เข็นครกขึ้นป.โท-ป.เอก


[ 30 ต.ค. 2561 ] - [ 18266 ] LINE it!

เข็นครกขึ้นป.โท-ป.เอก
ปริญญาตรีสมัยนี้ไม่พอแล้ว ต้องต่อโท ต่อเอก พูดดูง่าย แล้วเรียนจริงจะยากขนาดไหน

เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC



ปริญญาโทกับปริญญาเอก มีความแตกต่างกับปริญญาตรีมากน้อยเพียงใด?

          คนส่วนใหญ่จะคุ้นกับการเรียนแบบประถม มัธยม แล้วปริญญาตรี ต่างกับปริญญาโท ปริญญาเอกตรงที่ตั้งแต่เล็กอนุบาล ประถม มัธยม จนถึงปริญญาตรี เราเรียนในสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ เป็นองค์ความรู้มาแล้ว เรียนแบบฝ่ายรับ รับความรู้ที่เหมือนกับสำเร็จรูปมาแล้ว แค่ทำความเข้าใจ แล้วเอามาใช้งานให้ได้ แต่พอเข้าสู่ระดับบัณฑิตวิทยาลัย ไม่ว่าปริญญาโท หรือปริญญาเอก จะเป็นการเรียนแบบเชิงรุก สาระสำคัญของการเรียนระดับปริญญาโทปริญญาเอกคือ การทำวิจัยที่เรียกว่า วิทยานิพนธ์ ทำวิจัยเสร็จแล้วมาเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ การเรียนในห้องเรียนเพื่อให้มีความรู้เพิ่มขึ้นพอจะมาทำวิจัยได้เท่านั้น แต่ตัวชี้วัดคนเรียนปริญญาโทปริญญาเอกอยู่ที่คุณภาพของงานวิจัยว่าดีแค่ไหน โดยจะทำวิจัยได้ต่อเมื่อ มีคำถามบางอย่างเกิดขึ้น แล้วไม่มีใครในโลกที่ให้คำตอบเรื่องนี้ เราจะเป็นผู้สร้างความรู้ใหม่ให้โลกไม่ใช่เรียนองค์ความรู้ที่คนอื่นเขาสร้างไว้ แต่จะต้องต่อยอดให้ความรู้ใหม่กับโลก จะต้องมีการฝึกพัฒนาทักษะพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่ เหล่านี้คือความแตกต่างระหว่าง ปริญญาโท ปริญญาเอก กับปริญญาตรี 

การเรียนต่อปริญญาโท เพื่อต้องการปรับฐานเงินเดือนเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่?



          ต้องถามตัวเองว่าจะเรียนปริญญาโทเพื่ออะไร เช่น ความต้องการระดับพื้นผิว คือต้องการวุฒิ ปริญญาโท หรือปริญญาเอกมาประดับให้ดูดี โดยใช้ความรู้จากการเรียน ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเปลือกค่อนข้างมาก แต่อีกแบบหนึ่งคือ เรียนเพื่อจะเอาแก่น จะเอาความรู้ เน้นที่ความรู้ ใบปริญญาเป็นอันดับรอง ดังนั้นอย่าไปดูแค่เปลือกใบปริญญาให้ดูที่แก่น ถ้าคิดจะเรียนต่อ ต้องถามใจตัวเองว่าจะเรียนเพื่อเปลือก เพื่อเอาใบปริญญามาโชว์ มีความรู้เป็นของแถม หรือจะเรียนเพราะหวังจะได้ความรู้ เพื่อเอามาใช้ในการทำงาน ส่วนใบปริญญาที่ได้เป็นของแถมไปเป็นวัตถุประสงค์รอง ต้องแยกถามตัวเองให้ได้ก่อน

ประสบการณ์สมัยเรียนปริญญาเอกที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังจะเรียนต่อไป



          การเรียน ปริญญาโท ปริญญาเอก ต่างจากปริญญาตรี และมหาวิทยาลัยที่ดี จะเน้นให้ผู้เรียนมีทักษะในการหาข้อมูลในการคิดวิเคราะห์ (Analysis) และสรุปประมวลผล (Synthesis) ปริญญาโท ปริญญาเอก ไม่ได้เน้นที่ความรู้เพราะสามารถอ่านเองได้ เช่นเรื่องพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น ชั่วโมงแรกในห้องเรียนอาจารย์จะเขียนรายชื่อหนังสืออ้างอิง นักศึกษาจะต้องไปหาอ่านเอง แล้วอาจารย์จะสอนในเรื่องที่ท่านสนใจ ซึ่งจะสอนอย่างละเอียด เพื่อให้นักศึกษารู้วิธีการวิเคราะห์พระพุทธศาสนาแต่ละยุค ดังนั้นสิ่งที่อาจารย์ให้คือทักษะ ซึ่งเนื้อหาที่สอนขึ้นอยู่กับอาจารย์ว่าจะสอนเรื่องไหน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทักษะ เมื่ออกจากห้องเรียน นักศึกษาต้องรีบไปห้องสมุดหรือไปซื้อหนังสือมานั่งอ่านเพื่อให้รู้ภาพรวมทั้งหมด อาจารย์จะให้ในสิ่งที่หนังสือไม่มี จะสอนว่าต้องคิดอย่างนั้น วิเคราะห์อย่างนี้ แล้วทักษะนี้เอาไปใช้ได้ตลอดชีวิต ในการมองในการวิเคราะห์ปัญหา

          ดังนั้นจะเรียนปริญญาโท ปริญญาเอกให้เก่ง ต้องเรียนแบบแอคทีฟ เป็นผู้สร้างสรรค์องค์ความรู้ ตั้งหลักแล้วจัดสรรเวลาให้ดี โดยเฉพาะหากได้นั่งสมาธิเวลาเจอเรื่องยากจะแก้ไขได้ สมาธิจะเป็นอาวุธลับ ให้เราประสบความสำเร็จในการวิจัยได้อย่างดีที่สุด 

          

          ในระดับชั้นปริญญาตรี เป็นการศึกษาในลักษณะเชิงรับ คือครูบาอาจารย์จะถ่ายทอดความรู้แล้วเรารับความรู้นั้น ส่วนปริญญาโท และปริญญาเอก จะเป็นการศึกษาแบบเชิงรุก จะได้สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งการเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกนั้นเป็นการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ได้ฝึกคิดวิเคราะห์ในเชิงวิชาการ และที่สำคัญคือได้สร้างองค์ความรู้ ให้เกิดขึ้นแก่ประเทศชาติและสังคมนั่นเอง



รับชมคลิปวิดีโอเข็นครกขึ้น ป.โท - ป.เอก : ข้อคิดรอบตัว
ชมวิดีโอเข็นครกขึ้น ป.โท - ป.เอก : ข้อคิดรอบตัว   Download ธรรมะเข็นครกขึ้น ป.โท - ป.เอก : ข้อคิดรอบตัว





Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ประวัติศาสตร์ย้อนคิดประวัติศาสตร์ย้อนคิด

อาชีพหลักทางเลือกอาชีพหลักทางเลือก

หักหลังเขาแทงหลังเราหักหลังเขาแทงหลังเรา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ข้อคิดรอบตัว