ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 11


[ 10 มิ.ย. 2550 ] - [ 18284 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  เนมิราช   ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี  ตอนที่ 11
 

        จากตอนที่แล้ว  มาตลีเทพสารถีได้นำพระเจ้าเนมิราชมายังอุสสุทนรกขุมที่ ๙ ชื่อว่า
พิลสนรก (พิ-ละ-สะ-นะ-รก) ได้ทอดพระเนตรนายนิรยบาลกำลังผูกคอสัตว์นรกดึงให้คอขาดด้วยเชือกเหล็กร้อนแล้วเอามีดเชือดเนื้อทำให้เป็นก้อนๆ วางไว้ เพราะอดีตได้เคยฆ่าวัว  ฆ่าควาย เป็นต้น หั่นเป็นชิ้นๆ วางไว้เพื่อขาย

        ขุมที่ ๑๐ มีชื่อว่า  โปราณมิฬหนรก (โป-รา-ณะ-มิน-ละ- หะ-นะ-รก)  พระเจ้าเนมิราชได้ทอดพระเนตรเห็นสัตว์นรกกำลังกินมูตรและคูถเป็นอาหารอันโอชะอยู่ เพราะในอดีตตอนเป็นมนุษย์ ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากมิตรสหาย แต่กลับขโมยเงินทองของมิตรสหายผู้แสนดีของตน 

        ขุมที่ ๑๑ มีชื่อว่า โลหิตปุพพนรก (โล-หิ-ตะ-ปุพ-พะ-นะ-รก) ได้ทรงเห็นสัตว์นรกเกิดในแม่น้ำใหญ่ที่เต็มไปด้วยเลือดและหนอง กำลังกินเลือดและหนองนั้น  เมื่อเลือดและหนองตกถึงท้อง ท้องก็ไหม้พาลำไส้พุ่งออกจากทางทวารเบื้องต่ำ  เพราะในอดีตเป็นมนุษย์ได้ทำร้ายมารดาบิดา  พระสงฆ์  และผู้มีพระคุณ  

        ขุมที่ ๑๒ ชื่อว่า โลหพฬิสนรก (โล-หะ-พะ-ฬิ-สะ นะ-รก) ได้ทรงเห็นนายนิรยบาลเอาคีมเหล็กดึงลิ้นของสัตว์นรกออกมา แล้วเอาเบ็ดเหล็กร้อนเกี่ยวลิ้น  ดึงให้ล้มลงบนแผ่นโลหะร้อน  แล้วเอาตะขอเหล็กร้อนสับที่ร่างของสัตว์นรกถลกหนังออกมาขึงไว้  เพราะอดีตตอนเป็นมนุษย์ชอบค้าขายคดโกง เช่นโกงตาชั่ง เป็นต้น 

        ขุมที่ ๑๓ ต่อมาชื่อว่า  สังฆาฏนรก มีลักษณะเป็นหลุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยถ่านเพลิง  มีเหล่าสัตว์นรกที่เป็นผู้หญิงหัวขาด  ทั่วทั้งตัวเปื้อนไปด้วยเลือดและหนอง แถมยังถูกภูเขาที่ลุกไหม้กลิ้งมาบดร่างให้แหลกละเอียด เพราะในอดีตชาติ  เป็นหญิงเจ้าชู้ นอกใจสามีของตน คบชู้กับชายอื่น

        เวชยันตรถยังคงนำพระเจ้าเนมิราชชมขุมนรกต่อไป จะรวดเร็วหรือจะชักช้านั้น อยู่ที่ใจของเทพสารถี  เพียงแค่นึกในใจเท่านั้น มันก็จะแล่นไปอย่างที่ใจปรารถนา  ซึ่งในเวลาต่อมา เทวรถนั้นก็นำพระเจ้าเนมิราชมาหยุดอยู่ ณ อุสสุทนรกขุมที่ ๑๔ มีชื่อว่า อวังสิรนรก (อะ-วัง-สิ-ระ-นะ-รก)

        อวังสิรนรกนี้ มีลักษณะเป็นบ่อใหญ่ สำหรับลงโทษสัตว์นรกชายที่ได้ล่วงเกินภรรยาของชายอื่น ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่บุคคลผู้เป็นสามีหวงแหน ทำความเสียอกเสียใจ และอับอายอย่างยิ่งให้แก่ผู้ที่ครองความเป็นเจ้าของ ได้ชื่อว่า เป็นผู้ขโมยสัมผัสร่างกายภรรยาของผู้อื่น
  
        กรรมที่สัตว์นรกเหล่านี้ได้รับนั้น คือ เหล่าสัตว์นรกกำลังถูกนายนิรบาลถืออาวุธไล่ล่าโดยกรรมบัญชาให้นายนิรยบาลจับเท้าสัตว์นรกนั้นแล้วโยนให้ตกลงในหลุมถ่านเพลิง  คล้ายกับนรกขุมที่ผ่านมา  คือต่อมา ก็จะถูกภูเขาเหล็กร้อนกลิ้งมาบดร่างให้แหลกละเอียดย่อยยับไป

        อันดับต่อมา เทวรถได้มาหยุดอยู่ที่อุสสุทนรกขุมที่ ๑๕  มีชื่อว่า โลหสิมพลีนรก (โล-หะ-สิม-พลี นะ-รก) ซึ่งเป็นนรกที่มีลักษณะเป็นป่าไม้งิ้ว  มีต้นงิ้วสูง  ๑  โยชน์  และหนามงิ้วนั้นยาว  ๑๖  นิ้วมือ  เป็นเหล็กแดงเพราะมีเพลิงลุกอยู่ 

        ต้นงิ้วบางต้น จะมีสัตว์นรกหญิงอยู่ที่ปลาย สัตว์นรกชายอยู่ที่โคนต้น  นายนิรยบาลก็เอาหอกหลาวเหล็กทิ่มแทงฝ่าเท้าสัตว์นรกชายให้ขึ้นไปหาสัตว์นรกหญิง 
 
            

        สัตว์นรกชายจำต้องตะเกียกตะกายปีนขึ้นไป  ก็โดนหนามแหลมร้อนของต้นงิ้วบาดครูดเอาทั่วทั้งตัว เจ็บปวดนักหนา  แถมต้นงิ้วก็ร้อนมีเปลวไฟไหม้ตัวสัตว์นรกชายอยู่  สุดแสนจะทรมาน 

        หากสัตว์นรกชายคิดจะปีนหนีลงจากต้นงิ้ว  ก็จะถูกนายนิรยบาลไล่ล่าทิ่มแทงอย่างไม่หยุดยั้ง  เมื่อสัตว์นรกชายปีนต้นงิ้วใกล้จะถึงสัตว์นรกหญิง  สัตว์นรกหญิงก็กลับมายืนอยู่ที่โคนต้นงิ้วนั่นเอง 

        นายนิรยบาลก็จะทำกับสัตว์นรกหญิงเหมือนสัตว์นรกชาย   คือไล่แทงสัตว์นรกหญิงให้ปีนขึ้นไป แต่เมื่อสัตว์นรกหญิงปีนต้นงิ้วเข้าไปใกล้สัตว์นรกชาย ก็กลับกลายเป็นสัตว์นรกชายได้มายืนอยู่ที่โคนต้นงิ้วแล้ว  สลับกันอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะหมดกรรม 

        มาตลีเทพสารถีได้ถวายรายงานว่า สัตว์นรกที่ต้องมาปีนต้นงิ้วหนามเหล็กร้อนนี้ เพราะบาปกรรมที่ทำไว้เมื่อตอนเป็นมนุษย์ ได้ประพฤตินอกใจคู่รัก เอาใจออกห่างจากคู่ครองของตน

        ถ้าเป็นหญิงก็เป็นประเภทที่หลงใหลชายชู้ ได้ทรัพย์มาจากสามีก็นำไปบำเรอชายอื่นที่ตนรัก ถ้าเป็นสัตว์นรกชายก็เคยทำกรรมมาในลักษณะเดียวกัน จึงต้องมารับกรรมอย่างสาสมอยู่ในที่นี้

        ผ่านจากนรกขุมนี้แล้ว เทวรถได้นำเสด็จพระเจ้าเนมิราชมาถึงขุมสุดท้ายที่ ๑๖  ชื่อว่า มิจฉาทิฐินรก แต่มิใช่มิจฉาทิฐิชนิดดิ่งสุดโต่งที่ทำบาปกรรมหนักหนาสาหัสสากรรจ์มาก เมื่อบาปยังไม่หนักพอที่จะส่งไปลงโลกันตนรก จึงต้องมาเสวยวิบากกรรมในนรกขุมนี้

        ส่วนอีกพวกหนึ่งนั้นเล่า ก็เป็นประเภทที่เคยไปโลกันตนรกมาก่อนแล้ว เมื่อกรรมเบาบางจึงมาเกิดอยู่ในอุสสุทนรกขุมนี้เช่นเดียวกัน

        ได้ประจักษ์แก่สายพระเนตรว่า  สัตว์นรกทุกตัวล้วนมีร่างกายพิลึกดูพิกล บางตนตัวเล็กหัวใหญ่ บางตนตัวใหญ่หัวเล็ก นิ้วมือนิ้วเท้าเป็นเหล็กแหลมโง้ง กำลังปีนกำแพงเหล็กร้อนเป็นไฟ หมกไหม้ร้องโหยหวนทุรนทุรายดูน่าเวทนายิ่งนัก

        เพราะในอดีตตอนที่เป็นมนุษย์ ได้เคยเป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นผิด กอปรกับได้ชักชวนคนอื่นให้เห็นผิดเช่นเดียวกับตน   จึงต้องมารับกรรมอยู่ในนรกขุมนี้
 
 

        ธรรมดามิจฉาทิฐิ คือความเห็นผิดนั้นมี  ๑๐ อย่าง  คือ
  • ข้อที่ ๑ เชื่อว่า ทานที่ให้ไปแล้วไม่มีผล 
  • ข้อที่ ๒ เชื่อว่า การบูชาไม่มีผล  
  • ข้อที่ ๓ เชื่อว่า การบวงสรวงไม่มีผล 
  • ข้อที่ ๔ เชื่อว่า การทำดีทำชั่วไม่มีผล   คือปฏิเสธกฎของเหตุผล
  • ข้อที่ ๕ เชื่อว่า มารดาไม่มีคุณ   
  • ข้อที่ ๖ เชื่อว่า บิดาไม่มีคุณ        
  • ข้อที่ ๗ เชื่อว่า สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบไม่มี   คือเห็นว่า ผู้ที่จะปฏิบัติธรรมจนสามารถบรรลุฌาน อภิญญา หรือจะสามารถบรรลุมรรคผลนิพพาน ทำกิเลสให้สิ้นไปได้นั้นไม่มี       
  • ข้อที่ ๘ เชื่อว่า สัตว์ผู้เกิดแบบโอปปาติกะ คือเกิดแล้วโตทันที เช่น สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดาและพรหมทั้งหลายไม่มี        
  • ข้อที่ ๙ เชื่อว่า โลกนี้ไม่มี คือปฏิเสธโดยรวมกันกับข้อที่ ๑๐ คือเมื่อเชื่อว่า ผู้ที่ไปเกิดในโลกหน้าไม่มี โลกนี้ก็ไม่มีสำหรับผู้ที่อยู่ในโลกหน้า
  • ข้อที่ ๑๐ เชื่อว่า โลกหน้าไม่มี  คือเชื่อว่าไม่มีนรก สรรค์ พรหม นิพพาน
        เพราะความเห็นผิดเช่นนี้  ประกอบกับบาปกรรมที่ตนทำไว้จึงต้องมาเสวยวิบากกรรม เร่าร้อน ทุรนทุรายอยู่อย่างทรมานยิ่งนัก ในอุสสุทนรกขุมมิจฉาทิฐิแห่งนี้ ส่วนว่า การเที่ยวชมสวรรค์ของพระเจ้าเนมิราชจะบันเทิงเบิกบานอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
 
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 12ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 12

ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 13ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 13

ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 14ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 14



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก