ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
Case Study กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 20
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา
เมื่อท่านมหาเสนาบดีได้เดินทางมาถึงที่เมืองหลวงของแคว้นพระราชาองค์ที่ออกบวชแล้ว นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งก็ได้เรียกตัวท่านมหาเสนาบดีให้เข้าไปพบ เพื่อนัดแนะเกี่ยวกับเรื่องของการติดต่อสื่อสาร และการประสานงานกับส่วนกลาง หรือกองกำลังทหารในเมืองหลวง ในระหว่างที่ขบวนเสด็จเดินทางไปยังแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ หรือแคว้นของพระราชบิดาของพระราชาเกะกะเกเร ซึ่งท่านมหาเสนาบดีก็ได้มอบหมายให้นายทหารของตัวท่านที่อยู่ในหน่วยติดต่อสื่อสารเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ยังได้เตือนและแนะนำท่านมหาเสนาบดีอีกด้วย
นอกจากนั้น นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ยังได้เตือนและแนะนำท่านมหาเสนาบดีด้วยอีกว่า “ให้ระมัดระวังตัวและคุ้มกันพระราชโอรสอย่างเต็มความสามารถ เพราะทางการยังไม่ทราบถึงสถานการณ์และท่าทีที่แท้จริงของทางแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ว่าจะมีความเป็นมิตรกับแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชจริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรไว้วางใจและไม่ควรประมาทในการเดินทางครั้งนี้เป็นอันขาด”
ซึ่งในตอนนั้นสถานการณ์ทางกองทัพภายในแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวช ก็ได้มีการแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด โดยฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายของเสนาบดีผู้ใหญ่ที่ฉ้อฉล ได้มีความไว้วางใจทางแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นฝักฝ่ายของแคว้นนั้นเลยก็ว่าได้
สถานการณ์ทางกองทัพภายในแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวช ได้มีการแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นฝ่ายของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เตือนให้ท่านมหาเสนาบดีระมัดระวังตัวในการเดินทางครั้งนี้ กลับมีความเห็นว่า “ทางแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือมีท่าทีที่ไม่น่าไว้วางใจ และอาจจะกำลังหาโอกาสบุกเข้ามาโจมตีแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชอยู่” ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ ได้เตรียมความพร้อมของกองทัพเอาไว้อยู่เสมอ เพื่อป้องกันการบุกโจมตีของข้าศึกที่อาจจะบุกเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ
นอกจากนายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ จะมีบทบาทสำคัญต่อทางแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชแล้ว นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ยังถือว่า เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อท่านมหาเสนาบดีเป็นอย่างมากอีกด้วย ที่กล่าวเช่นนี้ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้เป็นผู้ที่ช่วยกันผลักดันให้ท่านมหาเสนาบดีได้รับตำแหน่ง “เสนาธิการทหารระดับกองทัพภาค ซึ่งประจำการอยู่ที่เขตหัวเมืองชายแดนที่อยู่ติดกับแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ” อีกทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ ยังคอยให้คำปรึกษาและเป็นแบ็คอัพหนุนหลังให้กับท่านมหาเสนาบดีมาโดยตลอด
นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อท่านมหาเสนาบดีเป็นอย่างมาก
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ ได้คอยช่วยกันผลักดันและให้คำปรึกษาท่านมหาเสนาบดีมาโดยตลอดนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะในช่วงที่ผ่านๆ มา ฝ่ายเสนาบดีผู้ใหญ่ที่ฉ้อฉลได้พยายามทำทุกวิถีทาง ที่จะผลักดันคนของตัวเองให้ไปดำรงตำแหน่งสูงๆ ในวงการทหารและชนชั้นปกครอง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเจ้าเมืองในหลายๆ หัวเมืองที่อยู่ใกล้กับชายแดนของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ และรวมไปถึงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่คุมกองกำลังทหารในเขตหัวเมืองชายแดน ที่อยู่ติดกับแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนืออีกด้วย เป็นต้น
เหตุที่ทำให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ คอยช่วยกันผลักดันและให้คำปรึกษาท่านมหาเสนาบดีมาโดยตลอด
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ต้องการคนที่ซื่อสัตย์, เฉลียวฉลาด และไว้วางใจได้ เพื่อที่จะให้ไปทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังทหารในเขตพื้นที่บริเวณดังกล่าว และเพื่อเป็นการคานอำนาจกับฝ่ายพลพรรคของเสนาบดีผู้ใหญ่ที่ฉ้อฉลอีกด้วยนั่นเอง
และเมื่อนายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ได้คัดเลือก และเฟ้นหานายทหารมือฉมังที่มีคุณสมบัติดังกล่าวทั่วทั้งกองทัพแล้ว นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ก็ได้เล็งเห็นว่า “ท่านมหาเสนาบดีเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุด และเป็นผู้ที่มีความเพียบพร้อมในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องวิสัยทัศน์ เรื่องความรู้ความสามารถ และที่สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดีต่อพระราชโอรสอย่างแท้จริงนั่นเอง” เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ ได้คอยช่วยกันผลักดันและให้คำปรึกษาท่านมหาเสนาบดีมาโดยตลอด อีกทั้งยังช่วยกันสนับสนุนให้ท่านมหาเสนาบดีมาทำหน้าที่คุ้มกันพระราชโอรส หรือพระราชาองค์ที่ออกบวช ในระหว่างการเสด็จเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ในครั้งนี้ด้วยนั่นเอง
นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ ได้ช่วยกันสนับสนุนให้ท่านมหาเสนาบดีมาทำหน้าที่คุ้มกันพระราชโอรส หรือพระราชาองค์ที่ออกบวช
หลังจากที่ท่านมหาเสนาบดีได้เข้าไปพบกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้แล้ว ท่านมหาเสนาบดีก็ได้วางแผนจัดการเตรียมกองกำลังทหาร เพื่อคุ้มกันขบวนเสด็จของพระราชโอรสหรือพระราชาองค์ที่ออกบวชอย่างรอบคอบ รัดกุม และปลอดภัยที่สุด จนเรียกได้ว่าท่านได้ปิดโอกาสของความผิดพลาดไว้หมดเลยทีเดียว และเมื่อท่านมหาเสนาบดีได้เตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านมหาเสนาบดีก็ไม่รอช้าได้เข้าไปกราบบังคมทูลเชิญพระราชโอรส แล้วก็ออกเดินทางไปยังแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ในทันที
ท่านมหาเสนาบดีได้เข้าไปกราบบังคมทูลเชิญพระราชโอรส แล้วก็ออกเดินทางไปยังแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ
ซึ่งความตั้งใจในการเสด็จเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรี กับแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ของพระราชโอรสในครั้งนี้นั้น พระองค์ทรงมีพระประสงค์อยากที่จะให้บ้านเมืองเกิดสันติภาพอย่างแท้จริง เพราะถ้าหากบ้านเมืองเกิดสันติภาพอย่างแท้จริงแล้ว ก็จะทำให้ประชาชนทั่วทั้งแคว้นสามารถทำมาหากินกันได้อย่างมีความสุข โดยที่ไม่ต้องหวาดผวาและก็ไม่ต้องหวาดระแวงต่อภัยสงครามใดๆ ทั้งสิ้น
พระองค์ทรงมีพระประสงค์อยากที่จะให้บ้านเมืองเกิดสันติภาพอย่างแท้จริง
ในระหว่างที่ขบวนเสด็จกำลังเดินทางไปที่แคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือนั้น ท่านมหาเสนาบดีก็ได้ส่งพลทหารหน่วยสอดแนมออกไปสืบข่าวล่วงหน้า เพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยและความปลอดภัยของทุกๆ พื้นที่ที่ขบวนเสด็จจะต้องเดินทางผ่าน และเมื่อท่านมหาเสนาบดีได้ตรวจเช็คจนกระทั่งมั่นใจและแน่ใจแล้วว่า “พื้นที่ข้างหน้ามีความปลอดภัยแน่นอน” ท่านมหาเสนาบดีถึงจะนำขบวนเสด็จเดินทางต่อไป ด้วยความละเอียดรอบคอบของท่านมหาเสนาบดีนี้เอง จึงทำให้ตลอดเส้นทางการเดินทางภายในแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชมีแต่ความราบรื่นและปลอดภัยแบบไร้กังวล
ระหว่างที่ขบวนเสด็จกำลังเดินทาง ท่านมหาเสนาบดีได้ส่งพลทหารออกไปตรวจเช็คความเรียบร้อยและความปลอดภัยของทุกๆ พื้นที่ขบวนเสด็จ
เมื่อขบวนเสด็จของพระราชโอรส ได้เดินทางมาถึงบริเวณเขตชายแดนของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือแล้ว ท่านมหาเสนาบดีก็ได้รับการแจ้งข่าวจากม้าเร็วที่ส่งตรงมาจากส่วนกลาง หรือกองกำลังทหารในเมืองหลวงของแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชว่า “ให้ระมัดระวังตัวให้มากขึ้น” ซึ่งข้อมูลที่ได้รับมาจากส่วนกลางนั้น ก็มีความสอดคล้องกับข้อมูลจากสายข่าวที่ท่านมหาเสนาบดีได้วางตัวเอาไว้ในเมืองหลวง ของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือเช่นกัน โดยสายข่าวของท่านก็ได้รายงานมาว่า “ขณะนี้ได้มีกลุ่มโจรปริศนาออกอาละวาดในเขตพื้นที่บริเวณนั้นพอดี”
ท่านมหาเสนาบดีได้รับการแจ้งข่าวจากม้าเร็วที่ส่งตรงมาจากส่วนกลาง
เมื่อท่านมหาเสนาบดีได้รับข้อมูลมาเช่นนั้นแล้ว ท่านจึงได้เรียกประชุมเหล่าบรรดาขุนพลนายทหารองครักษ์ทั้งหมด เพื่อสั่งการคุ้มกันพระราชโอรสให้รัดกุมมากขึ้นไปอีก
นอกจากท่านมหาเสนาบดี จะเพิ่มความระมัดระวังเรื่องการคุ้มกันพระราชโอรส อย่างรัดกุมให้มากขึ้นแล้ว ท่านมหาเสนาบดียังได้ส่งพลทหารเข้าไปเคลียร์พื้นที่ล่วงหน้าก่อนอีกด้วย แต่ด้วยความที่พื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ป่าที่มีความรกชัฏ และมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้พลทหารเหล่านั้น ไม่สามารถที่จะตรวจสอบหรือเคลียร์พื้นที่ได้หมด
ท่านมหาเสนาบดียังได้ส่งพลทหารเข้าไปเคลียร์พื้นที่ล่วงหน้าก่อน
และเมื่อท่านมหาเสนาบดีทราบเช่นนั้น ท่านจึงได้จัดรูปแบบของกระบวนทัพใหม่ โดยท่านได้สั่งการให้เหล่านายทหารองค์รักษ์ กระจายกำลังคุ้มกันขบวนเสด็จแบบรอบด้าน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งรับข้าศึกที่อาจจะจู่โจมมาได้จากทุกทิศทุกทาง
ซึ่งในขณะที่ขบวนเสด็จกำลังเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นป่ารกชัฏอยู่นั้น ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์เลวร้ายที่ท่านมหาเสนาบดีคาดการณ์เอาไว้ ก็พลันบังเกิดขึ้น นั่นก็คือได้มีกลุ่มโจรร้ายปรากฏตัวมาจากทุกทิศทาง แล้วก็กระจายกำลังเข้าจู่โจมขบวนเสด็จแบบรอบด้าน เพื่อหมายจะจู่โจมจุดศูนย์กลางของขบวนเสด็จ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ประทับของพระราชโอรสนั่นเอง
ได้มีกลุ่มโจรร้ายปรากฏตัวมาจากทุกทิศทาง เพื่อหมายจะจู่โจมจุดศูนย์กลางของขบวนเสด็จ
ส่วนว่าเมื่อเหตุการณ์คับขันเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ท่านมหาเสนาบดีจะแก้เกมหรือจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร และพระราชโอรสจะทรงปลอดภัยหรือไม่นั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามกันในตอนต่อไป