กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
Case Study กรณีศึกษากฎแห่งกรรมมหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 22เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปราในระหว่างที่คณะของพระราชโอรส และท่านมหาเสนาบดีกำลังเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นของพระราชาที่มีความเจริญทางด้านศิลปะอยู่นั้น กลุ่มของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ที่ให้การสนับสนุนท่านมหาเสนาบดี ซึ่งอยู่ในเมืองหลวงของแคว้นพระราชาองค์ที่ออกบวช ก็ได้ดำเนินการสืบสวนและสอบสวนเพื่อควานหาตัวการในการลอบปลงพระชนม์พระราชโอรสกลุ่มนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ได้ดำเนินการสืบสวนหาตัวการในการลอบปลงพระชนม์พระราชโอรสหลังจากที่นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ ได้ทำการสืบสวนและสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ก็สามารถดำเนินการจับกุมตัวสายลับ และข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้หลายคน อีกทั้งยังได้เบาะแสที่โยงใยไปถึงตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังแผนการอำมหิตในครั้งนี้อีกด้วยแต่ทว่า ในขณะที่การสืบสวนและสอบสวนของนายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ กำลังดำเนินไปได้ด้วยดีอยู่นั้น ทันใดนั้นเองเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็พลันได้บังเกิดขึ้น นั่นก็คือพระราชาหรือพระราชบิดาของพระราชาองค์ที่จะออกบวช ได้เสด็จสวรรคตลงด้วยโรคปัจจุบันตามพระชนมายุของพระองค์พระราชาหรือพระราชบิดาของพระราชาองค์ที่จะออกบวชได้เสด็จสวรรคตซึ่งเหตุการณ์เสด็จสวรรคตของพระองค์นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ ชนิดที่เรียกว่า “สะเทือนฟ้าสะเทือนแผ่นดิน” เลยก็ว่าได้ ที่กล่าวเช่นนี้ก็เป็นเพราะ ประชาชนทั่วทั้งแคว้นต่างก็พากันเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของพระราชา หรือพระราชบิดาของพระราชาองค์ที่จะออกบวช อย่างที่สุดนอกจากนั้น เหตุการณ์เสด็จสวรรคตของพระราชา ยังทำให้บรรดาข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ต่างก็เกิดความว้าวุ่นใจอย่างหนักอีกด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะในตอนนี้ ตำแหน่งของพระราชาผู้ปกครองแคว้นได้ว่างลง และผู้ที่จะสืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากพระองค์ก็คือพระราชโอรส ซึ่งก็ทรงกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ต่างแคว้น และบ้านเมืองจะขาดพระราชานานไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อระบบการบริหารงานราชการแผ่นดิน และอาจจะทำให้เกิดความระส่ำระส่ายขึ้นภายในแคว้นเหตุการณ์เสด็จสวรรคตของพระราชา ทำให้บรรดาข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เกิดความว้าวุ่นใจอย่างหนักและที่สำคัญ ถ้าหากเรื่องนี้เกิดล่วงรู้ไปถึงหูของพระราชาของทางแคว้นที่ไม่ประสงค์ดีเข้า พระราชาของทางแคว้นนั้นก็อาจจะรีบยกทัพบุกเข้ามาโจมตีแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชในช่วงนี้ก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้เองนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลาย จึงได้รีบส่งม้าเร็วไปแจ้งข่าวการเสด็จสวรรคตของพระราชาให้พระราชโอรสได้ทรงทราบ เพื่อกราบทูลให้พระราชโอรสได้รีบเสด็จกลับมายังเมืองหลวงของแคว้นเป็นการด่วน เพื่อที่จะได้ประกอบพิธีสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไปนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลาย จึงได้รีบส่งม้าเร็วไปแจ้งข่าวการเสด็จสวรรคตของพระราชาให้พระราชโอรสได้ทรงทราบทันทีที่พระราชโอรสหรือพระราชาองค์ที่จะออกบวช ได้ทรงทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระราชบิดาผู้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์ พระองค์ก็ทรงรู้สึกเศร้าโศกเสียใจและอาลัยกับการจากไปของพระราชาเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงอดทนอดกลั้นและเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ ภายในพระหฤทัยของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว โดยที่พระองค์ไม่ได้ทรงแสดงอาการเศร้าโศกเสียใจให้ใครๆ ได้เห็นเลย เพียงแต่พระองค์อาจจะทรงแลดูมีอาการที่เงียบขรึมลงไปบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อพระราชโอรสทรงทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระราชบิดา พระองค์ก็ทรงรู้สึกเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของพระราชาเป็นอย่างมากส่วนตัวท่านมหาเสนาบดีนั้น ทันทีที่ท่านได้ทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระราชา ด้วยไหวพริบปฏิภาณและความชาญฉลาดในระดับแชมป์ออฟแชมป์ของท่านนี้เอง จึงทำให้ท่านทราบได้ในทันทีว่า “ตัวท่านจะต้องรีบนำพระราชโอรสเสด็จเดินทางกลับเมืองหลวงของแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชเป็นการด่วน”เมื่อท่านมหาเสนาบดีทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของพระราชา ตัวท่านจะต้องรีบนำพระราชโอรสเสด็จเดินทางกลับเมืองเป็นการด่วนด้วยเหตุนี้เอง ท่านมหาเสนาบดีจึงได้เรียกประชุมเหล่าบรรดานายทหารองครักษ์ เพื่อตระเตรียมขบวนเสด็จของพระราชโอรสในทันที โดยท่านมหาเสนาบดีก็ได้วางแผนคุ้มกันขบวนเสด็จของพระราชโอรสอย่างหนาแน่นและรัดกุมที่สุด ชนิดที่เรียกว่าแข็งแกร่งราวกับกำแพงเหล็กฝังเพชรเลยทีเดียวเมื่อขบวนเสด็จของพระราชโอรส หรือพระราชาองค์ที่จะออกบวชอนาคต ได้เดินทางมาถึงที่เมืองหลวงของแคว้นของพระราชาแล้ว ข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างก็ได้มาประชุมร่วมกัน เพื่อลงมติเสนอชื่อของพระราชโอรสให้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการ ตามกฎของการสืบทอดราชบัลลังก์ในยุคสมัยนั้น แต่ในขณะที่มีการประชุมเสนอชื่อของพระโอรสอยู่นั้น ก็ได้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งกล่าวคัดค้านขึ้นกลางที่ประชุมอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดคาดฝัน ซึ่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เพราะเขาก็คือเสนาบดีผู้ฉ้อฉลจอมบงการนั่นเอง
ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายต่างก็มาประชุมร่วมกัน เพื่อลงมติเสนอชื่อพระราชโอรสให้เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการโดยเสนาบดีผู้นี้ ได้อ้างเหตุผลในการคัดค้านไม่ให้พระราชโอรสขึ้นครองราชย์ว่า “ถ้าหากพระราชโอรสขึ้นครองราชย์ในตอนนี้ พระองค์อาจจะเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดสงครามระหว่างแคว้นได้ เนื่องจากพระองค์ไม่ได้เสด็จเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ตามที่ได้นัดหมายกับทางแคว้นนั้นเอาไว้ อีกทั้งพระองค์ยังทรงเปลี่ยนเส้นทางไปเจริญสัมพันธไมตรี กับแคว้นของพระราชาที่มีความเจริญทางด้านศิลปะอีกด้วยเสนาบดีผู้นี้ ได้อ้างเหตุผลในการคัดค้านไม่ให้พระราชโอรสขึ้นครองราชย์เมื่อพระราชโอรสทรงกระทำเช่นนี้ จึงทำให้พระราชาของทางแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ เกิดความขุ่นเคืองพระทัยเป็นอย่างมาก เพราะอาจจะทรงเข้าใจผิดคิดว่าพระราชโอรสไม่ให้เกียรติพระองค์ และมองข้ามความสำคัญของแคว้นพระองค์ไป และด้วยความขุ่นเคืองพระทัยของพระราชาผู้ปกครองแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือนี้เอง จึงทำให้ในตอนนี้พระองค์ได้ทรงยกทัพบุกเข้ามาประชิดชายแดน ของทางแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชแล้ว ดังนั้นพระราชโอรส ควรที่จะเสด็จไปเจรจาสร้างความเข้าใจ และขอโทษพระราชาของทางแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือก่อน แล้วพระองค์จะได้ขึ้นครองราชย์อย่างสมพระเกียรติ”พระราชาของทางแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ เกิดความขุ่นเคืองพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อกลุ่มนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ที่ทำการสืบสวนและสอบสวนหาตัวการในการลอบปลงพระชนม์พระราชโอรส ได้ฟังเหตุผลที่เสนาบดีผู้ฉ้อฉลได้ยกขึ้นมากล่าวอ้าง เพื่อคัดค้านไม่ให้พระราชโอรสขึ้นครองราชย์แล้ว นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ก็ได้รีบยกเหตุผลที่แท้จริงสวนกลับไปในทันทีว่า “สาเหตุที่ทำให้พระราชโอรสจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเส้นทางการเจริญสัมพันธไมตรีนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะมีการดักลอบปลงพระชนม์พระราชโอรส ในระหว่างที่พระองค์กำลังจะเสด็จเดินทางเข้าสู่เขตชายแดนของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ และเมื่อทำการสืบสวนสอบสวนแล้ว ก็ทำให้ได้ทราบข้อมูลเบื้องลึกว่า มือสังหารที่ลอบปลงพระชนม์พระราชโอรสนั้น เป็นพวกทหารที่ถูกส่งมาจากแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือนั่นเอง”นายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้รีบยกเหตุผลที่แท้จริงขึ้นมาชี้แจงหลังจากที่นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ ได้ชี้แจงแสดงเหตุผลที่แท้จริงให้ที่ประชุมได้รับทราบแล้ว นายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ก็ได้เบิกตัวสายลับที่จับได้ มาแสดงต่อท่ามกลางที่ประชุม พร้อมทั้งโชว์หลักฐานเรื่องการรับสินบนจากทางแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ให้ที่ประชุมได้เห็นกันแบบจะๆ อีกด้วย โดยหลักฐานเรื่องการรับสินบนนี้ก็ได้บ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “มีข้าราชการหลายคนได้เอาความลับของทางแคว้น ไปขายให้กับแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ” และตัวการที่สำคัญซึ่งเป็นหนึ่งในข้าราชการเหล่านั้น ก็คือเสนาบดีผู้ฉ้อฉลนั่นเองนายทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ได้เบิกตัวสายลับที่จับได้ มาแสดงต่อท่ามกลางที่ประชุมนอกจากหลักฐานเรื่องการรับสินบน จะสามารถมัดตัวเสนาบดีผู้ฉ้อฉลได้อย่างแน่นหนาแล้ว ก็ยังมีหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่สามารถจะจัดการกับเสนาบดีผู้ฉ้อฉลได้อย่างเด็ดขาดเลยทีเดียวส่วนว่า หลักฐานไม้ตายที่กลุ่มนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ที่ทำการสืบสวนและสอบสวนหาตัวการในการลอบปลงพระชนม์พระราชโอรส จะงัดออกมาเปิดโปงเสนาบดีผู้ฉ้อฉลนั้นจะเป็นอะไร และเรื่องราวจะน่าตื่นเต้นขนาดไหนนั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามกันในตอนต่อไป
บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)
มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 22
[ 20 พ.ย. 2555 ] - [ 18277 ]
Desktop Version
