มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 28


[ 1 ธ.ค. 2555 ] - [ 18287 ] LINE it!

 
ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
Case Study กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
 
 
มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 28
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
 
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา
 
 
 
        ภายหลังจากที่บ้านเมืองภายในแคว้นของพระราชาองค์ที่จะออกบวช อยู่ในภาวะสงบสุขมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ต่อมาก็ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นบริเวณแนวตะเข็บชายแดนที่อยู่ติดกับแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ แล้วในที่สุดเหตุการณ์ความไม่สงบนี้ก็ได้ลุกลามและขยายผล จนกลายเป็นมหาสงครามระหว่างแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้กับแคว้นของพระราชาองค์ที่จะออกบวช
 
ได้เกิดมหาสงครามระหว่างแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้กับแคว้นของพระราชาองค์ที่จะออกบวช
 
ได้เกิดมหาสงครามระหว่างแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้กับแคว้นของพระราชาองค์ที่จะออกบวช
 
 
        สำหรับเรื่องราวของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือและแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้นั้น แต่เดิมก็เป็นแคว้นเดียวกัน แต่ในภายหลังได้มีการแบ่งเขตพื้นที่การปกครอง โดยพระราชบิดาปกครองทางด้านทิศเหนือ ส่วนพระราชโอรสปกครองทางด้านทิศใต้
 
พระราชบิดาปกครองทางด้านทิศเหนือ ส่วนพระราชโอรสปกครองทางด้านทิศใต้
 
พระราชบิดาปกครองทางด้านทิศเหนือ ส่วนพระราชโอรสปกครองทางด้านทิศใต้
 
 
        หลังจากที่มหาสงครามระหว่างแคว้นกันชนฝั่งทิศใต้ กับแคว้นของพระราชาองค์ที่จะออกบวชได้ยุติลงแล้ว ท่านมหาเสนาบดีก็ได้สังเกตเห็นว่า “พระราชาทรงมีพระพักตร์ที่แลดูเงียบขรึมและไม่ทรงเบิกบานเหมือนอย่างแต่ก่อน” และเมื่อท่านมหาเสนาบดีได้สังเกตเห็นเช่นนั้น ท่านมหาเสนาบดีก็รู้ได้ในทันทีว่า “พระราชาองค์ที่จะออกบวช ทรงรู้สึกเบื่อหน่ายและสลดหดหู่ต่อมหาสงครามที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะโดยอัธยาศัยของพระองค์นั้น พระองค์ทรงเปี่ยมล้นด้วยเมตตาและไม่ปรารถนาที่จะรบราฆ่าฟันกับใคร แต่เมื่อมีสงครามเกิดขึ้นกับบ้านเมืองเช่นนี้ พระองค์จึงจำใจที่จะต้องทำการรบ เพื่อปกป้องแว่นแคว้นและประชาชนของพระองค์ ซึ่งถ้าหากพระองค์ไม่ทรงทำการรบ ประชาชนก็จะยิ่งได้รับความเดือดร้อน และมีการสูญเสียยิ่งไปกว่านี้อีก”

ท่านมหาเสนาบดีสังเกตเห็นว่า พระราชาทรงมีพระพักตร์ที่แลดูเงียบขรึมและไม่ทรงเบิกบานเหมือนอย่างแต่ก่อน
 
ท่านมหาเสนาบดีสังเกตเห็นว่า พระราชาทรงมีพระพักตร์ที่แลดูเงียบขรึมและไม่ทรงเบิกบานเหมือนอย่างแต่ก่อน
 
 
        จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง พระราชาองค์ที่จะออกบวช ก็ทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวท่านมหาเสนาบดีมาเข้าพบ และทันทีที่ท่านมหาเสนาบดีได้เข้าไปพบพระราชา ท่านก็ได้สังเกตเห็นพระพักตร์ของพระองค์แลดูเปลี่ยนไปจากช่วงที่ผ่านๆ มา คือจากเดิมที่พระองค์ทรงมีพระพักตร์ที่แลดูเงียบขรึมและไม่ทรงเบิกบาน แต่พอมาในตอนนี้พระองค์กลับทรงมีพระพักตร์ที่ผ่องใสและมีแววตาที่เปล่งประกาย อีกทั้งพระองค์ยังทรงแลดูสดใสและเบิกบานเป็นอย่างมากอีกด้วย เมื่อท่านมหาเสนาบดีสังเกตเห็นเช่นนั้น ท่านมหาเสนาบดีจึงได้ตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาในใจว่า “น่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับพระองค์อย่างแน่นอน” และในขณะที่ท่านมหาเสนาบดีกำลังตั้งข้อสันนิษฐานอยู่นั้น พระราชาองค์ที่จะออกบวชก็ได้ตรัสบอกกับท่านมหาเสนาบดีว่า “ในวันนี้พระองค์จะพาท่านมหาเสนาบดีไปพบกับบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง”
 
พระราชาทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวท่านมหาเสนาบดีมาเข้าพบ
 
พระราชาทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวท่านมหาเสนาบดีมาเข้าพบ
 
 
        ทันทีที่ท่านมหาเสนาบดีได้ฟังพระดำรัสของพระราชาแล้ว ท่านมหาเสนาบดีก็นึกขึ้นมาได้ว่า “ในช่วงที่ผ่านๆ มา พระราชาได้เสด็จประพาสเข้าไปในป่าอยู่หลายครั้ง ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ในป่าแห่งนั้นน่าจะมีบุคคลสำคัญที่พระราชาตรัสถึงอยู่ และในวันนี้พระองค์ก็คงจะพาเราไปหาบุคคลสำคัญท่านนั้น” จากนั้นท่านมหาเสนาบดีก็ได้ตามเสด็จพระราชาเข้าไปยังเขตพื้นที่ป่าแห่งหนึ่ง ที่มีภูเขาสลับซับซ้อนมากมาย อีกทั้งยังเข้าไปถึงได้ค่อนข้างยากอีกด้วย
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ตามเสด็จพระราชาเข้าไปยังเขตพื้นที่ป่าแห่งหนึ่ง
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ตามเสด็จพระราชาเข้าไปยังเขตพื้นที่ป่าแห่งหนึ่ง
 
 
        หลังจากที่ท่านมหาเสนาบดี ได้ตามเสด็จพระราชาเข้าไปในป่าที่ลึกเข้าไปเรื่อยๆ แล้ว ตัวท่านก็ได้พบกับเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่ตั้งอยู่ในหุบเขา ซึ่งภายในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็ได้มีวัดโบราณวัดหนึ่งที่แทรกตัวอยู่ในป่าอันร่มรื่น และเมื่อขบวนเสด็จได้เดินทางมาถึงที่วัดป่าแห่งนั้นแล้ว พระราชาก็ทรงรับสั่งให้หยุดขบวนเสด็จ แล้วพระองค์ก็ตรัสบอกให้เหล่าทหารราชองครักษ์ทั้งหลายไปพักผ่อนอยู่บริเวณรอบๆ วัด จากนั้นพระองค์ก็ทรงพาท่านมหาเสนาบดีไปกราบพระมหาเถระที่เป็นประธานสงฆ์อยู่ภายในวัดป่าแห่งนั้น ซึ่งก็คือคุณยายอาจารย์ของเราในพุทธันดรที่ผ่านมานั่นเอง
 
ภายในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็มีวัดโบราณวัดหนึ่งที่แทรกตัวอยู่ในป่าอันร่มรื่น
 
ภายในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็มีวัดโบราณวัดหนึ่งที่แทรกตัวอยู่ในป่าอันร่มรื่น
 
 
        ทันทีที่ท่านมหาเสนาบดีได้พบกับพระมหาเถระ ตัวท่านก็เกิดความรู้สึกเหมือนกับมีแสงสว่างอันชุ่มเย็นแผ่ซ่านเข้าไปห่อหุ้มอยู่ภายในใจของท่าน จนทำให้กายและใจของท่านชุ่มชื่น ชุ่มเย็น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และด้วยความประทับใจเมื่อแรกพบพระมหาเถระในครั้งนี้นี่เอง จึงทำให้ท่านเกิดความรู้สึกเคารพรัก และศรัทธาในตัวพระมหาเถระขึ้นมา อย่างที่ตัวท่านก็ไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน
 
ท่านมหาเสนาบดีเกิดความรู้สึกเคารพรัก และศรัทธาในตัวพระมหาเถระ
 
ท่านมหาเสนาบดีเกิดความรู้สึกเคารพรัก และศรัทธาในตัวพระมหาเถระ
 
        และเมื่อความรู้สึกเช่นนี้ได้เกิดขึ้นมาภายในใจของท่านแล้ว จึงทำให้ตัวท่านทลายความสงสัยได้ในทันทีว่า “ทำไมพระราชา ถึงมีพระพักตร์ที่ผ่องใส และแลดูมีความสุขใจแบบที่ตัวท่านไม่เคยเห็นมาก่อน” และยิ่งพระมหาเถระได้เมตตาสนทนาพูดคุยกับตัวท่านด้วยแล้ว ท่านมหาเสนาบดีก็ยิ่งรู้สึกผูกพันและเกิดความคุ้นเคย เหมือนกับรู้จักกับพระมหาเถระมาอย่างยาวนาน
 
 
        และเมื่อท่านมหาเสนาบดี ได้สนทนาพูดคุยจนทราบถึงอายุของพระมหาเถระแล้ว ตัวท่านก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่า “พระมหาเถระจะมีอายุมากถึงขนาดนี้” ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ พระมหาเถระมีใบหน้าที่ผ่องใส แลดูอ่อนกว่าวัยเป็นอย่างมาก อีกทั้งรอบๆ กายของพระมหาเถระยังคล้ายๆ กับมีออร่า หรือมีรัศมีความสว่างเรืองๆ แผ่ออกมาอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
 
พระมหาเถระมีใบหน้าที่ผ่องใส แลดูอ่อนกว่าวัยเป็นอย่างมาก และรอบๆ กายของท่านยังมีรัศมีความสว่างเรืองๆ แผ่ออกมาอยู่ตลอดเวลา
 
พระมหาเถระมีใบหน้าที่ผ่องใส แลดูอ่อนกว่าวัยเป็นอย่างมาก และรอบๆ กายของท่านยังมีรัศมีความสว่างเรืองๆ แผ่ออกมาอยู่ตลอดเวลา
 
        หลังจากที่ท่านมหาเสนาบดี ได้สนทนาพูดคุยกับพระมหาเถระได้สักระยะหนึ่งแล้ว ตัวท่านก็มีโอกาสได้นั่งสมาธิกับพระมหาเถระ จากนั้นตัวท่านก็ได้เดินออกไปสำรวจดูบริเวณพื้นที่ภายในวัดป่าแห่งนั้น
 
 
        หลังจากที่ท่านมหาเสนาบดีได้เดินสำรวจดูพื้นที่รอบๆ วัดป่าของพระมหาเถระแล้ว ตัวท่านก็ได้พบว่า “นอกจากพื้นที่ภายในวัดจะแลดูร่มรื่น และเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณแล้ว วัดป่าแห่งนี้ยังสะอาดสะอ้านและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย” ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อท่านมหาเสนาบดีได้สังเกตดูลักษณะของญาติโยม ที่เดินทางมาทำบุญถวายภัตตาหารพระในตอนกลางวัน ตัวท่านก็ยิ่งทึ่งกับภาพที่เห็น เพราะญาติโยมแต่ละคนจะแต่งชุดขาวและมีความเคารพในการทำทานเป็นอย่างมาก เหมือนกับญาติโยมเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดี
 
ท่านมหาเสนาบดีเห็นญาติโยมแต่งชุดขาวและมีความเคารพในการทำทานเป็นอย่างมาก
 
ท่านมหาเสนาบดีเห็นญาติโยมแต่งชุดขาวและมีความเคารพในการทำทานเป็นอย่างมาก
 
 
        เมื่อท่านมหาเสนาบดีได้เห็นเช่นนั้น จึงทำให้ตัวท่านนึกย้อนไปในอดีต ในสมัยที่ตัวท่านได้เรียนวิชาอาคมจากอาจารย์ แล้วอาจารย์ของท่านก็บอกกับท่านเอาไว้ว่า “มีสถานที่อยู่แห่งหนึ่ง เป็นที่รวมของสุดยอดวิชาต่างๆ โดยภายในสถานที่แห่งนั้น จะมีพระมหาเถระอยู่องค์หนึ่ง ที่เป็นประธานสงฆ์และคอยสอนสุดยอดวิชาอยู่ที่นั้น ถ้าท่านต้องการจะเรียนสุดยอดวิชาแล้วล่ะก็ ท่านก็จะต้องไปตามหาสถานที่แห่งนั้นให้พบ แต่บุคคลที่จะพบสถานที่แห่งนั้นได้ ก็จะต้องมีบุญวาสนาเพียงพอ”
 
ท่านมหาเสนาบดีได้พิจารณาไตร่ตรองถึงคำของอาจารย์กับลักษณะของวัดป่าแห่งนั้น
 
ท่านมหาเสนาบดีได้พิจารณาไตร่ตรองถึงคำของอาจารย์กับลักษณะของวัดป่าแห่งนั้น
 
        เมื่อท่านมหาเสนาบดี ได้ลองพิจารณาไตร่ตรองถึงคำของอาจารย์กับลักษณะของวัดป่าแห่งนั้นแล้ว ตัวท่านก็เกิดความมั่นใจขึ้นมาว่า “สถานที่ที่อาจารย์ของท่านเคยพูดถึง จะต้องเป็นวัดป่าแห่งนี้อย่างแน่นอน” และเมื่อท่านเกิดความมั่นใจเช่นนั้น ท่านจึงไม่รอช้าได้รีบไปปวารณาขอเป็นลูกศิษย์กับพระมหาเถระในทันที
 
 
        หลังจากนั้นเป็นต้นมา ท่านมหาเสนาบดีก็ได้ตามเสด็จพระราชาองค์ที่จะออกบวช มาที่วัดป่าแห่งนั้นอีกหลายครั้ง ซึ่งในทุกๆ ครั้งที่ท่านมหาเสนาบดีเดินทางมาที่วัดป่าแห่งนั้น ตัวท่านก็มักจะมีโอกาสได้นั่งสมาธิกับพระมหาเถระอยู่เสมอๆ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ท่านมหาเสนาบดีมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีและก้าวหน้าเป็นอย่างมาก คือตัวท่านได้เห็นดวงแก้วและองค์พระภายใน ที่มาพร้อมกับความสุขใจแบบที่ตัวท่านไม่เคยสัมผัสความสุขเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต แต่ด้วยความที่ตัวท่านมีภารกิจรัดตัวเยอะแยะมากมาย จึงทำให้ท่านมีเวลาปฏิบัติธรรมเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
 
ท่านมหาเสนาบดีมีโอกาสได้นั่งสมาธิกับพระมหาเถระอยู่เสมอๆ มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีและก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
 
ท่านมหาเสนาบดีมีโอกาสได้นั่งสมาธิกับพระมหาเถระอยู่เสมอๆ มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีและก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
 
 
        ในเวลาต่อมาไม่นาน หลังจากที่พระราชาองค์ที่จะออกบวช ได้เสด็จกลับมาจากการไปกราบพระมหาเถระที่วัดป่าแห่งนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงรับสั่งให้เรียกประชุมเหล่าเสนาอำมาตย์และข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมด และเมื่อทุกคนได้มาพร้อมเพรียงกันในที่ประชุมแล้ว พระราชา ก็ได้ตรัสบอกให้ทุกคนได้ทราบว่า “พระองค์จะทรงสละราชสมบัติเพื่อออกผนวช โดยพระองค์จะทรงแต่งตั้งให้พระอนุชาขึ้นครองราชย์ และปกครองแว่นแคว้นแห่งนี้แทนพระองค์ ซึ่งในช่วงก่อนที่พระองค์จะเสด็จออกผนวชนั้น พระองค์จะทรงมอบหมายให้ท่านมหาเสนาบดี เป็นผู้ถวายคำแนะนำเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินให้กับพระอนุชา และเมื่อทุกอย่างลงตัวทั้งหมดแล้ว พระองค์ก็จะเสด็จออกผนวชในทันที”
 
พระราชาทรงรับสั่งให้เรียกประชุมเหล่าเสนาอำมาตย์และข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมด
 
พระราชาทรงรับสั่งให้เรียกประชุมเหล่าเสนาอำมาตย์และข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมด
 
 
        ส่วนว่า เหตุการณ์หลังจากที่พระราชาทรงประกาศเสด็จออกผนวชแล้วจะเป็นอย่างไร แล้วท่านมหาเสนาบดีจะมีความรู้สึกเช่นไรนั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามรับฟังกันต่อในตอนต่อไป
 
มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 40 (ตอนจบ)
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

     บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

     "วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
DMC ที่โซโลมอนDMC ที่โซโลมอน

Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคนSolomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน

เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน