อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 13


[ 16 มี.ค. 2555 ] - [ 18284 ] LINE it!

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2555
อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 13


อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 13
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา 
 
พระราชกุมารตรัสถามนายสารถีว่าเธออยากรู้มั้ยว่าทำไมเราต้องแสร้งทำเป็นคนใบ้และคนพิการมายาวนานถึง 16 ปี

พระราชกุมารตรัสถามนายสารถีว่าเธออยากรู้มั้ย
ว่าทำไมเราต้องแสร้งทำเป็นคนใบ้และคนพิการมายาวนานถึง 16 ปี

      เมื่อพระราชกุมารตรัสถามนายสารถีว่า “ เธออยากรู้มั้ยว่าทำไมเราต้องแสร้งทำเป็นคนใบ้และคนพิการมายาวนานถึง 16 ปี  และเมื่อมาถึงวันนี้เราก็กลับมาเป็นคนที่แข็งแรงและพูดได้เหมือนคนปกติเช่นนี้ ” ทันทีที่นายสารถีได้ยินพระราชกุมารตรัสถามอย่างนั้นเขาก็เกิดอาการอยากรู้ขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจจนเขาอดรนทนไม่ได้ที่จะรีบกราบทูลตอบพระราชกุมารไปในทันทีว่า “ ข้าพระองค์รู้สึกสงสัยแล้วก็อยากทราบเป็นอย่างมาก พระเจ้าข้า ”  

พระราชกุมารระลึกชาติหนหลังได้ว่าได้เคยไปเสวยทุกข์อันแสนสาหัสอยู่ในอุสสทนรกยาวนานถึง 8 หมื่นปี ซึ่งเป็นผลมาจากวิบากกรรมที่เราได้เคยเป็นพระราชาปกครองเมือง

พระราชกุมารระลึกชาติหนหลังได้ว่าได้เคยไปเสวยทุกข์อันแสนสาหัสอยู่ในอุสสทนรกยาวนาน
ถึง 8 หมื่นปี ซึ่งเป็นผลมาจากวิบากกรรมที่เราได้เคยเป็นพระราชาปกครองเมือง

      เมื่อนายสารถีอยากทราบเช่นนั้น พระราชกุมารจึงตรัสเฉลยว่า “ ความจริงแล้ว เราไม่ได้เป็นคนใบ้หรือคนพิการแต่อย่างใด แต่การที่เราแสร้งทำเป็นคนใบ้และคนพิการมายาวนานถึง 16 ปีนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเราระลึกชาติหนหลังได้ว่า เราได้เคยไปเสวยทุกข์อันแสนสาหัสอยู่ในอุสสทนรกยาวนานถึง 8 หมื่นปี ซึ่งเป็นผลมาจากวิบากกรรมที่เราได้เคยเป็นพระราชาปกครองเมืองนี้มา 20 ปี ซึ่งในระหว่างที่เราเป็นพระราชา เราก็ได้เคยพิพากษาลงอาญานักโทษมาอย่างมากมาย  เมื่อเราได้รู้เช่นนั้น เราจึงกลัวที่จะต้องเสวยราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา ด้วยเหตุนี้เองเราจึงได้แสร้งทำเป็นคนใบ้และคนพิการมาโดยตลอด ” และเมื่อพระองค์ตรัสเล่าจบพระองค์ก็ทรงรับสั่งให้นายสารถีกลับไปแจ้งข่าวเรื่องการออกบวชของพระองค์แด่พระราชบิดาและพระราชมารดาในทันที
 
หลังจากนายสารถีกลับพระราชวังแล้วพระองค์ก็ทรงออกบวชถือเพศเป็นฤาษีอยู่ในอาศรม ที่ท้าวสักกะเทวราชได้บัญชาให้วิษณุกรรมเทพบุตรมาเนรมิตให้พระองค์ 
 
หลังจากนายสารถีกลับพระราชวังแล้พระองค์ก็ทรงออกบวชถือเพศเป็นฤาษีอยู่ในอาศรม
ที่ท้าวสักกะเทวราชได้บัญชาให้วิษณุกรรมเทพบุตรมาเนรมิตให้พระองค์

      หลังจากที่นายสารถีกลับไปยังพระราชวังแล้ว พระองค์ก็ทรงออกบวชถือเพศเป็นฤาษีอยู่ในอาศรม ที่ท้าวสักกะเทวราชได้บัญชาให้วิษณุกรรมเทพบุตรมาเนรมิตให้พระองค์ สำหรับเรื่องราวที่ท้าวสักกะเทวราชได้บัญชาให้วิษณุกรรมเทพบุตรมาเนรมิตอาศรมให้กับพระโพธิสัตว์นั้น  ลูกๆ บางคนที่เป็นนักเรียนใหม่ก็อาจจะนึกสงสัยและแปลกใจว่ามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ แต่สำหรับนักเรียนเก่าก็คงจะไม่สงสัยกัน เพราะจริงๆ แล้วเหตุการณ์เช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว อย่างเช่นเรื่องราวของบิดามารดาของสุวรรณสามซึ่งท้าวสักกะเทวราชก็ได้บัญชาให้วิษณุกรรมเทพบุตรมาเนรมิตบรรณศาลาและบริขารสำหรับบรรพชิตให้กับท่านทั้งสอง ในช่วงที่ท่านทั้งสองกำลังจะออกบวชเป็นฤาษีเป็นต้น

พระองค์ได้นั่งสมาธิแค่เพียงวันเดียวแล้วก็สามารถบรรลุอภิญญาสมาบัติ
 
พระองค์ได้นั่งสมาธิแค่เพียงวันเดียวแล้วก็สามารถบรรลุอภิญญาสมาบัติ

      และเมื่อพระราชกุมาร หรือพระเตมีย์โพธิสัตว์ เสด็จออกบวชแล้วในขณะที่พระองค์กำลังเสด็จเดินจงกรมอยู่นั้น พระองค์ก็ทรงเปล่งอุทานออกมาด้วยความสุขใจว่า “ การบวชที่เราได้แล้วนี้เป็นสุขจังหนอ ” หลังจากนั้นพระองค์ก็ได้เสด็จไปประทับนั่งสมาธิในบรรณศาลา ซึ่งพระองค์ก็ทรงมีใจสงบ ใจหยุด ใจนิ่ง   แล้วในที่สุดพระองค์ก็ได้บรรลุอภิญญา 5 และสมาบัติ 8 ในวันนั้นนั่นเอง ซึ่งการที่พระองค์ได้นั่งสมาธิแค่เพียงวันเดียวแล้วก็สามารถบรรลุอภิญญาสมาบัติได้นั้น ก็เป็นอัธยาศัยที่ติดตัวท่านมาหลายภพหลายชาติแล้วคือพระองค์ทรงสั่งสมการทำใจหยุดใจนิ่งมาข้ามภพข้ามชาติ ดังนั้นเมื่อพระองค์ได้ลงมือนั่งสมาธิ ใจของพระองค์จึงสามารถหยุดนิ่งและบรรลุอภิญญาสมาบัติได้อย่างง่ายๆ นั่นเอง

ฝ่ายพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระราชกุมารหลังจากทรงทราบข่าวท่านทั้งสองก็รีบเสด็จไปถึงอาศรมของพระราชกุมาร
 
ฝ่ายพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระราชกุมารหลังจากทรงทราบข่าว
ท่านทั้งสองก็รีบเสด็จไปถึงอาศรมของพระราชกุมาร

      ส่วนฝ่ายพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระราชกุมารนั้น หลังจากที่ท่านทั้งสองได้ทรงทราบข่าวจากนายสารถีแล้ว ท่านทั้งสองก็ไม่รอช้าได้รีบเสด็จพระราชดำเนิน ไปหาพระราชกุมารพร้อมด้วยเหล่าเสนาและข้าราชบริพารเป็นจำนวนมาก และเมื่อท่านทั้งสองได้เสด็จพระราชดำเนินไปถึงอาศรมของพระราชกุมารแล้ว  พระราชกุมารก็ทรงทำปฏิสันถารต้อนรับท่านทั้งสองเป็นอย่างดี จากนั้นพระราชาก็ทรงมีพระดำริว่า “ ในวันนี้เราจะอภิเษกลูกของเราให้เป็นพระราชาในที่นี้ แล้วเราจะพาลูกของเรากลับไปขึ้นครองราชย์ที่พระนครของเรา”  
 
พระราชาได้ตรัสกับพระราชกุมาร ว่า “ ลูกรัก ถึงเวลาแล้วที่ลูกจะได้การรับแต่งตั้งให้เป็นพระราชาต่อจากพ่อ 
 
พระราชาได้ตรัสกับพระราชกุมาร ว่า ลูกรักถึงเวลาแล้วที่ลูกจะได้การรับแต่งตั้งให้เป็นพระราชา
ต่อจากพ่อ พ่อจะมอบสมบัติทุกอย่างให้แก่ลูก

      เมื่อพระราชาทรงมีพระดำริเช่นนั้นพระองค์จึงได้ตรัสกับพระราชกุมาร ว่า “ ลูกรัก ถึงเวลาแล้วที่ลูกจะได้การรับแต่งตั้งให้เป็นพระราชาต่อจากพ่อ พ่อจะมอบสมบัติทุกอย่างให้แก่ลูก  ไม่ว่าจะเป็นกองพลช้าง กองพลม้า กองพลรถ  กองพลราบ  นางสนมกำนัลที่งดงาม ตลอดจนพระราชนิเวศน์ที่รื่นรมย์ อีกทั้งพ่อจะนำเจ้าหญิงโฉมงามจากเมืองอื่นมาให้แก่ลูก ลูกจงมีโอรสให้เยอะๆ ก่อน แล้วลูกค่อยออกบวชในภายหลังก็ได้ ตอนนี้ลูกยังอยู่ในวัยดรุณหนุ่มแน่น ผมก็ยังดำขลับ  ลูกจงรีบเสวยสุขในราชสมบัติก่อนเถิด ลูกจะอยู่ในป่าแห่งนี้ไปทำไมกันเล่า ”     

พระองค์ทรงแสดงธรรมถวายแด่พระราชบิดาพระราชมารดาและมหาชนทั้งหลาย
 
พระองค์ทรงแสดงธรรมถวายแด่พระราชบิดาพระราชมารดาและมหาชนทั้งหลาย

      เมื่อพระราชกุมาร ทรงได้ยินพระราชบิดาตรัสอย่างนั้น พระองค์ก็ทรงรับฟังอย่างนิ่งๆ แล้วพระองค์ก็ทรงแสดงธรรมถวายแด่พระราชบิดาพระราชมารดาและมหาชนทั้งหลายที่มาประชุมรวมกันอยู่ที่ป่าแห่งนั้น
 
คนเราไม่ควรประมาทในชีวิตด้วยความคิดว่าเรายังเป็นหนุ่มอยู่ หรือเรายังอ่อนวัยอยู่เพราะความเป็นจริงแล้วอายุของคนเรานั้นสั้นนัก    
 
คนเราไม่ควรประมาทในชีวิตด้วยความคิดว่าเรายังเป็นหนุ่มอยู่
หรือเรายังอ่อนวัยอยู่เพราะความเป็นจริงแล้วอายุของคนเรานั้นสั้นนัก   

      ซึ่งโอวาทของพระราชกุมารนั้น ก็มีใจความสำคัญย่อๆ ดังต่อไปนี้คือ “คนหนุ่มควรประพฤติพรหมจรรย์  ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ควรเป็นคนหนุ่มและการบวชควรเป็นของคนหนุ่มที่อาตมาภาพกล่าวเช่นนี้ก็เพราะอาตมภาพเห็นเด็กผู้ชายผู้เป็นที่รักยังไม่ทันแก่ก็ตายเสียแล้ว  และเห็นเด็กผู้หญิงอ่อนเยาว์ที่มีหน้าตาสวยสดงดงามน่าดูน่าชมก็ยังต้องถึงแก่ความตาย ซึ่งจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มหรือหญิงสาวก็สามารถตายได้ทั้งนั้น เปรียบเหมือนดั่งหน่อไผ่ที่ยังอ่อนอยู่แต่ก็ถูกเด็ดถอนไปฉะนั้น ดังนั้นคนเราไม่ควรประมาทในชีวิตด้วยความคิดว่า “ เรายังเป็นหนุ่มอยู่ หรือเรายังอ่อนวัยอยู่ ”  เพราะความเป็นจริงแล้วอายุของคนเรานั้นสั้นนัก   
 
ปกติของแม่น้ำย่อมไม่ไหลจากที่ต่ำขึ้นไปสู่ที่สูงฉันใด อายุของมนุษย์ทั้งหลายก็ย่อมที่จะไม่หวนกลับคืนไปสู่ความเป็นเด็กฉันนั้น 
 
ปกติของแม่น้ำย่อมไม่ไหลจากที่ต่ำขึ้นไปสู่ที่สูงฉันใด
อายุของมนุษย์ทั้งหลายก็ย่อมที่จะไม่หวนกลับคืนไปสู่ความเป็นเด็กฉันนั้น

      เปรียบประดุจดั่งเส้นด้ายที่ช่างหูกกำลังทออย่างต่อเนื่อง เมื่อช่างหูกทอไปได้มากเท่าไร  เส้นด้ายส่วนที่เหลือก็น้อยลงไปเรื่อยๆ เท่านั้น ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน เมื่อวันคืนล่วงเลยผ่านไปชีวิตของเราก็เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ ฉันนั้น ปกติของแม่น้ำย่อมไม่ไหลจากที่ต่ำขึ้นไปสู่ที่สูงฉันใด อายุของมนุษย์ทั้งหลายก็ย่อมที่จะไม่หวนกลับคืนไปสู่ความเป็นเด็กฉันนั้น แม่น้ำที่เต็มฝั่งย่อมพัดพาเอาต้นไม้ที่เกิดอยู่ริมฝั่งให้หักโค่นไปฉันใด  สรรพสัตว์ทั้งหลายก็ย่อมถูกชราและมรณะพัดพาไปฉันนั้น ดังนั้นคนเราควรรีบที่จะทำความเพียรกันตั้งแต่วันนี้เพราะเราไม่รู้ว่าความตายจะมาเยือนเราเมื่อไหร่ และเราก็ไม่มีโอกาสที่จะต่อรองกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้นได้เลย
 
ภายหลังจากที่พระราชบิดากับพระราชมารดาและมหาชนทั้งหลายได้รับฟังโอวาทของพระราชกุมารแล้วทั้งหมดต่างก็ตัดสินใจออกบวชตามพระราชกุมารในทันที 
 
ภายหลังจากที่พระราชบิดากับพระราชมารดาและมหาชนทั้งหลายได้รับฟังโอวาทของพระราชกุมารแล้ว
ทั้งหมดต่างก็ตัดสินใจออกบวชตามพระราชกุมารในทันที

       ซึ่งครูไม่ใหญ่ก็ขอสรุปโอวาทของพระราชกุมาร เป็นสำนวนที่เข้าใจกันง่ายๆ ว่า “ชายแมนๆ ทั้งหลายควรรีบบวชตั้งแต่ยังหนุ่ม   อย่ามัวประมาทชะล่าใจว่าเรายังหนุ่มยังแน่นอยู่เพราะเวลาในโลกนี้เหลือน้อยลงไปทุกที   อีกทั้งความแก่และความตายก็คอยจ้องจะเล่นงานเราอยู่ตลอดเวลา” ภายหลังจากที่พระราชบิดากับพระราชมารดาของพระราชกุมาร และมหาชนทั้งหลายที่มาประชุมรวมกันอยู่ที่ป่าแห่งนั้นได้รับฟังโอวาทของพระราชกุมารแล้ว มหาชนทั้งหมดก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในโอวาทของพระราชกุมารอย่างแรงกล้า   แล้วทั้งหมดต่างก็ตัดสินใจออกบวชตามพระราชกุมารในทันที

ชาวเมืองทั้งหลายต่างก็พากันละทิ้งบ้านเรือนและกิจการของตัวเอง แล้วก็พากันออกบวชตามพระราชกุมาร ในที่สุด
 
ชาวเมืองทั้งหลายต่างก็พากันละทิ้งบ้านเรือนและกิจการของตัวเอง
แล้วก็พากันออกบวชตามพระราชกุมารในที่สุด

      ส่วนฝ่ายชาวเมืองทั้งหลายเมื่อได้ทราบข่าวการออกบวชครั้งยิ่งใหญ่แล้ว แต่ละคนต่างก็เกิดแรงบันดาลใจอยากจะบวชขึ้นมาอย่างฉับพลันทันที เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ชาวเมืองทั้งหลายต่างก็พากันละทิ้งบ้านเรือนและกิจการของตัวเอง แล้วก็พากันออกบวชตามพระราชกุมารในที่สุด เรียกได้ว่าในยุคสมัยนั้น  มหาชนทั้งหลายได้พากันออกบวชแบบยกเมืองกันเลยทีเดียว ส่วนว่ารายละเอียดของเรื่องพระเตมีย์โพธิสัตว์ซึ่งมีอยู่อีกเยอะแยะมากมายจะเป็นอย่างไรนั้น   เราก็คงจะมาว่ากันอีกทีในเรื่องทศชาติชาดก

เราควรที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีให้เต็มที่เต็มกำลังเพื่อตัวเราเอง  โดยเฉพาะใครที่ได้เกิดเป็นชายแมนๆ ก็ควรที่จะรีบมาบวช
 
เราควรที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีให้เต็มที่เต็มกำลังเพื่อตัวเราเอง 
โดยเฉพาะใครที่ได้เกิดเป็นชายแมนๆ ก็ควรที่จะรีบมาบวช

      จากเรื่องราวของพระเตมีย์โพธิสัตว์ที่เราได้เรียนรู้กันมานี้ ก็สอนให้เราได้รู้ว่าเราไม่ควรที่จะประมาทในชีวิต  เพราะชีวิตที่ผ่านๆ มา  ด้วยความที่เราไม่มีความรู้เรื่องกฎแห่งกรรม  จึงทำให้เราต้องพลาดพลั้งไปทำผิดทำพลาดเอาไว้อย่างเล็กน้อย ปานกลางถึงมากมาย อีกทั้งชีวิตของเราก็สั้นแค่นิดเดียว และความตายก็ไม่มีนิมิตหมาย เดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็คืน เดี๋ยวเราก็ต้องพลัดพรากจากกันไปแล้ว  ดังนั้น เราควรที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีให้เต็มที่เต็มกำลังเพื่อตัวเราเอง  โดยเฉพาะใครที่ได้เกิดเป็นชายแมนๆ ก็ควรที่จะรีบมาบวช ส่วนคนที่ยังบวชไม่ได้หรือยังไม่พร้อมที่จะบวช ก็ให้ไปตามคนมาบวชกันให้มากๆ  เพราะการบวชเป็นการสั่งสมบุญใหญ่ให้กับตัวเราเองและบุคคลที่เรารัก

เราควรที่จะสอนและเตือนตัวเองด้วยว่าเราจะไม่คิดกลับไปทำในสิ่งไม่ดีเหล่านั้นอีก จากนั้นก็ให้ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง ด้วยการฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้
 
เราควรที่จะสอนและเตือน ตัวเองด้วยว่าเราจะไม่คิดกลับไปทำในสิ่งไม่ดีเหล่านั้นอีก
จากนั้นก็ให้ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง ด้วยการฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้

      และเมื่อลูกๆ ได้มาบวชแล้วก็ควรที่จะให้อภัยตนเองและลืมเรื่องราวที่ไม่ดีที่เราเคยทำผิดทำพลาดเอาไว้ไปให้หมด อีกทั้งเราควรที่จะสอนและเตือนตัวเองด้วยว่าเราจะไม่คิดกลับไปทำในสิ่งไม่ดีเหล่านั้นอีก จากนั้นก็ให้ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง ด้วยการฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้ ซึ่งการฝึกฝนอบรมตนเองเช่นนี้ถือเป็นการฝึกใจเพื่อสวนกระแสกิเลสที่ไหลเชี่ยวกรากอยู่ตลอดเวลาซึ่งก็อาจจะทำให้เราไม่ได้รับความสะดวกสบายหรืออาจจะได้รับความยากลำบากบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่เราจะต้องไปรับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสในนรกอย่างยาวนาน ด้วยวิบากกรรมที่เราได้เคยทำผิดทำพลาดไปแม้จะไม่รู้ก็ตาม ซึ่งจะเป็นผลทำให้เราต้องพลัดพรากจากหมู่คณะและเสียโอกาสสร้างบารมีบนโลกมนุษย์ไปอีกยาวนานมากๆ ซึ่งถ้าหากลูกๆ ตั้งใจสั่งสมบุญสร้างบารมีกันอย่างเต็มที่เต็มกำลังเช่นนี้ก็จะทำให้ชีวิตการสร้างบารมีของเรามีแต่ความราบรื่น  รุ่งเรือง  และมีปีติหล่อเลี้ยงใจไปตราบวันสุดท้ายของชีวิตของเรา และผังชีวิตอันดีงามนี้ก็จะติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
      ส่วนว่าอานิสงส์การถือธุดงควัตร ภาคพิเศษ ข้อต่อไปจะมีรายละเอียดเป็นเช่นไรเราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป  

อานิสงส์การถือธุดงควัตร (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 1, ตอนที่ 2, ตอนที่ 3, ตอนที่ 4, ตอนที่ 5, ตอนที่ 6, ตอนที่ 7, ตอนที่ 8, ตอนที่ 9, ตอนที่ 10, ตอนที่ 11, ตอนที่ 12


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
DMC ที่โซโลมอนDMC ที่โซโลมอน

Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคนSolomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน

เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน