีกทั้ง เมื่อท่านได้ปัจจัย 4 อันควรแกสมณะบริโภคมาแล้ว ท่านก็จะไม่ยึดติด, หลงใหล, หรือผูกพันในปัจจัย 4 เหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
พระมหากัสสปะท่านยังประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้ใหม่อยู่เสมอคือแม้ท่านจะเข้าไปสู่ตระกูลที่มีความคุ้นเคยกันมานาน
ท่านก็จะวางตัวสงบเสงี่ยมสง่างามประดุจแขกที่มาใหม่อยู่เสมอ
ประการที่ 3. ท่านเป็นผู้มีความสำรวมกาย วาจา ใจ และไม่ติดในตระกูลทั้งหลาย ซึ่งท่านได้รับการสรรเสริญจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นผู้เข้าไปสู่ตระกูลทั้งหลายโดยไม่มีความคะนองกาย วาจา ใจ เปรียบประดุจดั่งดวงจันทร์ที่ทำหน้าที่โคจรบนท้องนภากาศไปเรื่อยๆ โดยไม่ทำความคุ้นเคย คลุกคลี รักใคร่หรือมีเยื่อใยกับใคร แต่ถึงกระนั้นดวงจันทร์ก็ยังเป็นที่รักและเป็นที่ชื่นชอบใจของมหาชนทั้งหลายอย่างไม่เสื่อมคลายฉันนั้นนั่นเอง อีกทั้งพระมหากัสสปะท่านยังประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้ใหม่อยู่เสมออีกด้วย คือแม้ท่านจะเข้าไปสู่ตระกูลที่มีความคุ้นเคยกันมานานแล้วก็ตาม แต่ท่านก็จะวางตัวสงบเสงี่ยมสง่างามประดุจแขกที่มาใหม่อยู่เสมอฉันนั้น
ท่านเล็งเห็นถึงประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นหลัก
ประการที่ 4. ท่านเป็นผู้มีจิตเมตตากรุณาในมหาชนอย่างไม่มีประมาณ ซึ่งท่านจะโปรดมหาชนทั้งหลายโดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ และไม่เคยหวังว่าจะต้องมีบิณฑบาตหรือภัตตาหารดีๆ มาหล่อเลี้ยงสังขาร เพราะท่านเล็งเห็นถึงประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงตรวจดูด้วยข่ายแห่งญาณว่าจะโปรดใครดี โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่ขัดสนยากจน ดังจะเห็นตัวอย่างได้จากเรื่องราวของ “อาจามะทายิกาเทพธิดา หรือเทพธิดาผู้ถวายข้าวตัง”
สมัยหนึ่งในกรุงราชคฤห์มีหญิงคนหนึ่งที่รอดชีวิตจากโรคร้ายได้ไปขอพักอาศัยอยู่ที่บ้านของผู้ใจบุญ
พร้อมกับให้นางรับประทานอาหารที่เหลืออยู่ในหม้อข้าว
เรื่องก็มีอยู่ว่าสมัยหนึ่งในกรุงราชคฤห์ ได้มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่งประสบเคราะห์กรรมเสียชีวิตด้วยโรคอหิวาตกโรคกันเกือบทั้งบ้าน โดยในกลุ่มของผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตของครอบครัวนี้ ก็มีหญิงคนหนึ่งที่รอดชีวิตจากโรคร้ายนี้มาได้ แต่ถึงกระนั้นนางก็ต้องทิ้งทรัพย์และอาหารของนางไว้ที่บ้านหลังนั้น แล้วก็หนีตายออกมา และด้วยความที่ในตอนนั้นตัวนางเองก็ไม่มีที่พึ่งอื่นใดแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้นางต้องไปขอพักอาศัยอยู่ที่บ้านของผู้ใจบุญท่านหนึ่ง ซึ่งผู้ใจบุญท่านนั้นก็ใจดีและอนุญาตให้นางสามารถพักอยู่ที่ด้านหลังของบ้านนั้น พร้อมกับให้นางรับประทานอาหาร เช่น ข้าวต้มและข้าวตัง ที่เหลืออยู่ในหม้อข้าว หลังจากที่พวกเขาทานกันเสร็จแล้วได้ ซึ่งอาหารเหล่านี้ ก็เพียงพอแค่ให้นางสามารถประทังชีวิตของนางต่อไปได้เท่านั้น
พระมหากัสสปะได้ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ ก็พบว่าในวันนี้หญิงเข็ญใจกำลังจะหมดอายุขัย
อยู่มาวันหนึ่งภายหลังจากที่พระมหากัสสปะได้ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ ท่านก็ได้ตรวจตราดูด้วยญาณของท่านว่า “วันนี้ตัวท่านจะทำความอนุเคราะห์แก่ใคร เพื่อให้เขาได้พ้นจากทุกข์ในปัจจุบันและทุกข์ในอบาย” เมื่อพระมหากัสสปะตรวจตราด้วยญาณของท่านแล้วก็พบว่า “ในวันนี้หญิงเข็ญใจคนนั้นกำลังจะหมดอายุขัย และด้วยผลแห่งบาปอกุศล ที่นางได้เคยทำผิดทำพลาดเอาไว้ ก็จะส่งผลทำให้นางต้องไปใช้กรรมอยู่ในนรก แต่ถึงกระนั้นตัวท่านก็จะช่วยให้นางมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไปให้ได้”
เมื่อพระเถระคิดเช่นนี้แล้ว พระเถระก็ได้ถือบาตรมุ่งหน้าเดินทางไปโปรดหญิงเข็ญใจผู้นั้นในทันที ซึ่งหญิงเข็ญใจท่านนี้ก็เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา
ส่วนว่าเธอจะไม่ธรรมดาอย่างไรนั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 1, ตอนที่ 2, ตอนที่ 3, ตอนที่ 4, ตอนที่ 6, ตอนที่ 7, ตอนที่ 8, ตอนที่ 9, ตอนที่ 10, ตอนที่ 11, ตอนที่ 12, ตอนที่ 13