พระผู้สำเร็จ ณ ภูเขาควาย เรื่องมหัศจรรย์จากริมโขง


[ 13 พ.ย. 2555 ] - [ 18301 ] LINE it!

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
 
 
เรื่องมหัศจรรย์...จากริมโขง 
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 

 
กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
 
        กระผม พระมหาบุญพรม จารุปุญโญ พรรษา 22 รองเจ้าคณะอำเภอท่าบ่อ เจ้าอาวาสวัดโนนพระแก้ว จ.หนองคายครับ หลวงพ่อครับ ผมเป็นหนึ่งในพระอาจารย์ที่อยู่ในเหตุการณ์จริง ซึ่งเป็นเรื่องราวของนักศึกษาชาวจีน 2 คน ที่อยากไปกราบพระผู้สำเร็จ ณ ภูเขาควายครับ
 
พระผู้สำเร็จ ณ ภูเขาควาย
พระผู้สำเร็จ ณ ภูเขาควาย
 
        ผมขอท้าวความเหตุแห่งความปลื้มสักเล็กน้อย วันหนึ่งผมไปทำวีซ่าที่สถานทูตอินเดีย ก็บังเอิญไปเจอกลุ่มนักศึกษาชาวจีนเข้า หนึ่งในนั้นพอเห็นพระสงฆ์ก็ดีใจมาก เดินตรงเข้ามาหาทันที เธอบอกว่าชื่อ ฝังลี่ เคยไปมาแล้วหลายประเทศ แต่ครั้งนี้มาเมืองไทยมีความรู้สึกอยากนั่งสมาธิมาก แต่ปรากฏว่าคอสสมาธิที่เจอในอินเตอร์เน็ตเต็มหมดทุกที่ ผมเลยแนะนำให้มาที่วัดพระธรรมกายครับ ซึ่งฝังลี่ก็ติดตามผมมาที่วัดในวันนั้นทันที และได้ไปนั่งสมาธิ 10 วัน ที่เขาใหญ่ครับ พระอาจารย์ที่ดูแลบอกว่า ฝังลี่มีความตั้งใจในการปฏิบัติธรรมมาก พอออกพรรษา ฝังลี่ และเพื่อนชื่อ ลีน่า ได้ติดตามพระอาจารย์ไปชมบั้งไฟพญานาค โดยอยู่ร่วมงานบุญที่พุทธอุทยาน จ.หนองคาย 2 วัน คือวันที่ 30 และ 31 ตุลาคม พ.ศ 2555 บอกว่านับบั้งไฟได้ 50 ลูกครับ พอวันที่ 1 พฤศจิกายน ก็ได้มากราบผมและบอกว่า เธอได้ฟังหลวงพ่อพูดถึงพระทีมีอายุ 500 ปี อยู่ที่เมาน์เท่น ทีแรกผมฟังไม่เข้าใจ เธอเลยวาดรูปให้ดูครับ พอดูรูปผมก็นึกว่าฝังลี่อยากไปกราบพระธาตุจมน้ำ ซึ่งอยู่ในอำเภอเมืองหนองคาย แต่พอไปถึงฝังลี่บอกว่าไม่ใช่ เลยต้องคุยกันอีกทีถึงเข้าใจว่าหมายถึงภูเขาควายครับ แต่ผมคำนวณแล้ว ว่ากว่าจะไปถึงภูเขาควาย ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน เพราะต้องข้ามไปฝั่งลาว ซึ่งวีซ่าของฝังลี่กำลังจะครบกำหนดต้องบินกลับเซี่ยงไฮ้ แต่ฝังลี่มีความตั้งใจมากที่จะไปกราบพระที่ภูเขาควายให้ได้ ถึงขนาดอธิษฐานกับพระธาตุจมน้ำว่า “ถ้ามีบุญขอให้ได้เจอพระที่ภูเขาควาย” ผมเห็นถึงความตั้งใจ เลยบอกว่า “งั้นเอาอย่างนี้ จะพาไปวัดอาฮงศิลาวาส ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฝั่งลาว กลางน้ำตรงนั้นมีน้ำหมุนวนลึกมาก ชาวบ้านบอกว่าเป็นสะดือแม่น้ำโขง ซึ่งเราจะมองเห็นภูเขาควายชัดเจนเลย” ตอนนั้นผมคิดว่าให้ฝังลี่ได้เห็นแต่ภูเขาควายก็ยังดี ไม่เห็นพระก็ไม่เป็นไรครับ
 
นักศึกษาทั้งสองดีใจมาก ขอให้รถหยุดเพื่อที่จะได้ลงไปใส่บาตร
 
นักศึกษาทั้งสองดีใจมาก ขอให้รถหยุดเพื่อที่จะได้ลงไปใส่บาตร
 
        หลวงพ่อครับ พวกเราเริ่มเดินทางในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 มีพระสงฆ์ 3 รูป, สารถีแก้ว, ฝังลี่และลีน่า รวม 6 ชีวิต โดยออกจากวัดพระธาตุจมน้ำ อ.เมือง จ.หนองคาย เวลา 9.00 น. ซึ่งตลอดทางนักศึกษาทั้งสองคนจะนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ในรถ ไม่วอกแวกดูนั่นดูนี่เลยครับ ในช่วง 3 กิโลเมตรก่อนถึงวัดอาฮงศิลาวาส สองข้างทางเป็นป่า เพราะเป็นเขตป่าสงวน ถ้ามองไปทางขวามือจะเห็นภูเขาอยู่ไกลๆ ซึ่งในช่วงนี้ ไม่มีบ้านคนเลยแม้แต่หลังเดียว แล้วนานๆ ถึงจะมีรถวิ่งสวนมาสักคันครับ พอรถขับไปเรื่อยๆ ปกติถ้ามีคนหรือมีอะไรอยู่ข้างหน้าเราจะต้องมองเห็นตั้งแต่ในระยะไกลแล้ว แต่แปลกมากครับเพราะจู่ๆ ผมกลับมองเห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งในระยะกระชั้น ท่านกำลังเดินมุ่งหน้าไปทางเดียวกันกับพวกเรา แต่ท่านเดินอยู่อีกฝั่งของถนน แต่ก็ไม่ไกลมากเพราะเป็นถนนแค่สองเลน แว๊บแรกที่เห็นท่าน ผมรู้สึกว่านี่แหละพระธุดงค์ของแท้เลย ผมเคยเห็นพระธุดงค์มาเยอะ แต่รูปนี้ดูสง่างามไม่เหมือนกับที่เคยเห็นมาเลยครับ ขนาดผมเป็นพระยังรู้สึกเลื่อมใสขึ้นมาทันที จึงหันไปคุยกับนักศึกษาทั้งสองคนว่า นั่นเป็นพระธุดงค์แท้แท้ นักศึกษาทั้งสองจึงดีใจมาก ขอให้รถหยุดจะลงไปใส่บาตรครับ แต่บอกกันกระทันหันรถเลยเบรคไม่ทัน สารถีจึงต้องถอยรถเพื่อให้ทั้งสองคนได้ใส่บาตร ทั้งสองคนเตรียมปัจจัย 1,000 บาทใส่ซอง ผมเลยบอกให้เอาภัตตาหารบางส่วนของผมไปใส่บาตรท่านด้วย ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 10.45 น. ตอนนั้นผมไม่ได้ลงไปกับนักศึกษาด้วย เพราะยังไม่คิดเอะใจอะไร อีกอย่างก็เป็นพระเหมือนกันครับ แต่ในระหว่างนั้น ผมสังเกตอากัปกิริยาของพระธุดงค์โดยตลอด ท่านดูนิ่ง สงบเสงี่ยม สง่างามมากๆ ผมรู้สึกว่าเวลาท่านเดิน จะว่าเร็วก็ไม่เร็ว จะว่าช้าก็ไม่ช้า จะบอกว่าเหมือนลอยๆ มาก็ว่าได้ครับ เพราะปกติเวลาคนเดินต้องมีอาการตัวโยกไปมา ต้องมีจังหวะของการเดิน แต่ท่านดูนิ่ง แต่ไปได้เร็ว ซึ่งแปลกมากที่พอนักศึกษา 2 คน ข้ามถนนไปถึงปั๊บ ท่านก็เดินมาถึงตัวนักศึกษาพอดี ซึ่งมันไวมาก คือถ้าเป็นระยะขนาดนั้นผมคงต้องจ้ำอ้าวน่าดูครับ ตอนนั้นผมเอากล้องให้สารถี ตามไปถ่ายรูปให้กับนักศึกษาเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยครับ พอกำลังจะใส่บาตร ในช่วงที่ท่านเปิดฝาบาตร ผมยังนั่งมองท่านจากในรถ ใจผมก็นึกอยากเห็นว่าผิวพรรณของท่านจะเป็นยังไง เลยจ้องดูตลอด พอท่านเปิดฝาบาตร ผมเห็นแขนท่านขาวผ่องมากเลย ผมเห็นชัดมากครับ ซึ่งผมเองก็แปลกใจว่าในระยะที่มองลงมาจากรถ ไม่น่าจะเห็นแขนท่านได้ชัดขนาดนี้ได้ แต่ผมก็มองเห็นชัดจริงๆ ครับ พอใส่บาตรเสร็จทุกคนก็เดินกลับมาที่รถ ช่วงนั้นฝังลี่และเพื่อนยังหันกลับไปมองท่านเป็นระยะ ผมซึ่งนั่งอยู่ในรถก็ยังไม่ได้ละสายตาไปจากท่าน จึงเห็นว่าท่านเดินหันหลังกลับ แล้วในจังหวะที่รถกำลังจะเคลื่อนตัวออก ฝังลี่และลีน่าก็ร้องตกใจเหมือนจะพูดว่าอะไรหายไป ผมเลยหันกลับไปดู ปรากฏว่าพระธุดงค์รูปนั้นหายไปแล้วครับ ทุกคนก็แปลกใจว่าทำไมท่านหายไปไหนเร็ว แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไรมาก และเดินทางต่อไปจนถึง วัดอาฮงศิลาวาส พอไปถึงนักศึกษาทั้ง 2 คนก็ได้นั่งสมาธิ เสร็จแล้วจึงได้ก้มกราบภูเขาควาย
 
ทั้งสองคนเตรียมปัจจัยใส่ซอง และภัตตาหารบางส่วนใส่บาตรท่านด้วย ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 10.45 น.
 
ทั้งสองคนเตรียมปัจจัยใส่ซอง และภัตตาหารบางส่วนใส่บาตรท่านด้วย ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 10.45 น.
 
        หลังจากนั้น พวกเราจึงได้ทบทวนเรื่องที่ได้พบพระธุดงค์ ฝังลี่พยายามสื่อสารให้ผมฟัง โดยชูแขนของเธอขึ้นและบอกว่าผิวของพระธุดงค์เหมือนเด็ก และหน้าก็เหมือนเด็ก สารถีก็ยืนยันว่าผิวที่แขนท่านผ่องมาก และบอกอีกว่าพอใส่บาตรเสร็จท่านให้พรบทอภิวา... เสียงไพเราะมาก ไม่มีหอบเหนื่อยสั่นเครือเลย แล้วสายตาท่านจะหลบต่ำอยู่ตลอดเวลา สารถีพยายามจะมองหน้าท่านชัดๆ ก็เห็นได้แค่เสี้ยวเดียวเหมือนรูปที่ถ่ายมาครับ ซึ่งจริงๆ แล้วสารถีถ่ายรูปไว้เยอะเลยครับ แต่แปลกมากที่พอตอนหลังมาดูรูปกัน กลับมีภาพให้เราเก็บเอาไว้ปลื้ม เพียงแค่ 3 ภาพเท่านั้นครับ ซึ่งทุกคนก็ยืนยันตรงกันว่าพระธุดงค์รูปนั้นต้องไม่ใช่พระธรรมดาๆ แน่นอน เหตุอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจริง ทำให้ฝังลี่มีแรงบันดาลใจที่จะนั่งสมาธิและรักษาศีล 5 ตลอดไป โดยได้เข้ามากราบผม และสมาทานศีล 5 ก่อนที่จะบินกลับเซี่ยงไฮ้ด้วยครับ
 
        หลังจากเสร็จภารกิจที่หนองคาย ผมก็บินไปอินเดีย และมีโอกาสได้ไปพักที่วัดลาวในอินเดีย ผมเลยเอารูปพระธุดงค์ให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสที่วัดลาวดู ท่านบอกว่าต้องใช่พระบังบดแน่นอน เพราะถ้าเป็นพระธุดงค์ธรรมดาที่ต้องเดินบุกป่าฝ่าดง มือและเท้าจะไม่ดูสะอาดสะอ้านขนาดนี้ แถมจีวรที่สวมอยู่ ดูเนื้อผ้าหนามาก เหมือนผ้าโบราณที่เย็บย้อมด้วยมือ แล้วท่านก็เมตตาเล่าเรื่องภูเขาควายให้ฟังว่า ท่านเคยไปพักอยู่ที่วัดภูกระดึงใกล้ๆกับภูเขาควาย หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดภูกระดึงบอกว่า บนภูเขาควายมีพระบังบดอยู่ เพราะจะได้ยินเสียงสวดมนต์ ได้ยินเสียงตีโปงทุกวัน มีชาวลาวเคยมองไปที่ภูเขา เห็นพระเดินบิณฑบาตมาแต่ไกล ลงมาจากภูเขาควายเป็นสายยาวมาก พอถึงทางแยกก็แยกออกเป็นสายๆ แต่ถ้าเป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ เสียงสวดมนต์จะดังชัดเหมือนมีพระมีคนอยู่เยอะ ดังเหมือนเวลาที่วัดพระธรรมกายมีงานบุญเลย และเคยมีทหารพาคนขึ้นไปจนถึงยอดเขา ซึ่งกว่าจะเดินถึงยอดต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมง แต่ไปถึงแล้วก็ไม่เห็นวัด ไม่เห็นพระ เห็นมีแต่ป่าและลานหินครับ หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดภูกระดึงยังบอกอีกว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ไปที่ภูเขาควายแล้วจะเห็นพระบังบดได้ ต้องผู้มีบุญเท่านั้นครับถึงจะเห็น เรื่องพระบังบดบนภูเขาควาย จึงเป็นตำนานเล่าขานที่ได้ฟังกี่ทีๆ เป็นปลื้มทุกทีครับ
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
DMC ที่โซโลมอนDMC ที่โซโลมอน

Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคนSolomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน

เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน