การให้เกียรติกัน


[ 16 ม.ค. 2560 ] - [ 18254 ] LINE it!

การให้เกียรติกัน

     โดยธรรมชาติแล้วคนเราทุกคนล้วนต้องการความภาคภูมิใจในตนเอง ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไรต่างหาความภาคภูมิใจจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งในชีวิตจนได้ เช่น ภมูิใจในฐานะ ชาติตระกูล การศึกษา หน้าที่การงาน คุณธรรม ความสามารถ รูปร่างหน้าตาของตน เป็นต้น แม้คนหน้าตาธรรมดาก็อาจมีความภูมิใจว่า ตนมีความงามในส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ฟันสวย ผมสวย เป็นต้น ความภาคภูมิใจนี้ก่อให้เกิดความมั่นใจในการดำรงชีวิต ดังนั้นจึงไม่มีใครปรารถนาที่จะคบหากับบุคคลที่ชอบใช้วาจาบั่นทอนความภาคภูมิใจ หรือทำลายเกียรติยศชื่อเสียงของผู้อื่น

     อาตมาภาพเคยรู้จักสามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นชาวจีนที่อพยพมาอยู่เมืองไทย ปกติภรรยาจะเป็นคนที่มีความเคารพ และให้เกียรติสามีมาก ถึงแม้ตัวเองจะเป็นคนเก่ง ทำมาค้าขายจนร่ำรวย แต่ก็คอยระมัดระวังไม่ให้สามีรู้สึกกระทบกระเทือนจิจใจที่ไม่ได้เป็นหลักในการสร้างฐานะของครอบครัว ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างสงบมาร่วมสี่สิบปีจนกระทั่งวันหนึ่ง ภรรยาได้ปรารภเรื่องที่ญาติทางเมืองจีนได้ติดต่อมาหาตน สามีกลับหัวเราะแล้วพูดว่า

     "จะมีอะไร ก็คงอยากได้เงิน ยากจนขนาดนั้น ให้ไปสักพัน สองพัน ขี้คร้านจะดีใจ"

     ภรรยาโกรธมาก คาดไม่ถึงว่าสามีจะดูแคลนญาติของตนเช่นนั้น จึงพูดประชดประชันสามีว่า ตัวเองร่ำรวยนักหรือ ถึงพูดอย่างนั้น แล้วก็เลยต่อว่ากันอีกยืดยาว

     คำพูดที่ทำลายเกียรติของผู้อื่นเพียงไม่กี่คำ ได้ทำให้ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่ร่วมกันมาสี่สิบปี เสียความรู้สึกที่ดี เสียศรัทธาต่อสามีได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     อีกกรณีหนึ่ง สำหรับคนที่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนทำบุญทำคุณกับใครไม่ขึ้น คือ ช่วยเขาแล้ว เขาไม่นึกถึงบุญคุณของเราอย่างที่หวังไว้ ทำให้รู้สึกน้อยใจ หมดกำลังใจที่จะทำความดี หรือช่วยเหลือใครๆอีก ทำให้เสียเพื่อน เสียมิตรเสียโอกาสดีๆในชีวิตไปอีกมากมาย

     การไตร่ตรองถึงสาเหตุของเรื่องนี้ เราควรพิจรณาดูตัวเราเองด้วยเช่นกันว่า การที่เรามีความรู้สึกว่า ตนเองเป็นคนทำบุญกับใครไม่ขึ้นนั้น เป็นเพราะเรามองเห็นแต่เกียรติของตนเอง แต่มองไม่เห็นเกียรติของผู้อื่นหรือเปล่า เพราะบางครั้งการที่เราได้ช่วยเหลือใครไป เรามักจะรู้สึกว่าตัวเราเป็นผู้ให้ จึงไม่ได้ระมัดระวังกิริยาวาจาเผลอแสดงท่าทางว่าเราเหนือกว่า แล้วก็ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม ทำนองยกตนข่มท่าน ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกไปในทางลบ เป็นการทำลายสายสัมพันธ์อย่างที่คนพูดเองคาดไม่ถึง เพราะคนเรานั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆคงไม่มีใครอยากบากหน้าไปขอความช่วยเหลือผู้อื่น การเอ่ยปากขอ ก็ทำให้รู้สึกด้อยค่ามากพออยู่แล้ว เมื่อมีคนมาแสดงท่าทางดูแคลน พูดจาข่มทับอีก ก็ยิ่งทำให้ไม่สบายใจ ความรู้สึกสำนึกบุญคุณจึงลดลง

     ตรงกันข้าม ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นพร้อมทั้งให้กำลังใจส่งเสริมให้เขามีความเชื่อมั่น ผู้ให้นั้นย่อมได้รับความเคารพยกย่องด้วยความจริงใจ

     จะเห็นได้ว่าการให้ความช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องทำด้วยความมีสติและด้วยน้ำใจชอง "ผู้ให้" จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องให้เกียรติกัน

     พระเจ้านโปเลียนมหาราช ผู้ก่อสร้างตัวจากสามัญชน จนได้เป็นจอมจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสเป็นผู้กอบกู้ประเทศฝรั่งเศส ให้กลับกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น อาณาเขตของประเทศฝรั่งเศสได้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวางจนพระเจ้านโปเลียนได้ชื่อว่าเป็นผู้เขียนแผนที่ประเทศในยุโรปใหม่ เคล็ดลับประการหนึ่งที่นำพระเจ้านโปเลียนไปสู่ความสำเร็จก็คือ การให้เกียรติคน เป็นที่ทราบกันดีว่า พระเจ้านโปเลียนไม่เคยลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณกับทุกคนที่ช่วยเหลือหรือรับใช้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครก็ตาม ทำให้พระองค์สามารถครองใจคนได้ประชาชนจึงมีความจงรักภักดีพร้อมจะทุ่มเททำงานให้อย่างเต็มที่ เต็มกำลัง

     ดังนั้นผู้ที่ปรารถนาจะประสบความสำเร็จในชีวิตจะละเลยจากการให้เกียรติคนไม่ได้เลย

 

     ในวงการธุรกิจก็เช่นกัน บริษัทใดที่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ให้เกียรติลูกน้องเท่าที่ควร คิดแต่ว่าตนเป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของบริษัทจะทำอะไรก็ได้ บางครั้งอารมณ์เสียจากที่อื่นแล้วกลับมาลงที่ลูกน้องบ้าง ปฎิบัติต่อลูกน้องไม่มีเหตุผลบ้าง ในที่สุดก็ย่อมต้องสูญเสียลูกน้องฝีมือดีๆไป เป็นการบั่นทอนความเจริญก้าวหน้าในกิจการของตนอย่างน่าเสียดาย ทั้งนี้เพราะลืมไปว่า เงินซื้อใจคนไม่ได้

     ใครที่มีปัญหาด้นมนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ญาติพี่น้อง ครอบครัว สามี ภรรยา ลองหันกลับมาสำรวจดูตัวเองเถอะว่า เราลืมให้ความสำคัญต่อการให้เกียรติกันบ้างหรือเปล่า



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ชาตินี้ ชาติหน้าชาตินี้ ชาติหน้า

จับดีเขา จับผิดเราจับดีเขา จับผิดเรา

เรื่องของคนขี้อวดเรื่องของคนขี้อวด



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ข้อคิดรอบตัว