ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 16


[ 20 มี.ค. 2550 ] - [ 18272 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  สุวรรณสาม   ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี  ตอนที่ 16
 

        จากตอนที่แล้ว พระเจ้าปิลยักขราชทรงถือหม้อน้ำเสด็จดำเนินไปสู่อาศรมบท โดยทรงมีพระประสงค์จะเลี้ยงดูฤษีทั้งสองอยู่ในป่าแห่งนี้ โดยจะทรงปกปิดเรื่องที่พระองค์ฆ่าสุวรรณสาม มิให้ฤษีทั้งสองได้ล่วงรู้  แต่เพราะพระองค์ทรงดำเนินทำเสียงพระบาทดังผิดไปกว่าวันก่อนๆ

        จึงทำให้ทุกูลฤษีแม้จะตาบอดมองไม่เห็น แต่เมื่อฟังเสียงฝีพระบาทของพระราชาแล้ว ก็รู้ว่าผู้นี้มิใช่สุวรรณสาม จึงถามขึ้นว่า   เสียงฝีเท้าใครหนอ  ไม่ใช่เสียงฝีเท้าสามะบุตรของเรา  ลูกสามะของเราเดินเบา  เสียงฝีเท้าลูกของเราไม่ดังอย่างนี้  ท่านเป็นใครหนอ  โปรดบอกเราด้วยเถิด

        พระราชาได้สดับคำถามนั้นแล้ว ก็ทรงรู้ว่า คงไม่อาจปกปิดความจริงกับฤษีทั้งสองนี้ได้ จึงทรงวางหม้อน้ำลงแล้วตรัสว่า  ข้าพเจ้าเป็นพระราชาของชาวกาสี คนทั้งหลายเรียกว่า พระเจ้าปิลยักขราช  ทุกูลฤษีจึงกล่าวต้อนรับเชิญชวนให้เสวยผลไม้ และดื่มน้ำตามที่ประสงค์

        พระราชาครั้นได้สดับคำกล่าวต้อนรับที่ไพเราะรื่นหูก็ยิ่งสลดพระทัย ได้ตรัสถามว่าท่านทั้งสองมีจักษุบอด แล้วใครเล่าเป็นคนหาผลไม้มาคอยปรนนิบัติท่าน ทุกูลฤษีจึงตอบว่า ผลไม้เหล่านี้สามะหนุ่มน้อยบุตรของข้าพระองค์นำมาจากป่า ตอนนี้เขาไปตักน้ำ คงใกล้จะกลับมาแล้ว

        พระราชาจึงตรัสว่า ท่านฤษีโปรดจงให้อภัยข้าพเจ้าด้วยเถิด กุมารผู้งดงามที่คอยปรนนิบัติเลี้ยงดูท่าน บัดนี้ข้าพเจ้าได้ฆ่าเขาเสียแล้ว พระดำรัสของพระราชาเป็นประดุจสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อมของทุกูลฤษี ทำให้ฤษีไม่อาจกล่าวสิ่งใดออกมาได้ จึงได้แต่นิ่งงันอยู่อย่างนั้น

        ฝ่ายปาริกาฤษิณี เมื่อได้ยินพระดำรัสของพระราชาแล้ว ก็ตกใจแทบสิ้นสติ จึงรีบลุกจากที่นั่ง คลำเส้นเชือกเดินมาสู่บรรณศาลาของทุกูลฤษี พร้อมทั้งร้องถามด้วยความตกใจว่า “ท่านทุกูลบัณฑิต ท่านพูดอยู่กับใคร  เขาบอกว่าเขาได้ฆ่าสามะลูกของเราแล้ว เป็นความจริงหรือ”

        เมื่อไม่มีเสียงตอบใดๆ นางก็รู้ว่าถ้อยคำของบุรุษนี้เป็นความจริงแน่แล้ว ความเศร้าโศกก็พลันท่วมทับดวงใจ ได้แต่คร่ำครวญว่า  “ท่านทุกูละเอย ได้โปรดบอกความจริงแก่ดิฉันเถิด เพียงได้ยินว่า สามะกุมารนั้นถูกฆ่าเสียแล้ว  ดวงใจของฉันหวั่นไหวเหลือเกิน ไม่อาจทำให้สงบได้เลย 
 
        ...เมื่อได้ยินว่า สามะกุมารลูกของเราถูกฆ่าตาย หัวใจของดิฉันก็หวั่นไหว      ประดุจใบอ่อนของต้นโพธิ์ต้องแรงลม”  

        ทุกูลฤษีเมื่อจะให้โอวาทนางปาริกาฤษิณี จึงกล่าวขึ้นว่า “ดูก่อนปาริกา ท่านผู้นี้คือพระเจ้ากาสี พระองค์ทรงยิงสามะกุมารด้วยลูกศรอาบยาพิษที่ริมแม่น้ำมิคสัมมตาด้วยความโกรธ เราทั้งสองอย่าปรารถนาบาปต่อพระองค์เลย”

        ฝ่ายนางปาริกาได้กล่าวออกมาด้วยใจสุดโทมนัสว่า “สามะ เป็นลูกรักของเรา กว่าจะได้เขามานั้นยากยิ่งนัก ก็สามะมิใช่หรือที่คอยเลี้ยงดูเราทั้งสองผู้ตาบอดสนิทท่ามกลางป่าเช่นนี้ มาบัดนี้เขาถูกฆ่าเสียแล้ว ท่านจะไม่ให้ดิฉันโกรธต่อคนที่ฆ่าลูกคนเดียวของเราได้อย่างไร”

        “ปาริกาเอย  ...สามะแม้จะเป็นลูกรักของเรา กว่าจะเลี้ยงเขาให้เติบใหญ่ขึ้นมาได้นั้นยากยิ่งนัก และเขาก็คอยเลี้ยงดูเราทั้งสองผู้ตาบอดสนิทท่ามกลางป่านี้

        ... แต่ว่าแม้เขาจะถูกฆ่าเสียแล้ว เราก็ไม่ควรโกรธคนที่ฆ่าสามะ เพราะผู้ใดรักษาเมตตาจิตไว้ได้ ไม่หวั่นไหวไปด้วยอำนาจโทสะ ไม่โกรธตอบผู้ที่ประทุษร้ายบุตร บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญผู้นั้น”

        เมื่อได้ฟังถ้อยคำของทุกูลฤษีแล้ว ปาริกาฤษิณีก็ยอมรับฟังด้วยเหตุผล ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ได้แต่ประคองแขนร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ ทั้งพร่ำรำพันถึงคุณของพระโพธิสัตว์ว่า  “ดวงใจของแม่ เจ้ามาด่วนจากแม่ไปเสียแล้วหรือ จากนี้ไป ใครเล่าจะคอยปรนนิบัติพัดวีให้
 
        ...ทั้งน้ำฉันน้ำใช้ ใครจะเตรียมไว้คอยท่า มูลผลาผลในป่าใหญ่ใครหนอจะเป็นคนเที่ยวหามาให้  แต่ก่อนแต่ไรมา เจ้าไม่เคยละเลย เข้ามากราบที่เท้าทั้งสองของแม่ทั้งยามเช้ายามเย็น
 

        ...ต่อแต่นี้ไป เจ้าจะให้แม่เฝ้าชะเง้อคอยใครกัน  ลูกเอย หากไม่มีเจ้าเสียแล้ว แม่จะอยู่ได้อย่างไร” 
 

        ปาริกาฤษิณีพร่ำรำพันถึงลูกรักปานดวงใจจะแตกสลาย แม้ทุกูลฤษีก็เช่นกัน ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ต่างร้องไห้คร่ำครวญด้วยความโศกาอาดูร

        ฝ่ายพระเจ้าปิลยักขราช ได้เห็นภาพของฤษีทั้งสองแล้ว ก็รู้สึกสงสารยิ่งนัก ได้ทรงปลอบใจให้ทั้งสองคลายความโศกว่า “ขอผู้เป็นเจ้าทั้งสอง อย่าได้คร่ำครวญถึงสามะบุตรผู้ถึงพร้อมด้วยคุณความดี ว่าเขาถูกเราฆ่าตายเสียแล้ว แล้วใครจะเลี้ยงดูพวกเราเลย

        ...แม้จะสิ้นสามะแล้ว ข้าพเจ้านี่แหละจะขอเลี้ยงดูผู้เป็นเจ้าทั้งสองอยู่ในป่าใหญ่นี้เอง 

        ...ข้าพเจ้าไม่ต้องการราชสมบัติอะไรอีก แต่ข้าพเจ้าจะอาศัยอยู่กับท่านทั้งสองจะฆ่ามฤค และแสวงหามูลผลาผลในป่า นำมาเลี้ยงดูท่านทั้งสองมิให้ต้องกังวล”

        ทุกูลฤษีได้สดับพระดำรัสของพระราชาแล้ว ก็ทูลว่า “ขอถวายพระพรมหาบพิตร สิ่งนั้นไม่สมควรเลย การที่พระองค์ทรงทำการเลี้ยงดูเราทั้งสองนั้นไม่สมควรแก่เราเลย

        ...เพราะพระองค์เป็นพระราชา เป็นเจ้าเหนือหัวของพวกเรา จะทรงลดพระองค์ลงมาปรนนิบัติเลี้ยงดูอาตมาทั้งสองนั้นหาควรไม่ อาตมาทั้งสองขอถวายบังคมเบื้องพระยุคลบาทของพระองค์”

        เมื่อได้สดับถ้อยคำของทุกูลฤษีแล้ว พระเจ้าปิลยักขราชก็ทรงเลื่อมใสในฤษีทั้งสองอย่างยิ่ง ทรงดำริว่า “โอช่างน่าอัศจรรย์จริง ถ้อยคำหยาบคายแม้เพียงเล็กน้อยของฤษีทั้งสองนี้ไม่มีเลย

        ...ทั้งๆที่เราเองเป็นผู้ประทุษร้ายต่อท่านทั้งสอง แต่ท่านกลับยกย่องเรา มิได้คิดแค้นเคืองเราเลยแม้แต่น้อย”

        พระราชาทรงบังเกิดความเคารพเลื่อมใสในฤษีทั้งสอง ได้ตรัสว่า  “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ถ้อยคำของท่านช่างงดงามไพเราะ และเป็นอรรถเป็นธรรม

        ...ท่านผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรม เพียบพร้อมด้วยความถ่อมตน  ขอท่านจงเป็นบิดาของข้าพเจ้าด้วยเถิด  ข้าแต่ฤษิณี แม้ท่านก็จงเป็นมารดาของข้าพเจ้าเถิด ”

        แม้พระราชาจะตรัสถึงเพียงนี้ แต่ฤษีทั้งสองก็ประคองอัญชลี ทูลวิงวอนพระราชาว่า “ขอถวายพระพรมหาบพิตร พระองค์ไม่มีหน้าที่ที่จะเลี้ยงดูอาตมาทั้งสอง
 
        อาตมาทั้งสองขอความเมตตาจากพระองค์ ก็เพียงแต่ขอให้พระองค์ จงทรงถือปลายไม้เท้าของอาตมาทั้งสอง แล้วพาพวกเราไปหาสุวรรณสามด้วยเถิด เพียงเท่านี้ที่อาตมาทั้งสองจะน้อมขอจากพระองค์”  พระราชาได้สดับคำของฤษีทั้งสองแล้ว ก็ยิ่งซาบซึ้งในคุณธรรมของท่านยิ่งนัก แต่พระองค์จะตรัสประการใดอีกนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
 
โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 17ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 17

ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 18ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 18

ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 19ทศชาติชาดก เรื่องสุวรรณสาม ผู้ยิ่งด้วยเมตตาบารมี ตอนที่ 19



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก