ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 6


[ 12 พ.ค. 2550 ] - [ 18275 ] LINE it!
View this page in: 中文

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  เนมิราช   ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี  ตอนที่ 6

        จากตอนที่แล้ว ปุโรหิตได้กล่าววิงวอนพระฤษีสืบไปว่า ข้าพเจ้าจะทูลขออนุญาตพระราชาในวันนี้  ในวันพรุ่งนี้ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดมารับข้าพเจ้าด้วยเถิด ตอนสายปุโรหิตจึงรีบเข้าเฝ้าพระราชา  ทูลขอพระราชานุญาตออกบวช 

        ในวันรุ่งขึ้น เมื่อพระฤษีมาถึงเรือนแล้ว  ปุโรหิตได้ถวายภิกษาหารให้ท่านได้ขบฉันเสร็จแล้ว พระฤษีก็พาปุโรหิตเหาะไปป่าหิมพานต์ ได้จัดการบวชให้ปุโรหิตเป็นฤษีในวันนั้นนั่นเอง 
 
        เพียงไม่กี่วัน ฤษีปุโรหิตก็ได้ทำอภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘ ให้บังเกิดขึ้น แล้วนึกถึงคำปฏิญญาที่ได้ถวายไว้แก่พระราชา  จึงได้เหาะกลับมาสู่เมืองพาราณสีเพื่อเปลื้องปฏิญญานั้น พระราชาทรงเห็นเข้าก็จำได้ ทรงเกิดปีติโสมนัส ตรัสนิมนต์ให้เข้าสู่พระราชนิเวศน์  

        ทรงถวายอาหารอันประณีต พร้อมทั้งตรัสถามความเป็นอยู่ของพระฤษี เมื่อทราบความทั้งหมดแล้ว จึงตรัสบอกถึงความประสงค์ว่าทรงอยากจะถวายภิกษาหารแก่พระฤษีทั้งหมด จึงขอให้พระฤษีปุโรหิตเป็นธุระนิมนต์ฤษีทั้ง ๑๐,๐๐๐ ตนให้ด้วย

        พระฤษีปุโรหิตจึงทูลว่า ขอให้พระราชาจงเสด็จไปประทับอยู่ที่ ฝั่งแม่น้ำสีทา  แล้วจงถวายทานแก่ท่านเหล่านั้น ณ ที่นั้นเถิด  พระราชาก็ทรงรับคำ แล้วเสด็จนำไพร่พลไปตั้งค่ายหลวง ณ ริมฝั่งแม่น้ำสีทา  ได้ถวายภิกษาหารแด่พระฤษีทั้งหมดอยู่เช่นนั้น สิ้นกาลยาวนานถึงหนึ่งหมื่นปี

        ท้าวสักกะเทวราช เมื่อตรัสเรื่องในอดีตจบลงแล้ว จึงตรัสบอกพระเจ้าเนมิราชว่า  “พระเจ้าพาราณสีในกาลนั้นน่ะ ไม่ใช่ใครอื่นเลย นั่นคือหม่อมฉันเอง   หม่อมฉันเป็นผู้เลิศด้วยทานในครั้งนั้น  แต่หม่อมฉันนี่ก็ไม่สามารถก้าวล่วงกามภพไปบังเกิดในพรหมโลกได้

        ส่วนฤษีทั้งหมดผู้บริโภคอาหารทานของหม่อมฉันต่างหาก กลับก้าวล่วงกามาวจรภูมิ แล้วได้ไปบังเกิดในพรหมโลก  เพราะท่านเหล่านั้นบริสุทธิ์มากกว่าตัวหม่อมฉัน  ก็เพราะประพฤติพรหมจรรย์ตลอดชีวิตนั่นเอง 

        มหาบพิตร  พรหมจรรย์นี้แหละประเสริฐกว่าทาน    แต่แม้การประพฤติพรหมจรรย์จะมีผลานิสงส์มากกว่าทาน  แต่ธรรมทั้งสองนั้นเป็นสิ่งคู่กัน  ต้องไปด้วยกัน

        เพราะฉะนั้น พระองค์อย่าได้ทรงประมาทในธรรมทั้งสอง   จงบริจาคทานและรักษาศีล  ประพฤติพรหมจรรย์ให้ถึงพร้อมเถิด
   ตรัสฉะนี้แล้ว  จึงเสด็จกลับดาวดึงส์พิมาน

        ขณะนั้น  ทวยเทพในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กำลังประชุมกันอยู่ที่เทวสภา  เพื่อรอคอยการเสด็จมาของท้าวสักกเทวราช
  
        ครั้นพระองค์ปรากฏพระกายขึ้นในท่ามกลางมหาเทวสมาคมเท่านั้น  เหล่าเทวดาก็ทูลถามกันอื้ออึง  แต่ทุกตนล้วนถามประเด็นเดียวกันคือ ข้าแต่จอมเทวะ  พระองค์หายไปไหนมิได้ปรากฏ   พระองค์เสด็จไปที่ไหนมาหนอ  

        ท้าวสักกะตรัสเล่าถึงภารกิจที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นไป   พร้อมทั้งประกาศแก่เหล่าเทวดาทั้งหมดที่มาประชุมกันว่า  
  “ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย พระเจ้าเนมิราชเป็นมนุษย์ผู้ทรงธรรม  เป็นบัณฑิต 
พระองค์ผู้ทรงเป็นจอมราชาของชาววิเทหรัฐ  ทรงใช้กุศลธรรมเป็นอาวุธในการปราบปรามข้าศึก ทรงบำเพ็ญกุศล  ถวายทานเป็นอาจิณทั้งแด่สมณพราหมณ์ และแก่ยาจกวณิพกทุกคน  จนกระทั่งพระองค์ทรงสงสัยว่า ทานกับการประพฤติพรหมจรรย์อย่างไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากัน และเราก็ได้ถวายคำตอบให้แก่พระองค์ไปแล้ว ดังที่เล่าให้พวกท่านฟังแล้วไงล่ะ”

        ปวงเทวาต่างชื่นชมอนุโมทนาในบุญบารมีของพระเจ้าเนมิราช มีความประสงค์จะเห็นพระเจ้าเนมิราช  จึงกราบทูลท้าวสักกเทวราชว่า  “ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ  พวกข้าพระองค์อยากจะเห็นพระเจ้าเนมิราช ผู้เป็นอาจารย์ของพวกข้าพระองค์   เพราะพวกข้าพระองค์นั้นในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์ ก็ได้ตั้งอยู่ในโอวาทของท้าวเธอ  และเพราะได้อาศัยท้าวเธอ จึงทำให้พวกข้าพระองค์ได้มาเสวยทิพยสมบัติเช่นนี้   ขอจอมเทวะโปรดได้เชิญเสด็จพระองค์มา ณ ดาวดึงส์แดนสวรรค์นี้เถิด พระเจ้าข้า” 

        ท้าวสักกเทวราชทรงมีพระประสงค์จะทรงทำเทวดาเหล่านั้นให้สมหวัง และทรงพิจารณาเห็นว่าพระเจ้าเนมิราชมีบุญบารมีมากพอที่จะเสด็จขึ้นมาบนเทวโลกนี้ได้ด้วยกายเนื้อ    จึงมีเทวบัญชามายังมาตลีเทพสารถีให้เตรียมเวชยันตรถ เพื่อไปเชื้อเชิญพระเจ้าเนมิราช ผู้ครองกรุงมิถิลา ให้เสด็จขึ้นทิพยานนำมาสู่ดาวดึงส์ทิพยวิมานนี้

        ธรรมดา การที่มนุษย์จะไปสู่สวรรค์ได้นั้น  ก็ต่อเมื่อหลังจากที่ตายจากโลกนี้ไปแล้วเท่านั้น จึงจะไปสู่เทวโลกด้วยกายทิพย์ แต่ก็ต้องเป็นบุคคลที่ได้สั่งสมบุญเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว 

        แต่ในกรณีของพระเจ้าเนมิราชนี้   พระองค์เป็นบุคคลพิเศษที่มีความบริสุทธิ์กาย วาจา  และใจมาก และรักในการสั่งสมบุญบารมี  ประพฤติพรหมจรรย์อย่างยิ่งยวดจริงๆ จึงได้เสด็จไปสู่สวรรค์ได้ด้วยกายเนื้อ โดยที่มาตลีเทพสารถีนำเทวรถมุ่งตรงลงมารับพระองค์ยังมนุษยโลก 

        ก็ในวันนั้น เป็นวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ  พระเจ้าเนมิราชได้ทรงสมาทานรักษาอุโบสถศีลอยู่ตามปกติ  พระองค์ทรงเปิดสีหบัญชรด้านทิศตะวันออก  ประทับนั่งในพระตำหนัก   มีหมู่อำมาตย์ห้อมล้อมอยู่ 

        ในขณะที่พระองค์ทรงพิจารณาถึงความบริสุทธ์แห่งศีล ที่พระองค์ทรงประพฤติอยู่นั้น เวชยันตรถก็ปรากฏทางทิศใต้ และในขณะเดียวกันดวงจันทร์ก็ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าด้านทิศตะวันออก  ซึ่งทอแสงสว่างไสวกันคนละฟากทิศของพระนคร ดูช่างงดงามยิ่งนัก 

        ชาวเมืองพาราณสีเมื่อรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว ก็ออกมานั่งพูดคุยกันอยู่ที่นอกชานหน้าบ้านของตน  เมื่อเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว ต่างก็ตื่นเต้นชี้ชวนกันและกันให้มองดู พร้อมทั้งพูดว่า  “ดูนั่นซิ วันนี้มีพระจันทร์ขึ้นทางทิศใต้อีก ๑ ดวง”     

        ขณะนั้น  เวชยันตรถก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้  ทำให้ชาวเมืองมองเห็นอย่างชัดเจน แล้วจึงรู้ นั่นน่ะไม่ใช่ดวงจันทร์  แต่เป็นเวชยันตรถที่เทียมด้วยม้าสินธพประมาณพันตัว ซึ่งมีมาตลีเทพบุตรขับนำมา 

        มหาชนต่างตื่นเต้นออกจากบ้านเรือนของตนมาแห่แหนดูกันทั้งเมือง   ณ ตรงจุดที่เวชยันตเทวรถปรากฏนั้น เกิดสว่างเหมือนดังกลางวัน  เพราะอำนาจการทอแสงเรืองรองของดวงจันทร์  และรัศมีของเหล่าทวยเทพที่มารับพระเจ้าเนมิราช 
 
        ชาวเมืองต่างประจักษ์ว่า ทิพยานที่มาจากสวรรค์นี้มาเพื่อพระราชาผู้เป็นธรรมิกราชของพวกตนอย่างแน่นอน    พวกเขาก็ยิ่งร่าเริงกล่าวแซ่ซ้องสดุดีพระเจ้าเนมิราชกันด้วยความภาคภูมิใจว่า แม้แต่เทวรถจากสวรรค์ก็ยังมาเพื่อชื่นชมบารมีของพระองค์ ส่วนว่า เหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 7ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 7

ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 8ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 8

ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 9ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 9



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก