มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 27


[ 30 พ.ย. 2555 ] - [ 18279 ] LINE it!

 
ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
Case Study กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
 
 
มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 27
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
 
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา
 
 
 
        ในขณะที่ท่านมหาเสนาบดีกำลังตกอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะต้องเตรียมรับมือกับกองทัพของข้าศึกที่มีกำลังพลเหนือกว่ากองทัพของตัวเองถึง 10 เท่าตัวนั้น ท่านมหาเสนาบดีก็ได้รับทราบข่าวดีจากทางเมืองหลวงว่า “แคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ได้ตัดสินใจยกทัพมาช่วยแคว้นของพระราชาองค์ที่จะออกบวช แล้ว โดยในขณะนี้กองทัพของแคว้นพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ กำลังเคลื่อนพลไปประชิดแนวชายแดนของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ เพื่อกดดันให้แคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือเกิดความห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะต้องเตรียมรับศึกทั้ง 2 ด้าน”
 
ท่านมหาเสนาบดีได้รับข่าวดีว่า แคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะจะยกทัพมาช่วยแคว้นของพระราชาองค์ที่จะออกบวช
 
ท่านมหาเสนาบดีได้รับข่าวดีว่า แคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะจะยกทัพมาช่วยแคว้นของพระราชาองค์ที่จะออกบวช
 
        หลังจากที่ท่านมหาเสนาบดีและเหล่าทหารหาญทุกคนได้ทราบข่าวดี ที่มาจากทางเมืองหลวงแล้ว ทุกๆ คนต่างก็มีขวัญกำลังใจที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก เพียงแค่ว่าในตอนนี้ทุกๆ คนจะต้องร่วมมือกันยันข้าศึกไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
 
        และเมื่อเช้าของวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น กองทัพของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ก็ได้ย่ำกลองศึกเพื่อเตรียมจัดทัพที่จะเข้าโจมตีป้อมค่ายของท่านมหาเสนาบดี เมื่อท่านมหาเสนาบดีและท่านแม่ทัพภาคคนใหม่ได้ยินเสียงสัญญาณศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นเช่นนั้น ท่านทั้งสองก็ได้ออกมาพูดให้กำลังใจเหล่าทหารหาญ ให้เกิดความฮึกเหิมและพร้อมที่จะออกรบอย่างเต็มที่ จากนั้นท่านมหาเสนาบดีก็ได้ทำพิธีแต่งทัพ ด้วยวิธีร่ายเวทย์ให้เหล่าทหารหาญมีความคงกระพันชาตรี หรือมีหนังเหนียวจนคมหอกคมดาบไม่สามารถทำความระคายเคืองให้เกิดขึ้นกับผิวได้ อีกทั้งท่านมหาเสนาบดียังได้ร่ายมนต์สะกดให้กองทัพของข้าศึกเห็นกองทัพของฝ่ายตนแล้วเกิดความรู้สึกกลัว จนไม่กล้าที่จะเข้ามาประจันหน้าอีกด้วย
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ทำพิธีแต่งทัพ ด้วยวิธีร่ายเวทย์ให้เหล่าทหารหาญมีความคงกระพันชาตรี
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ทำพิธีแต่งทัพ ด้วยวิธีร่ายเวทย์ให้เหล่าทหารหาญมีความคงกระพันชาตรี
 
 
        และเมื่อกองทัพของข้าศึก ได้เคลื่อนกำลังพลมาถึงบริเวณด้านหน้าลานดินก่อนถึงกำแพงเมืองแล้ว ทางฝ่ายข้าศึกก็ได้ส่งคณะทูตมาเจรจาแกมข่มขู่ในทำนองที่ว่า “ให้ท่านมหาเสนาบดียอมแพ้เสียเถอะ จะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บล้มตาย และจะได้ไม่ต้องมีการนองเลือด” ทันทีที่ท่านมหาเสนาบดีได้รับฟังการเจรจาแกมข่มขู่เช่นนั้น เลือดลมภายในตัวของท่านก็พลันพลุ่งพล่านขึ้นมาในทันที แล้วท่านก็ได้ไล่ตะเพิดคณะทูตเหล่านั้นให้กลับไปอย่างไม่ใยดี ด้วยเสียงอันทรงพลังดุจดั่งเสียงของพญาราชสีห์
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ไล่ตะเพิดคณะทูตเหล่านั้นให้กลับไปอย่างไม่ใยดี
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ไล่ตะเพิดคณะทูตเหล่านั้นให้กลับไปอย่างไม่ใยดี
 
 
        เมื่อทางฝ่ายข้าศึกเห็นว่าการเจรจาข่มขู่ไม่ได้ผล ทางฝ่ายข้าศึกจึงได้ส่งสัญญาณยกทัพบุกเข้าโจมตีกำแพงเมืองของท่านมหาเสนาบดีในทันที ในขณะที่กองทัพหน้าของฝ่ายข้าศึกกำลังเคลื่อนทัพเป็นแถวยาวสุดลูกหูลูกตา เข้ามายังบริเวณลานดินที่อยู่ด้านหน้ากำแพงเมืองนั้น ท่านแม่ทัพภาคคนใหม่ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านน้ำ ก็ได้สั่งการให้ทลายเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่ที่กักเก็บน้ำเอาไว้อยู่นอกป้อมค่าย และในทันใดนั้นเอง มวลน้ำจำนวนมหาศาลก็ได้ไหลทะลักเข้าท่วมลานดินแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่พวกทหารของฝ่ายข้าศึกเห็นน้ำหลากมาอย่างรวดเร็วเช่นนั้น พวกทหารเหล่านั้นต่างก็รู้สึกตกใจกลัวจนแตกตื่น และพากันแตกแถวเสียกระบวนทัพไปอย่างไม่เป็นท่า
 
มวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมพวกทหารของฝ่ายข้าศึก และพากันแตกแถวเสียกระบวนทัพไปอย่างไม่เป็นท่า
 
มวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมพวกทหารของฝ่ายข้าศึก และพากันแตกแถวเสียกระบวนทัพไปอย่างไม่เป็นท่า
 
 
        และด้วยยุทธวิธีอันชาญฉลาดของท่านแม่ทัพภาคคนใหม่ ผู้มีความเชี่ยวชาญทางด้านน้ำนี้เอง จึงทำให้ลานดินบริเวณด้านหน้ากำแพงเมือง ได้กลายเป็นทะเลตื้นๆ ที่กินบริเวณพื้นที่กว้างมาก อีกทั้งสภาพของดินในบริเวณนั้น ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลโคลน ซึ่งทำให้กองทัพของฝ่ายข้าศึก ยากต่อการจะเคลื่อนพลบุกเข้ามาโจมตีกำแพงเมือง เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ทหารของฝ่ายข้าศึก ยังไม่สามารถที่จะบุกเข้ามาสัมผัสกำแพงเมืองได้เลยแม้แต่เพียงคนเดียว เรียกได้ว่ายุทธวิธีนี้ ทำให้การบุกโจมตีของข้าศึกต้องหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน ซึ่งถือว่าเป็นยุทธวิธีที่ช่วยประวิงเวลาออกไปได้สักระยะหนึ่ง

ลานดินบริเวณด้านหน้ากำแพงเมืองกลายเป็นทะเลตื้นๆ กินพื้นที่กว้างมาก ทำให้ยากต่อการเคลื่อนพลบุกเข้ามาโจมตีกำแพงเมือง
 
ลานดินบริเวณด้านหน้ากำแพงเมืองกลายเป็นทะเลตื้นๆ กินพื้นที่กว้างมาก ทำให้ยากต่อการเคลื่อนพลบุกเข้ามาโจมตีกำแพงเมือง
 
 
        จากนั้น ท่านมหาเสนาบดีก็ได้จัดตั้งกองกำลังทหารหน่วยพิเศษขึ้นมา โดยทหารหน่วยนี้ จะคอยดักซุ่มอยู่บริเวณด้านหลังของแนวข้าศึก หรืออยู่ด้านหลังแนวรบนั่นเอง เมื่อไหร่ที่ทหารของฝ่ายข้าศึกเผลอ ก็ให้ทหารหน่วยนี้แอบไปเผากองเสบียงของข้าศึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรียกได้ว่าถ้าเจอกองเสบียงที่ไหน ก็จุดไฟเผาให้เกลี้ยงในทันที เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน จึงส่งผลทำให้เสบียงกรังของข้าศึกร่อยหรอลงไปเป็นจำนวนมาก
 
เมื่อไหร่ที่ทหารของฝ่ายข้าศึกเผลอ ทหารหน่วยนี้จะแอบไปเผากองเสบียงของข้าศึกให้มากที่สุด
 
เมื่อไหร่ที่ทหารของฝ่ายข้าศึกเผลอ ทหารหน่วยนี้จะแอบไปเผากองเสบียงของข้าศึกให้มากที่สุด
 
 
        และเมื่อฝ่ายข้าศึกถูกลักลอบทำลายเสบียงกรังไปเป็นจำนวนมากเช่นนั้น ฝ่ายข้าศึกจึงได้ตอบโต้ด้วยการใช้กำลังพลที่เหนือกว่า เข้าไปโค่นต้นไม้เพื่อทำเขื่อนกั้นลำน้ำที่จะไหลผ่านเข้าไปในกำแพงเมือง เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้น้ำในแม่น้ำแห้งขอดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าฝ่ายข้าศึกจะสามารถปิดกั้นลำน้ำที่จะไหลผ่านเข้าไปในกำแพงเมืองได้แล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้น ด้วยสติปัญญาความสามารถของท่านแม่ทัพภาคคนใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญน้ำได้จัดเตรียมระบบส่งน้ำผ่านทางท่อไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วนี้เอง จึงทำให้เหล่าทหารหาญและประชาชนที่อยู่ภายในกำแพงเมือง ยังมีน้ำดื่มและน้ำใช้หล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา 
 
ฝ่ายข้าศึกจึงได้ตอบโต้ด้วยการเข้าไปโค่นต้นไม้เพื่อทำเขื่อนกั้นลำน้ำที่จะไหลผ่านเข้าไปในกำแพงเมือง
 
ฝ่ายข้าศึกจึงได้ตอบโต้ด้วยการเข้าไปโค่นต้นไม้เพื่อทำเขื่อนกั้นลำน้ำที่จะไหลผ่านเข้าไปในกำแพงเมือง
 
 
        หลังจากเริ่มทำสงครามไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว ท่านมหาเสนาบดีก็ได้ออกไปแอบซุ่มสำรวจดูสภาพความเป็นอยู่ของข้าศึก และหลังจากที่ท่านได้ออกไปสำรวจดูแล้ว ตัวท่านก็ได้พบว่า “พวกทหารของข้าศึกเริ่มอ่อนล้าเต็มทีแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะพวกทหารเหล่านั้นขาดแคลนเสบียงกรัง อีกทั้งเวรยามก็หละหลวมเป็นอย่างมาก” เมื่อท่านมหาเสนาบดีทราบเช่นนั้น ตัวท่านจึงได้อาศัยช่วงจังหวะที่ข้าศึกกำลังอ่อนแอนี้ ส่งกองกำลังทหารหน่วยพิเศษออกไปเผาค่ายของข้าศึกในตอนกลางคืน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงส่งผลทำให้พวกทหารของฝ่ายข้าศึกเกิดความหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ และไม่กล้าที่จะออกมารบนอกค่ายอีกแล้ว
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ออกไปแอบซุ่มสำรวจดูสภาพความเป็นอยู่ของข้าศึก
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ออกไปแอบซุ่มสำรวจดูสภาพความเป็นอยู่ของข้าศึก
 
 
        หลังจากนั้นไม่นานนัก ท่านมหาเสนาบดีก็ได้รับทราบข่าวจากทางเมืองหลวงว่า “ในตอนนี้ กองทัพของแคว้นพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ได้เคลื่อนกำลังพลไปประชิดแนวชายแดนของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือแล้ว” และในขณะเดียวกันนั้นเอง ท่านมหาเสนาบดีก็สังเกตเห็นว่า “กองทัพของฝ่ายข้าศึกได้สั่งการถอนทัพอย่างเร่งด่วน เพื่อรีบกลับไปยังแคว้นของตัวเอง”
 
ท่านมหาเสนาบดีได้รับข่าวว่า กองทัพของแคว้นพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ได้เคลื่อนพลไปประชิดแนวชายแดนของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือแล้ว
 
ท่านมหาเสนาบดีได้รับข่าวว่า กองทัพของแคว้นพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ได้เคลื่อนพลไปประชิดแนวชายแดนของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือแล้ว
 
        หลังจากที่กองทัพของฝ่ายข้าศึกได้ถอนทัพกลับไปยังแคว้นของตัวเองแล้ว พวกชาวบ้านทั้งหลาย ที่อยู่ในเขตหัวเมืองชายแดนฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นพระราชาองค์ที่จะออกบวช ต่างก็ออกมาร้องรำทำเพลงเพื่อฉลองชัยชนะศึกสงครามในครั้งนี้ ซึ่งเป็นศึกสงครามที่ไม่มีการสูญเสียกำลังพลเลยแม้แต่นายเดียว 
 
 
        ภายหลังจากที่ศึกสงครามได้สงบลงแล้ว ประชาชนทุกคนก็ได้ออกมาช่วยกันฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองหลังสงครามให้กลับมาน่าอยู่เหมือนเดิม และเหล่าทหารหาญทุกนายต่างก็ได้รับการปูนบำเหน็จกันอย่างเต็มที่ สำหรับตัวท่านมหาเสนาบดีนั้น ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นแม่ทัพที่ดูแลกำลังพลในเขตเมืองหลวง ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่เป็นข้าหลวงพิเศษ ที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องต่างๆ แทนพระราชา คือเป็นหูเป็นตาแทนพระราชานั่นเอง
 
ประชาชนได้ช่วยกันฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองหลังสงคราม ท่านมหาเสนาบดีก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
 
ประชาชนได้ช่วยกันฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองหลังสงคราม ท่านมหาเสนาบดีก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
 
        หลังจากที่บ้านเมืองได้รับการฟื้นฟูเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประชาชนทั่วทั้งแคว้นต่างก็ได้พร้อมใจกันจัดเตรียมงานเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของพระราชาองค์ใหม่ หรือพระราชาองค์ที่จะออกบวช ด้วยความสนุกสนานเบิกบานกันอย่างเต็มที่
 
 
        และในระหว่างที่ประชาชนทั่วทั้งแคว้น กำลังช่วยกันจัดเตรียมงานเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของพระราชาองค์ใหม่ หรือพระราชาองค์ที่จะออกบวชอยู่นั้น พระราชาองค์ที่จะออกบวชก็ทรงรับสั่งให้ท่านมหาเสนาบดี เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะอย่างเป็นทางการ พร้อมกับขอบคุณที่ได้ให้ความช่วยเหลือในศึกสงครามครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งพระราชาองค์ที่จะออกบวช ยังได้ทรงรับสั่งให้ทูลเชิญเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ เสด็จเดินทางมาร่วมงานเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของพระองค์อีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองแว่นแคว้น มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
 
พระราชาองค์ที่จะออกบวชทรงรับสั่งให้ท่านมหาเสนาบดี เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะอย่างเป็นทางการ
 
พระราชาองค์ที่จะออกบวชทรงรับสั่งให้ท่านมหาเสนาบดี เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะอย่างเป็นทางการ
 
 
        ภายหลังจากพระราชาองค์ที่จะออกบวช ได้ปกครองแผ่นดินไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว เหล่าเสนาอำมาตย์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลาย ที่ช่วยกันดูแลแว่นแคว้นมาตั้งแต่ยุคสมัยของพระราชบิดาของพระราชา ต่างก็ถึงเวลาเกษียณแล้วก็เปิดทางให้นายทหารรุ่นใหม่ไฟแรงได้ขึ้นมาช่วยกันดูแลแว่นแคว้นต่อไป ซึ่งตัวท่านมหาเสนาบดีก็ได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี ที่ทำหน้าที่ช่วยดูแลกิจการงานของบ้านเมืองต่างพระเนตรพระกรรณ และเมื่อท่านมหาเสนาบดีได้รับตำแหน่งนี้มาแล้ว ตัวท่านก็ได้ทุ่มเทพัฒนาแว่นแคว้นให้มีความเจริญในทุกๆ ด้าน โดยตัวท่านจะมุ่งเน้นพัฒนาเรื่องการศึกษาและคุณธรรมเป็นหลัก อีกทั้งตัวท่านยังคอยส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กๆ รุ่นใหม่ได้ทำงานต่างๆ ตามความรู้ความสามารถที่แต่ละคนถนัดอีกด้วย และถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นภายในแว่นแคว้น ตัวท่านก็จะตัดสินด้วยความยุติธรรม คือผิดก็ว่ากันไปตามผิด ถูกก็ว่ากันไปตามถูก เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ประชาชนภายในแว่นแคว้นอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเรื่อยมา
 
ตัวท่านมหาเสนาบดีก็ได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี
 
ตัวท่านมหาเสนาบดีก็ได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี
 
 
        ส่วนว่า ในระหว่างที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะสงบสุขนั้น จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นกับแว่นแคว้นของพระราชาองค์ที่จะออกบวชหรือไม่ อย่างไรนั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป
 
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

     บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

     "วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
DMC ที่โซโลมอนDMC ที่โซโลมอน

Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคนSolomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน

เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน