พรรณนาพุทธคุณหนุนส่งถึงนิพพาน


[ 15 ก.ย. 2557 ] - [ 18284 ] LINE it!

พรรณนาพุทธคุณหนุนส่งถึงนิพพาน

     ในชีวิตประจำวัน เราต้องมีการสื่อสาร พบพูดคุยกัน เพราะสังคมมนุษย์จะต้องอยู่ร่วมกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน บางครั้งในการพูดคุยสนทนา เราจะได้ข้อคิด มุมมองต่างๆ ที่เป็นทางออกที่ดี ข้อคิดบางอย่างเพียงไม่กี่คำ อาจพลิกผันชีวิตที่ตกต่ำให้กลับฟื้นขึ้นมาสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ เพราะวาจาที่ดีสามารถนำพาชีวิตไปสู่ความเจริญ ยิ่งถ้ามีวาจาสุภาษิต รู้จักกลั่นกรองถ้อยคำให้ดีก่อนพูด และพูดในสิ่งที่เป็นความจริง มีประโยชน์ ประกอบด้วยจิตเมตตา วาจาไพเราะและถูกกาลเทศะ ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จในชีวิตได้โดยไม่ยาก ซึ่งวาจาที่ดีงามล้วนออกมาจากใจที่งดงาม ดังนั้นเราควรจะฝึกฝนอบรมใจควบคู่ไปกับวาจา ชีวิตเราจะได้เจริญก้าวหน้ากันทุกคน

พระสุคันธเถระท่านได้กล่าวอานิสงส์ของการสรรเสริญพระพุทธคุณไว้ว่า

     “เรากล่าวสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า ว่ามีทั้งส่วนพระองค์ และที่เป็นประโยชน์แก่คนอื่น จึงเป็นผู้ประกอบด้วยปีติในพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เราจึงเป็นผู้มีความงดงาม เมื่อเรากล่าวสรรเสริญพระคุณ ชื่อว่าชมเชยพระผู้นำ ผู้ทรงชนะมาร ล่วงเสียซึ่งเดียรถีย์ ครอบงำเดียรถีย์ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น เราจึงเป็นผู้มีความรุ่งเรือง เมื่อเรากล่าวสรรเสริญพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อว่าทำพระองค์ให้เป็นที่รักของหมู่ชน เพราะฉะนั้น เราจึงเป็นผู้น่ารักน่าชื่นชม เหมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ฉะนั้น”

     การยกย่องชื่นชมบุคคลผู้ประเสริฐ บุคคลที่ควรบูชา เป็นทางมาแห่งมหากุศลใหญ่ กระทั่งสามารถอำนวยผลให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ เหมือนดังพระสุคันธเถระ ที่ท่านได้กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า จึงก่อให้เกิดบุญกุศลส่งเสริมสนับสนุนให้ท่านได้บรรลุพระอรหันต์ และในระหว่างที่เวียนว่ายตายเกิดเพื่อสั่งสมบุญบารมีนั้น ท่านประสบแต่ความสุขความสำเร็จในชีวิต เพราะอานิสงส์จากการสรรเสริญพระรัตนตรัย ที่ควรยกย่องสรรเสริญ และเคารพนบนอบมากที่สุดในภพสาม ไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่าการสรรเสริญพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นรัตนะอันประเสริฐสูงสุด บริสุทธิ์ที่สุด และเป็นที่พึ่งที่ปลอดภัยที่สุด เป็นที่ระลึกที่ให้ความอบอุ่นใจแก่เราได้

     การที่พวกเราเกิดมาได้อัตภาพเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา แม้ไม่มีโอกาสได้พบรูปกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยตาเนื้อ ไม่ได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ของพระพุทธองค์ แต่เราก็สามารถตามระลึกถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของพระองค์ได้ โดยผ่านทางการสวดมนต์สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ รวมไปถึงการเจริญสมาธิภาวนา เจริญพุทธานุสติ อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาลจะนับจะประมาณมิได้ย่อมบังเกิดขึ้นกับตัวเรา

     การทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธองค์แม้จะยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ หรือดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม ผลบุญก็ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เหมือนดังเรื่องของพระเถระผู้มีบุญท่านหนึ่ง  เรื่องของท่านมีอยู่ว่า

     * พระสุคันธเถระได้เสวยสุขที่เกิดจากการเข้านิโรธสมาบัติ จากนั้นท่านได้ระลึกชาติหนหลังไปดูภาพประวัติการสร้างบารมีในอดีต เพื่อจะได้รู้บุพกรรมที่เป็นสาเหตุให้ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์

     เมื่อระลึกชาติไปดูก็พบว่า ท่านได้สั่งสมบุญโดยผ่านพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ มามากมายหลายพระองค์ ครั้นมาในสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า กัสสปะ ท่านได้เกิดเป็นลูกมหาเศรษฐีในเมืองพาราณสี เที่ยวเดินเล่นไปตามสถานที่ต่างๆ จนถึงป่ามฤคทายวัน ท่านเห็นพระบรมศาสดาแสดงพระธรรมเทศนา เรื่องบทอมตธรรม ท่านฟังแล้วบังเกิดความศรัทธาเลื่อมใส จึงสละสมบัติทางโลก แล้วออกบวชเป็นพุทธสาวก ครั้นบวชแล้ว ท่านใฝ่ในการรํ่าเรียนทางด้านคันถธุระ ทำให้เป็นพหูสูต เป็นพระธรรมกถึก แตกฉานธรรมะในภาคปริยัติมาก

     ด้วยความที่เป็นพหูสูต และเป็นพระธรรมกถึกนั้น ทำให้ท่านสามารถกล่าวพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้าได้อย่างไพเราะเสนาะโสต ใครได้ยินได้ฟัง ต่างพากันเพิ่มความศรัทธาปสาทะในพระพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งอันที่จริงคุณของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีประมาณ กว้างใหญ่เกินกว่าที่จะเอาจักรวาลมาลิขิต แม้พระพุทธเจ้าด้วยกันเองจะพรรณนาคุณของพระพุทธเจ้าไปจนสิ้นกัปหนึ่ง ก็ยังไม่สามารถจะพรรณนาพระคุณได้หมดสิ้น

     เราลองมาติดตามศึกษาการพรรณนาคุณของพระสัมมาพุทธเจ้ากันว่า พระสุคันธเถระจะเอาความสามารถที่มีอยู่นั้น มากล่าวสรรเสริญได้อย่างไรบ้าง ท่านมีโอกาสพรรณนาพระคุณของพระศาสดาในท่ามกลางพุทธบริษัทบ่อยๆว่า

     “พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้เป็นพระขีณาสพ เป็นผู้ตื่นแล้วไม่มีทุกข์ ทรงตัดความสงสัยได้แล้ว ทรงถึงความสิ้นกรรมทุกอย่าง ทรงพ้นกิเลสแล้วเพราะธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอุปธิ

     พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้ เป็นผู้เบิกบานแล้ว ทรงแกล้วกล้าดุจสีหะ พระองค์เป็นผู้ประเสริฐยิ่ง ทรงประกาศธรรมจักรแก่โลก พร้อมทั้งเทวโลก ทรงฝึกพระองค์เองและทรงฝึกผู้อื่น ทรงสงบระงับเอง และทรงทำผู้อื่นให้สงบระงับ เป็นผู้ดับกิเลส เป็นมหาสมณะที่ทรงยังผู้อื่นให้ดับกิเลส เป็นผู้เบาพระทัย และทรงยังมหาชนให้เบาใจ ทรงมีความเพียร มีตบะ มีพระปัญญาอันไม่มีใครเสมอเหมือน

     พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณา ทรงมีความชำนาญ เป็นผู้มีชัยชนะ เป็นพระพิชิตมาร ไม่ทรงคะนอง ทรงหมดความห่วงใย เป็นผู้ไม่หวั่นไหว ไม่มีความหวาดกลัว เป็นนักปราชญ์บัณฑิต ไม่หลงใหล ไม่มีใครเทียมทัน เป็นมุนีมีปกตินำธุระไป ทรงอาจหาญแม้ในพวกครู ดังโคอุสภราช พระยาคชสาร และไกรสรสีหราช เป็นผู้ปราศจากราคะ โทสะ และโมหะ ปราศจากมลทิน ทรงหักเสียซึ่งข้าศึกคือกิเลส หมดเสี้ยนหนามคือโยคะ ปราศจากความเศร้าโศก ไม่มีใครเสมอเหมือน เป็นผู้ประเสริฐ บริสุทธิ์สะอาดหมดจด เป็นพราหมณ์ เป็นสมณะ เป็นนาถะ เป็นหมอผู้วิเศษ เป็นผู้กำจัดลูกศร เป็นนักรบ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่นทุกเมื่อ มีใจเบิกบาน ทรงยิ้มแย้มพระโอฏฐ์ ทรงทำการฝึกอินทรีย์ ถึงพร้อมด้วยจรณะอันยอดเยี่ยม ทรงเป็นผู้นำ ทรงเป็นผู้ประกาศโลกนี้ และโลกหน้าแก่สรรพสัตว์”

     นี่เป็นการกล่าวสรรเสริญพุทธคุณเพียงย่อๆ อันที่จริงพระเถระได้กล่าวไว้ในหลายวาระหลายโอกาส ซึ่งการกล่าวพรรณนาคุณแต่ละครั้งก็ไม่ซํ้ากัน ยกมาเพียงบางส่วนเท่านั้น ทีนี้เรามาดูถึงอานิสงส์ที่เกิดจากการพรรณนาพระพุทธคุณของท่านกันบ้าง ว่าจะส่งผลอันยิ่งใหญ่อย่างไร

     จากการมีโอกาสได้กล่าวสรรเสริญพระพุทธคุณในท่ามกลางพุทธบริษัทเนืองๆ ตลอดชีวิตของท่าน เมื่อจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ก็ได้เสวยสุขในสุคติสวรรค์ชั้นดุสิต ครั้นจุติจากดุสิตแล้วก็มาเกิดในมนุษย์ ท่านมีคุณสมบัติที่พิเศษ คือเป็นผู้มีกลิ่นปากหอม ลมหายใจหอมสดชื่น และกลิ่นกายของท่านก็หอมฟุ้งไปทั่วตลอดเวลา ท่านมีกลิ่นหอมคล้ายกับดอกไม้หลายชนิด เช่นดอกปทุม ดอกอุบล และดอกจำปา เป็นต้น และอานิสงส์ที่ท่านกล่าววาจางามเป็นปกติ ทำให้ท่านได้รูปกายที่งดงาม ทั้งหมดนี้เป็นผลแห่งการกล่าวสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า คุณของพระรัตนตรัย

     ทุกครั้งที่ท่านกล่าวสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย ท่านก็มีมหาปีติทุกครั้ง ชีวิตก็มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง อยู่ที่ไหนก็เป็นที่รัก เพราะท่านเป็นผู้น่ารักน่าชมเหมือนพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ และการที่ท่านสรรหาวาจามาชมเชยพระสุคตเจ้าอย่างเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ ท่านจึงมีปฏิภาณวิจิตร เหมือนท่านพระวังคีสะ เป็นผู้มีปัญญาเห็นแจ้งอรรถและธรรมอันละเอียดสุขุมลุ่มลึก กระทั่งได้บรรลุพระอรหัต นี้เป็นผลแห่งการรู้จักใช้วาจาในทางที่สร้างสรรค์ดีงาม

     อานุภาพบุญที่กล่าวมานี้ เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย และรู้จักใช้ปิยวาจากล่าวสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย มีอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่มาก จะเป็นเหตุให้เราได้บรรลุผลดังกล่าว จึงสมควรอย่างยิ่งที่เราจะหัดใช้วาจาสุภาษิต มีปิยะวาจาต่อกัน และยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ เป็นที่เคารพบูชาที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริง และให้หมั่นฝึกฝนอบรมใจให้บริสุทธิ์หยุดนิ่งไปด้วย เพื่อเราจะได้เข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระรัตนตรัยภายในตัว เราจะได้เป็นชาวพุทธที่สมบูรณ์เพราะได้เข้าถึงพระรัตนตรัย เพราะฉะนั้น ให้ตั้งใจทำใจหยุดใจนิ่ง ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยกันให้ได้ทุกๆ คน

 

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี

นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๗๒ หน้า ๒๐๔

 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ถึงพระรัตนตรัยได้ไปสวรรค์ถึงพระรัตนตรัยได้ไปสวรรค์

ผลแห่งการเข้าถึงพระรัตนตรัยผลแห่งการเข้าถึงพระรัตนตรัย

สัญญาแห่งความเลื่อมใสสัญญาแห่งความเลื่อมใส



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน