">
สัมผัสนอก สัมผัสใน
มีความหมายมากกว่าที่คุณคิด
">
">
">
">
การกอดในครอบครัวเป็นสิ่งจำเป็น
">
">
">
">
พอถึงเดือนกุมภาพันธ์หลายท่านคงนึกถึงเทศกาลวันวาเลนไทน์
หรือวันแห่งความรัก เพราะเทศกาลที่เราจะแสดงออกถึงความรักและมอบของขวัญแก่กัน
คนไทยนิยมมอบของขวัญแก่กันมาก
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าทำสถิติเมื่อปีที่แล้วว่ามีการจ่ายค่าของขวัญวันวาเลนไทน์ไปถึง
1,800 – 2,000 ล้านบาท และบรรดาของขวัญทั้งหมดที่ยอดฮิตที่สุดคือ ดอกกุหลาบ
ซึ่งกินมูลค่าไปถึง 400 ล้านบาท
เมื่อพูดถึงของขวัญเราก็มักจะนึกถึงการที่เราต้องเอาเงินไปซื้อ
แต่ของขวัญใกล้ตัวที่มาจากใจ จากความห่วงใย ความใส่ใจ และการแสดงออกด้วยการสัมผัส
เช่น การกอด นี่ก็น่าจะเป็นของขวัญที่มอบให้ในวันวาเลนไทน์ด้วยเช่นกัน การกอด หรือการสัมผัสนี้เป็นการบำบัดรักษาโรค
เช่นการกอดกันในครอบครัวถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตทุกพันธุ์ทุกเพศ
">
การกอดมีความหมายและความสำคัญกับทุกชีวิต
มีการศึกษาวิจัยทดลองในสัตว์ทดลองและในมนุษย์ โดยในสัตว์ทดลองพบว่า
ถ้าเราเลี้ยงสัตว์ทดลองมาโดยปราศจากการสัมผัส สัตว์ทดลองจะไม่สามารถสร้างสัมพันธ์กับสัตว์ตัวอื่นได้
และสูญเสียการพัฒนาการทางสมองไป และสภาพทางร่างกายก็ไม่เหมือนกันด้วย
ในทางการแพทย์เรียกว่าโรคขาดสัมผัส คือในคนที่ถูกแยกอย่างโดดเดียว จะมีอารมณ์
มีพฤติกรรม มีวิธีคิด สุขภาพจิตแตงต่างออกไป แล้วไม่สามารถจะคิดในด้านบวกได้
เพราะฉะนั้นในเด็กจึงต้องการการสัมผัสเป็นการแสดง ออกซึ่งการสัมผัสจะแสดงถึงความมั่นคง
ปลอดภัย อบอุ่น
Touch Research Institute
ที่ไมอามี่ได้ทำการศึกษาวิจัยพบว่าการสัมผัสด้วยการโอบกอดช่วยลดฮอร์โมนความเครียดลง
ช่วยลดอาการซึมเศร้า โดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุพบว่าการกอดหรือสัมผัสช่วยให้โรคที่เป็นอยู่เบาบางลง
มีอายุยืนขึ้นด้วย ส่วนมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
และวิสคอนซินนำสตรีที่แต่งงานแล้วมาเจอสภาวะที่ทำให้เกิดความเครียดอย่างรุนแรง
แล้วสแกนสมองไว้ ปรากฏว่าถ้าหากให้คู่สมรสมาจับมือไว้ ผลระดับความเครียดลดลง
มากกว่าให้เพื่อนหรือคนอื่นมาจับมือ
">การจับมือคนที่เรารักเป็นสัมผัสภายนอกที่ช่วยให้รู้สึกดี
">
">
ผู้คนส่วนมากมักจะมองสิ่งต่างๆ ภายนอกตัว แต่ความจริงเรื่องของภายใน
ที่เรียกว่า Inner Peace หรือความสงบสุขจากภายในมันยิ่งใหญ่กว่ามากๆ เลย
มีการศึกษาวิจัยมานานมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
ตั้งแต่การที่สมาธิเริ่มเข้าไปในอเมริกาโดยโยคีท่านหนึ่งชื่อมหาริชี่
มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกี่ยวข้องถึง 500 กว่าชิ้นจาก 200 กว่ามหาวิทยาลัย
พบว่าประสิทธิภาพของสมาธินี้มันเหนือกว่าทุกสิ่ง และพบว่าจริงๆ
แล้วการโอบกอดจากภายในโดยสอดใจเข้าไปในส่วนที่ละเอียดที่สุดขยายดวงนั้นออกมา
เหมือนหุ้มกอดไว้ ความรู้สึกนี้จะคนละชั้นกับสัมผัสจากภายนอกเลยทีเดียว
ถ้าเราศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังจะทราบว่ามันแก้ได้ทุกเรื่องไม่ใช่แค่ปัญหาส่วนตัว
แต่สามารถแก้ปัญหาได้ข้ามชาติเลย
สมาธิเป็นการสัมผัสภายในที่ได้ผลดีกว่าสัมผัสภายนอกมากมายนัก
มีคำกล่าวหนึ่งว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ” ในทางพระพุทธศาสนาการสื่อสัมผัสระหว่างตัวเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอก
ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ มีทั้งหมด 5 ทาง คือ
">
1. ทางตา ได้แก่ รูป
">
2. ทางหู ได้แก่ เสียง
">
3. ทางจมูก ได้แก่ กลิ่น
">
4. ทางลิ้น ได้แก่ รส
">
">
">
">
">">
5. ทางกาย ได้แก่ การสัมผัส
ดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ
แล้วทั้งหมดนี้ก็จะส่งผลไปถึงใจของเรานั้นเอง ปัจจุบันนี้มีแคมเปญที่กำลังฮิตมาในช่วง 4-5 ปีมานี้คือคำว่า
Free Hugs หรือ กอดฟรี เกิดจากธรรมเนียมฝรั่งที่ชอบการกอด
เพราะบางคนมีไม่ญาติรู้สึกเหงาพอได้กอดก็รู้สึกดีขึ้น
ในประเทศไทยของเราก็มีคนพยายามทำแคมเปญนี้ขึ้นมา
แต่ว่าแต่ละประเทศมีขนมธรรมเนียมประเพณีที่ต่างกัน ถ้าในบ้านเรานี้ถ้าจะให้กอดก็คงคิดหนักซักหน่อย
เพราะธรรมดาการกอดกันในครอบครัวบางทียังมีเขินๆ กันอยู่ก็มี
เพราะฉะนั้นก็ลำบากเหมือนกัน การสัมผัสทางกายเป็นเพียงช่องทางหนึ่งเท่านั้นที่นำไปสู่ความรู้สึกใจเท่านั้นเอง
ยังมีทางอื่นอีก เช่นทางตา ทางหู เป็นต้น
ยิ้มสยาม สัญลักษณ์ของชาวไทย
จุดเด่นของประเทศไทยคือ สัมผัสทางตา
เพราะเราเป็นสยามเมืองยิ้ม ชาวต่างประเทศมาถึงบ้านเราถึงกับทึ้งว่าทำไมหน้าตาเราอยู่เฉยๆ
ก็เหมือนกับยิ้ม เพราะคนไทยใช่การยิ้มเป็นการทักทายกัน
มีคนญี่ปุ่นท่านหนึ่งที่มาบวชที่วัด บอกว่ายิ้มของคนไทยไม่เหมือนของฝรั่ง
ยิ้มของฝรั่งเหมือนการยิ้มเพื่อปกป้องตัวเอง
กังวลว่าคนรอบข้างจะทำอะไรตนเองรึเปล่า จึงยิ้มเพื่อผูกไมตรีเอาไว้
แต่ยิ้มของคนไทย เป็นการยิ้มที่มาจากใจดูแล้วสบายใจ ดูแล้วมีความสุข
เพราะฉะนั้นให้เราภูมิใจไว้
">
">
">
สยามเมืองไทย
ถ้าเข้าใจอย่างนี้แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดเอาวัฒนธรรมฝรั่งมาใส่ในประเทศไทยเลย
แต่ควรเอาของดีในบ้านเรามาทำให้ดีเถอะ มาทำรอยยิ้มสยามนี้ให้กระจายคลุมไปทั้งโลก
แล้วเอาความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่คนทุกๆ คนให้มีความรู้สึกว่าอบอุ่นใจ
เป็นความอบอุ่นใจที่ไม่ใช่ในเฉพาะหมู่ญาติเท่านั้น
แต่ให้รู้สึกว่าคนทั้งโลกคือญาติของเรา เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข เกิด แก่ เจ็บ
ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นแล้วมีความหวังดีต่อกัน
ถ้าอย่างนี้ละก็ "ไปถึงไหน อบอุ่นใจในทุกที่ ด้วยยิ้มสยามที่งามเสมอ"