น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ แชมป์โลก! ผู้อ่อนน้อม แต่ไม่อ่อนแอ


[ 11 ส.ค. 2556 ] - [ 18295 ] LINE it!

น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์



"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์
"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ แชมป์โลก! ผู้อ่อนน้อม แต่ไม่อ่อนแอ


น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
น้องเมย์ รัชนก(ขอบคุณภาพสวยๆจากthairath.co.th)

"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์


'น้องเมย์-รัชนก' เตรียมเข้ารับรางวัลลูกกตัญญู 12 สิงหาคม พ.ศ.2556

     ในวันนี้ 12 สิงหาคม พ.ศ.2556 น้องเมย์ จะเข้ารับรางวัลลูกกตัญญู เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ของ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่สวนอัมพร

     ในวันแม่ปีนี้ เรามาทำความรู้จักคู่แม่ลูก ของน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ นักแบตมินตันทีมชาติสาวไทย  ความสัมพันธ์แม่ลูกที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ และเป็นกำลังใจสำคัญทำให้เธอมีวันนี้


น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์กับคุณแม่
คู่แม่ลูก ของน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์


ชนะแล้ว คว้าแชมป์โลกแบดมินตัน
ชิงแชมป์โลก 2013

     "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ ชนะแล้ว คว้าแชมป์โลกแบดมินตัน-เชือดหลี่ เสี่ยวเร่ย มือ 1 ของโลก จากจีน 2-1 เกม ในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2013 รอบชิงชนะเลิศ ที่จีน วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2556 นี้

     เกมแรก รัชนก นำ 4-2 แต่เสี่ยวเร่ยเอาคืนสามแต้มรวดพลิกนำ 5-4,6-5 รัชนกทำสี่คะแนนติดต่อกันนำห่าง 9-6 เสี่ยวเร่ยแก้คืนด้วยการเก็บห้าคะแนนรวดนำอีกครั้ง 11-9 และหนีห่างไปเป็น 15-10 รัชนกเบรกเกมด้วยลูกหยอดเน็ตไล่มาเป็น 11-15,12-16 ลูกโฟร์แฮนด์โอเวอร์เฮดของเสี่ยวเร่ยทำงานได้ดีเก็บคะแนนได้เกือบทุกครั้งนำ 19-13
 
 
น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
น้องเมย์ รัชนก แชมป์แบดมินตันหญิงของโลก

 
     รัชนก ไม่ท้อไล่มาเป็น 15-19 ,16-19,17-19 ก่อนจะพุ่งตีออกให้เสี่ยวเร่ยนำ 20-17 พร้อมกับได้ 3 เกมพอยท์ แต่รัชนกทำสองคะแนนไล่มาเป็น 19-20 ก่อนตีเสมอเป็น 20-20 จากการเช็คลูกท้ายเส้นอย่างแม่นยำของเสี่ยว เร่ยที่ตีออกไปทำให้ต้องดิวซ์พร้อมทำคะแนนรวดชนะไป 22-20 นำ 1-0

     เกมที่สอง หลี่ เสี่ยวเร่ย ออกนำ 4-2 รัชนกทวงคืนสามคะแนนรวดพลิกนำ 5-4 จากนั้นเป็นเสี่ยวเร่ยทำคะแนนนำให้รัชนกไล่ตีเสมอ ก่อนน้องเมย์จะพลิกสถานการณ์นำบ้าง 15-14 แต่หลี่ เสี่ยวเร่ยไม่เป๋ทำคะแนนตีเสมอ 15-15และทำคะแนนหนีไปเป็น 20-18 ก่อนชนะไป 21-18 ตีเสมอเป็น 1-1

      เกมสาม น้องเมย์ ออกนำตั้งแต่แรกและรักษาการนำต่อไปเรื่อยๆและชนะไป 21-14 สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลก พร้อมลบเลือนฝันร้ายของแบดมินตันไทย หลังจากก่อเหตุวิวาทกันเองจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเดือนกรกฎาคม (ที่มา komchadluek.net)

"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ คือใคร

     "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ นักกีฬาแบดมินตันชาวไทย ที่วันนี้ เธอคือมือหนึ่งของโลก แชมป์โลกแบดมินตัน ที่ทั้งเก่งและดี เป็นที่ชื่นชมในเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตน เรียกได้ว่าเธอคือ ทูตวัฒนธรรม
 
ประวัติศาสตร์นักแบดมินตันหญิงไทยคนแรก
ที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าแชมป์โลก
มาครองได้สำเร็จด้วยวัย 18 ปี

 

ประวัติ "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์

น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
น้องเมย์ รัชนก

 
     รัชนก อินทนนท์ ชื่อเล่น: เมย์ เกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 เป็นนักกีฬาแบดมินตันชาวไทย เกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด

      ในปี พ.ศ. 2552 รัชนก เป็นแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในการแข่งขัน BWF World Junior Championships ครั้งที่ 14 ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นการแข่งขันแบดมินตันระดับเยาวชนโลก ต่อมาในปี พ.ศ.2553 เธอสามารถป้องกันแชมป์รายการ BWF World Junior Championships ได้

น้องเมย์ รัชนก
น้องเมย์ รัชนกใน
การแข่งขัน BWF World Junior Championships 2011
 

      ในปี พ.ศ.2554 น้องเมย์ รัชนก เป็นนักแบดมินตันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในรายการ BWF World Junior Championships เนื่องจากการแข่งขัน BWF World Junior Championships 2011 ที่จัดขึ้นที่ไทเปนั้น รัชนกสามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้อีกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ด้วยอายุเพียงแค่ 16 ปี และเป็นครั้งแรกของการแข่งขันระดับเยาวชนโลกที่อันดับที่ 1 ได้แชมป์ 3 ปีซ้อน

      การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2011 น้องเมย์ รัชนก เป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมหญิงทีมชาติไทย ที่เอาชนะทีมชาติอินโดนีเซียไป 3-1 โดยรัชนกชนะอาดริยันติ เฟอร์ดาซารี ไปได้ 2-1 เซต ทำให้ทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองไปครอง โดยต่อมา รัชนก ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมหญิงจากสยามกีฬา ที่ประเทศไทย

      ปี พ.ศ.2555 การแข่งขัน Thailand Open Grand Prix รัชนก สามารถผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ  แต่แพ้ Saina Nehwal ไป 1-2 เซต ทำให้ได้เพียงอันดับสอง ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน  เธอได้เข้าแข่งขันโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน โดยสามารถผ่านรอบแรกไปได้ ก่อนที่จะแพ้ หวัง ซิน จากจีน ในรอบ 8 คนสุดท้ายไป 1-2 เซต

ความอ่อนน้อมของ  น้อง เมย์ รัชนก อินทนนท์

ความอ่อนน้อมของน้องเมย์
ความอ่อนน้อมของน้องเมย์

 
      เอกลักษณ์ของ น้อง เมย์ รัชนก ระหว่างการแข่งขัน คือการแสดงสัมมาคารวะด้วยการยกมือไหว้แก่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งสมาคมแบดมินตันของอินเดีย ส่งหนังสือแสดงความยกย่องเอกลักษณ์ดังกล่าว มายังสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยด้วย ว่า “เราไม่เคยเห็นนักกีฬาคนไหนอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่รัชนกทำ
 
     การยกมือไหว้เป็นวัฒนธรรมของอินเดีย กับไทย ที่สืบทอดกันมานาน การแสดงออกของรัชนก ทำให้เห็นถึงความศิวิไลซ์ของชาติไทย ที่มีความสูงส่งในการรู้จักเคารพนับถือผู้อื่น รัชนก ทำให้ชาวอินเดียมองไทยด้วยความรัก ทำให้ชาวอินเดียรัก และนับถือคนไทยมากกว่าก่อนหลายเท่า ความอ่อนน้อมอ่อนโยนของ น้องเมย์ เป็นที่น่ารักสำหรับคนไทยเลย
 
น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
น้องเมย์ รัชนก แชมป์แบดมินตันหญิงของโลก

 

เมย์ รัชนก อินทนนท์ ใน 247freemag.com

      “สวัสดีค่ะ” คำทักทายนี้เปรียบเสมือนเสียงนกหวีดให้เตรียมพร้อมเริ่มเกมเราหันไปมองตามเสียงและยกมือรับไหว้ทักทายตอบ เจ้าของเสียงคือ ‘เมย์-รัชนก อินทนนท์’ นักแบดมินตันหญิงมือหนึ่งของไทยคนล่าสุด เราโชคดีที่มีโอกาสได้สัมภาษณ์เธอซึ่งอีกไม่กี่วันเธอจะเดินทางไปแข่งในรายการ ‘สุธีรมานคัพ’ ประเทศมาเลเซีย หากเรานัดเจอเธอช้ากว่านี้ก็อาจจะพลาดเพราะตารางฝึกซ้อมของเธอค่อนข้างแน่น

     เมย์ รัชนก เป็นนักแบดมินตันหญิงวัย 18 ปี(พ.ศ.2556) ที่ผ่านสังเวียนสุดหินมานับไม่ถ้วน และสร้างผลงานได้ในระดับดีเยี่ยมมากมาย โดยเฉพาะรายการแบดมินตันชิงแชมป์เยาวชนโลก) BWF World Junior Championships) ที่เธอครองแชมป์ถึง 3 สมัยรวดในปี 2009-2011 จนได้รับการบันทึกให้เป็นนักแบดมินตันหญิงคนแรกของโลกที่ได้แชมป์ 3 สมัยซ้อน

เมย์ รัชนก
เมย์ รัชนก นักแบดมินตันหญิงขวัญใจชาวไทย


     หากถามว่าคนไทยรู้จักรัชนกมากที่สุดช่วงไหน เราคิดว่า ‘ลอนดอน เกมส์ 2012’ เป็นเวทีที่เธอเปิดตัวให้คนไทยค่อนประเทศรู้จักยอดนักแบดมินตันหญิงคนนี้ แม้วันนั้นเธอพลาดท่าแพ้ให้กับ ‘หวัง ซิน’ มือวางอันดับ 2 จากจีน ไปโดยที่เธอคุมเกมมาได้ดีตลอด ทว่าสุดท้ายก็พลาดท่าตกรอบก่อนรองชนะเลิศชนิดที่กองเชียร์ทั้งชาติบ่นอุบว่าเสียดาย

      แม้เธอจะพลาดรางวัลใหญ่ที่สุดในชีวิตของนักกีฬาแบดมินตัน แต่เธอได้กลายเป็นนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวที่ปลุกกระแสแบดมินตันในประเทศไทยไปแล้ว พร้อมกับยกให้เธอเป็นฮีโร่โอลิมปิก แม้จะไร้เหรียญกลับบ้าน

      ปัจจุบัน เมย์ รัชนก ขึ้นแท่นเป็นนักกีฬาแบดมินตันหญิงอันดับที่ 5 ของโลก หลังจากคว้าแชมป์ในรายการ Yonex Sunrise India Super Series เหนือ ‘จูเลียน เชงค์’ ชัยชนะครั้งนี้ทำให้เธอถูกพูดถึงในแง่ความสำเร็จอย่างกว้างขวาง ทั้งได้ขยับอันดับไปเป็นมือวางอันดับ 5 ที่อายุน้อยที่สุดในโลก เป็นยอดนักแบดมินตันที่โค้ชและนักกีฬาต่างชาติหลายคนจับตาดูเธอ เป็นนักแบดมินตันที่สมาคมแบดมินตันอินเดียส่งจดหมายมาชื่นชมในความอ่อนน้อมถ่อมตน และยังเป็นความหวังของประเทศไทยที่คาดว่าเธอจะเดินทางไปถึงมือวางอันดับ 1 ของโลกได้ในเร็ววัน

      ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเธอมีจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในการเล่นแบดมินตันเพียงเพราะผู้ใหญ่ไม่ต้องการให้เธอเล่นซน ซึ่งวันนั้นเมย์เพิ่งจะอายุได้ 6 ขวบ

      12 ปีผ่านไป จุดเริ่มต้นในการเล่นแบดมินตันด้วยก้าวเล็กๆ ในวันนั้น กลับกลายเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของเธอในวันนี้

      หากจะบอกว่าเส้นทางชีวิตของเธอถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้นให้ต้องเป็นนักกีฬาก็คงจะไม่เกินจริงนัก

      ระหว่างที่รอช่างภาพเซตไฟ และรอเธอแต่งหน้า เราไม่อยากปล่อยเวลาผ่านไปเฉยๆ เพราะเธอมีเวลาไม่มากนัก เรากับน้องเมย์นั่งประจัญหน้าคนละฝั่ง หากนี่คือสนามแข่ง เราทั้งคู่ก็พร้อมแล้ว รอแค่สัญญาณเริ่มเกมจากกรรมการเท่านั้น

     เครื่องอัดสัมภาษณ์ถูกกด เสียงเทปเริ่มหมุน นั่นแปลว่า สัญญาณการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ตอนเด็กๆ เมย์โตมากับอะไร


     เมย์ รัชนก : พ่อกับแม่ของหนูทำงานที่โรงงานขนมไทยบ้านทองหยอด เข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่หนูอายุได้ 3 เดือน ตอนเด็กๆ หนูก็เป็นลูกคนงานคนหนึ่งที่วิ่งเล่นอยู่ในโรงงาน แล้ววันหนึ่ง แม่ปุก (กมลา ทองกร เจ้าของโรงงานขนมไทยบ้านทองหยอด และโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด) เห็นว่าหนูเริ่มซนก็จับหนูมาตีแบดฯ เพราะเขากลัวว่าหนูจะเล่นซนจนไปโดนพวกน้ำเชื่อมที่มันร้อนราดตัว เขากลัวหนูจะเป็นอันตราย เลยบอกให้หนูไปตีแบดฯ ดีกว่า นั่นคือช่วงที่หนูรู้จักคำว่าแบดมินตันครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ แล้วเริ่มคลุกคลีกับแบดฯตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่ได้สนใจกีฬาอื่น หรือทำอะไรอย่างอื่นเลย

เมย์ รัชนกกับคุณแม่ปุก
เมย์ รัชนก กับแม่ปุก

สิ่งที่ทำให้เด็กอายุ 6 ขวบสนใจการตีแบดฯ แทนที่จะไปวิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่นคืออะไร

      เมย์ รัชนก : ก่อนที่หนูจะมาเล่นแบดฯ หนูเคยเป็นคนที่นั่งดูพี่ๆ คนอื่นเล่นมาก่อน เราก็รู้สึกสนุกตามไปด้วย แม้จะไม่ได้ตีกับเขา และความที่เป็นเด็กเราก็ทึ่งว่าพี่ๆ เขาตีกันโดนได้ยังไง เราตีไม่โดนเลย (หัวเราะ) ความรู้สึกแรกที่ดีใจมากคือเราตีโดนแล้ว คือแค่ตีโดนเฉยๆ นะไม่ได้ตีข้ามเน็ต หรือตีโต้ได้เลยนะ แค่นั้นก็ดีใจแล้ว พอเราทำได้ ก็เลยตั้งใจและมุ่งมั่นกับการตีแบดฯ

น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
เมย์ รัชนก เด็กบ้านทองหยอด

วันแรกที่จับไม้แบดมินตัน ตอนนั้นเป้าหมายของเมย์อยู่ที่ไหน?
ใช่เป้าหมายที่เมย์เป็นอยู่ในตอนนี้ไหม?


    เมย์ รัชนก : ไม่ค่ะ ตอนนั้นหนูไม่ได้จริงจังถึงขั้นคิดจะมาเป็นนักกีฬาทีมชาติเลย เราตีแบดฯ เพื่อแค่ไม่ต้องไปกวนพ่อแม่ ตีเล่นๆ แต่ก็ฝึกอย่างจริงจัง หนูฝึกได้สักปีกว่าๆ แม่ปุกก็พาหนูไปแข่ง ตอนนั้นแข่งรายการแรก ‘อุดรโอเพ่น’ เป็นการลงแข่งครั้งแรกและเป็นแชมป์แรกในชีวิต ตอนนั้นหนูอายุประมาณ 7 ขวบ หลังจากนั้นแม่ปุกก็ส่งหนูแข่งมาโดยตลอด กระทั่งหนูอายุ 12 ปี แม่ปุกก็ส่งหนูลงแข่งแบดมินตันชิงแชมป์ประเทศไทย ปีนั้นเราได้เหรียญทองแดง พออายุ 13 แม่ปุกก็ส่งหนูไปแข่งรายการเดิม ครั้งนี้หนูก็ได้เหรียญเงิน พออายุ 14 แม่ปุกก็ส่งหนูลงแข่งอีกรอบ ครั้งนี้ประสบการณ์สองครั้งที่ผ่านมาทำให้หนูมั่นใจขึ้นและได้แชมป์หญิงเดี่ยวในรายการระดับประเทศไทยครั้งแรกในปี 2009

คิดว่าอะไรที่ทำให้แม่ปุกมั่นใจในฝีมือของเมย์และส่งลงแข่งมาโดยตลอด

     เมย์ รัชนก : เรื่องนี้หนูไม่แน่ใจค่ะ คิดว่าแม่ปุกน่าจะเห็นว่าหนูซ้อมเยอะเลยอยากให้โอกาสหนูลงแข่ง ซึ่งหนูเองก็ทำได้ มีผลงานที่น่าสนใจ หรือได้รางวัลมาเกือบตลอด แต่คิดว่าช่วงแรกๆ แม่ปุกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนูมากถึงแชมป์ แม่ปุกแค่อยากให้หนูได้ประสบการณ์รวมกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันที่เขาไปแข่งด้วย ตอนไปแข่งหนูก็ไม่ได้คิดอะไรเลย ตามเพื่อนๆ ไปตามประสาเด็ก เขาไปไหนหนูไปด้วย

เมย์ ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่ลงแข่งได้ไหม

    เมย์ รัชนก : จำไม่ได้เลย (หัวเราะ)

แล้ววันที่ได้สัมผัสคำว่าแชมป์ครั้งแรก หลังจากที่ตีแบดฯเล่นๆ มานานเป็นอย่างไร

      เมย์ รัชนก : ดีใจมากๆ เลยค่ะ มันคือรางวัลแรกในชีวิตเลย

ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเมย์เอง เก่งหรือยัง?

     เมย์ รัชนก : ไม่นะ เราไม่เคยคิดว่าเราเก่งเลย อีกอย่างเราก็ยังเด็กด้วย เราตีเพียงเพราะอยากตีให้ดีเหมือนพวกพี่ๆ ส่วนการแข่งขันของเด็กมันก็ไม่ได้มีอะไรมากเลยค่ะ แค่ตีให้โดนลูกเพื่อให้ข้ามฝั่งไปได้ก็มีโอกาสชนะแล้ว แต่ถ้าจะมาตีอีกระดับหนึ่งให้ได้แบบที่พี่ๆ เขาตีกันมันต้องแข็งแรงกว่านี้

คนที่เล่นกีฬาตั้งแต่ยังเด็ก กิจวัตรประจำวัน ก็คือ การฝึกซ้อม ชีวิตของเมย์ก็คงจะเป็นแบบนั้นใช่ไหม?

     เมย์ รัชนก : ใช่ค่ะ เมย์จะซ้อมตั้งแต่ตอนเช้า ตีห้าครึ่งถึงเจ็ดโมงเช้าแล้วค่อยไปโรงเรียน หลังกลับจากโรงเรียนก็ซ้อมต่อตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงหนึ่งทุ่ม พอหนูอายุ 13 ตารางการซ้อมก็เปลี่ยนไป แต่ยังซ้อมทั้งก่อนไปโรงเรียนและหลังเลิกเรียนเหมือนเดิม ไม่ได้ไปทำอะไรอย่างอื่นเลย ชีวิตมีแต่การตีแบดฯ กับการเรียน

เมย์เป็นเด็กที่ไม่มีเวลาเล่นเหมือนเด็กคนอื่น เคยรู้สึกแปลกแยก หรืองอแงบ้างหรือเปล่า?

      เมย์ รัชนก : เคยรู้สึกว่าไม่อยากไปซ้อมเหมือนกัน เวลาหนูเห็นเด็กคนอื่นๆ ไปวิ่งเล่นกัน ด้วยความที่เป็นเด็กมันก็ต้องมีบ้างที่เราอยากจะไปเล่นสนุกแบบเด็กๆ คนอื่น แต่การฝึกซ้อมค่อนข้างเข้มงวด ตารางแน่นตลอด จะโดดซ้อมก็ไม่ได้ ก็เลยต้องซ้อมทุกวัน แต่ความคิดที่อยากเลิกเล่นไปเลยนั้น ไม่เคยมี

จำได้ไหมว่าตอนไหน? ที่เมย์รู้สึกว่า..เราจะต้องเป็นนักแบดมินตันทีมชาติ

     เมย์ รัชนก : ตอนนั้นหนูซ้อมตลอดโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเดินมาไกลได้ถึงขนาดนี้ ตอนเด็กก็พยายามแข่งให้ได้เยอะๆ แต่หนูไม่รู้ว่าจะไปถึงไหม จำได้ว่าช่วงที่ฝันอยากจะเป็นทีมชาติคือตอนอายุ 11-12 ปี แต่ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยคิดเลย จนกระทั่งเล่นมาได้สักระยะเราเริ่มซึมซาบการเป็นนักกีฬา เราเริ่มมีความมั่นใจ และมีความฝันว่าสักวันหนึ่งเราต้องติดทีมชาติให้ได้ เราต้องใส่เสื้อที่มีตราธงชาติบนหน้าอกให้ได้

แล้วช่วงอายุเท่าไหร่ที่เมย์เรียกตัวเองว่าเป็นนักแบดมินตันมืออาชีพ

     เมย์ รัชนก : ช่วงอายุ 13 ค่ะ ตอนนั้นหนูเริ่มหารายได้จากการแข่งขัน จุดเริ่มต้นแรกของชีวิตการเป็นนักแบดมินตันอาชีพน่าจะเป็นช่วงนั้น ตลอดเวลาที่หนูแข่ง เราคิดอยู่ตลอดว่าจะพยายามทำผลงานให้ดีเรื่อยๆ และพยายามหารายได้มาช่วยครอบครัว น้องชายหนูก็อยู่ในวัยกำลังโต ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเยอะ เราอยากช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ เลยตั้งใจว่าจะต้องทำให้ดีกว่านี้ อีกอย่างฐานะครอบครัวเราก็ไม่ได้ดี และที่หนูภูมิใจคือ หนูอายุ 13 แต่สามารถหาเงินได้เองโดยที่ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ ได้ช่วยพ่อแม่โดยที่เงินนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของหนู จำไม่ได้ว่าหนูหารายได้ได้เท่าไหร่ แต่สามารถทำให้ครอบครัวไม่ลำบาก เวลานั้นถือป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตหนูเลย

เมย์ รัชนก อินทนนท์
เมย์ รัชนก กับครอบครัวที่น่ารักที่ทำให้เธอตั้งใจทำให้มีวันนี้

แรงขับเคลื่อนที่ทำให้เมย์มาถึงจุดนี้ได้คืออะไร

     เมย์ รัชนก : อาจจะเป็นเพราะครอบครัว เริ่มจากเราเองก็มาจากครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะ ซึ่งเราก็มีความฝันที่อยากจะมีบ้านมีทุกอย่างเป็นของตัวเองและครอบครัว และแม่ปุกก็ดูแลเรามาตลอด เราเลยอยากจะตอบแทนให้กับแม่ปุก สิ่งที่นักกีฬาอย่างหนูทำได้คือสร้างชื่อให้สโมสรบ้านทองหยอดไปเรื่อยๆ รวมไปถึงสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ จุดเริ่มต้นความสำเร็จของเมย์น่าจะมาจากจุดเล็กๆ ที่เรียกว่าครอบครัวของเมย์ที่เป็นแรงผลักดันให้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเอง

นักกีฬาฝีมือระดับคุณเคยมีอารมณ์ไหนที่รู้สึกท้อบ้าง

     เมย์ รัชนก : มีค่ะ แต่ไม่ได้ท้อแบบที่ว่า ทำไมฝึกหนักจัง เราอยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ถ้าท้อแบบนี้เมย์ไม่เคย สิ่งที่หนูท้อคือเวลาโค้ชสอนแล้วหนูทำตามที่โค้ชสอนไม่ได้ หนูจะรู้สึกท้อขึ้นมาเลย ถ้าช่วงไหนที่หนูท้อมากๆ เวลากลับไปห้องก็จะไปหาแม่บอกว่าเหนื่อย โค้ชสอนแต่หนูทำไม่ได้ดั่งใจ แม่ก็บอกว่าสู้หน่อย ปลอบใจหนูสักพักหนูก็จะเปลี่ยนเรื่องพูด ไม่พูดเรื่องแบดฯ อีกเลย ไม่อย่างนั้นหนูจะคิดมาก เช้าขึ้นมาก็สู้ใหม่ เรื่องการทำตามที่โค้ชสอนมันก็ยากสำหรับหนู บางทีเป็นการตีไปตามสัญชาตญาณซึ่งมันเปลี่ยนยาก สุดท้ายโค้ชก็เลยบอกให้หนูตีตามที่ถนัด แต่ตีไปแล้วลูกจะต้องออกไปแบบที่โค้ชสอน

จำได้ไหมว่าแมตช์ไหนที่ให้บทเรียนราคาแพงกับเรา

     เมย์ รัชนก : ตอนแข่งที่โอลิมปิกกับ หวัง ซิน ตอนนั้นหนูแต้มนำเขาเยอะมาก แต่สภาพจิตใจหนูไม่แกร่งพอ เลยพลาดโดนเขาแซงเอาชนะจนได้ ถึงจะเสียใจแต่หนูก็นำประสบการณ์วันนั้นมาใช้ในเวลาต่อมา ถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามาก แม้จะไม่ได้แชมป์ มันยิ่งทำให้หนูรู้ว่า จุดอ่อนของหนูคือสภาพจิตใจ ถ้าเราสภาพจิตใจไม่ดีหนูจะมีโอกาสแพ้สูง เรากลัวว่าเราจะเล่นไม่ดี คิดเยอะเกินไปจนเสียสมาธิเองในที่สุด

เมย์ รัชนก
เมย์ รัชนก สมาธิที่นิ่งกว่า

เมย์มีวิธีลืมความเสียใจยังไงเวลาที่คุณพลาดในแมตช์สำคัญ

     เมย์ รัชนก : วันนั้นโอกาสเรามีมาแล้วแต่เราคว้าไว้ไม่ได้เอง มันเลยยิ่งรู้สึกเสียใจมาก แต่ทุกคนก็ให้กำลังใจมาตลอด แม่ปุกก็ไม่อยากให้เราคิดเรื่องผลการแข่งขันที่ผ่านมา แม่ปุกบอกว่าโอลิมปิกครั้งแรกของเราทำได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว มันคือประสบการณ์ที่มีค่า เราอาจจะตื่นเพราะมันเป็นรายการที่ใหญ่มาก ซึ่งตอนนี้ก็ยอมรับว่าเราตื่นเวทีจริงๆ ตอนแต้มนำหนูก็อยากจะเร่งให้จบเพราะเขากำลังเสียเปรียบ แต่เราพลาดที่เขาตีตื้นมาได้จนแต้มไหลแซงและเราสมาธิแตกไปเอง

ผ่านศึกมามากมายขนาดนี้เมย์คุมสมาธิตัวเองได้หรือยัง

      เมย์ รัชนก : ก็ยังคงมีสมาธิหลุดอยู่ ตอนนี้ฝึกคุมสติตัวเองอยู่ค่ะ (หัวเราะ)

คุณสมบัติของนักกีฬาแบดมินตันที่นอกเหนือจากฝีมือแล้วควรจะมีอะไร

     เมย์ รัชนก : (ตอบเร็ว) ความอดทนค่ะ เพราะหลายครั้งเราต้องซ้อมอย่างลำบากและเหน็ดเหนื่อยกับมันมาก ถ้าเราถอดใจไปซะก่อน ก็จะทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ ฉะนั้น แล้วความอดทน คือ หัวใจสำคัญที่เมย์ยึดถือมาโดยตลอด

ปัจจัยทั้งหมดที่ทำให้เมย์มายืนถึงจุดนี้ได้น่าจะมาจากอะไร

     เมย์ รัชนก : หนูคิดว่าน่าจะเกิดจากความพยายาม ความอดทน และเราได้รับโอกาส ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเรามา และเชื่อมั่นว่าหนูจะสามารถทำได้ ซึ่งตอนแรกหนูก็ไม่มั่นใจหรอก และไม่ได้คิดว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้ จุดเริ่มต้นหนูเริ่มจากเล่นแบดมินตันเพราะจะได้ไม่ไปซน แต่วันนี้มันมาไกลจากเดิมมาก

ประสบการณ์เล่นแบดฯ มา 12 ปี เราได้เรียนรู้อะไรกับการเป็นนักแบดมินตันอาชีพบ้าง

       เมย์ รัชนก : เรียนรู้จากการเดินทางเวลาไปแข่งขัน เรียนรู้จากการใช้ชีวิตของนักกีฬาทีมชาติว่าเขาเป็นอย่างไร การฝึกพูดจากับเพื่อนต่างชาติ และเวลาเมื่อเราเจอสนามที่ใหญ่ เราจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง

อายุของเมย์ยังน้อย แต่ไปได้ไกลกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน มันทำให้เรารู้สึกว่าเหนือกว่าคนอื่นไหม?

     เมย์ รัชนก : ไม่นะคะ มันไม่ใช่ว่าเหนือกว่าคนอื่น มันอาจจะเกิดจากการที่หนูซ้อมเยอะกว่าคนอื่น ช่วงที่เขาไปเที่ยวหนูก็อาจจะไม่ได้ไปเที่ยวกับเขาเพราะหนูต้องซ้อมเสมอ ถึงบอกว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวของตัวเราเอง ไม่ได้อยู่ที่ว่าอายุเท่านี้ต้องเก่ง ตอนนี้กีฬาไม่ได้อยู่ที่อายุเลย มันอยู่ที่การฝึกฝน ถ้าเรายิ่งซ้อมเยอะจะยิ่งเก่งเร็ว แต่ไม่ได้แปลว่าซ้อมหนักแล้วจะเก่ง แต่มันมีทั้งการซ้อมทั้งหนักทั้งเบาเพื่อไม่ให้ร่างกายบาดเจ็บ

เวลาเมย์เจอนักแบดมินตันที่มืออันดับเหนือกว่า เมย์กลัวและประหม่าบ้างหรือเปล่า?

      เมย์ รัชนก : ไม่ค่ะ หนูคิดเสมอว่าเวลาตีก็แค่ตีให้เหมือนเวลาเราซ้อม หาจังหวะตอบโต้ให้ดี แต่เอาเข้าจริงมันก็มีสถานการณ์ที่ทำให้เราพลิกแก้เกมกันไปมาตลอด ตอบไม่ได้ว่าแมตช์นี้จะแพ้หรือชนะ มันต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง แต่ไม่เคยรู้สึกกลัวมือวางอันดับสูงกว่าสักเท่าไหร่ แม้อันดับโลกเขาจะเหนือกว่าหนู พละกำลังก็แข็งแรงกว่า และสปีดการออกลูกที่รวดเร็วระดับโลกของเขาอาจจะดีกว่า เมย์เสียเปรียบเขาทั้งหมด โดยเฉพาะสรีระที่เสียเปรียบมาก แต่ก็จะพยายามเต็มที่ เล่นให้ได้อย่างที่ซ้อม เพราะในการแข่งขันยิ่งเราคิดเรื่องแพ้ชนะ เราจะยิ่งตีไม่ได้อย่างที่ตัวเองซ้อม สำหรับบางคนจะคิดอย่างไรไม่รู้ ถ้าเป็นหนูจะคิดว่าแพ้ชนะไม่เป็นไร วันนี้เราทำเต็มที่ก็ถือว่าเราโอเคกับมัน โค้ชจะสอนหนูแบบนี้ และพยายามสอนไม่ให้หนูคิดมาก โค้ชชอบบอกว่า “ตีไปเหอะ ไม่ต้องคิดมาก สบายๆ”

เมย์ รัชนก อินทนนท์
เมย์ รัชนก แม้ต้องถ่ายรูปกับคนสวยก็ไม่ประหม่า

ความตื่นเต้นยังคงอยู่ไหม

      เมย์ รัชนก : ถ้าตื่นเต้นเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศนั้นไม่ค่อยมีแล้วค่ะหนูจะตื่นเต้นก็ต่อเมื่อเข้าไปรอบลึกๆ ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่ แต่ก็ไม่เยอะเท่าเมื่อก่อน เราเริ่มควบคุมอารมณ์ตื่นสนามและความตื่นเต้นไว้ได้บ้างแล้ว อาจไม่ได้หายไปและต้องพยายาม โดยเฉพาะพยายามทำให้เราได้เข้าชิงชนะเลิศบ่อยๆ เพื่อจะได้คุ้นชินกับบรรยากาศกดดัน จะได้ไม่ตื่นเต้น ถ้าเราเข้าชิงจนชิน ความตื่นเต้นก็จะหายไป แต่บางครั้งความตื่นเต้นก็ไม่ได้มาจากสนามหรือคู่แข่ง แต่มาจากตัวเราเองที่อยากชนะจนตื่นเต้น หรือกลัวแพ้จนตื่นเต้น

เวลาเดินทางไปแข่งที่ต่างประเทศ เราเห็นความต่างระหว่างนักกีฬาไทยกับนักกีฬาต่างชาติตรงไหนบ้าง

     เมย์ รัชนก : เท่าที่เห็นคือ นักกีฬาชาติอื่นๆ เขาจะมีนักกายภาพบำบัดคอยติดตามไปตลอด แต่ของเรานักกายภาพบำบัดจะไปเฉพาะบางรายการ ระเบียบวินัยของนักกีฬาบางประเทศก็เข้มงวดมาก อย่าง จีน เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น เวลาซ้อมพวกเขาจะซ้อมกันโหดมาก แทบไม่คุยไม่เล่นกันเลยแต่ของเราจะเป็นแบบไม่ซีเรียส สบายๆ ไม่ได้หมายความว่าไม่ตั้งใจนะ แต่เราผ่อนคลาย ยืดหยุ่นมากกว่า นักกีฬาไทยที่ไปแข่งทุกคนหวังว่าจะได้ชัยชนะกลับมากันทั้งนั้น แต่เราก็มีจุดที่ว่าคลายเครียด ไม่อย่างนั้นเราจะเครียดกับการแข่งขันเกินไปจนพลาดเอง

เท่าที่เมย์ทราบ วงการแบดมินตันจีนต่างกับวงการแบดมินตันไทยตรงไหน

      เมย์ รัชนก : วงการแบดมินตันที่จีนมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง พวกเขาต้องมีความมุ่งมั่นกันอย่างมาก นักกีฬาของเขาถ้าไม่มีผลงานก็หลุดจากทีมชาติเลย นักกีฬาของเขาทุกคนจึงพยายามที่จะฝึกซ้อมกันอย่างหนัก และได้รับการดูแลสนับสนุน อย่างนักกีฬาของจีนกว่าจะส่งไปแข่งขันได้แต่ละคนมีโอกาสน้อย ถ้าได้โอกาสก็ต้องโชว์ศักยภาพให้เต็มที่ และห้ามเจ็บนาน ถ้าเจ็บนานๆ เขามีสิทธิ์โดนไล่ออกจากทีมชาติสูงแล้วดึงนักกีฬาคนอื่นเข้ามาแทน ค่อนข้างโหดมาก เมื่อเทียบกับของเรา

อะไรคือสิ่งที่ทำให้นักกีฬาแบดมินตันไทยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถก้าวไปถึงระดับโลกได้เหมือนเมย์ วันนี้

     เมย์ รัชนก : อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ด้วย หนูอาจจะแข่งเยอะกว่าคนอื่นๆ ส่วนพี่ๆ น้องๆ คนอื่นก็อาจจะไปแข่งกันเป็นบางรายการ ซึ่งบางทีเวลาเจอรายการใหญ่ๆ เขาก็อาจจะไม่ชินกับสนาม สนามโล่งๆ กว้างๆ ก็อาจจะตื่นสนาม การแข่งบ่อยๆ ก็ยิ่งทำให้เราพัฒนาตัวเองได้มากขึ้น ไม่ตีเสียเองบ่อยๆ จุดอ่อนของบางคนก็คือการตีลูกเสียเอง

นักกีฬาแบดมินตันหญิงคนไหนที่เมย์มองว่าพวกเขามีฝีมือและมีโอกาสไปได้ไกล

     เมย์ รัชนก : เมย์ว่านักกีฬาแบดมินตันไทยวันนี้พัฒนาไปไกลในอีกระดับหนึ่งแล้ว หลายคนฟอร์มดีน่าจับตามองมากๆ แต่ถ้าถามว่าใครที่น่าสนใจ หนูว่า พี่แนต (ณิชชาอร จินดาพล) ที่เพิ่งเจอกันตอนชิงแชมป์ประเทศไทยก็เก่งค่ะ พี่ปอป้อ (ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย) น้องครีม (บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธุ์) แล้วก็ พีช (พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข) ทุกคนฝีมือดีและมีโอกาสขึ้นอันดับโลกได้สูงๆ กันทั้งนั้น

ถ้าวันหนึ่งเราโดนใครคนใดคนหนึ่งแซงแย่งอันดับโลกไปถามตรงๆ ว่าเมย์จะคิดมากไหม?

     เมย์ รัชนก : เรื่องนี้หนูไม่ซีเรียสนะ ดีเสียอีกที่เขามีเราเป็นเป้าหมาย มันทำให้เรายิ่งมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองมากขึ้น ถ้าเราพลาดเสียอันดับโลกให้คนไทยด้วยกัน อาจจะด้วยเพราะหนูฟอร์มตกหรือหนูบาดเจ็บจนอันดับโลกหล่น แต่คนที่มาแทนเราเป็นคนชาติเดียวกันเราก็ต้องยินดี เพราะพี่น้องเราก็ยังได้ออกไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศอยู่ดี

เมื่อไหร่ที่แบดมินตันไทยจะก้าวสู่มหาอำนาจของแบดมินตันได้บ้าง

    เมย์ รัชนก : ตอบไม่ได้ค่ะ (หัวเราะ)

ถ้าอย่างนั้นคิดว่านักกีฬาของเรายังขาดปัจจัยอะไรอีกบ้าง

     เมย์ รัชนก : ฝีมือของนักกีฬาก็มีส่วน แต่เรื่องการสนับสนุนเรายังขาดอยู่มาก เท่าที่ดูแล้วตอนนี้ก็มีนักกีฬาหลายคนที่สามารถจะตามหนูมาได้ในอนาคตแน่นอน แต่มันขึ้นอยู่กับผู้สนับสนุนในการช่วยส่งนักแบดมินตันไปแข่งในรายการอื่นๆ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ตื่นสนามและมีประสบการณ์ ไปแล้วไม่ได้รางวัลก็ได้ประสบการณ์กลับมาเพื่อที่ครั้งหน้าน้องๆ เหล่านั้นจะได้นำประสบการณ์ไปพัฒนาและคว้าอันดับดีๆ มาได้ในที่สุด ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนให้มีโอกาส
ไปแข่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ เพื่อฝึกฝีมือและประสบการณ์ โอกาสที่จะพัฒนาก็น้อยมากจนไปไหนได้ไม่ไกลเท่าที่ควรจะเป็น แต่ตอนนี้ก็น่าดีใจขึ้นที่มีผู้สนับสนุนนักกีฬาแบดมินตันเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน

อยู่ในวงการแบดมินตันเมย์เห็นพัฒนาการอะไรของวงการนี้บ้าง

     เมย์ รัชนก : หนูเห็นวงการแบดมินตันบูมในช่วงของ พี่แมน (บุญศักดิ์ พลชนะ) ช่วงนั้นคนก็จะตื่นตัวเรื่องแบดมินตัน แล้วก็เงียบไป มาวันนี้ก็กลับมาได้รับความนิยมใหม่ ตลอดเวลาเราก็มีนักกีฬาเก่งๆ เข้าวงการมากมาย หนูก็รู้สึกภูมิใจที่คนไทยหลายคนหันมาสนใจกีฬาแบดมินตัน ทั้งเชียร์และหันมาเล่นเองด้วย หันมาสนับสนุนให้ลูกเล่นมันอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนกอล์ฟหรือฟุตบอล ที่เป็นกีฬาอาชีพ เป็นกีฬายอดนิยม แต่ก็พอเห็นแล้วว่าหลายคนอยากที่จะมีอาชีพเป็นนักแบดมินตัน

แสดงว่าตอนนี้ในบ้านเรากีฬาแบดมินตันสามารถเป็นอาชีพได้

     เมย์ รัชนก : (ตอบเร็ว) ใช่ค่ะ แต่ควรจะเริ่มต้นตั้งแต่เด็กเลย เพราะการเป็นนักกีฬาแบดมินตันหรือกีฬาอะไรก็ตาม หากจะเล่นอย่างจริงจังควรจะเริ่มตั้งแต่เด็กๆ เลย มันค่อนข้างจะใช้เวลาเหมือนกัน

อาชีพนักกีฬาสอนอะไรกับเรา

      เมย์ รัชนก : สอนให้เรารู้จักการใช้ชีวิต สอนให้เราสู้ สอนให้เรารู้จักอดทน ซึ่งความอดทนนี้สามารถนำไปใช้ในอนาคตได้หลายๆ อย่าง ไม่จำกัดว่าต้องใช้ในเรื่องของกีฬา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะประยุกต์ใช้ความอดทนนี้ในเรื่องของอะไร

วันนี้อายุ 18 แล้ว วันหน้าเมื่อเมย์อายุ 36 คิดว่าวันนั้นเมย์น่าจะกำลังทำอะไรอยู่?

      เมย์ รัชนก : หนูก็ยังไม่รู้ว่าหนูจะทำอะไรอยู่ อาจจะเป็นโค้ช หรืออาจจะเปิดร้านอาหาร แต่แน่นอนถ้าเลิกเล่นไป แรกสุดคงจะไปเป็นโค้ช มันเป็นเรื่องของอนาคตที่ไกลมาก หนูเองก็ยังมองไม่เห็นภาพตรงนั้นเท่าไหร่ ว่าถึงวันนั้นหนูจะอยู่ในฐานะอะไร หรือบทบาทไหน ถ้าวันนี้เราเดินมาดีตลอด อนาคตก็น่าจะดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม

เมย์วางเป้าหมายระยะสั้นไว้ที่ตรงไหน

      เมย์ รัชนก : ปีนี้จะมีแข่งขันรายการ World Championship ที่ประเทศจีนหนูตั้งเป้าจะเข้าเป็น 8 คนสุดท้าย หรือถ้าทำผลงานได้ดีก็ขอเข้าให้ถึงรอบตัดเชือกให้ได้ และอยากจะไปให้ถึงมือวางอันดับ 1 ของโลกภายใน 3 ปี รวมไปถึงมุ่งมั่นกับโอลิมปิกในอีก 3 ปีข้างหน้าค่ะ

เมย์ รัชนก อินทนนท์
เมย์ รัชนก กับเป้าหมายในอนาคตของเธอคืออะไร

ถ้าเราไปไม่ถึงจุดที่เราต้องการล่ะ เมย์เตรียมรับความผิดหวังไว้ยังไง

     เมย์ รัชนก : ถ้าเราซ้อมมาเต็มที่ แต่ถ้าเราพลาดฟอร์มตก หรือเกิดอุบัติเหตุก็คงเสียใจ แต่ไม่ท้อค่ะ ในอีก 3 ปีข้างหน้า เราอายุ 21 ถึงจะพลาดเป้าหมายนี้ไปเราก็ยังมีโอกาสแก้มือและพัฒนาฝีมือได้ต่อไปอีก

สิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าอีก 3 ปีเราจะเป็นคนที่ยืนอยู่จุดสุดยอดของวงการแบดมินตันโลกคืออะไร

     เมย์ รัชนก : ตอนนี้ถ้าถามเรื่องร่างกายเราคงเป็นรองเขาแน่ๆ แต่อนาคตถ้าร่างกายหนูพร้อมมากขึ้น มีสมาธิและมีความมั่นใจในการออกลูกเสิร์ฟ กล้าเล่น ไม่กลัวคู่ต่อสู้ หนูก็คิดว่าหนูสู้กับเขาได้แน่นอน ก่อนหน้านั้นหนูเคยอ่านเจอเรื่องที่โค้ชต่างชาติ และนักกีฬาชาติอื่นๆ พูดถึงหนูว่า รัชนกเป็นคนที่น่าจับตามอง (หัวเราะ) เขาบอกว่าเป็นนักกีฬาที่ถือว่าโดดเด่น แสดงว่าเราก็น่าจะมีแววอยู่บ้าง

กดดันไหมที่มีคนมาคาดหวังว่าผลงานของเราจะดี

      เมย์ รัชนก : ไม่เลยค่ะ และหนูไม่ได้สนใจเรื่องข่าวมากมาย ถ้าไปสนใจมากๆ มันอาจจะทำให้เราเหลิงกับความสำเร็จ ซึ่งมันไม่ดีกับตัวเราแน่ๆหนูก็พยายามทำเหมือนเดิม ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ใส่ใจ เขาชมหนูก็ดีใจ แต่ไม่เก็บกลับมาคิดว่าเราเก่ง

เมย์ รัชนก อินทนนท์
เมย์ รัชนก รับพระราชทานโล่เกียรติคุณลูกกตัญญู ปี พ.ศ.2556

มีคนยกย่องมากมายขนาดนี้ เคยเหลิงกับความสำเร็จบ้างไหม

     เมย์ รัชนก : เคยมีบ้างที่เรารู้สึกว่าเราทำได้แล้ว ไม่ต้องซ้อมแล้วก็ได้นะเราได้แชมป์มาแล้วก็ไม่ตั้งใจฝึกก็มีบ้าง ซึ่งเวลาเราทำตัวแบบนี้แม่ปุกจะสังเกตเห็น เขาก็จะคอยบอกคอยเตือนเรา แต่ตอนนี้หนูได้แชมป์มาก็ยังขยันซ้อมอยู่นะ (หัวเราะ) เพราะเรายังไม่ถึงฝัน ยังไปไม่ถึงจุดสุดยอดที่เราตั้งใจไว้

เมื่อไหร่ที่เมย์จะบอกกับตัวเองได้ว่า ‘เราเก่งแล้ว’

      เมย์ รัชนก : เมื่อตอนที่หนูได้แชมป์โลก ได้เป็นมือวางอันดับหนึ่งของโลกและได้แชมป์โอลิมปิกค่ะ

ถ้าวันหนึ่งที่เราไปถึงจุดสูงสุด ความรู้สึกไม่อยากซ้อมแล้ว เราเก่งแล้วจะกลับมาไหม?

      เมย์ รัชนก : ส่วนใหญ่ทุกคนที่คิดว่าตัวเองสุดยอดก็จะคิดว่าทำไมเราต้องซ้อม ในเมื่อเราสุดยอดแล้ว เราเคยซ้อมมาทุกวัน แล้วมันก็ทำให้เราเบื่อมันมีบ้างที่เราอยากหยุด แชมป์ก็ได้มาหมดแล้ว ก็อาจจะมีบ้าง แต่หากเป็นหนู หากหนูถึงจุดสุดยอดทั้งหมด หนูก็อาจจะอยากหยุดสักวันสองวันเพื่อพักผ่อนร่างกาย แต่หนูเชื่อว่าหนูคงไม่โดดซ้อมหรือคิดว่าตัวเองเก่งแล้วเลยไม่ซ้อมแน่นอน

ความสำเร็จที่เราได้มาวันนี้ทำให้เมย์มีทุกอย่างแล้วหรือยัง

     เมย์ รัชนก : หนูยังไม่ได้มีทุกอย่างค่ะ ในแง่ของความสำเร็จก็ยังไม่ถึงเป้าหมาย ในแง่ของครอบครัวตอนนี้หนูก็ยังไม่ได้ซื้อบ้านให้พ่อแม่ เมย์อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ชีวิตเราตอนนี้คือช่วงน้ำขึ้น น้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก เลยรีบพยายามหาเงินให้เยอะที่สุดก่อน ชีวิตนักกีฬาเราก็ไม่รู้ว่าจะบาดเจ็บตอนไหน หนูกลัวว่าถ้าเกิดอาการบาดเจ็บโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว เกิดบาดเจ็บหนักก็กลับมายาก

ทุกวันนี้มีอะไรในชีวิตของเมย์ที่เปลี่ยนไปบ้าง

     เมย์ รัชนก : เราเลี้ยงตัวเองได้ เลี้ยงพ่อ แม่ น้องชายได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ และซื้อของให้พ่อแม่ได้บ้าง ถ้าตอนนี้ที่บ้านเงินไม่พอใช้เมย์ก็จะช่วย แต่ครอบครัวเมย์ก็ไม่ได้ใช้เงินจนเวอร์ เราก็ยังเหมือนเดิมอีกเรื่องคือความส่วนตัวที่เปลี่ยนไป ช่วงแรกๆ ที่สื่อเริ่มรู้จักหนู ตอนที่นักข่าวตามหนูมากๆ หนูกดดันน้ำตาไหลเลย ไม่ชิน งงว่าทำไมเขามาตามชีวิตเรา รู้สึกไม่มีอิสระ ไม่ค่อยสบายใจ แต่พอหลังจากคิดได้ว่าถ้าเรามีผลงาน สื่อจะเข้ามา เพราะพี่ๆ สื่อนี่แหละที่ทำให้วงการแบดมินตันดีขึ้น เวลามีผลงานพวกเขาจะช่วยกันนำเสนอให้คนไทยรู้

นอกจากความสามารถแล้ว มีหลายคนบอกว่าเมย์อ่อนน้อมถ่อมตนมาก จนสมาพันธ์แบดมินตันอินเดียถึงกับชม ความถ่อมตนในตัวเมย์มาจากไหน?

     เมย์ รัชนก : แม่ปุกสอนให้เรามีมารยาทต่อผู้ใหญ่ เราเป็นเด็กควรจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร อีกอย่างมันอยู่ที่ความเคยชินด้วยค่ะ แม่ปุกสอนหนูมาตั้งแต่เด็กว่า เจอผู้ใหญ่ต้องยกมือไหว้ ตั้งแต่เดินเข้าคอร์ดมา ถ้าเราลืมยกมือไหว้แม่ปุกจะไล่ให้ไปเดินเข้าคอร์ดมาใหม่แล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ใหม่ เราทำทุกวันจนชินและติดเป็นนิสัยไปแล้วค่ะ

เมย์ รัชนก อินทนนท์
เมย์ รัชนก มีความอ่อนน้อมถ่อมตนมาก

ความสำเร็จของเมย์ที่เราเห็นในวันนี้แลกมาด้วยอะไร?

     เมย์ รัชนก : สิ่งที่เสียไปคือความเป็นวัยรุ่น เช่นเพื่อนไปดูหนังหนูก็ไม่ได้ไป แต่หนูเข้าใจว่าที่เราทำอยู่ทุกวันนี้มันคือหน้าที่ มันเป็นอาชีพ อีกอย่างช่วงเวลาวัยรุ่นที่เราเสียไปมันก็ไม่ได้น่าเสียดายเท่าไหร่ วันหนึ่งเราเลิกเล่น ก็ค่อยไปทำในสิ่งที่ไม่เคยทำทีหลังก็ได้ อีกอย่างหนูก็ไม่ได้คิดว่าเราเสียอะไรไป เราทำเพื่อประเทศ ทำเพื่อหลายๆ คนที่รอคอยเราอยู่ข้างหลัง

หากมีเด็กคนหนึ่งเดินมาบอกว่า “หนูอยากเป็นอย่างพี่” เมย์จะบอกกับน้องเขาอย่างไร?

       เมย์ รัชนก : หนูจะบอกเขาว่า ไม่ว่าจะไปถึงในจุดที่น้องฝันหรือไม่ แต่ถ้าน้องทำดีที่สุดแล้วจริงๆ ก็ต้องภูมิใจในสิ่งที่เราทำ เพราะว่าการจะเป็นตัวแทนนักกีฬาทีมชาติ หรือการจะขึ้นมาเป็นที่หนึ่งมันไม่ได้มีหลายคน ที่หนึ่งมันมีแค่คนเดียว แล้วถ้าวันหนึ่งเราพร้อมหรือมีโอกาสที่จะทำได้ก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุดให้สมกับโอกาสที่เรามี เมย์รับรองว่าจะไม่เสียใจ ถ้าเราพยายามเต็มที่
 

บทความเกี่ยวกับความอ่อนน้อม

มงคลที่ 23 มีความถ่อมตน - อ่อนน้อมถ่อมตน
มงคลที่ 23 มีความถ่อมตน - หนทางสู่ความรุ่งโรจน์
ติตติรชาดก ชาดกว่าด้วยความเคารพอ่อนน้อม

ยิ่งสูงส่งยิ่งอ่อนน้อม


คนดังที่เก่งและดี นอกเหนือจากเมย์ รัชนกแล้วมีใครอีก?




Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ปฏิทินวันพระ 2567 ปฏิทินจันทรคติปฏิทินวันพระ 2567 ปฏิทินจันทรคติ

รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์

ข่าวจากปรโลก - สึนามิ (Tsunami)ข่าวจากปรโลก - สึนามิ (Tsunami)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

เรื่องเด่นทันเหตุการณ์